[CR] [Sambalacha] ลองชิม ลองทำ อาหารสิงคโปร์ของแท้ ใกล้สามย่าน

คุณรู้จักอาหารสิงคโปร์ดีแค่ไหน
แค่ข้าวมันไก่ที่ลือชื่อ
หรือแค่ลอดช่องที่มีนามสกุล “สิงคโปร์” ห้อยท้าย
วันนี้ จขกท.จะขอพาทุก ๆ ท่านไปร่วมทำและรับประทานเมนูอาหารสัญชาติสิงคโปร์แบบออริจินัลกัน ที่ร้าน Sambalacha Cafe by Uncle Pang Singapore จุฬาพัฒน์ซอย 9 ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสยามเท่าไหร่เลยค่ะ


ต้องขอออกตัวแรง ๆ ก่อนนะคะว่า จขกท.ไม่เคยเขียนกระทู้รีวิวอาหารหรือร้านอาหาร หรือแม้แต่สมัครเป็นสมาชิกของพันทิปแห่งนี้เลย นอกจากการรีวิวรูปอาหารเล็กน้อยในทวิตเตอร์ผ่านแท็ก #อร่อยไป- เท่านั้นเองค่ะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณความบังเอิญที่วันนั้นคุณแม่ของจขกท.ได้เปิดดูรายการ “สวัสดีอาเซียน” ทางช่องเนชั่น 22 ทำให้ได้ดู scoop ข่าวเรื่อง “ร้านอาหารสิงคโปร์ที่ไม่มีข้าวมันไก่” โดยพิธีกรสาว (สวย) ได้พาเข้าครัวและสัมภาษณ์คุณลุงหรือ uncle ชายชาวสิงคโปร์ผู้เป็นลูกครึ่งจีนและมาเลย์ เจ้าของร้าน โดยสิ่งที่ทำให้จขกท.มีความสนใจคือ นอกจากอาหารของร้านนี้ล้วนจะเป็นอาหารสิงคโปร์อย่างแท้แล้ว ร้านอาหารแห่งนี้ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มาลองทำอาหารสิงคโปร์ที่สั่งด้วยฝีมือตัวเองด้วย และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 กุมภาพันธ์) จขกท.เลิกเรียนช่วงเช้าเร็วค่ะ เลิกประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า ๆ ก็เลยชวนเพื่อนไปลองอาหารร้านนี้กัน โดยมีเวลาสองชั่วโมงในการไป – กลับ ทำอาหาร และกินอาหาร

ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 โครงการ I’m Park ที่จุฬาพัฒน์ซอย 15 เลย CU Sport Complex และหอในไปอีกหน่อย หรืออยู่ติดกับคอนโด CU Terrace นั่นเองค่ะ หากมาจากสยามหรือทางมาบุญครอง แนะนำให้ต่อแท็กซี่หรือโบกพี่วินมาจะสะดวกกว่า (ปล.ที่ I’m Park มีที่จอดรถนะคะ)

จขกท.ขอบอกเลยว่า ตอนเดินหาร้าน จขกท.จำชื่อร้านไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วยิ่งบนชั้นสาม ก็ยิ่งเป็นชั้นที่ไม่เคยย่างกรายขึ้นมาเลย ปกติถ้าจะมา ก็มากินแค่พิซซ่าชั้นหนึ่งเท่านั้นเอง มิหนำซ้ำโครงการ I’m Park นี้ก็ค่อนข้างไกลจากคณะที่จขกท.เรียนอยู่ด้วยค่ะ เรียกได้ว่าต้องมีจังหวะและโอกาสดีจริง ๆ ถึงจะได้มา แต่การตามหาร้านอาหารแห่งนี้ก็ไม่ยากเลย จขกท.ขึ้นบันไดเลื่อนมา ก็เจอร้านอยู่ทางขวามือ (เมื่อหันหน้าออกจากโครงการ I'm park นะคะ) บรรยากาศร้านตกแต่งแบบครัวที่บ้านของชาวสิงคโปร์จริง ๆ เลยค่ะ วันนี้มาไม่เจอ uncle แต่เจอภรรยาเขาที่เป็นคนไทยแทน (จขกท.ขออนุญาตเรียก uncle  ว่า uncle  ตามที่คุณน้าเขาเรียกนะคะ และเรียกภรรยาของ uncle ว่าคุณน้า เพราะคุณน้ายังไม่แก่พอจะให้เรียกว่าคุณป้าน่ะค่ะ) พอคุณน้าเห็นเราสามคนเดินเข้าไปไหว้เขา คุณน้าก็ทักทายกลับพลางถามทันทีว่า “มาจากมหาลัยไหน” ตอนแรกก็งง ๆ ค่ะ ก็บอกไปอย่างงง ๆ จนคุณน้าเขาเฉลยว่า เป็นเพราะที่ร้านอาหารแห่งนี้ เปิดสอนทำอาหารด้วย และมีนักศึกษามาเรียน cooking หรือมาเก็บข้อมูลอะไรต่าง ๆ ที่ร้านนี้บ่อย ๆ พอเห็นว่าจขกท.กับเพื่อนใส่ชุดเครื่องแบบมา ก็เลยถามว่ามาจากไหน จขกท.เลยได้ทีค่ะ บอกคุณน้าไปว่าตามมาจากรายการ “สวัสดีอาเซียน” คุณน้าก็บอกว่าเสียดาย ที่มาวันนี้ เลยอดเจอ uncle เลย เพราะ uncle จะเข้าร้านเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์

ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในร้าน ปลายจมูกจะสัมผัสกับกลิ่นต่าง ๆ ที่หอมยวนใจ ทั้งเครื่องเทศ เครื่องปลุก น้ำซุป หรือแม้แต่ข้าวที่หุงเสร็จใหม่ ๆ ในร้านมีโต๊ะอาหารราว ๆ สี่ห้าโต๊ะเองค่ะ คุณน้าเปิดเพลงคลอตลอดเวลา  (เพลงของคุณน้าก็อาเซียนไม่แพ้อาหารเลยค่ะ มีทั้งสากล ทั้งลูกทุ่งไทย และที่จขกท.ระบุไม่ถูก) คุณน้าเอาเมนูมาให้เลือก ต้องบอกว่าตอนแรกจขกท.กังวลกับราคามากนะคะ เพราะจากที่ดูรายการ ทาง uncle ก็ได้บอกไว้แล้วว่า วัตถุดิบต่าง ๆ ของที่นี่จะนำเข้ามาจากประเทศเจ้าของวัตถุดิบทั้งหมดเลย ทำให้จขกท.แอบกังวลกับราคาอาหารที่อาจจะสูงกว่าราคาอาหารในโรงอาหารจนไม่อาจจ่ายไหว ทั้งยังเกรงใจเพื่อนทั้งสองคนที่ถูกจขกท.หลอกมากินด้วยแหละค่ะ แต่พอเปิดเมนูอาหารมาดูก็แอบเบาใจ เพราะราคาอาหารไม่ได้แพงเลย มีตั้งแต่ 79 บาทถึง 179 บาทราว ๆ นั้นค่ะ พอจ่ายกันไหว และเพื่อเป็นการประหยัดงบ และเพื่อให้ได้ลิ้มลองเมนูที่หลากหลาย จขกท.กับเพื่อน ๆ จึงเลือกการสั่งมากินด้วยกันค่ะ ที่สั่งก็มีสามอย่างคือ Nasi Lemak, Rojak และก็ Laksa (ขออนุญาตเขียนคงรูปเป็นตัวอักษรโรมันนะคะ) พอสั่งอาหารคุณน้าก็ออกตัวว่าวันนี้อาจจะขลุกขลักเล็กน้อยเพราะนิ้วของคุณน้าโดนประตูหนีบค่ะ เข้าทางจขกท.เลยค่ะ เพราะตั้งใจจะมาลองทำอาหารสิงคโปร์อยู่แล้ว เลยอาสาอย่างแข็งขันว่าจะมาช่วยคุณน้าทำ โดยลืมสำเหนียกตัวเองไปว่า ทำอาหารไม่เป็น... แต่ไม่เป็นไรค่ะ คุณน้าบอกว่า ทำไม่เป็นก็มาฝึกที่นี่แหละจะได้เป็น

แต่ทั้งนี้จขกท.ขอออกตัวแรง ๆ อีกครั้งนะคะว่า ไม่มีทักษะด้านการทำครัวเลย แม้แต่ไข่เจียวก็ทำไหม้ค่ะ คุณน้าก็ปลอบใจจขกท.ด้วยการเล่าว่า ตอนแรกคุณน้าก็ทำอาหารไม่เป็นเหมือนจขกท.นี้แหละ แต่พอเห็น uncle ทำอาหารเป็นก็นึกสู้ว่า เราเป็นผู้หญิงก็ต้องทำได้สิ ตอนนั้นจขกท.สะเทือนใจมากค่ะ... ดังนั้น จขกท.จะมาแค่รีวิวบรรยากาศและอาหารของที่ร้านนะคะ ไม่มาบอกสูตรหรือวิธีการทำหรอกว่าใส่อะไร อย่างไรบ้าง เพราะจขกท.ลืมไปหลายแล้วค่ะ ความจำสั้นเหลือเกิน...

พอทำอาหารเสร็จก็ถึงเวลาที่จขกท.รอคอยค่ะ ชิมและกินนั่นเอง ต้องขอบอกเลยว่า อร่อยมาก!!!! ไม่ใช่ชมตัวเองว่าทำอาหารครั้งแรกก็อร่อยมาก แต่อย่างใด เพราะบอกเลยว่าแต่ละขั้นตอนผ่านการกำชับและดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณน้าและเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ก่อนแล้วตามสูตรของทางร้านนั่นแหละ ที่ทำให้แทบไม่ต้องพึ่งพาสกิลการปรุงรสที่ต่ำเตี้ยของจขกท.เลย แต่มันอร่อยจริง ๆ นะ หลาย ๆ คนอาจคิดว่าอาหารสิงคโปร์เหรอ อี๋ ต้องเลี่ยน ๆ หรือแหยะ ๆ ไม่ถูกปากแน่เลย แต่จขกท.ขอบอกเลยค่ะ ว่า ไป! ลอง! มันอร่อยมาก ๆ จริง ๆ นะ ตอนนี้ที่เขียนกระทู้อยู่ (สองทุ่ม) เขียนไปยังกลืนน้ำลายเอื้อก ๆ ไปเลย มันอร่อยมากจนติดลิ้นเลยเนี่ย และนอกจากอาหารหลักสามจานที่จขกท.และเพื่อน ๆ สั่งมาทำและกินกันแล้ว คุณน้าก็ใจดีมี snack ของทานเล่นก่อนการทานมื้อหลัก (เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการรออาหาร) ซึ่งของทานเล่นจานนี้ จริง ๆ แล้วเราควรจะกินกันก่อนมาทานมื้อหลักค่ะ แต่เพราะกำลังวุ่นวายกันอยู่ในครัว ก็เลยต้องเลื่อนออกมา นอกจากนี้ คุณน้ายังนำน้ำชาบาเลย์มาให้พวกเราด้วย “เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยน้าทำครัว” เป็นชาข้าวใส่น้ำแข็งที่หวานนิด ๆ และหอมมาก ๆ ก้นแก้วเป็นข้าวบาเลย์นิ่ม ๆ ชื่นใจมากค่ะ จขกท.เพิ่มรู้แหละค่ะว่ากลิ่นที่จขกท.บอกว่าหอมแตะจมูกตั้งแต่เดินเข้าร้านมา ก็น้ำชาบาเลย์นี่แหละค่ะ หอมมาก ๆ จริง ๆ ต้องมาลองนะคะ แต่ยังค่ะ ของฟรีอภินันทการจากคุณน้ายังไม่หมด เพราะคุณน้ายังมีของหวานมาให้อีก คืองาตัด ที่คล้าย ๆ ถั่วตัดบ้านเราน่ะค่ะ แต่เป็นงาขาวทั้งหมด โดยพอกัดเข้าไปแล้วเนี่ย รสชาติของน้ำผึ้งที่เคลือบงาขาวไว้ มันแผ่ซ่านไปทั้งปากเลยค่ะ หวานหอมสไตล์น้ำผึ้ง โอ่ย...  คุณน้ายังยกท็อฟฟี่ถั่วมาให้พวกเราคนละเม็ด จริง ๆ แล้วท็อฟฟี่ถั่วนี้ไม่ได้อยู่ในฟูลคอร์สของทางร้านนะคะ แต่คุณน้าบอกว่าวันนั้นไปหิ้วของ (พวกวัตถุดิบ) เข้ามาแล้วลองซื้อท็อฟฟี่นี้มาลองแจกดู สามเม็ดนี้ก็สามเม็ดสุดท้ายแหละค่ะ ไม่มีแจกแล้ว เป็นท็อฟฟี่ถั่ว เนื้อสัมผัสคล้ายๆ คาราเมลนะคะ แล้วก็มีใส้ถั่วบดสอดไส้ข้างในอีกชั้น และแน่นอนว่ามีอีก เพราะคุณน้ายกน้ำชาดอกเก็กฮวยแดงมาให้ด้วย เป็นน้ำชาสีเหลืองอ่อน รสชาติเบา ๆ โล่ง ๆ เหมาะกับการทานล้างปากอย่างมาก โดยดอกไม้ที่ใส่มาในแก้วก็ทานได้ด้วยนะคะ ตอนแรกจขกท.เตรียมใจไว้อย่างมากว่ามันจะขม และมันก็ขมจริง ๆ แต่พอกลืนลงคอไป ความหอมและความหวานของดอกไม้นั้นมันชุ่มค้างอยู่ในลำคอค่ะ รู้สึกดีมากเลย

อาหารสามจานที่จขกท.แนบรูปมาในคห.3 อย่าคิดว่าน้อยนะคะ เพราะบอกเลยว่า กินกันสามคนก็แทบจะไม่หมด... เพราะแต่ละจานนี่ก้นลึก ๆ ทั้งนั้นค่ะ ที่เห็นทั้งหมด จขกท.กับเพื่อนก็แชร์กันไปคนละ 152 บาทค่ะ ราคาอาจจะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกระเป๋าเงินของนักเรียน นักศึกษาอย่างจขกท.กับเพื่อน ๆ ค่ะ แต่เมื่อเทียบกับความอิ่ม ประสบการณ์และความประทับใจตลอดเกือบสองชั่วโมงที่ได้รับ ก็นับว่าคุ้มค่าราคามากค่ะ แล้วยิ่งเทียบกับราคาในท้องถิ่นพื้นที่สิงคโปร์ต้นตำรับ และวัตถุดิบที่นำเข้าทุกอย่าง ราคาอย่างนี้ก็ไม่ได้แพงอะไรเลยค่ะ คุ้มมาก

จขกท.ก็ถามคุณน้านะคะ ว่าเปิดร้านแบบนี้ ลูกค้าทำอาหารที่สั่งเองได้ หยิบวัตถุดิบใส่ได้ตามต้องการ ทั้งยังมีขนม ของแถมเยอะแยะมากมาย แล้วคุณน้าจะได้กำไรมาจากไหน ทั้งรสชาติของอาหารที่นี่ก็ยังเป็นแบบสิงคโปร์แท้ ๆ ไม่มีการปรับปรนใด ๆ เลย จะอยู่ไหวเหรอ คุณน้าก็บอกว่า “โอ่ย... กำไรยังไม่เกิด” คุณน้าเนี่ย อยากทำอาหารที่เป็นรสชาติแท้ ๆ ไม่อยากปรับแต่งตามกระแส หรือตีตลาด เพราะคุณน้าอยากให้คนไทยลองเปิดใจรับรสชาติแบบดั้งเดิม พื้นถิ่นบ้างค่ะ คุณน้าก็ยอมรับนะคะว่าการลงทุนแบบนี้มันก็เสี่ยงมาก ๆ แต่คุณน้าอยากทำแบบนี้ค่ะ อยากให้คนไทยได้ลองมารับรู้รสชาติของเพื่อนบ้านแบบแท้ ๆ ได้มาเรียนรู้วัฒนธรรมผ่านอาหารแบบที่จขกท.กับเพื่อน ๆ ได้เรียนรู้กัน จขกท.ก็เข้าใจสีหน้าของคุณน้าตอนที่เล่าเรื่องราวของร้านนะคะ ว่าไม่ค่อยมีคนไทยมากินและไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เนื่องด้วยเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งสถานที่ตั้งร้านก็ลี้ลับเหลือเกิน แม้แต่จขกท.เองเรียนอยู่แถวนี้ มาหรือผ่านโครงการ I’m Park ก็บ่อย แต่ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของร้านอาหารที่น่ารักแห่งนี้เลย ทั้งคุณน้าเองก็บอกว่าทางร้านไม่มีการประชาสัมพันธ์ภายนอกเท่าไหร่เลย ถ้าจะมีคนมาทานที่ร้าน ก็คือรู้จักผ่าน Fan Page หรือ Search หาตามเว็บเพจต่าง ๆ หรือมาแบบจขกท.ที่ดูรายการต่าง ๆ แล้วตามมากิน แล้วก็เพื่อนบอกต่อเพื่อน พากันมากินแบบนี้แหละ

สิ่งที่ร้านอาหารสิงคโปร์ร้านนี้ให้แก่จขกท.จนต้องมาสมัครสมาชิกพันทิปและเปิดกระทู้ขึ้นมา ก็เพราะความเป็นกันเองของเจ้าของร้านที่มีมากกว่าคอนเซปต์ Home Kitchen หรือครัวในบ้านของตัวเองค่ะ เพราะนอกจากคุณน้าจะเป็นคนคุยสนุก เปิดกว้าง และใจดีแล้ว เรื่องเล่า เรื่องราวต่าง ๆ ที่คุณน้าแบ่งปันกับจขกท. ตั้งแต่ที่เริ่มวางแผนเปิดร้าน เริ่มคิดขายเมนูแบบไม่มีการประยุกต์ใด ๆ ก็ทำให้เห็นทัศนคติและอุดมการณ์ที่น่านับถืออย่างจริงจังและจริงใจเหล่านี้แหละค่ะ

วันนี้รูปภาพที่นำมาประกอบ (คห.3) อาจดูไม่ค่อยสวย และงง ๆ เล็กน้อย เพราะไม่ได้ตั้งใจถ่ายมาทำกระทู้เลยค่ะ เพียงแค่ตั้งใจจะถ่ายเก็บไว้ แต่เรื่องราวของร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ กลับทบทวีความประทับใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป จนไม่อาจปล่อยมันไปพร้อมกับกาลเวลา
จขกท. จึงขออนุญาตใช้พื้นที่เล็ก ๆ ตรงนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวและประชาสัมพันธ์ร้านอาหารเล็ก ๆ ของคนใจใหญ่ในย่านใจกลางเมืองไว้แก่ทุกคนด้วยค่ะ

• เพจร้าน https://m.facebook.com/unclepangnasilemakbkk/

ปล. จขกท.จะไปกินร้านนี้อีกวันศุกร์นี้ และจะถ่ายรูปมาฝากเยอะ ๆ ถ้าใครมีคำถามหรือมีเรื่องราวอะไรอยากพูดคุยทั้งกับจขกท.เอง หรือกับคุณน้าก็บอกมาได้เลยนะคะ ยินดีอย่างมาก
ปล. 2 จขกท.ไม่ได้ค่านายหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากความอิ่มเอมใจและความอิ่มท้องค่ะ

ปล.3 เพิ่มเติมในคอมเม้นต์นะคะ 😊

8/02/2016 (19: 53 pm)
ชื่อสินค้า:   อาหารสิงค์โปร์, sambalacha
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่