จากเหมยถึงกาสะลอง จากท่านโกวเล้งถึงท่านยิ่งลักษณ์ ( การต่อสู้ของอภิสิทธิ์ )

ท่านที่เคารพรักครับ ช่วงเวลาแห่งความบันเทิงจากนี้ไป เป็นเรื่องการต่อสู้ของท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ และการต่อสู้ของคุณอภิสิทธิ์  
ซึ่งปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า  การพยายามลากให้ฝ่ายหนึ่งมีความผิดมันเหนื่อยแล้ว   ปัญหามันอยู่ที่ว่า การพยายามลากอีกฝ่ายหนึ่งออกจากความผิด มันเหนื่อยยิ่งกว่าหลายเท่านัก แต่ก่อนที่ข้าพเจ้าจะอภิปรายลงลึกไปในรายละเอียดของการต่อสู้นั้น  ข้าพเจ้าต้องขออนุญาตต่อสมาชิกทุกท่าน เพื่อพูดถึงประโยคหนึ่งก่อนเพื่อเป็นการเกริ่นนำที่ว่า

หยดน้ำตาคือการแสดงออกแห่งความทุกขเวทนาอาดูร สูญเสียไปจนจำพรากก็จริง  แต่น้ำตาที่หลั่งออกมาด้วยความปลื้มปิติ ก็มีจำนวนไม่น้อยหยดและหยาดไปกว่ากันเลย  

และน้ำตาอย่างหลังนี้  มักจะมีเสียงหัวเราะตามมา  ซึ่งเรียกกันแบบหยอกเอินว่า  หัวเราะทีหลัง ดังกว่า ซึ่งหากพูดตามสำนวนกำลังภายในของท่านโกวเล้ง  ก็คงพูดได้ว่า  แม้แต่เสียงหัวเราะของคนในยุทธจักร  ยังแสดงออกถึงตัวตน ตีแผ่ถึงก้นบึ้งของจิตใจ

เช่น คิก คิก    เหอ เหอ เคี๊ยก เคี๊ยก

ที่ผ่านมาในสำนวนกำลังภายใน ไม่มี เจี๊ยกๆ คริ คริ แต่อย่างใดก็หาไม่  ยิ่ง หุ หุ ยิ่งไม่มี แต่ แหะ แหะ อาจจะเคยมีบ้าง

เมื่อจะพูดถึงการต่อสู้  ซึ่งข้าพเจ้าขอกล่าวถึงก่อนว่า การเมืองในยุคนี้นานมากแล้วที่ “ ดาวสภา “ ไม่มีแจ้งเกิด  
แต่กลับมี “ แกนนำ “ แจ้งเกิดคนแล้ว คนเล่า  เหตุการณ์นี้ไม่ปรกติอย่างแน่นอน   เพราะฝ่ายหนึ่งลาออกจากนักการเมือง
จากรัฐมนตรีไปเป็นแกนนำม็อบ   แต่อีกฝ่ายหนึ่ง  จากแกนนำม๊อบ มาเป็น นักการเมืองมาเป็นรัฐมนตรี

เรื่องราวรายละเอียดของ ดาวสภา และ แกนนำ  แม้เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย แต่ก็นำมาใช้วิเคราะห์ถึงร่มเงาภายใต้การทำงานของคุณอภิสิทธิ์
และท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ได้  ทำให้เห็นถึงทิศทางว่าฝ่ายใดที่เป็นปึกแผ่นและฝ่ายใดที่กำลังรวนเรเสียขบวน เสียศูนย์ ต้องนำไปถ่วงล้อ

เพราะปรกติแล้ว ดาวสภามักแจ้งเกิดจากพรรค ปชป  แต่ที่ผ่านมา  กลับไม่มีดาวสภาดวงใหม่แจ้งเกิด  มีแต่การแย่งเก้าอี้ ปาแฟ้ม
สร้างความรุนแรงจากสภาไปสู่ถนน

ท่านที่เคารพรักครับ  สภาวะปัจจุบัน ที่สังคมเต็มไปด้วยสิ่งเลวร้ายนานัปการ  ทั้งในรูปแบบที่เปิดเผยและซ่อนเร้น คนหนุ่มคนสาวจำนวนมาก
พูดถึงการต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีกว่า  ธรรมดาแล้ว เรามักจะมองว่า การต่อสู้เป็นเรื่องภายนอกตัว

แท้จริงแล้ว การต่อสู้ไม่เฉพาะมีอยู่แต่ภายนอกเท่านั้น  แต่ยังมีการต่อสู้กับภายในอีกด้วย

การต่อสู้ภายในจัดเป็นพื้นฐานอันดับแรกของการต่อสู้  ก่อนที่จะออกไปต่อสู้กับภายนอก ที่กล่าวเช่นนี้เพราะว่าในตัวเรา
ยังมีอุปสรรคหลายอย่าง ที่ต้องต่อสู้ เรายังมีความกลัว ความอ่อนแอ ยังมีทิฐิมานะ ยังมีอุปาทานอยู่ภายใน

สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้กับภายนอก  ภาพรวมแล้ว การต่อสู้ภายในก็คือ บรมสัจธรรมของศาสนา ที่กาลเวลาไม่อาจย่ำยีได้

ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ กำลังต่อสู้กับภายนอก ต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง  ท่านใช้ธรรมะเข้าข่ม
ซึ่งเป็นวิถีทางทีถูกต้องของบุคคลที่เป็นศาสนิกชนที่นับถือศาสนาพุทธ นั่นคือการออกจากกองทุกข์ด้วยความเพียรแสวงธรรม

แต่สำหรับอภิสิทธิ์ กลับหลงทาง เพราะที่แท้จริงและถูกต้องนั้น   อภิสิทธิ์ควรจะต่อสู้กับภายในจิตใจตนเอง  ที่เต็มไปด้วยความกลัว  

กลัวการเป็นทหาร  กลัวการแพ้การเลือกตั้ง และล่าสุดอุ่นๆนี้ ก็คือกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคอีกต่อไปครับ


    ฝนตกมาคราร้อน ยังรู้หนาว
ร้อนรนใจไปยาว ก็ไร้ค่า
ยิ่งทุกข์ร้อนยิ่งเยียบเย็น เหลือคณา
ชีวิตคนเกิดมา วิบากกรรม    

  เมื่อสู้ก็ซึ่งถึงที่สุด
  อย่าให้ความเป็นมนุษย์ นั้นตกต่ำ
กล่าวโทษทุกอย่างว่า  ปูกระทำ
แล้วถ้อยคำเลิศหรู เชิดชูตน

ฝนจะชะล้างใจ เพียงไหนหนอ
คนใจแล้งไม่พอ กับน้ำฝน
ร้อนแล้งหนาว เกิดอยู่ใน หัวใจคน

  เหมือนไม่อาจจะผ่านพ้น ไปได้เลย

.....................................

  ขอน้อมคารวะครับพี่ๆทุกๆท่านที่นับถือและระลึกถึงเสมอมาครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่