“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน
ตอนที่ 7 บาหลีวันแรก

พอรถขึ้นเฟอร์รี่ ทุกคนต้องลงจากรถ แม้จะมองเห็นฝั่งตรงข้ามอยู่ไม่ไกล แต่เฟอรี่ก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงในการรอคิวเข้าท่า ตอนที่ขึ้นฝั่งเป็นเวลา 21.00 น. ตามเวลาที่ควรจะถึงเดนปาร์ซ่า 20.00 น.จึงเป็นไปไม่ได้ ฝั่งเกาะชวาคือเมือง Katapa ฝั่งบาหลีที่คือเมือง Jambrana ถนนสวยงามร่มรื่นตลอดสาย แม้เป็นยามค่ำก็พอจะเห็นว่า เกือบตลอดแนวถนนมีต้นไม้ใหญ่ ที่ลุงบอกว่าแผ่กิ่งก้านใบออกมาประสานกันจนดูเขียวครึ้ม ป้าฟังเสียงคนทัวร์คุยกับสาวตุ้ยนุ้ยที่ขึ้นก่อนข้ามฟาก อย่างถูกคอกันหัวเราะกันเป็นระยะ

ป้าหลับบ้างตื่นบ้าง จนรถจอดที่หนึ่ง ดูเวลาเป็นเที่ยงคีน 30 นาที เวลาบาหลี 01.30 น. ลุงบอกว่า ลงได้แล้ว ป้ามองคนอื่นๆ เห็นนั่งเฉย จึงถามคนที่บอกว่าจะแนะนำที่พักให้ว่า ที่พักอยู่ตรงไหน เขาทำเฉย แต่บอกว่า ลงได้แล้ว ป้าคิดว่า เขาคงคุยเกับลุงตอนป้าหลับ พอลงรถก็ถามลุงว่า ได้คุยอะไรกัน ลุงบอกไม่ได้คุยอะไรกัน อ้าว! แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่า เราจะลงเมงวี
ที่ท่ารถมืดมาก มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้ามาเสนอบริการ แต่ลุงลากป้าออกไป แล้วให้ป้าบอกว่าจะไปเอง ป้าถามลุงว่ารู้ที่พักแล้วใช่ไหม ลุงบอกว่า ไม่รู้ ไปเสี่ยงเอาว่าจะไปทางไหน แล้วทางที่เลือกก็ผิด เพราะมองไปไม่เห็นเป้าหมาย มีแต่ถนน กับความมืด ตัดสินใจกลับหลังหันเดินไปเจอผับ มีหนุ่มๆ อยู่ข้างนอก 2 คน พอถาม เขาก็เรียกเพื่อนที่กำลังเมามันท่ามกลางสาวๆ ออกมา เขาบอกว่าที่พักอยู่ไกล เขาจะไปส่ง แต่ลุงไม่รับไมตรีเดินจากไปหากันเอง

เจอแยกพระรามกับนางสีดาและขบวนราชรถ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลี้ยวไปทางไหน ลุงเห็นมีป้ายบอกเลขที่และชี้ลงไปในซอยเล็กๆ เห็นมีแสงไฟลอดออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง เดาเอาว่าน่าจะเป็นที่พัก จึงพากันเดินเข้าไป เป็นบ้านที่มีคนอยู่หลายคน คาดว่าเป็นงานรวมญาติ มีคนเสนอให้บริการมอเตอร์ไซด์ลุงปฏิเสธ เราเดินกลับขึ้นไปที่ถนน วนไปวนมา จนไปเจอร้านอาหารลุงขอกินก่อน แม่ค้าตักข้าวแล้วถามว่าพอไหม ดูเหมือนเขาขายเป็นอิ่ม คล้ายๆ กับที่เมียนม่าร์ แต่ที่นั่นเอาข้าวใส่ถ้วยให้เติม ค่าอาหาร 20,000 รูเปีย
ป้าถามหาที่พักโดยใช้ภาษาใบ้ แม่ค้าบอกว่า เดินไปที่ป้อมตำรวจ แล้วเลี้ยวลง ป้าส่งกระดาษให้ เธอเงอะงะ แล้วเขียนคำว่า Polisi ได้อย่างยากเย็น เราเดินตามหา วนไปวนมา ไปเจอโรงพยาบาล ป้าจึงไปเคาะประตูจนท. เดินออกมาหาบอกว่าเป็นรพ. ป้าจึงบอกว่า เรารู้ว่าเป็นรพ. แต่ช่วยบอกหน่อยว่า รร.ไปทางไหน เขาเดินออกไปชี้ทางให้ แล้วบอกว่า 300 เมตรไปทางขวา เราเดินวนอีก เพราะมองไปมีแต่ความมืด แต่มีวัดฮินดู รถตำรวจ จึงเดินวนไปวนมา ในที่สุดลุงก็ชวนเดินเข้าไปในซอกที่ผ่านชุมชนลึกเข้าไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนมีทางทะลุออกไปที่อื่น หมาเห่ารับกันเป็นทอดๆ บ้านแต่ละหลังมีรูปปั้นยามเฝ้าบ้าน ถ้าเป็นสมัยที่ป้ายังเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่ คงไม่กล้าเดินต่อแน่ๆ แต่ตอนนี้ป้าหลุดจากมิตินั้นอย่างสิ้นเชิง จึงไม่เชื่ออะไรที่พิสูจน์ไม่ได้อีกแล้ว
ไปโผล่ถนนอีกสายหนึ่งจริงๆ เราตัดสินใจเลี้ยวขวาเดินขึ้นเนินไปหาแสงสว่าง ปากซอยมีป้อมตร. มีพวกหนุ่มๆ เมาเฮฮา ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง เราสงสัยว่ามุสลิมทำไมดื่มเหล้าและเที่ยวกลางคืน มีให้เห็นเป็นกลุ่มๆ มีสถานบันเทิงด้วย ทันใดนั้น ลุงก็เหลือบเห็นป้าย IJO Hotel ถ้าเราเลี้ยวซ้ายก็คงไม่ต้องเดินไกล เดินกลับลงไป ผ่านกองขยะเหม็นคลุ้ง ข้ามสะพาน มองไปสุดสายตา ด้านหนึ่งเป็นบ้านคนเก็บขยะ แล้วก็ที่เวิ้งว้าง กับความมืด ทำให้ไม่แน่ใจ
เดินย้อนกลับไปบ้านที่เราเห็นว่ามีหนุ่มๆ กำลังเล่นบิลเลียดกัน ตอนที่เราเดินกลับไปถึง มีแม่บ้านกับลูกชายกำลังจะสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ เราจึงรีบเรียกไว้ แล้วถามหาโรงแรมด้วยภาษากาย เขาคิดว่าลุงถามว่าตรงนั้นเป็นโรงแรมเขาบอกไม่ใช่ แม้จะพูดไม่ได้แต่ภาษาใบ้ก็ช่วยได้ พวกเขาชี้ให้เราเดินต่อไป เราข้ามสะพานแล้วเดินขึ้นเขา ผ่านบ้านคนเก็บขยะและทุ่งนา ไปเกือบ 1 กม.เห็นมีป้ายเล็กๆ สองข้างของปากซอย จึงชวนกันเดินลงไปแบบมืดๆ มั่วๆ มันใช่จริงๆ พนง. มีอายุ 1 คน หนุ่ม 1 คน นั่งฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะยาว ด้านหน้าของอาคาร พวกเขางัวเงีย คนสูงวัยพาเราเดินลงไป เปิดห้องให้ ป้าถามว่าคืนละเท่าไร เขาบอก 20,000 แต่ป้าไม่เชื่อ เขาบอกราตรีสวัสดิ์ตอนเช้า ค่อยเจอกัน แล้วก็เดินไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ 1 ผืน

ตอนนั้นเวลาตามนาฬิกาข้อมือตี 2 แต่นาฬิกาในไอโฟนเป็นตี 3 ปรากฏว่า เวลาบาหลีเร็วกว่าไทย 1 ชม. แต่จาการ์ต้าเท่าไทย ตั้งปลุก 6.00 น. ตอนเช้าเอาเงินไปจ่าย พนง.2 คน บอกราคาไม่เท่ากัน ต้องใช้วิธีเขียน ราคาจริง 250,000 รูเปีย ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ แต่ที่พักดีมาก เป็นกรีนโฮเต็ล หลังห้องเป็นลำธาร ได้ยินเสียงน้ำเซาะหินเหมือนนอนที่วังตะไคร้ เสียดายไม่มีบริการสาธารณะ หรือมอเตอร์ไซด์ให้เช่า เราจึงต้องไปหาที่นอนที่สะดวกต่อการท่องเที่ยว ที่อื่น

วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2558 : ตอนแรกคิดว่าจะไปเดนปาร์ซ่า (Denparsa) ซึ่งเป็นเมืองหลวง หรือ อำเภอเมือง เดินออกไปสถานีขนส่ง ข้างทางบ้านเรือนมีเทวรูป เทวาลัย ศาลสารพัด ทางแยกมีราชรถพระรามกับนางสีดา และอย่างอื่นด้วย เต็มไปด้วยรูปปั้น การสลักเสลา ต้นโกสน ลีลาวดี เฟื่องฟ้าดารดาษไปด้วยศิลปะและความสุนทรีย์ เดินไปถึงสถานีขนส่งมีทั้งสองแถว แท็กซี่ รถตู้ ล้อมหน้าล้อมหลังเรา สิ่งที่ฟังจากคนที่บอกว่าทำทัวร์บนรถบัส บอกว่าบาหลีเป็นสังคมแห่งการต่อรอง เราจึงไม่ตกหลุมใครง่ายๆ

จนกระทั่ง มีหนุ่มหนึ่งเดินมาถาม เราหาข้อมูลจากเขาซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ดี คุยกันบ้าง ตะล่อมซ้อมค้างบ้าง จนสรุปได้ว่าเราควรไปนอนที่อูบุด (Ubud) เขาตกลงให้เรา 2 คนแชร์ค่ารถกับอีกครอบครัวหนึ่งเป็น 1 แสนรูเปีย ลักษณะว่า ช่วยกันจ่ายค่าเหมารถ ป้าขอนั่งหน้าจะได้คุยกับคนขับ เพื่อหาข้อมูลหลายๆ อย่าง ทำให้ได้รู้ ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนบาหลีเป็นฮินดู มันเป็นช่วงที่จัดพิธีบูชาพระจันทร์ Full moon purnama) ทุกบ้านทำกระทงดอกไม้วางไว้หน้าบ้านและตามทางแยก มีการแห่ของสวยงามไปวัดของหมู่บ้าน แต่ละครอบครัวมีวัดประจำตระกูล 3วัด และมีศาลพระศิวะ พระวิษณุ กับพระพรหม ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเกิด การอยู่ และการตาย
ดูพวกเขามีความสุขกับการบูชามาก พวกผู้หญิงแต่งตัวสวยเอากระทงดอกไม้ไปเซ่นไหว้ ตอนค่ำแต่งตัวสวยนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์สามีออกจากบ้านไปร่วมงานฉลอง ผู้ชายก็มีความสุขที่ได้พาภรรยาแต่งตัวสวยๆ ไปร่วมงาน มีการประดับประดาวัดต้อนรับขบวนแห่ ตรงที่ที่มีการทำพิธี มีผู้หญิงนั่งอยู่เต็ม มีพราหมณ์สวด และพรมน้ำมนต์ทุกคนดูมีความอิ่มเอมที่ได้เข้าร่วมพิธี
เขาพาไปทางลัด เข้าซอก ออกซอย ผ่านบ้านเรือนที่สวยงาม ทั้งสิ่งก่อสร้าง และประดับประดาด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ทุกบ้านมีต้นโกสน ดูเหมือนเป็นไม้ยืนต้น เพราะต้นใหญ่มาก ที่บาหลีมีร้านขายไม้อยู่หลายร้าน มีร้านปูน ปั้น แกะสลัก สารพัดตัวละครจากรามเกียรติ และเรื่องเล่าตามตำนานของฮินดู เรียงรายตลอดเส้นทาง มองไปทางไหนก็มีแต่ความสงวยงาม ร่มรื่น ต้นลีลาวดี (Kamboja ภาษาอินโด) ก็มีอยู่มากมาย

เขาชี้ให้เราดูถนนที่เป็นย่านที่พัก แล้วขับรถเลยไปจอดหลังกำแพงเลยทางเข้าที่พัก และบอกว่าให้เดินย้อนเพราะตรงนั้นจอดรถไม่ได้ เราได้ที่พักย่านกลางเมืองชื่อ Agung Anom Home Stay เจ้าของทำเอง มีอัธยาศัยดีมาก เธอทักทายแล้วถามว่า คนญี่ปุ่นใช่มั้ย ป้าบอกว่า คนไทย เธอหัวเราะ การเช็คอินเข้าพัก ง่ายๆ เปิดห้องเอาของเข้าได้เลยเจ้าของทำเอง ค่าที่พักคืนละ 200,000 รูเปีย มีมอเตอร์ไซด์ให้เช่า วันละ 50,000 รูเปีย

ป้าบอกว่าเงินไม่พอต้องไปกดเงินก่อน เธอบอกว่า ไม่เป็นไรไว้จ่ายตอนออกก็ได้ แต่ขอค่าเช่ามอเตอร์ไซด์ก่อน เอกสารก็ไม่เอาให้ป้ากรอกเอง ดูเหมือนเธอจะอ่านภาษาอังกฤษ ไม่ออกแต่พูดสื่อสารโดยใช้ภาษาใบ้ประกอบได้ ห้องพักเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวสูงจากพื้น 2 ขั้นบันได มีห้องน้ำในตัว มีมุ้งให้ด้วย แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัว กับสบู่ หรือทิชชุใหั มีน้ำร้อนกับชา กาแฟให้ แต่เราอยากได้น้ำธรรมดาต้องเอาน้ำร้อนตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกรอกใส่ขวด มอเตอร์ไซด์ให้เช่าก็ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องน้ำมัน แค่คนใช้ไปเที่ยวได้ แต่เราเติมน้ำมันไปเยอะเพราะเที่ยวไกลและหลายที่ 2 วันเติมน้ำมันไป 85,000 รูเปีย ค่าเช่ารถ 100,000 รูเปีย วันแรกออกไปกดเงิน 500,000 รูเปีย มีค่าธรรมเนียม 10,000 รูเปีย มีมาเฟียมาเก็บค่าจอดรถแต่ลุงไม่ให้

เราไปเดนปาร์ซา เมืองหลวงของบาหลีเป็นจุดแรก แต่กว่าจะถึงเดนปาร์ซ่า ก็ผ่านการเล่าเรื่องด้วยรูปปั้นหลายแยก ใกล้เที่ยงเริ่มหิว จึงแวะร้านข้างทาง มีข้าราชการกับพนักงานนั่งอยู่ ร้านดูสะอาด คนขายสวยด้วย สั่งข้าวราดหน้าไก่ กับผักแถมน้ำพริก อีกจานเป็นไข่ น้ำส้มคั้นคนละ 1 แก้ว มื้อนั้น 50,000 รูเปีย

เราขอให้ขรก. ท่าทางผู้ใหญ่ ชื่อ BAYU กับ WAYAN วาดเส้นทางไปที่ทำการรบ.ให้ กว่าจะไปถึงก็หลงไปหลายแยก แต่ก็ดีเพราะไปพบฮินดูสถานมหึมา ท่ามกลางแดดเปรี้ยง Perjuangan Rakyat Bali เราขี่วนไปจนเจอสนง.ของรบ. อยู่ในดงไม้ มีลักษณะแตกต่างกับอาคารที่อยู่โดยรอบ เป็นอาคารที่มีส่วนประกอบเป็นไม้มากกว่าอาคารอื่นๆ และรูปทรงหลังคาก็แตกต่างจากอาคารโดยทั่วไป อยู่ในดงไม้ ไม่ได้ดูหรูหรา ฟู่ฟ่า ทำให้เราหาไม่เจอ

ถามทางเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ตรงกันข้ามกับอาคารสำนักงานรัฐบาล เขาชื่อ IDA BAGUY เพื่อไปทะนาลอต (Tanahlot) ซึ่งเป็นสวนน้ำอยู่ไกลมากใช้เวลากว่าชม.ท่ามกลางแดดร้อน พอขี่ไปถึงมีการเก็บค่าผ่านประตู เราไม่แน่ใจว่า เป็นของเอกชนหรือเป็นของรัฐบาล รู้แต่ว่า ในนั้นมีจุดที่จะชมพระอาทิตย์ตกดินได้สวยงาม มีเกาะหินกลางทะเล ที่มีลักษณะเหมือนสะพาน มองลอดไปใต้สะพาน สวยงาม เราจึงได้แต่แชะหน้าทางเข้า แล้วเดินทางต่อ เป้าหมายอยู่ที่จาตี้ลิววี่ห์ (Jatih Luwih) 259 การทำนาแบบขั้นบันได
[CR][SR] “ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 7 เกาะบาหลี อินโดนีเซีย วันแรก
ตอนที่ 7 บาหลีวันแรก
พอรถขึ้นเฟอร์รี่ ทุกคนต้องลงจากรถ แม้จะมองเห็นฝั่งตรงข้ามอยู่ไม่ไกล แต่เฟอรี่ก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงในการรอคิวเข้าท่า ตอนที่ขึ้นฝั่งเป็นเวลา 21.00 น. ตามเวลาที่ควรจะถึงเดนปาร์ซ่า 20.00 น.จึงเป็นไปไม่ได้ ฝั่งเกาะชวาคือเมือง Katapa ฝั่งบาหลีที่คือเมือง Jambrana ถนนสวยงามร่มรื่นตลอดสาย แม้เป็นยามค่ำก็พอจะเห็นว่า เกือบตลอดแนวถนนมีต้นไม้ใหญ่ ที่ลุงบอกว่าแผ่กิ่งก้านใบออกมาประสานกันจนดูเขียวครึ้ม ป้าฟังเสียงคนทัวร์คุยกับสาวตุ้ยนุ้ยที่ขึ้นก่อนข้ามฟาก อย่างถูกคอกันหัวเราะกันเป็นระยะ
ป้าหลับบ้างตื่นบ้าง จนรถจอดที่หนึ่ง ดูเวลาเป็นเที่ยงคีน 30 นาที เวลาบาหลี 01.30 น. ลุงบอกว่า ลงได้แล้ว ป้ามองคนอื่นๆ เห็นนั่งเฉย จึงถามคนที่บอกว่าจะแนะนำที่พักให้ว่า ที่พักอยู่ตรงไหน เขาทำเฉย แต่บอกว่า ลงได้แล้ว ป้าคิดว่า เขาคงคุยเกับลุงตอนป้าหลับ พอลงรถก็ถามลุงว่า ได้คุยอะไรกัน ลุงบอกไม่ได้คุยอะไรกัน อ้าว! แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่า เราจะลงเมงวี
ที่ท่ารถมืดมาก มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้ามาเสนอบริการ แต่ลุงลากป้าออกไป แล้วให้ป้าบอกว่าจะไปเอง ป้าถามลุงว่ารู้ที่พักแล้วใช่ไหม ลุงบอกว่า ไม่รู้ ไปเสี่ยงเอาว่าจะไปทางไหน แล้วทางที่เลือกก็ผิด เพราะมองไปไม่เห็นเป้าหมาย มีแต่ถนน กับความมืด ตัดสินใจกลับหลังหันเดินไปเจอผับ มีหนุ่มๆ อยู่ข้างนอก 2 คน พอถาม เขาก็เรียกเพื่อนที่กำลังเมามันท่ามกลางสาวๆ ออกมา เขาบอกว่าที่พักอยู่ไกล เขาจะไปส่ง แต่ลุงไม่รับไมตรีเดินจากไปหากันเอง
เจอแยกพระรามกับนางสีดาและขบวนราชรถ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลี้ยวไปทางไหน ลุงเห็นมีป้ายบอกเลขที่และชี้ลงไปในซอยเล็กๆ เห็นมีแสงไฟลอดออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง เดาเอาว่าน่าจะเป็นที่พัก จึงพากันเดินเข้าไป เป็นบ้านที่มีคนอยู่หลายคน คาดว่าเป็นงานรวมญาติ มีคนเสนอให้บริการมอเตอร์ไซด์ลุงปฏิเสธ เราเดินกลับขึ้นไปที่ถนน วนไปวนมา จนไปเจอร้านอาหารลุงขอกินก่อน แม่ค้าตักข้าวแล้วถามว่าพอไหม ดูเหมือนเขาขายเป็นอิ่ม คล้ายๆ กับที่เมียนม่าร์ แต่ที่นั่นเอาข้าวใส่ถ้วยให้เติม ค่าอาหาร 20,000 รูเปีย
ป้าถามหาที่พักโดยใช้ภาษาใบ้ แม่ค้าบอกว่า เดินไปที่ป้อมตำรวจ แล้วเลี้ยวลง ป้าส่งกระดาษให้ เธอเงอะงะ แล้วเขียนคำว่า Polisi ได้อย่างยากเย็น เราเดินตามหา วนไปวนมา ไปเจอโรงพยาบาล ป้าจึงไปเคาะประตูจนท. เดินออกมาหาบอกว่าเป็นรพ. ป้าจึงบอกว่า เรารู้ว่าเป็นรพ. แต่ช่วยบอกหน่อยว่า รร.ไปทางไหน เขาเดินออกไปชี้ทางให้ แล้วบอกว่า 300 เมตรไปทางขวา เราเดินวนอีก เพราะมองไปมีแต่ความมืด แต่มีวัดฮินดู รถตำรวจ จึงเดินวนไปวนมา ในที่สุดลุงก็ชวนเดินเข้าไปในซอกที่ผ่านชุมชนลึกเข้าไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนมีทางทะลุออกไปที่อื่น หมาเห่ารับกันเป็นทอดๆ บ้านแต่ละหลังมีรูปปั้นยามเฝ้าบ้าน ถ้าเป็นสมัยที่ป้ายังเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่ คงไม่กล้าเดินต่อแน่ๆ แต่ตอนนี้ป้าหลุดจากมิตินั้นอย่างสิ้นเชิง จึงไม่เชื่ออะไรที่พิสูจน์ไม่ได้อีกแล้ว
ไปโผล่ถนนอีกสายหนึ่งจริงๆ เราตัดสินใจเลี้ยวขวาเดินขึ้นเนินไปหาแสงสว่าง ปากซอยมีป้อมตร. มีพวกหนุ่มๆ เมาเฮฮา ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง เราสงสัยว่ามุสลิมทำไมดื่มเหล้าและเที่ยวกลางคืน มีให้เห็นเป็นกลุ่มๆ มีสถานบันเทิงด้วย ทันใดนั้น ลุงก็เหลือบเห็นป้าย IJO Hotel ถ้าเราเลี้ยวซ้ายก็คงไม่ต้องเดินไกล เดินกลับลงไป ผ่านกองขยะเหม็นคลุ้ง ข้ามสะพาน มองไปสุดสายตา ด้านหนึ่งเป็นบ้านคนเก็บขยะ แล้วก็ที่เวิ้งว้าง กับความมืด ทำให้ไม่แน่ใจ
เดินย้อนกลับไปบ้านที่เราเห็นว่ามีหนุ่มๆ กำลังเล่นบิลเลียดกัน ตอนที่เราเดินกลับไปถึง มีแม่บ้านกับลูกชายกำลังจะสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ เราจึงรีบเรียกไว้ แล้วถามหาโรงแรมด้วยภาษากาย เขาคิดว่าลุงถามว่าตรงนั้นเป็นโรงแรมเขาบอกไม่ใช่ แม้จะพูดไม่ได้แต่ภาษาใบ้ก็ช่วยได้ พวกเขาชี้ให้เราเดินต่อไป เราข้ามสะพานแล้วเดินขึ้นเขา ผ่านบ้านคนเก็บขยะและทุ่งนา ไปเกือบ 1 กม.เห็นมีป้ายเล็กๆ สองข้างของปากซอย จึงชวนกันเดินลงไปแบบมืดๆ มั่วๆ มันใช่จริงๆ พนง. มีอายุ 1 คน หนุ่ม 1 คน นั่งฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะยาว ด้านหน้าของอาคาร พวกเขางัวเงีย คนสูงวัยพาเราเดินลงไป เปิดห้องให้ ป้าถามว่าคืนละเท่าไร เขาบอก 20,000 แต่ป้าไม่เชื่อ เขาบอกราตรีสวัสดิ์ตอนเช้า ค่อยเจอกัน แล้วก็เดินไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ 1 ผืน
ตอนนั้นเวลาตามนาฬิกาข้อมือตี 2 แต่นาฬิกาในไอโฟนเป็นตี 3 ปรากฏว่า เวลาบาหลีเร็วกว่าไทย 1 ชม. แต่จาการ์ต้าเท่าไทย ตั้งปลุก 6.00 น. ตอนเช้าเอาเงินไปจ่าย พนง.2 คน บอกราคาไม่เท่ากัน ต้องใช้วิธีเขียน ราคาจริง 250,000 รูเปีย ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ แต่ที่พักดีมาก เป็นกรีนโฮเต็ล หลังห้องเป็นลำธาร ได้ยินเสียงน้ำเซาะหินเหมือนนอนที่วังตะไคร้ เสียดายไม่มีบริการสาธารณะ หรือมอเตอร์ไซด์ให้เช่า เราจึงต้องไปหาที่นอนที่สะดวกต่อการท่องเที่ยว ที่อื่น
วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2558 : ตอนแรกคิดว่าจะไปเดนปาร์ซ่า (Denparsa) ซึ่งเป็นเมืองหลวง หรือ อำเภอเมือง เดินออกไปสถานีขนส่ง ข้างทางบ้านเรือนมีเทวรูป เทวาลัย ศาลสารพัด ทางแยกมีราชรถพระรามกับนางสีดา และอย่างอื่นด้วย เต็มไปด้วยรูปปั้น การสลักเสลา ต้นโกสน ลีลาวดี เฟื่องฟ้าดารดาษไปด้วยศิลปะและความสุนทรีย์ เดินไปถึงสถานีขนส่งมีทั้งสองแถว แท็กซี่ รถตู้ ล้อมหน้าล้อมหลังเรา สิ่งที่ฟังจากคนที่บอกว่าทำทัวร์บนรถบัส บอกว่าบาหลีเป็นสังคมแห่งการต่อรอง เราจึงไม่ตกหลุมใครง่ายๆ
จนกระทั่ง มีหนุ่มหนึ่งเดินมาถาม เราหาข้อมูลจากเขาซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ดี คุยกันบ้าง ตะล่อมซ้อมค้างบ้าง จนสรุปได้ว่าเราควรไปนอนที่อูบุด (Ubud) เขาตกลงให้เรา 2 คนแชร์ค่ารถกับอีกครอบครัวหนึ่งเป็น 1 แสนรูเปีย ลักษณะว่า ช่วยกันจ่ายค่าเหมารถ ป้าขอนั่งหน้าจะได้คุยกับคนขับ เพื่อหาข้อมูลหลายๆ อย่าง ทำให้ได้รู้ ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนบาหลีเป็นฮินดู มันเป็นช่วงที่จัดพิธีบูชาพระจันทร์ Full moon purnama) ทุกบ้านทำกระทงดอกไม้วางไว้หน้าบ้านและตามทางแยก มีการแห่ของสวยงามไปวัดของหมู่บ้าน แต่ละครอบครัวมีวัดประจำตระกูล 3วัด และมีศาลพระศิวะ พระวิษณุ กับพระพรหม ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเกิด การอยู่ และการตาย
ดูพวกเขามีความสุขกับการบูชามาก พวกผู้หญิงแต่งตัวสวยเอากระทงดอกไม้ไปเซ่นไหว้ ตอนค่ำแต่งตัวสวยนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์สามีออกจากบ้านไปร่วมงานฉลอง ผู้ชายก็มีความสุขที่ได้พาภรรยาแต่งตัวสวยๆ ไปร่วมงาน มีการประดับประดาวัดต้อนรับขบวนแห่ ตรงที่ที่มีการทำพิธี มีผู้หญิงนั่งอยู่เต็ม มีพราหมณ์สวด และพรมน้ำมนต์ทุกคนดูมีความอิ่มเอมที่ได้เข้าร่วมพิธี
เขาพาไปทางลัด เข้าซอก ออกซอย ผ่านบ้านเรือนที่สวยงาม ทั้งสิ่งก่อสร้าง และประดับประดาด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ทุกบ้านมีต้นโกสน ดูเหมือนเป็นไม้ยืนต้น เพราะต้นใหญ่มาก ที่บาหลีมีร้านขายไม้อยู่หลายร้าน มีร้านปูน ปั้น แกะสลัก สารพัดตัวละครจากรามเกียรติ และเรื่องเล่าตามตำนานของฮินดู เรียงรายตลอดเส้นทาง มองไปทางไหนก็มีแต่ความสงวยงาม ร่มรื่น ต้นลีลาวดี (Kamboja ภาษาอินโด) ก็มีอยู่มากมาย
เขาชี้ให้เราดูถนนที่เป็นย่านที่พัก แล้วขับรถเลยไปจอดหลังกำแพงเลยทางเข้าที่พัก และบอกว่าให้เดินย้อนเพราะตรงนั้นจอดรถไม่ได้ เราได้ที่พักย่านกลางเมืองชื่อ Agung Anom Home Stay เจ้าของทำเอง มีอัธยาศัยดีมาก เธอทักทายแล้วถามว่า คนญี่ปุ่นใช่มั้ย ป้าบอกว่า คนไทย เธอหัวเราะ การเช็คอินเข้าพัก ง่ายๆ เปิดห้องเอาของเข้าได้เลยเจ้าของทำเอง ค่าที่พักคืนละ 200,000 รูเปีย มีมอเตอร์ไซด์ให้เช่า วันละ 50,000 รูเปีย
ป้าบอกว่าเงินไม่พอต้องไปกดเงินก่อน เธอบอกว่า ไม่เป็นไรไว้จ่ายตอนออกก็ได้ แต่ขอค่าเช่ามอเตอร์ไซด์ก่อน เอกสารก็ไม่เอาให้ป้ากรอกเอง ดูเหมือนเธอจะอ่านภาษาอังกฤษ ไม่ออกแต่พูดสื่อสารโดยใช้ภาษาใบ้ประกอบได้ ห้องพักเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวสูงจากพื้น 2 ขั้นบันได มีห้องน้ำในตัว มีมุ้งให้ด้วย แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัว กับสบู่ หรือทิชชุใหั มีน้ำร้อนกับชา กาแฟให้ แต่เราอยากได้น้ำธรรมดาต้องเอาน้ำร้อนตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกรอกใส่ขวด มอเตอร์ไซด์ให้เช่าก็ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องน้ำมัน แค่คนใช้ไปเที่ยวได้ แต่เราเติมน้ำมันไปเยอะเพราะเที่ยวไกลและหลายที่ 2 วันเติมน้ำมันไป 85,000 รูเปีย ค่าเช่ารถ 100,000 รูเปีย วันแรกออกไปกดเงิน 500,000 รูเปีย มีค่าธรรมเนียม 10,000 รูเปีย มีมาเฟียมาเก็บค่าจอดรถแต่ลุงไม่ให้
เราไปเดนปาร์ซา เมืองหลวงของบาหลีเป็นจุดแรก แต่กว่าจะถึงเดนปาร์ซ่า ก็ผ่านการเล่าเรื่องด้วยรูปปั้นหลายแยก ใกล้เที่ยงเริ่มหิว จึงแวะร้านข้างทาง มีข้าราชการกับพนักงานนั่งอยู่ ร้านดูสะอาด คนขายสวยด้วย สั่งข้าวราดหน้าไก่ กับผักแถมน้ำพริก อีกจานเป็นไข่ น้ำส้มคั้นคนละ 1 แก้ว มื้อนั้น 50,000 รูเปีย
เราขอให้ขรก. ท่าทางผู้ใหญ่ ชื่อ BAYU กับ WAYAN วาดเส้นทางไปที่ทำการรบ.ให้ กว่าจะไปถึงก็หลงไปหลายแยก แต่ก็ดีเพราะไปพบฮินดูสถานมหึมา ท่ามกลางแดดเปรี้ยง Perjuangan Rakyat Bali เราขี่วนไปจนเจอสนง.ของรบ. อยู่ในดงไม้ มีลักษณะแตกต่างกับอาคารที่อยู่โดยรอบ เป็นอาคารที่มีส่วนประกอบเป็นไม้มากกว่าอาคารอื่นๆ และรูปทรงหลังคาก็แตกต่างจากอาคารโดยทั่วไป อยู่ในดงไม้ ไม่ได้ดูหรูหรา ฟู่ฟ่า ทำให้เราหาไม่เจอ
ถามทางเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ตรงกันข้ามกับอาคารสำนักงานรัฐบาล เขาชื่อ IDA BAGUY เพื่อไปทะนาลอต (Tanahlot) ซึ่งเป็นสวนน้ำอยู่ไกลมากใช้เวลากว่าชม.ท่ามกลางแดดร้อน พอขี่ไปถึงมีการเก็บค่าผ่านประตู เราไม่แน่ใจว่า เป็นของเอกชนหรือเป็นของรัฐบาล รู้แต่ว่า ในนั้นมีจุดที่จะชมพระอาทิตย์ตกดินได้สวยงาม มีเกาะหินกลางทะเล ที่มีลักษณะเหมือนสะพาน มองลอดไปใต้สะพาน สวยงาม เราจึงได้แต่แชะหน้าทางเข้า แล้วเดินทางต่อ เป้าหมายอยู่ที่จาตี้ลิววี่ห์ (Jatih Luwih) 259 การทำนาแบบขั้นบันได
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น