ประสบการณ์การขอวีซ่าเยอรมันครั้งที่ 2

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ผมจะมาเล่าประสบการณ์การยื่นวีซ่าเยอรมันครั้งที่ 2 ค่อนข้างยาวนิดนึง
ผมเคยยื่นมาแล้วตอนไปแลกเปลี่ยนสมัยมัธยมปลายซึ่งโครงการดำเนินการให้ และไปยื่นเองครั้งแรกเมื่อปี 2012 ครับ

จะไม่ขอเล่าการเตรียมเอกสารใดๆทั้งสิ้น เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถหาได้ในเว็บของสถานทูต และละเอียดอยู่แล้ว
ประสบการณ์ที่ยื่นครั้งแรกและครั้งนี้แตกต่างกันอย่างพอสมควร

ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ประทับใจมาก เพราะผู้รับคำร้องเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย และเคยไปโครงการแลกเปลี่ยนเหมือนกัน คือตอนแรกผมก็ไม่รู้ พี่เขาบอกที่หลังตอนที่จะเอาใบไปจ่ายเงิน และรู้สึกว่าบริการดีเกินคาด ยิ้มแย้ม ตลกแหละครับ พูดง่ายๆ คืองงมากเพราะก่อนหน้านั้นอ่านใน pantip มีแต่คนบ่นการทำงานของเจ้าหน้าที่

พอปี 2016 ต่างกันสิ้นเชิง แสดงว่าครั้งแรกโชคดี จนหวังไว้สูงมาก 5555 ครั้งนี้ผิดคาดมากๆ คือผมไปยื่นกันทั้งหมด 6 คน แบ่งเป็นครอบครัวผมมีพ่อแม่และผม 3 คน เพื่อนแม่ 1 คน และป้าพี่สาวพ่อและลูกสาวของป้า รวมเป็น 2 คน = 6 คน คราวนี้เจ้าหน้าที่ตรงบัตรคิวให้กดบัตรคิวสองใบ และเข้าช่องละ 3 คน สรุปผมไม่ได้เข้าช่องกับพ่อแม่ เพราะพ่อบอกว่าให้ไปอยู่กับป้าและลูกพี่ลูกน้องผม เพราะเขาไม่รู้เรื่องแผนการเดินทาง คือผมเป็นคนทำเอง

พอเข้าไปสัมภาษณ์ผมได้ช่องเบอร์ 10 คือ เป็นห้องมีประตูปิด เจ้าหน้าที่เป็นพี่ผู้หญิงสวย แต่พอเธอทำหน้าสงสัยหน้าเธอหมดสวยไปเลย เสียงข้างนอกดังมาก หรือไม่ก็เจ้าหน้าที่พูดเบา ผมบอกเธอไปว่า ข้างนอกเสียงดังมากครับ เธอเลยให้ปิดประตู จากนั้นก็สัมภาษณ์วีซ่าปกติ เช่นไปทั้งหมดกี่วัน นอนเยอรมันกี่คืน ลงสนามบินไหน เคยไปประเทศไหนมาบ้าง เรียนอยู่หรือทำงาน ที่ไหนยังไง เธอเน้นย้ำมาก เลยตอบไปว่าปริญญาตรีปี 4 ครับ
เธอก็ถามว่ามายื่นกับใคร ก็บอกว่าพ่อแม่มาด้วยแต่อยู่อีกช่องนึง คือไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องคิ้วขมวด และทำหน้าสงสัยจัด เธอบอกทำไมไม่ให้พ่อแม่มายื่นพร้อมกัน ผมเลยบอกเธอไปว่า คือญาติผมเขาไม่รู้แผนการท่องเที่ยว ผมเลยมาเป็นเพื่อน ส่วนพ่อกับแม่รู้แผนการเที่ยวแล้ว เลยยื่นอีกช่องนึง เธอก็เลยหายขมวดคิ้ว

จากนั้นเธอถามผมว่า เคยโดนปฏิเสธวีซ่าไหม แต่ขอบอกตรงๆเลยครับ เสียงข้างนอกดังมากหรือเธอพูดเบากันแน่ ผมเลยตอบว่านอร์เวย์ เพราะเป็นทริปเชงเก้นล่าสุดที่ผมไปเที่ยวมา คือผมเข้าใจว่าเธอถามผมว่าไปเที่ยวมาล่าสุดที่ไหน แต่ผิดคาด เธอถามผมกลับว่าทำไม ผมเลยถามว่าอะไรนะครับ เธอเลยตอบกลับว่าเคยโดนปฏิเสธวีซ่าไหม ผมเลยบอกอ้อ ไม่เคยครับ

สรุปเธอก็ใจดีนะ แต่หน้าเธอไม่เป็นมิตรเลย คือผมถามย้ำเธอบ่อยมากว่าอะไรนะครับ แต่เธอไม่แสดงอาการรำคาญออกมา 55555 คือเสียงข้างนอกมันดังจริงๆ แล้ววันนี้คนมายื่นวีซ่ารออยู่นอกห้องเยอะมาก นอกจากนี้ตอนแสกนลายนิ้วมือผมก็เบลอด้วย เพราะนอนน้อย ใครพูดอะไรจะงงๆเอ๋อๆ นิ้วก้อยข้างขวาผมไม่ชัด เธอบอกว่าให้วางนิ้วก้อยอย่างเดียว ผมวางนิ้วนาง เธอบอกว่านิ้วก้อยค่ะ แล้วผมก็วางอีกทีให้มันดังตึ๊ดแล้วยกนิ้วขึ้น เธอบอกว่าอย่าพึ่งยกนิ้วขึ้นค่ะ น้ำเสียงเธอโอเค ไม่มีอาการเหวี่ยงออกมา

หลังจากนั้นลูกพี่ลูกน้องผมก็มาสัมภาษณ์หลังจากผม โดนเจ้าหน้าที่ตำหนิด้วยว่าทำไมไม่ศึกษาแผนการเดินทางว่าไปที่ไหน 555 เพราะญาติผมบอกว่าผมเป็นคนจัดทริป แล้วเค้าจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามีเวลาก่อนยื่นทำไมไม่อ่านดูว่าจะไปไหนบ้าง

ส่วนป้าผมสัมภาษณ์คนสุดท้าย โดนเรื่องเอกสารรับรองการทำงาน เธอบอกว่าทำไมขอเป็นภาษาไทยมา คือผมและพี่ขอเป็นภาษาอังกฤษมาไงครับ เธอบอกว่าฝรั่งอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง คืออันนี้แหละที่ผมข้องใจนิดหน่อย เธอจะมาเหวี่ยงทำไม ในเมื่อวีซ่าท่องเที่ยวเยอรมัน สามารถใช้เอกสารการทำงานเป็นภาษาไทยได้ โชคดีที่ป้าผมบอกว่าหลานเคยไปเยอรมันบอกว่าวีซ่าท่องเที่ยวใช้เอกสารเป็นภาษาไทย คงไม่เป็นอะไรนะคะ เธอก็เลยเลิกมุ่งเป้าที่ประเด็นนี้ และให้ป้าผมเขียนชื่อที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ในใบรับรองการทำงานภาษาไทย

สรุป 1 จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ใครจะไปยื่นวีซ่าเยอรมัน ผมขอแนะนำว่า ต้องรู้ขอบเขตการทำงานของสถานทูต คือต้องแม่นในกฎระเบียบมากๆ คืออย่าให้เจ้าหน้าที่มาพูดจาหาเรื่องอะครับ ต้องตอกกลับไปเลยว่าในเว็บเขียนไว้แบบนี้ เป็นต้น อย่างผมอะเคยขอมาแล้ว คือเจ้าหน้าที่ไม่มาพูดหรือถามแบบสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้วเช่นทำไมใช้เอกสารภาษาไทยอะไรแบบนี้ ยอมรับในความฉลาดของเจ้าหน้าที่นะครับ คือมองปุ๊บพอรู้เลยว่าคนที่มายื่นรู้เรื่องอะไรมาบ้าง ถือแม้เราจะทำถูกกฎทุกอย่าง แต่เหมือนเค้าจะวัดเราว่าแบบเรารู้ไหม ประมาณนี้ครับ

ส่วนพ่อกับแม่และเพื่อนแม่ ได้คิวสัมภาษณ์ช่อง 9 เป็นพี่ผู้ชายขาวๆ พ่อบอกว่าใจดีไม่ถามอะไรมาก ในที่สุดแล้วแต่ว่าจะได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่คนไหน แล้วแต่ดวงแหละครับ ใครไปขอวีซ่าเยอรมันก็ขอให้ได้เจ้าหน้าที่ที่ไม่ต้องวัดเชาว์ปัญญาอะไรมาก

สรุป 2 ประสบการณ์ยื่นวีซ่าเยอรมันสนุกดี แต่แอบรำคาญเวลาเจ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว ข้อดีของวีซ่าเชงเก้นเยอรมันคือถูกมาก เพราะไม่มีค่าธรรมเนียมผ่านตัวแทน VFS หรือ TLS เหมือนวีซ่าเชงเก้นประเทศอื่นๆ และออกวีซ่าให้เร็ว ค่าทำวีซ่าวันนี้ 2300 บาท และค่าส่งไปรษณีย์ 130 บาท เป็น 2430 บาท เทียบกับนอร์เวย์ ค่าทำวีซ่า 2500 บาท ค่าดำเนินการรับคำร้องออนไลน์ 800 บาท ค่าส่ง EMS อีก 200 บาท รวมเป็นประมาณ 3500 บาท แพงกว่า 1000 แต่บริการดีมาก เจ้าหน้าที่พูดจาดี ไม่เหวี่ยง เพราะเป็น outsource แถมได้วีซ่าเร็วเหมือนกัน 3 วันเท่านั้น ส่วนวีซ่าอเมริกา 5900 กว่าบาท รวมส่งไปรษณีย์แล้ว เจ้าหน้าที่สถานทูตใจดีบริการดีมาก ฝรั่งที่สัมภาษณ์วีซ่าก็เป็นมิตร ยิ้มแย้มดี

จริงๆถ้าเจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมันที่ไทย บริการดีเหมือนเจ้าหน้าที่เยอรมันที่ Rathaus ผมว่าจะดีกว่านี้ เพราะราคาก็ถูกกว่าทีอื่น และออกวีซ่าให้เร็วมาก ตอนผมอยู่เยอรมัน ผมต้องมาต่อวีซ่าระยะยาวที่ Rathaus เจ้าหน้าที่เป็นมิตร บริการดีมาก ชวนคุยขำๆ พอจะกลับมาอยู่ไทยต้องมา abmelden เจ้าหน้าที่บอกว่าภาษาเยอรมันผมดีมาก สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยน แล้วก็ถามว่าเป็นไงบ้าง มีความสุขไหม ประมาณนี้ ไม่รู้ที่เจ้าหน้าที่ไทยบริการแบบนี้เพราะเป็นนโยบายของสถานทูตหรือเป็นที่ตัวเจ้าหน้าที่เอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่