แนะสร้างแนวกั้นยาว 40กม. ตั้งแต่ปากพนัง-หัวไทร แก้ปัญหาคลื่นซัดแนวชายฝั่งนครศรีธรรมราช
คลื่นยักษ์ยังซัดแนวชายฝั่งนครศรีธรรมราช สร้างความเสียหายต่อเนื่อง ผู้นำท้องถิ่นแนะยึดแหลมตะลุมพุกเป็นต้นแบบแก้ไข ด้วยการสร้างแนวกั้นยาว 40 กิโลเมตร ป้องกันบ้านเรือนทรัพย์สินเสียหาย
กรณีคลื่นยักษ์ในทะเลอ่าวไทยพัดถล่มแนวชายฝั่งถนนทางหลวง 4013 ปากพนัง-หัวไทร อย่างต่อเนื่องช่วงเกือบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายจนแทบสัญจรไปมาไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากที่ถือโฉนดที่ดิน ต้องเสียสิทธิ์การครอบครองที่ดินตามเอกสารสิทธิ์ของตัวเองไปโดยปริยาย สร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนกลายเป็นคำพูดที่ว่า “โฉนดทะเล”หลายครอบครัวต้องสิ้นเนื้อประดาตัว จนต้องรวมตัวตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ “ทวงคืนโฉนดทะเล” และยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 59 ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์คลื่นยักษ์ที่พัดพถล่มแนวชายฝั่งปากพนัง-หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ลมที่พัดกระโชกจะเบาบางลงกว่า 2 วันก่อนเล็กน้อย และความสูงของคลื่นลดลงเหลือประมาณ 2 เมตร แต่ยังคงสร้างปัญหาให้พื้นที่หลายจุด โดยบริเวณตั้งแต่สามแยกทุ่งกังหันลม ริมถนน 4013 เลียบชายทะเลปากพนัง-หัวไทร ถึงโรงแรมซีเค รีสอร์ท หมู่ 3 ต.บางพระ คลื่นได้พัดถล่มแนวชายหาดอย่างหนัก ประกอบกับน้ำทะเลหนุนจึงไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะร้านอาหาร “มาตะเว่อ” ซึ่งไม่สามารถขนย้ายข้างของหนีน้ำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลื่นยักษ์ที่พัดถล่มได้หอบมวลน้ำจำนวนมหาศาล เข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว จนผู้ประกอบการร้านอาหาร บ่อกุ้ง บ่อปลา ในละแวกข้างเคียงไม่คาดไม่ถึงว่าน้ำจะไหล่บ่าท่วมพื้นที่รวดเร็วขนาดนั้น ส่งผลให้บ่อกุ้ง บ่อปลาถูกน้ำท่วมจนมิดกุ้ง ปลาในบ่อหนีออกจนเกลี้ยงคิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ในส่วนของถนน 4013 ปากพนัง-หัวไทร เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของบ้านเรือนของประชาชน นายสมชาย สกุณา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.แหลมตะลุมพุก ปัญหาคลื่นพัดถล่มแนวชายฝั่งปากพนัง-หัวไทร แก้ได้ด้วยการสร้างแนวคันกั้นคลื่นเหมือนแหลมตะลุมพุก ที่ผ่านมาหากเกิดคลื่นยักษ์ทางราชการจะรีบอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เป็นอันดับแรก แต่หลังจากสร้างแนวคันกั้นคลื่นระยะทาง 2 กิโลเมตร เมื่อ 3 ปีก่อน สามารถแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี ทุกวันนี้ชาวบ้านแหลมตะลุมพุกที่อยู่หลังแนวคันกั้นคลื่น ไม่ต้องอพยพหลบหนีทิ้งบ้านเรือนอีกต่อไป ตนคิดว่าการแก้ไขปัญหาแนวชายฝั่งทั้งหมดตั้งแต่ปากพนัง-หัวไทร ระยะทาง 60 กม. โดยเหลือในส่วนที่ยังไม่มีแนวคนกั้นคลื่นจริง ๆ ประมาณไม่เกิน 40 กม. หากสร้างแนวคันกั้นคลื่นเหมือนที่แหลมตะลุมพุกจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน.
แนะ สร้างแนวกั้นยาว 40กม. ตั้งแต่ปากพนัง-หัวไทร แก้ปัญหาคลื่นซัดแนวชายฝั่งนครศรีธรรมราช
คลื่นยักษ์ยังซัดแนวชายฝั่งนครศรีธรรมราช สร้างความเสียหายต่อเนื่อง ผู้นำท้องถิ่นแนะยึดแหลมตะลุมพุกเป็นต้นแบบแก้ไข ด้วยการสร้างแนวกั้นยาว 40 กิโลเมตร ป้องกันบ้านเรือนทรัพย์สินเสียหาย
กรณีคลื่นยักษ์ในทะเลอ่าวไทยพัดถล่มแนวชายฝั่งถนนทางหลวง 4013 ปากพนัง-หัวไทร อย่างต่อเนื่องช่วงเกือบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายจนแทบสัญจรไปมาไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากที่ถือโฉนดที่ดิน ต้องเสียสิทธิ์การครอบครองที่ดินตามเอกสารสิทธิ์ของตัวเองไปโดยปริยาย สร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนกลายเป็นคำพูดที่ว่า “โฉนดทะเล”หลายครอบครัวต้องสิ้นเนื้อประดาตัว จนต้องรวมตัวตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ “ทวงคืนโฉนดทะเล” และยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 59 ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์คลื่นยักษ์ที่พัดพถล่มแนวชายฝั่งปากพนัง-หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ลมที่พัดกระโชกจะเบาบางลงกว่า 2 วันก่อนเล็กน้อย และความสูงของคลื่นลดลงเหลือประมาณ 2 เมตร แต่ยังคงสร้างปัญหาให้พื้นที่หลายจุด โดยบริเวณตั้งแต่สามแยกทุ่งกังหันลม ริมถนน 4013 เลียบชายทะเลปากพนัง-หัวไทร ถึงโรงแรมซีเค รีสอร์ท หมู่ 3 ต.บางพระ คลื่นได้พัดถล่มแนวชายหาดอย่างหนัก ประกอบกับน้ำทะเลหนุนจึงไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะร้านอาหาร “มาตะเว่อ” ซึ่งไม่สามารถขนย้ายข้างของหนีน้ำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลื่นยักษ์ที่พัดถล่มได้หอบมวลน้ำจำนวนมหาศาล เข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว จนผู้ประกอบการร้านอาหาร บ่อกุ้ง บ่อปลา ในละแวกข้างเคียงไม่คาดไม่ถึงว่าน้ำจะไหล่บ่าท่วมพื้นที่รวดเร็วขนาดนั้น ส่งผลให้บ่อกุ้ง บ่อปลาถูกน้ำท่วมจนมิดกุ้ง ปลาในบ่อหนีออกจนเกลี้ยงคิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ในส่วนของถนน 4013 ปากพนัง-หัวไทร เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของบ้านเรือนของประชาชน นายสมชาย สกุณา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.แหลมตะลุมพุก ปัญหาคลื่นพัดถล่มแนวชายฝั่งปากพนัง-หัวไทร แก้ได้ด้วยการสร้างแนวคันกั้นคลื่นเหมือนแหลมตะลุมพุก ที่ผ่านมาหากเกิดคลื่นยักษ์ทางราชการจะรีบอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เป็นอันดับแรก แต่หลังจากสร้างแนวคันกั้นคลื่นระยะทาง 2 กิโลเมตร เมื่อ 3 ปีก่อน สามารถแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี ทุกวันนี้ชาวบ้านแหลมตะลุมพุกที่อยู่หลังแนวคันกั้นคลื่น ไม่ต้องอพยพหลบหนีทิ้งบ้านเรือนอีกต่อไป ตนคิดว่าการแก้ไขปัญหาแนวชายฝั่งทั้งหมดตั้งแต่ปากพนัง-หัวไทร ระยะทาง 60 กม. โดยเหลือในส่วนที่ยังไม่มีแนวคนกั้นคลื่นจริง ๆ ประมาณไม่เกิน 40 กม. หากสร้างแนวคันกั้นคลื่นเหมือนที่แหลมตะลุมพุกจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน.