หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR][SR] “ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 10 กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์
กระทู้รีวิว
สนามบิน
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
Backpack
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน
ตอนที่ 10 กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์
พอถึงสนามบินมะนิลา ตางคนก็ต่างลง ถึงสนามบิน มะนิลา ถูกบังคับให้เดินตามป้าย จนถึงทางออก ผู้คนออกันอยู่ที่นั่งรอด้านนอกที่สะอาดนั่งพื้นได้ มีห้องน้ำให้ด้วยมีคนนอนอยู่มากมาย เราจึงถือโอกาสนอนด้วยตอนนั้น 02.30 น. พอตีสี่ก็มีการทำความสะอาด ทุกคนต้องลุกย้ายออกไปนอกพื้นที่ วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2558 : ป้าไปขอแผนที่และถามสายรถที่จะไปสถานีรถไฟ จนท.ถามว่าเราจะไปไหนเราบอกว่าเราจะไปเหนือและไปใต้ของเกาะลูซอน แต่เธอจะขายโรงแรมอย่างเดียว ก็ยังดีที่เธอบอกเราว่า มีรถเมล์สาย 8 ไปสถานีรถไฟ ฝนตกตลอด เราเดินออกไปนอกสนามบินยืนรอที่จอดรถประจำทาง มียามยืนอยู่ใส่เสื้อกันฝนคลุมตั้งแต่หัวมีรองเท้าโผล่อย่างเดียว ยืนนิ่งเหมือนหุ่น กว่าเราจะเอาเสื้อกันฝนออกมาก็ตัวชื้นแล้ว
เราขอข้อมูลและต่างคนต่างซักกัน ยืนเป็นชั่วโมงก็ไม่มีรถ จนคนอื่นไปหมดแล้ว ยามก็พยายามช่วย ถามรถชัตเติล ก็ไม่ผ่าน ในที่สุดยามก็ถามว่า ไปรถ jeepney ได้ไหม ป้าบอกว่าได้สิ เขาจึงช่วยโบกรถและสั่งคนขับให้ ที่แท้รถบัสในมะนิลาเป็นรถของคนอีกระดับหนึ่ง ราคา 20 เปโซ เขาจึงกลัวว่าเราจะรังเกียจที่จะนั่งรถจี๊ปนี่ในราคา 8 เปโซ และเป็นรถสำหรับคนท้องถิ่น คนขึ้นลงตลอด ในฟิลิปปินส์รถวิ่งด้านขวา
รถจี๊ปนี่มี 3 ขนาดขนาดใหญ่ยาวจุคนได้ 40 ที่เรานั่งเป็นขนาดกลางจุคนได้เต็มที่ 20 แต่ก็มีคนยอมนั่งคุกเข่าเพราะรีบเดินทาง ขนาดเล็กจุได้ไม่เกิน 10 คน ฝนตกแฉะไปทั้งเมือง ที่ที่เราลงเป็นปลายทาง มะนิลาไม่มีรถไฟมีแต่ MRT และ LRT เราเพิ่งรู้ว่า ที่ฟิลิปปินส์ การรถไฟไม่ได้มีรถบริการแล้ว เราต้องเดินทางโดยรถบัส การไปเที่ยวในมะนิลาใช้บริการMRT กับ LRT ซึ่งวิ่งเหนือดิน
ที่สถานี Taft ซึ่งเป็นสถานี MRT มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำการณ์อยู่หลายคน พอรู้ว่าเราเป็นชาวต่างชาติ พวกเขาก็เข้ามารุมกันใหญ่ แต่มีเพียง Gudayan Fi Ferdz เท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับเราได้ เขาแนะนำให้เราไปขึ้นรถ LRT ที่สถานี Edsa ไปลงรถที่สถานี U.N. ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทำเนียบมะลากันยัง เมื่อเราบอกว่า เราต้องการนั่งรถไฟไปเหนือสุด และใต้สุดของเกาะลูซอน เขาบอกเราว่า การรถไฟของฟิลิปปินส์ไม่มีบริการต่างเมือง มีเฉพาะในตัวเมืองมะนิลาที่ให้บริการ MRT และ LRT ถ้าจะไปต่างเมืองต้องนั่งรถบัส ถ้าจะไปสายเหนือให้ไปขึ้นรถที่ Cubao แต่ถ้าจะไปใต้ให้เดินลงไปข้างล่าง แล้วเลี้ยวซ้าย มีรถไฟ Sorsagon ออกทั้งวัน
เราเดินไปที่สถานี Edsa ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่รักษาการณ์สาวให้นั่งรถ LRT สาย 1 จากสถานี Edsa ไปลงที่สถานี Doroteo Jose แล้วเปลี่ยนเป็นสาย 2 ที่สถานี Recto ไป 1 สถานีไปลงที่สถานี Legarda แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปทำเนียบมะลากันยัง (Malacanang) ทางผ่านเป็นมหาวิทยาลัยพยาบาล และศาสนา ฟิลิปปินส์เป็นประเทศส่งออกพยาบาลมากที่สุดในโลก เพราะพยาบาลฟิลิปปินส์พูดภาษาอังกฤษได้
ถนนรอบทำเนียบห้ามถ่ายรูป มีทหารอยู่ทุกที่และมีรถทหารวิ่งเป็นระยะ เรานั่งรถจี๊ปไปลงที่ตลาดมูรอส เดินไปที่โบสถ์ลาบาซานเพื่อต่อรถไปที่ Intramuros โดยได้รับการช่วยเหลือครั้งแรกจากชายคนหนึ่ง ที่เดินมาถามเรื่องเสื้อกันฝนที่ป้าแขวนในเต๊นท์ข้างถนน ที่อยู่หน้าโบสถ์ถัดจากทำเนียบ พอลงรถแล้วได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัว Guillamon คุณ Shylena Donna กับ Zymon Ace และชายหนุ่มอีกคนที่มาทีหลัง เดินไปส่งขึ้นรถจี๊ปนี่ ที่หน้าโบสถ์ Labasan และฝากฝังคนขับรถ ให้จอดส่งเราที่ Intramuros ฝนยังคงตกต่อเนื่อง เราเดินเลี้ยวขวาตามป้ายไปที่ป้อมซานติอาโก้ (Santiago) มีรถม้า และรถสามล้อแบบถีบรอให้บริการ
ผู้คนเบาบาง จากป้อมซานติอาโก้ เรากลับออกไปที่เดิม เดินข้ามถนนไปมหาวิหารแห่งมิลาน มหาวิหารเซนต์ออกัสติน ซึ่งอยู่ในระหว่างการฉลองครบรอบ 440 ปี ในขณะที่เซนต์ออกัสติน ได้อยู่ที่นั่น 445 ปี แล้วไปต่อที่ประตูเมืองเก่าซึ่งมีกำแพงหลงเหลือให้เห็น รอให้ฝนหยุดก็ไม่หยุด จึงเดินกลับไปรอที่เดิมตอนลงรถ เพื่อขึ้นรถจี๊ปนี่กลับไปสถานีตั๊ฟท์ หารถบัสไป Sorsogon เมืองที่อยู่ใต้สุดของเกาะลูซอน
เด็กขี่สามล้อที่มาชวนเรานั่งรถเขาไปเที่ยว รู้ว่าเราจะไปที่ท่ารถที่จะต่อไป Sorsogon มีน้ำใจโบกรถจี๊บนี่ให้พร้อมส่งเราขึ้นรถ ป้าเห็นหนุ่มท่าทางจะรู้เรื่องขึ้นมานั่งตรงข้าม จึงถามหาท่ารถ แต่เขาไม่รู้เรื่องเขาถามคนขับรถซึ่งบอกว่าเขารู้ และจะส่งเราที่ท่ารถ เขาจอดรถและบอกให้เราลงตรงเชิงสะพาน เราต้องเดินข้ามถนนทั้งๆ ที่ฝนตกหนักและรถที่วิ่งผ่านก็ไม่ชะลอ น้ำกระเซ็นถูกกางเกง พอไปถึงท่ารถถามคนก็ไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าไม่ใช่แน่ๆ เป็นแค่ท่ารถออกนอกเมือง
ป้าเห็นมีรถไฟแล่นผ่านด้านบน จึงถามเขาว่า MRT หรือ LRT เขาบอกว่าเป็น LRT สาย 2 ต้องเดินไปที่สถานี โดยข้ามถนนตรงเชิงสะพานอีกด้านหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นสถานี Central ส่วนรถเป็น LRT สาย 1 ไปสถานี Edsa ได้ เราจึงขึ้นไปจ่ายค่ารถคนละ 20 เปโซ ขึ้นไปถ่ายรูปด้านหน้าเพราะได้ยืนหลังคนขับ มีผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นเรียกให้ป้าไปนั่ง ป้าคิดว่าเธอจะลงจึงนั่งลงและขอบคุณเธอ พอดีผู้หญิงที่นั่งถัดไปชวนคุยตลอดทาง เธอบอกว่างานฉลองตัวแทนแอมเวย์เพิ่งผ่านไป มีตัวแทนจากประเทศไทยเป็นคู่สามี ภรรยา ที่ช่างหาเรื่องตลกมาเล่า ตลอดการฉลอง ทำให้คนอื่นๆ หัวเราะได้ตลอด เธอชวนให้ป้าไปบ้านด้วยกัน เราลงสถานีเดียวกัน เธอคุยจนถึงสถานีที่ลง
มารู้ทีหลังว่า คนที่ลุกให้นั่งนั่งลงข้างป้าตอนที่มีคนอื่นลุกไปแล้วเพราะลุงบอก น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสคุยกับเธอ ลงจาก LRT แล้ว กว่าจะออกจากสถานีได้ก็รปภ.ที่ฟังภาษาอังกฤษแล้วสื่อสารไม่ได้กักเราไว้ แล้วเอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่ที่ขายตั๋ว จนกระทั่งคนขายตั๋วว่างจากการขายตั๋วหน้าเคาน์เตอร์หันมาถาม เราจึงได้ออกจากสถานี Edsa
พอออกไปได้ก็มีอาการหลงทิศ หาทางไปสถานี Taft ไม่เจอ พอดีเห็นวัยรุ่นท่าทางเป็นนักเรียน ม.ปลาย ชาย 1 หญิง 2 เดินผ่านจึงถามหาทางไป MRT เพื่อหาทางไปท่ารถที่จะไป Sorsogon พอเด็กๆ รู้ว่าจะไป Sorsogon พวกเขาออกอาการตื่นเต้น ตาเป็นประกาย บอกว่า เป็นสุดยอดของความใฝ่ฝัน ว่าจะไปให้ได้สักครั้งในชีวิต เราจึงคิดว่า เราคิดถูกแล้วที่จะไปที่นั่น เราไม่ได้ถามว่า เพราะอะไร เด็กๆ อยากคุยต่อ แต่เรารีบ จึงบอกลาเด็กๆ
มาติดอยู่ที่ทางเข้า ทางออกที่วนไป วนมาของสถานีตั๊ฟท์อีกพักใหญ่ พอลงมาข้างล่างได้ก็เดินเข้าไปหาห้องน้ำในห้าง ออกมาฝนยังตกหนัก ลุงจึงให้ป้ายืนรออยู่ที่หน้าห้าง ส่วนลุงไปหารถแล้ววิ่งกลับมาบอกว่า รถจะออกบ่าย 3 ตอนนั้นเหลือเวลาอีก 5 นาที ลุงวิ่งนำหน้า มีคนวิ่งนำหน้าป้า พาวิ่งไปหารถที่ออกไปแล้ว เขาพาไปที่ซื้อตั๋ว แล้วเรียกค่าบริการ ป้าให้เหรียญไป 9 เหรียญ ยังไปเรียกจากลุงอีก ลุงดุให้เพราะความจริงลุงพาป้าไปเองได้อยู่แล้ว เราคิดว่าเป็นเด็กท่ารถ จึงยอมให้เขาวิ่งประกบ ที่แท้เขาเป็นพวกหากินนอกรอบ ซึ่งมีอยู่มากมายในกรุงมะนิลา
ชื่อสินค้า:
มะนิลา ฟิลิปปินส์
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 11 ซอร์โซกอน ฟิลิปปินส์
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 11 ซอร์โซกอน ฟิลิปปินส์ ค่ารถไปซอร์โซกอนคนละ 600 เปโซ รถออกเวลา15.30 น. จอดไปตลอดทาง คนขับจอดหลับเป็นระยะ ผู้โด
ป้ากับลุง
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 12 ภูเขาไฟมายน ดารากา ฟิลิปปินส์
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 12 ภูเขาไฟมายน ดาราก้า (Daraga) อัลเบ (Albay) ฟิลิปปินส์ วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2558 : ออกจากที่พักเวลา 07.30 น. เดิ
ป้ากับลุง
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอน21 ฮิเมจิ มรดกโลก ญี่ปุ่น Himeji, Japan
ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 21 Himeji มรดกโลก จาก อ่าว Kobe เรานั่งรถไฟท้องถิ่นไปปราสาท Himeji ที่เมือง Himeji เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของญี่ป
ป้ากับลุง
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 13 ปุตราจายา มาเลเซีย - กลับไทยสรุปค่าใช้จ่าย
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 13 ปุตราจายา มาเลเซีย สรุปทริป สรุปค่าใช้จ่าย วันอังคารที่ 22 ธันวาคม 2558 พอไปถึงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เอา
ป้ากับลุง
ตอนที่ 13 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - รถไฟฟ้า ETS วิ่งถึงสถานีรถไฟหาดใหญ่
บทความทุกตอน................. บทความก่อนหน้าคลิกที่นี้.................... ตอนที่ 13 หาดใหญ่สงขลากับหมุดการท่องเที่ยวระดับโลก - รถไฟฟ้า ETS วิ่งถึงสถานีรถไฟหาดใหญ่ ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเ
chuk007
วาร์ปตะลุยเดี่ยว Intramuros, Manila กับช่วงเวลารอ transit ครึ่งวัน 1 คืน
Mabuhay !! มาบู้เฮ่ ท่านผู้อ่านทุกๆท่านคร้าบ พบกับผมนายทิวเมฆจะมาเล่าประสบการณ์ผจญภัยสุดบันเทิงในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างการ transit ไฟล์ทระยะเวลาสั้นๆ เป็นเวลาครึ่งวันกับอีก 1 คืนครับ โ
Bullsmoon
ทำไมระบบขนส่งมวลชนของสิงคโปร์เค้าถึงเชื่อมต่อกันได้สะดวกมากๆครับ
รถไฟแต่ละสายก็เปลี่ยนสายกันแบบไม่ต้องแตะบัตรใหม่ให้เสียเงิน ลงรถไฟก็เป็นป้ายรถเมล์ มีหลังคากันฝน หรือบางสถานีก็เป็นเหมือนขนส่ง มีรถเมล์หลายสายมากๆ สายรถเมล์ก็ดูง่ายไม่งง แผนที่ก็ใช้รูปแบบเดียวกันหมดไม
สมาชิกหมายเลข 5447246
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 5 สุราบายา อินโดนีเซีย
“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 5 สุราบายา รถออกจากนาวี่ตอนตีหนึ่งไปถึงสุระบายาหลังตี 2 เล็กน้อย ที่นั่นเราได้อาบน้ำสระผมแล้วนั่งรถซิตี้บัส ค
ป้ากับลุง
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติ Plitvice
การเดินทางไป อุทยานแห่งชาติ Plitvice Lakes (Plitvička Jezera) ในประเทศโครเอเชีย ถือว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลสาบสีฟ้าใส น้ำตกสวย และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ (จน
สมาชิกหมายเลข 4239295
โดนป้าแม่ค้าไล่ที่ บนรถไฟ พอลุกให้ ก็พูดไม่ดี เมาท์กันสนุกปากกับเพื่อนที่เป็นป้าสูงอายุวัยเดียวกัน
เมื่อวานขึ้นรถไฟ ลงสถานีมักกะสัน ขึ้นมา ไม่มีใครเลย ก็นั่งตู้ที่มีที่นั่งเป็นเก้าอี้ไม้ สักพักเริ่มมีป้าๆขึ้นมา ยกของขายขึ้นมาโครตเยอะ เป็นพวกผัก และอื่นๆสักพักก็มีป้าคนนึง เขาเอาของขึ้นตรงหน้าต่างที่
สมาชิกหมายเลข 8279329
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
สนามบิน
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
Backpack
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR][SR] “ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 10 กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์
ตอนที่ 10 กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์
พอถึงสนามบินมะนิลา ตางคนก็ต่างลง ถึงสนามบิน มะนิลา ถูกบังคับให้เดินตามป้าย จนถึงทางออก ผู้คนออกันอยู่ที่นั่งรอด้านนอกที่สะอาดนั่งพื้นได้ มีห้องน้ำให้ด้วยมีคนนอนอยู่มากมาย เราจึงถือโอกาสนอนด้วยตอนนั้น 02.30 น. พอตีสี่ก็มีการทำความสะอาด ทุกคนต้องลุกย้ายออกไปนอกพื้นที่ วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2558 : ป้าไปขอแผนที่และถามสายรถที่จะไปสถานีรถไฟ จนท.ถามว่าเราจะไปไหนเราบอกว่าเราจะไปเหนือและไปใต้ของเกาะลูซอน แต่เธอจะขายโรงแรมอย่างเดียว ก็ยังดีที่เธอบอกเราว่า มีรถเมล์สาย 8 ไปสถานีรถไฟ ฝนตกตลอด เราเดินออกไปนอกสนามบินยืนรอที่จอดรถประจำทาง มียามยืนอยู่ใส่เสื้อกันฝนคลุมตั้งแต่หัวมีรองเท้าโผล่อย่างเดียว ยืนนิ่งเหมือนหุ่น กว่าเราจะเอาเสื้อกันฝนออกมาก็ตัวชื้นแล้ว
เราขอข้อมูลและต่างคนต่างซักกัน ยืนเป็นชั่วโมงก็ไม่มีรถ จนคนอื่นไปหมดแล้ว ยามก็พยายามช่วย ถามรถชัตเติล ก็ไม่ผ่าน ในที่สุดยามก็ถามว่า ไปรถ jeepney ได้ไหม ป้าบอกว่าได้สิ เขาจึงช่วยโบกรถและสั่งคนขับให้ ที่แท้รถบัสในมะนิลาเป็นรถของคนอีกระดับหนึ่ง ราคา 20 เปโซ เขาจึงกลัวว่าเราจะรังเกียจที่จะนั่งรถจี๊ปนี่ในราคา 8 เปโซ และเป็นรถสำหรับคนท้องถิ่น คนขึ้นลงตลอด ในฟิลิปปินส์รถวิ่งด้านขวา
รถจี๊ปนี่มี 3 ขนาดขนาดใหญ่ยาวจุคนได้ 40 ที่เรานั่งเป็นขนาดกลางจุคนได้เต็มที่ 20 แต่ก็มีคนยอมนั่งคุกเข่าเพราะรีบเดินทาง ขนาดเล็กจุได้ไม่เกิน 10 คน ฝนตกแฉะไปทั้งเมือง ที่ที่เราลงเป็นปลายทาง มะนิลาไม่มีรถไฟมีแต่ MRT และ LRT เราเพิ่งรู้ว่า ที่ฟิลิปปินส์ การรถไฟไม่ได้มีรถบริการแล้ว เราต้องเดินทางโดยรถบัส การไปเที่ยวในมะนิลาใช้บริการMRT กับ LRT ซึ่งวิ่งเหนือดิน
ที่สถานี Taft ซึ่งเป็นสถานี MRT มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำการณ์อยู่หลายคน พอรู้ว่าเราเป็นชาวต่างชาติ พวกเขาก็เข้ามารุมกันใหญ่ แต่มีเพียง Gudayan Fi Ferdz เท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับเราได้ เขาแนะนำให้เราไปขึ้นรถ LRT ที่สถานี Edsa ไปลงรถที่สถานี U.N. ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทำเนียบมะลากันยัง เมื่อเราบอกว่า เราต้องการนั่งรถไฟไปเหนือสุด และใต้สุดของเกาะลูซอน เขาบอกเราว่า การรถไฟของฟิลิปปินส์ไม่มีบริการต่างเมือง มีเฉพาะในตัวเมืองมะนิลาที่ให้บริการ MRT และ LRT ถ้าจะไปต่างเมืองต้องนั่งรถบัส ถ้าจะไปสายเหนือให้ไปขึ้นรถที่ Cubao แต่ถ้าจะไปใต้ให้เดินลงไปข้างล่าง แล้วเลี้ยวซ้าย มีรถไฟ Sorsagon ออกทั้งวัน
เราเดินไปที่สถานี Edsa ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่รักษาการณ์สาวให้นั่งรถ LRT สาย 1 จากสถานี Edsa ไปลงที่สถานี Doroteo Jose แล้วเปลี่ยนเป็นสาย 2 ที่สถานี Recto ไป 1 สถานีไปลงที่สถานี Legarda แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปทำเนียบมะลากันยัง (Malacanang) ทางผ่านเป็นมหาวิทยาลัยพยาบาล และศาสนา ฟิลิปปินส์เป็นประเทศส่งออกพยาบาลมากที่สุดในโลก เพราะพยาบาลฟิลิปปินส์พูดภาษาอังกฤษได้
ถนนรอบทำเนียบห้ามถ่ายรูป มีทหารอยู่ทุกที่และมีรถทหารวิ่งเป็นระยะ เรานั่งรถจี๊ปไปลงที่ตลาดมูรอส เดินไปที่โบสถ์ลาบาซานเพื่อต่อรถไปที่ Intramuros โดยได้รับการช่วยเหลือครั้งแรกจากชายคนหนึ่ง ที่เดินมาถามเรื่องเสื้อกันฝนที่ป้าแขวนในเต๊นท์ข้างถนน ที่อยู่หน้าโบสถ์ถัดจากทำเนียบ พอลงรถแล้วได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัว Guillamon คุณ Shylena Donna กับ Zymon Ace และชายหนุ่มอีกคนที่มาทีหลัง เดินไปส่งขึ้นรถจี๊ปนี่ ที่หน้าโบสถ์ Labasan และฝากฝังคนขับรถ ให้จอดส่งเราที่ Intramuros ฝนยังคงตกต่อเนื่อง เราเดินเลี้ยวขวาตามป้ายไปที่ป้อมซานติอาโก้ (Santiago) มีรถม้า และรถสามล้อแบบถีบรอให้บริการ
ผู้คนเบาบาง จากป้อมซานติอาโก้ เรากลับออกไปที่เดิม เดินข้ามถนนไปมหาวิหารแห่งมิลาน มหาวิหารเซนต์ออกัสติน ซึ่งอยู่ในระหว่างการฉลองครบรอบ 440 ปี ในขณะที่เซนต์ออกัสติน ได้อยู่ที่นั่น 445 ปี แล้วไปต่อที่ประตูเมืองเก่าซึ่งมีกำแพงหลงเหลือให้เห็น รอให้ฝนหยุดก็ไม่หยุด จึงเดินกลับไปรอที่เดิมตอนลงรถ เพื่อขึ้นรถจี๊ปนี่กลับไปสถานีตั๊ฟท์ หารถบัสไป Sorsogon เมืองที่อยู่ใต้สุดของเกาะลูซอน
เด็กขี่สามล้อที่มาชวนเรานั่งรถเขาไปเที่ยว รู้ว่าเราจะไปที่ท่ารถที่จะต่อไป Sorsogon มีน้ำใจโบกรถจี๊บนี่ให้พร้อมส่งเราขึ้นรถ ป้าเห็นหนุ่มท่าทางจะรู้เรื่องขึ้นมานั่งตรงข้าม จึงถามหาท่ารถ แต่เขาไม่รู้เรื่องเขาถามคนขับรถซึ่งบอกว่าเขารู้ และจะส่งเราที่ท่ารถ เขาจอดรถและบอกให้เราลงตรงเชิงสะพาน เราต้องเดินข้ามถนนทั้งๆ ที่ฝนตกหนักและรถที่วิ่งผ่านก็ไม่ชะลอ น้ำกระเซ็นถูกกางเกง พอไปถึงท่ารถถามคนก็ไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าไม่ใช่แน่ๆ เป็นแค่ท่ารถออกนอกเมือง
ป้าเห็นมีรถไฟแล่นผ่านด้านบน จึงถามเขาว่า MRT หรือ LRT เขาบอกว่าเป็น LRT สาย 2 ต้องเดินไปที่สถานี โดยข้ามถนนตรงเชิงสะพานอีกด้านหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นสถานี Central ส่วนรถเป็น LRT สาย 1 ไปสถานี Edsa ได้ เราจึงขึ้นไปจ่ายค่ารถคนละ 20 เปโซ ขึ้นไปถ่ายรูปด้านหน้าเพราะได้ยืนหลังคนขับ มีผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นเรียกให้ป้าไปนั่ง ป้าคิดว่าเธอจะลงจึงนั่งลงและขอบคุณเธอ พอดีผู้หญิงที่นั่งถัดไปชวนคุยตลอดทาง เธอบอกว่างานฉลองตัวแทนแอมเวย์เพิ่งผ่านไป มีตัวแทนจากประเทศไทยเป็นคู่สามี ภรรยา ที่ช่างหาเรื่องตลกมาเล่า ตลอดการฉลอง ทำให้คนอื่นๆ หัวเราะได้ตลอด เธอชวนให้ป้าไปบ้านด้วยกัน เราลงสถานีเดียวกัน เธอคุยจนถึงสถานีที่ลง
มารู้ทีหลังว่า คนที่ลุกให้นั่งนั่งลงข้างป้าตอนที่มีคนอื่นลุกไปแล้วเพราะลุงบอก น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสคุยกับเธอ ลงจาก LRT แล้ว กว่าจะออกจากสถานีได้ก็รปภ.ที่ฟังภาษาอังกฤษแล้วสื่อสารไม่ได้กักเราไว้ แล้วเอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่ที่ขายตั๋ว จนกระทั่งคนขายตั๋วว่างจากการขายตั๋วหน้าเคาน์เตอร์หันมาถาม เราจึงได้ออกจากสถานี Edsa
พอออกไปได้ก็มีอาการหลงทิศ หาทางไปสถานี Taft ไม่เจอ พอดีเห็นวัยรุ่นท่าทางเป็นนักเรียน ม.ปลาย ชาย 1 หญิง 2 เดินผ่านจึงถามหาทางไป MRT เพื่อหาทางไปท่ารถที่จะไป Sorsogon พอเด็กๆ รู้ว่าจะไป Sorsogon พวกเขาออกอาการตื่นเต้น ตาเป็นประกาย บอกว่า เป็นสุดยอดของความใฝ่ฝัน ว่าจะไปให้ได้สักครั้งในชีวิต เราจึงคิดว่า เราคิดถูกแล้วที่จะไปที่นั่น เราไม่ได้ถามว่า เพราะอะไร เด็กๆ อยากคุยต่อ แต่เรารีบ จึงบอกลาเด็กๆ
มาติดอยู่ที่ทางเข้า ทางออกที่วนไป วนมาของสถานีตั๊ฟท์อีกพักใหญ่ พอลงมาข้างล่างได้ก็เดินเข้าไปหาห้องน้ำในห้าง ออกมาฝนยังตกหนัก ลุงจึงให้ป้ายืนรออยู่ที่หน้าห้าง ส่วนลุงไปหารถแล้ววิ่งกลับมาบอกว่า รถจะออกบ่าย 3 ตอนนั้นเหลือเวลาอีก 5 นาที ลุงวิ่งนำหน้า มีคนวิ่งนำหน้าป้า พาวิ่งไปหารถที่ออกไปแล้ว เขาพาไปที่ซื้อตั๋ว แล้วเรียกค่าบริการ ป้าให้เหรียญไป 9 เหรียญ ยังไปเรียกจากลุงอีก ลุงดุให้เพราะความจริงลุงพาป้าไปเองได้อยู่แล้ว เราคิดว่าเป็นเด็กท่ารถ จึงยอมให้เขาวิ่งประกบ ที่แท้เขาเป็นพวกหากินนอกรอบ ซึ่งมีอยู่มากมายในกรุงมะนิลา
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น