เนินมะปราง .. อำเภอนี้ จะไม่มีวันลืม

สวัสดีครับ :  

ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรก ของการเขียนรีวิวในการไปเที่ยว  
ปกติแล้วเป็นคนไม่ค่อยชอบโพสต์รีวิวใน Pantip สักเท่าไหร่ เบื่อดราม่า  ชอบลงใน facebook ของตัวเองซะมากกว่า  แต่เพื่อเป็นการตอบแทนความมีน้ำใจของพี่ ๆ ชาวเนินมะปราง ผมจึงตัดสินใจลองเขียนสักกระทู้  
เพื่อเป็นการขอบคุณและบอกเล่าอีกหนึ่งมุม กับสิ่งที่ผมสัมผัสมา .. ' ที่ เ นิ น ม ะ ป ร า ง '



                                                      


รูปแต่ละภาพอาจจะไม่ค่อยสวยนะครับ ไม่ได้มือโปรฯ  ใช้แค่กล้องไอโฟนถ่าย กับกล้อง sj cam ของเพื่อน


เริ่มเลยละกัน  ...



เนินมะปราง คืออำเภอเล็กๆ ของจังหวัดพิษณุโลก ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนักว่าที่นี่มีอะไรให้เที่ยว
ถ้าถามว่ามันมีอะไร  ทำไมต้องไป ?  ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน อารมณ์มันพาไปเอง  แค่เบื่อกรุงเทพฯ อยากหนีไปเที่ยวสักสองวัน

สำหรับผม ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นที่ ที่เหมาะแก่การพักผ่อน ไม่ค่อยมีกิจกรรมวืดหวาอะไรให้ทำมากนัก
มีแต่วิวสวยๆ ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็นธรรมชาติจริงๆ ถ้าหวังจะมาหาร้านนั่ง จิบกาแฟ เลิกหวังเลยจ๊ะ !



จุดเริ่มต้นของทริปนี้ ก็มีแค่คำว่าอยากไป เท่านั้นเอง  
หลังจากรู้แล้วว่าจะไปที่ไหน ก็เริ่มหาเพื่อนร่วมทริป  แล้วก็ได้เพื่อนชะนี สองสาว ที่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมเนี่ยแหละ  มาร่วมทริป  คิดในใจก่อนไปแล้วว่าทริปนี้จะต้องไปแบบไม่สะดวกสบายแน่ๆ ก็เลยชวนสองคนนี้ดู เพราะน่าจะชอบแบบลุยๆ เหมือนกัน ( คิดเอง ) ฮ่าๆ

จากนั้นก็หาข้อมูลของเนินมะปราง จนมาเจอเพจนี้เข้า
เพจ 'คนรักเนินมะปราง'  
https://www.facebook.com/groups/676334522391396/



ตัดสินใจแอดเข้าไป ขอร่วมเป็นสมาชิก  จนแอดมินกดรับเข้ากลุ่ม
ติดตามความเคลื่อนไหวได้สักพัก จับใจความได้ว่า ชาวบ้านที่นี้กำลังมีปัญหากับกลุ่มนายทุนเหมืองแร่หรือเหมืองทองคำอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ  เหมือนเนินมะปรางจะถูกแปรสภาพให้เป็นเขตอุตสาหกรรมเหมืองในอนาคต  ชาวบ้านก็รวมตัวกันคัดค้าน พยายามผลักดันให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปิดเป็นสัมปทานเหมือง


สืบจนรู้จักแอดมินเพจ  ฮ่าๆ  เขาชื่อพี่ตุ่น เป็นคนที่นั้นแหละ  ปรึกษาพูดคุยกับเขา  เรื่องที่จะไปเที่ยว ก็ถามนั้น นู้น นี่  การเดินทางไป  สถานที่เที่ยวมีอะไรมั้ง จนสรุปว่า ถ้าจะไปเมื่อไหร่ให้บอกพี่เขา  เดี๋ยวเขาพาทัวร์  " ตอนแรกก็นึกในใจ พาเที่ยวแบบไม่เสียตังเนี่ยนะ ?  " แมร่งยังมีอยู่ในเมืองไทยหรอเนี่ย 5555  ก็เลยไปบอกเพื่อนสาวทั้งสองคน อีสองคนนี้ก็เกิดอาการกลัวนิดๆ กลัวพี่เขาเป็นมิชฉาชีพ โดนหลอก ( แหม๋ สวยเหลือเกินนนพวกเนี่ย ) สรุป .. ตกลงว่าจะไปเจอพี่ตุ่นที่นู้น เอ่อลองดู ไม่มีอะไรร้ายแรงมั้ง



เฟซบุคพี่ตุ่น แอดไปสอบถาม หรือพูดคุยได้ พี่เขายินดี


จากนั้นหาที่พัก ไปสะดุดตากับบ้านต้นไม้ ของ สวนพงษ์แตง เลยรีบตัดสินใจจองเลย
นี่เฟซบุคที่พักครับ  : https://www.facebook.com/PongtangsGarden/


สวนพงษ์แตง เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ ตั้งอยู่บนเขารักไทย  วิวด้านหน้าคือภูเขา กับสวนลำไยของเจ้าของ มีบ้านพักหลังใหญ่ 1 หลัง  บ้านต้นไม้ 1 หลัง  และมีลานสำหรับกางเต้นท์นอน รวมถึงห้องพักบนบ้านพักของเจ้าของด้วย  ไม่แน่ใจว่ามีกี่ห้อง  



ที่ผมพักคือบ้านต้นไม้  นอนได้ 2 คน แต่เราขอนอนอัดกัน 3 คน ซึ่งป้าเขาก็อนุญาติ แต่บวกเพิ่มราคานิดหน่อย   ราคาผมขอไม่บอกนะครับ เพราะไม่แน่ใจว่าปัจจุบันขึ้นราคาหรือยัง  แต่ไม่แพงหรอก   รวมอาหารเย็นและเช้าแล้ว ขอบอกว่าเจ้าของใจดีมากกกก  ถ้าป้ากับลุงได้มาอ่าน อยากบอกว่า คิดถึงนะครับ ทั้ง  'ป้าหนึ่งกับลุงดำ' ( ชื่อของเจ้าของที่พัก )

ได้ที่พักเรียบร้อย มาถึงการเดินทาง  เราตัดสินใจจะเดินทางด้วยรถไฟ สโลว์ไลฟ์สัสๆ
เกียร์ติศัพท์รถไฟไทย ก็โด่งดังซะเหลือเกิน  และก็มาถึงวันเดินทาง ...


2 - 4 คุลาคม 58  คือจุดเริ่มต้นของทริปนี้ เราเลือกเดินทางกันตอนกลางคืนของวันศุกร์ที่ 2 ต.ค.  นัดเจอกันหลังเลิกงานที่หัวลำโพง เพื่อมาซื้อตั๋วก่อน  ได้ตั๋วรอบ 22.00 ขบวน กรุงเทพฯ - เชียงใหม่  ชั้น 3 ราคา 317฿ ( ตอนแรกจะเอาชั้น 2 แต่ดันเต็มสะก่อน )  ซื้อตั๋วเสร็จก็พากันกลับมาห้องผม เพื่อมาอาบน้ำ ทานข้าว ซึ่งห้องผมก็ไม่ไกลมากนักจากหัวลำโพง



เพื่อนสาวสองคน ผู้ร่วมชะตากรรม


และแล้วการเดินทางที่แสนพิเศษก็เริ่มขึ้น ตามสไตล์รถไฟ เลทเหมือนเดิม  กว่าจะออกจากชานชลาได้ ก็เกือบ ห้าทุ่ม
แต่ แต่ แต่ !!! นั้นไม่ใช่ประเด็นเว้ยยแก  ประเด็นคือ พระเจ้าอวยพรให้เราสามคนต้องมานั่งร่วมขบวนกับทัวร์จีนทั้งโบกี้ !!! โอ้โห้  อาเมนน  โวกเหวกโวยวายเสียงดังตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง  จะนอนก็หลับไม่เต็มตื่น




ตรีมเด็กบ้านเมตตา  สงสารเพื่อน  เหมือนพานางมาทรมาน  ฮ่าๆ



ถึงสักที สถานีพิษณุโลก เหลือบดูนาฬิกา ประมานตีห้าครึ่ง  สิ่งแรกหลังจากลงมาได้คือหาห้องน้ำ อยากล้างหน้าแปรงฟันมากๆ  หบังจากทำธุระกันเสร็จแล้ว ก็ไปหาอะไรทานกันที่ตลาดเช้า  อยู่ข้างๆสถานีรถไฟนั้นแหละ เลี้ยวซ้ายออกมาจากสถานีหน่อย  ตามหาร้านโจ๊กที่เขาบอกว่าอร่อยจนเจอ  ช่วงนี้ลืมถ่ายรูปในตลาดกับหน้าร้านโจ๊กมา เพราะหิวมาก และฝนเริ่มตกปรอยๆ  จึงทานแบบรีบๆ



ถ่ายแต่ก่อนกินไว้  จำได้ว่าร้านอยู่ตรงข้ามมินิมาร์ท เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ



หน้าสถานีรถไฟสวยดี : )
หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็ย้อนกลับไปสถานีรถไฟเพื่อไปยัง บขส. เก่า   จุดมุ่งหมายของเราต่อไป


เหมือนผัวเมีย มาเดินจ่ายตลาดกัน


สวยไปอีกกกกกกก  เผลอสุด


นี่แหละวินสองแถวที่จะพาเราไปบขส. เก่า เหมาเลย บอกเขาให้ไปส่ง บขส. เก่า ราคา 60฿ ต่อราคาประมาณนี้ ใครได้ต่ำกว่านี้ ก็ยินดีด้วย


ตกลงเสร็จแล้ว  ก็ไปกันเลยย

ประมาณ 15 นาทีก็ถึง ถึงแล้วให้หาช่องขายตั๋วหมายเลข 2 นั้นแหละรถที่จะพาเราไปเนินมะปราง ราคาจำไม่ได้ แต่ไม่น่าจะเกิน 50฿ นะ  โทษที ช่วงมาถึงนี้  นาทีฉุกเฉินจริงๆ รถกำลังออกพอดี เลยไม่ได้ถ่ายรูปหน้าสถานี และช่องขายตั๋วให้ดู  

จากบขส. เก่า ใช้เวลาเดินทางไปเนินมะปราง ประมาณชั่วโมงกว่าๆ  ระหว่างทางก็โทรหาพี่ตุ่น เพื่อที่จะแนะเวลาให้เขามารับ แต่พี่เขาติดธุระ เลยบอกว่าถ้าเราถึงแล้ว ให้เดินเล่นตลาดหน้าอำเภอกันก่อน







บรรยากาศระหว่างอยู่บนรถเมล์ต่างจังหวัด  ชอบมากกกก
สองข้างทางมีแต่สีเขียว ภูเขา ต้นไม้  นาข้าว  อากาศก็เย็นๆ กำลังดี นี่แหละคือสิ่งที่อยากเจอ





ถึงแล้ววว เนินมะปราง บรรยากาศคึกคักที่เดียว เพราะวันที่เรามาคือวันเสาร์ มีตลาดพอดี
ชาวบ้านที่นี่ก็มองเรากันแปลกๆ  คงไม่เคยมีนักท่องเที่ยวมากันมั้ง พวกเราแบกเป้กันมาด้วย ดูพะรุงพะรังนิดหน่อย  


เดินกันจนสุดตลาดไปเจอ สถานีตำรวจ เลยขออนุญาติพี่เขาไปนั่งหลบฝนสักพัก เพื่อนปวดฉี่พอดี เลยได้ทีแวะเลย



สถานีตำรวจทีนี้แบล็คกราวกำแพงเป็นสีแดงแปร๊ดดด  ซึ่งคิดว่าพวกเราจะถ่ายมั้ย ?  
จะเหลือหรอ กดชัตเตอร์เป็นร้อยเฟรม  ถ่ายรูปฆ่าเวลาเพื่อรอพี่ตุ่นมารับ


ร่าเริงไปอีกกก  น่ารักสัส อีเวน

จนเกือบๆ 9 โมง พี่เขาก็โทรมาให้เดินไปหาที่บ้านเขา ก็ไม่ไกลจากหน้าอำเภอสักเท่าไหร่
เจอกันแว้บแรก พี่เขาก็กดชัตเตอร์ถ่ายรูปพวกเราเลย  ที่แท้ก็เป็นช่างภาพนี่เอง  

เดี่ยวมาต่อ ตอนที่ 2
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่