งานที่ไอ้โจ้ได้รับ มีหน้าที่เอาหลอดไฟ ใส่เบ้า งานไม่ยาก แต่ต้องทำยอด หากยอดไม่ถึงจะโดนซ่อม อย่างวิดพื้น หรือ ลุกนั่ง แล้วแต่เสมียนจะสั่ง อำนาจนั้นก็อยู่ในมือไอ้กรุงนั่นเอง ไอ้โจ้โดนซ่อมทุกวัน เพราะมันยังไม่คล่อง ไอ้โจ้ก็ได้แต่ท่องไว้ ให้อดทน วันนึงคงทำให้คล่องได้ จะได้ไม่โดนซ่อม เพราะไอ้กรุงเล่นในเกม ใครก็ช่วยไอ้โจ้ไม่ได้
ช่วงนี้อีนกก็จะหลบๆ ไม่เข้ามาในกองงานสายไฟ ตอนเช้ามันก็รีบออกไปแดน พ.บ.เลย ไม่ค่อยมากระหนุงกระหนิงกับไอ้กรุง เท่าไหร่นัก เพราะยังไม่อยากให้ไอ้โจ้เจอ และรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ แต่ก็จะคอยๆแอบๆดู ว่าไอ้กรุงจัดการกับไอ้โจ้ยังไง
ผ่านไปได้เกือบเดือน ไอ้กรุงก็ยังคง จัดการไอ้โจ้ได้แค่ในหน้าที่ และคอยปั่นประสาทแค่นั้นเอง ด้านอีนกก็ยังไม่ค่อยพอใจนัก เพราะมันยังรู้สึกว่าไม่สาสม กับการที่มันต้องติดคุก 4 ปี
“พี่กรุง ทำได้แค่นี้เองหรอ นกติดตั้ง 4 ปีนะ นกไปหาคนอื่นช่วยดีกว่า” อีนกพูดขณะที่นอนกกกับไอ้กรุงอยู่ใต้บันได
“ใจเย็น ๆ ทุกวันนี้พี่ก็ค่อยๆเพิ่มยอดให้มัน กดดันมัน รอมันทนไม่ไหว ระเบิดออกมา ก็เข้าทางเราหล่ะ ที่นี้หล่ะ พี่จะจัดชุดใหญ่ให้มันเลย” ไอ้กรุงพูดอธิบายเหตุผล
“แล้วเมื่อไหร่ละพี่ นกโมโห ทุกทีที่เห็นหน้ามัน เห็นแล้วอยากหาไม้เข้าไปฟาดหน้ามันจริงๆ” อีนกพูดเสียงสั่น พร้อมแสดงสายตาโกรธแค้น
ไอ้กรุงนึกในใจว่า มันคงไม่ลงทุนเข้าไปแลกขนาดนั้น เพราะสถานะตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ถ้าไปลงไม้ลงมือ ก็จะทำให้เสียหลายๆอย่างไป แค่รอให้ไอ้โจ้ทนไม่ไหวลุกขึ้นใช้กำลัง มันถึงค่อยลงมือ แบบไม่มีความผิดใดใด เพราะมันทำตามหน้าที่ แต่ไอ้โจ้ทนไม่ไหวเอง
อีนกเก็บความอึดอัดนี้ไว้ ไประบายกับอีเปิ้ลเพื่อนรักบนเรือนนอน
“พี่กรุงนี่ ปอดแหกจริงๆเลย ไม่กล้ากระทืบไอ้โจ้สักที” อีนกพูด ด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“อีเปิ้ล หน่ะช่วยกูคิดหน่อย ทำไงดี ไอ้พี่กรุงมันถึงจะกระทืบไอ้โจ้ให้สักที” อีนกพูดต่อ
“ก็ธรรมดานะ พี่กรุงมันเป็นถึง รองเสมียนแล้ว อยู่ดีๆ ไปกระทืบใครมั่วๆ โดนทำโทษย้ายแดน ลำบากตายเลย” อีเปิ้ลพูด
“กูหน่ะมีวิธี แต่จะรับได้ไหม กับสิ่งที่จะเกิดหลังจากนั้นหน่ะ” อีเปิ้ลพูดถาม ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ไหนลองว่ามาสิ” อีนกถาม สีหน้าสงสัย
“มาใกล้ๆ นี่นะ เดี๋ยว....” อีเปิ้ลพูด เสียงเบาข้างหูอีนก
“แรงไปไหม” อีนกถาม
“ก็แรงสิ ไม่ทำก็เรื่องของ ถ้าทำกูจะช่วย” อีเปิ้ลพูดต่อ
เช้าวันอาทิตย์ แดดส่องจ้า ฟ้าไม่มีเมฆ มองเห็นสีฟ้าคราม ทั่วแผ่นฟ้า เป็นสัญญาณให้คนคุกที่เก็บเสื้อผ้า หมักหมมไว้รอมาซักในวันว่าง ให้รีบซัก แล้วมาตาก แดดดีๆแบบนี้ หลังอาหารเที่ยงก็คงแห้ง
ช่วงเช้าจึงทำให้หน้าอ่างน้ำ ชุลมุลวุ่นวายมากพอดู ในสังคมคุก ใครไวกว่าได้ก่อน ใครเสร็จก่อนก็จะได้ไปพักผ่อน นอนดูทีวี เขียนจดหมาย อ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆได้ตามใจ
ไอ้กรุงมีลูกน้องมากมายคอยทำหน้าที่ซักผ้าให้อยู่แล้ว พอกินข้าวเช้าเสร็จก็จะมานอนกกกับอีนกที่ใต้บันไดที่ประจำ จนคนทั้งแดนรู้ว่า ที่ตรงนี้ของใคร
“วันนี้พี่กรุง ไปเล่นมวยไหม” อีนกถาม ขณะที่ดึงกางเกงขาสั้นลายดอกไม้ ขึ้นจากการกองที่ตาตุ่ม
“ไปสิ มีไรหรอ” ไอ้กรุงตอบ พร้อมดึงเชือกผูกหูกางเกงให้กระชับ
“ไม่มีไรพี่ บ่ายๆนกว่าจะนั่งเขียนจดหมายหาแม่หน่อย” อีนกตอบ
“อ่อ เดี๋ยวเที่ยงๆ จะกินไร วันนี้โรงเลี้ยงมีผัดซีอิ้ว เอาไหม จะให้เด็กเอามาให้” ไอ้กรุงถาม น้ำเสียงห่วงใย
“ได้จ๊ะพี่ แล้วพี่มากินด้วยกันไหม” อีนกตอบ พลางส่งยิ้ม
“ไม่แน่ๆ อาจไปหาเล่นหมากรุกแถวๆ ใต้ตึกนอน ถ้าพี่ไม่มา ก็ไม่ต้องรอนะ” ไอ้กรุงพูด พร้อมเดินจากไป
อีนกนั่งนึกถึงแผนการณ์ที่อีเปิ้ลบอก และกำลังกังวลถึงผลที่มันจะตามมา ว่าจะทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไปไหม ถ้าเปลี่ยนแล้วมันจะปรับตัวยังไง คิดไปคิดมา แต่สุดท้ายความกังวลเหล่านั้นก็หายไป หลังจากที่มันมองสภาพรอบๆตัว แล้วถามตัวเองว่า ทำไมตัวมันต้องมาอยู่ที่นี่ คนที่ทำกับมันต้องรับผลที่สาสม
บรรกาศโรงเลี้ยงช่วงสายๆ วันอาทิตย์ หลังจากใช้กินข้าวเสร็จแล้ว บรรดาคนทำงานที่โรงเลี้ยงก็จะรีบทำความสะอาดพื้น และโต๊ะกินข้าวให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน ทางโรงเลี้ยงจะเปิดทีวี ให้ทุกคนเข้าไปดูได้ นี่ก็เป็นอีกความสุขนึง ที่พอจะหาได้ในเรือนจำ
ไอ้โจ้ก็เข้ามานั่งหย่อนใจที่นี่เช่นกัน หลังจากที่ผ่านการกดดัน ทั้งงาน ทั้งที่นอน มาทั้งอาทิตย์ ก็มีวันนี้เอง ที่มันจะได้นั่งสบาย ไม่ต้องคิดเรื่องอะไร ดูทีวีพอคลายเครียดไปได้
ไอ้โจ้ไม่เคยโดนจับ นี่เป็นรอบแรกของมัน หลังจากที่หนีรอดในคืนนั้น ไอ้โจ้ก็ต้องหนีกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ทิ้งความผิดทุกอย่างให้อีนกรับผิดชอบไป
หมกตัวอยู่บ้านได้ไม่นาน ไอ้โจ้ก็เริ่มออกหายาเสพแถวๆระแวกบ้าน และใช้วิธีการเดิม คือหาหลอกกระเทย หลอกเงินไปซื้อยามาขาย แต่คราวนี้มัน ระมัดระวังมากกว่าเดิม ขายเฉพาะคนรู้จักจริงๆ ไม่กล้าขายมั่วๆอีก แค่พอได้ยาเสพไปวันๆ
ถึงแม้การขายของไอ้โจ้จะไม่โจ่งแจ้ง ไม่เป็นที่สนใจของตำรวจ แต่มันก็แย่งลูกค้าของพ่อค้ายาเจ้าถิ่น ไปได้หลายราย เพราะไอ้โจ้ขายถูกกว่า จึงถูกหมายหัว พ่อค้ายาเคยให้ลูกน้องมาเตือนว่าให้เลิก ไม่งั้นตายแน่ แต่ไอ้โจ้มันก็หยุดไม่ได้แล้ว เพราะตัวมันก็เสพ เลิกแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเสพ
จนวันนึง คำเตือนก็เกิดผล ไอ้โจ้ถูกลูกน้องพ่อค้ายาขาใหญ่ไล่ยิง ขณะกำลังเอาของไปขาย จึงต้องหนีจากบ้านมาหากินที่กรุงเทพ ระแวกถิ่นเก่า และก็ยังคงใช้วิธีเดิม หลอกกระเทยหาเงินมาเสพ แต่คราวนี้ไม่กล้าขายแล้ว
แต่กรรมของไอ้โจ้ที่เคยทำไว้ ก็ถึงเวลาชดใช้ มันถูกจับ ตอนที่ออกมาจากแหล่งขายยา ถูกด่านตรวจค้นเจอยาที่ตัว 20 เม็ด ไอ้โจ้เลยหมดอิสระภาพ
ขณะที่ไอ้โจ้กำลังนั่งดูทีวี และเอามือนวดน่องที่ปวดตึบๆ จากการลุกนั่งนับกว่า 100 ครั้ง จากการโดนซ่อมเมื่อวาน
“เธอๆ เธอชื่อโจ้ใช่ไหม” อีเปิ้ลถาม พร้อมเอามือสะกิด
“ใช่ๆ ครับ มีอะไรหรอครับ” ไอ้โจ้ตอบ และถามกลับในคราวเดียว
“มีคนฝากจดหมายมาให้เธอหน่ะ” อีเปิ้ลพูด พร้อมยื่นกระดาษที่พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กให้
“ใครหรอครับ” ไอ้โจ้ถาม โดยที่ยังไม่กล้ารับกระดาษนั่น
“เอาไปเถอะน่า อ่านดูก็รู้เอง” อีเปิ้ลพูด พร้อมวางกระดาษลงบนโต๊ะ แล้วเดินจากไป
การเข้าคุกอย่างไรให้ถูกวิธีและอยู่รอดปลอดภัย ตอนที่ 6 กระเทย ( ดอกไม้ปลอม ในดงโจร) 6/4
ช่วงนี้อีนกก็จะหลบๆ ไม่เข้ามาในกองงานสายไฟ ตอนเช้ามันก็รีบออกไปแดน พ.บ.เลย ไม่ค่อยมากระหนุงกระหนิงกับไอ้กรุง เท่าไหร่นัก เพราะยังไม่อยากให้ไอ้โจ้เจอ และรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ แต่ก็จะคอยๆแอบๆดู ว่าไอ้กรุงจัดการกับไอ้โจ้ยังไง
ผ่านไปได้เกือบเดือน ไอ้กรุงก็ยังคง จัดการไอ้โจ้ได้แค่ในหน้าที่ และคอยปั่นประสาทแค่นั้นเอง ด้านอีนกก็ยังไม่ค่อยพอใจนัก เพราะมันยังรู้สึกว่าไม่สาสม กับการที่มันต้องติดคุก 4 ปี
“พี่กรุง ทำได้แค่นี้เองหรอ นกติดตั้ง 4 ปีนะ นกไปหาคนอื่นช่วยดีกว่า” อีนกพูดขณะที่นอนกกกับไอ้กรุงอยู่ใต้บันได
“ใจเย็น ๆ ทุกวันนี้พี่ก็ค่อยๆเพิ่มยอดให้มัน กดดันมัน รอมันทนไม่ไหว ระเบิดออกมา ก็เข้าทางเราหล่ะ ที่นี้หล่ะ พี่จะจัดชุดใหญ่ให้มันเลย” ไอ้กรุงพูดอธิบายเหตุผล
“แล้วเมื่อไหร่ละพี่ นกโมโห ทุกทีที่เห็นหน้ามัน เห็นแล้วอยากหาไม้เข้าไปฟาดหน้ามันจริงๆ” อีนกพูดเสียงสั่น พร้อมแสดงสายตาโกรธแค้น
ไอ้กรุงนึกในใจว่า มันคงไม่ลงทุนเข้าไปแลกขนาดนั้น เพราะสถานะตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ถ้าไปลงไม้ลงมือ ก็จะทำให้เสียหลายๆอย่างไป แค่รอให้ไอ้โจ้ทนไม่ไหวลุกขึ้นใช้กำลัง มันถึงค่อยลงมือ แบบไม่มีความผิดใดใด เพราะมันทำตามหน้าที่ แต่ไอ้โจ้ทนไม่ไหวเอง
อีนกเก็บความอึดอัดนี้ไว้ ไประบายกับอีเปิ้ลเพื่อนรักบนเรือนนอน
“พี่กรุงนี่ ปอดแหกจริงๆเลย ไม่กล้ากระทืบไอ้โจ้สักที” อีนกพูด ด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“อีเปิ้ล หน่ะช่วยกูคิดหน่อย ทำไงดี ไอ้พี่กรุงมันถึงจะกระทืบไอ้โจ้ให้สักที” อีนกพูดต่อ
“ก็ธรรมดานะ พี่กรุงมันเป็นถึง รองเสมียนแล้ว อยู่ดีๆ ไปกระทืบใครมั่วๆ โดนทำโทษย้ายแดน ลำบากตายเลย” อีเปิ้ลพูด
“กูหน่ะมีวิธี แต่จะรับได้ไหม กับสิ่งที่จะเกิดหลังจากนั้นหน่ะ” อีเปิ้ลพูดถาม ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ไหนลองว่ามาสิ” อีนกถาม สีหน้าสงสัย
“มาใกล้ๆ นี่นะ เดี๋ยว....” อีเปิ้ลพูด เสียงเบาข้างหูอีนก
“แรงไปไหม” อีนกถาม
“ก็แรงสิ ไม่ทำก็เรื่องของ ถ้าทำกูจะช่วย” อีเปิ้ลพูดต่อ
เช้าวันอาทิตย์ แดดส่องจ้า ฟ้าไม่มีเมฆ มองเห็นสีฟ้าคราม ทั่วแผ่นฟ้า เป็นสัญญาณให้คนคุกที่เก็บเสื้อผ้า หมักหมมไว้รอมาซักในวันว่าง ให้รีบซัก แล้วมาตาก แดดดีๆแบบนี้ หลังอาหารเที่ยงก็คงแห้ง
ช่วงเช้าจึงทำให้หน้าอ่างน้ำ ชุลมุลวุ่นวายมากพอดู ในสังคมคุก ใครไวกว่าได้ก่อน ใครเสร็จก่อนก็จะได้ไปพักผ่อน นอนดูทีวี เขียนจดหมาย อ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆได้ตามใจ
ไอ้กรุงมีลูกน้องมากมายคอยทำหน้าที่ซักผ้าให้อยู่แล้ว พอกินข้าวเช้าเสร็จก็จะมานอนกกกับอีนกที่ใต้บันไดที่ประจำ จนคนทั้งแดนรู้ว่า ที่ตรงนี้ของใคร
“วันนี้พี่กรุง ไปเล่นมวยไหม” อีนกถาม ขณะที่ดึงกางเกงขาสั้นลายดอกไม้ ขึ้นจากการกองที่ตาตุ่ม
“ไปสิ มีไรหรอ” ไอ้กรุงตอบ พร้อมดึงเชือกผูกหูกางเกงให้กระชับ
“ไม่มีไรพี่ บ่ายๆนกว่าจะนั่งเขียนจดหมายหาแม่หน่อย” อีนกตอบ
“อ่อ เดี๋ยวเที่ยงๆ จะกินไร วันนี้โรงเลี้ยงมีผัดซีอิ้ว เอาไหม จะให้เด็กเอามาให้” ไอ้กรุงถาม น้ำเสียงห่วงใย
“ได้จ๊ะพี่ แล้วพี่มากินด้วยกันไหม” อีนกตอบ พลางส่งยิ้ม
“ไม่แน่ๆ อาจไปหาเล่นหมากรุกแถวๆ ใต้ตึกนอน ถ้าพี่ไม่มา ก็ไม่ต้องรอนะ” ไอ้กรุงพูด พร้อมเดินจากไป
อีนกนั่งนึกถึงแผนการณ์ที่อีเปิ้ลบอก และกำลังกังวลถึงผลที่มันจะตามมา ว่าจะทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไปไหม ถ้าเปลี่ยนแล้วมันจะปรับตัวยังไง คิดไปคิดมา แต่สุดท้ายความกังวลเหล่านั้นก็หายไป หลังจากที่มันมองสภาพรอบๆตัว แล้วถามตัวเองว่า ทำไมตัวมันต้องมาอยู่ที่นี่ คนที่ทำกับมันต้องรับผลที่สาสม
บรรกาศโรงเลี้ยงช่วงสายๆ วันอาทิตย์ หลังจากใช้กินข้าวเสร็จแล้ว บรรดาคนทำงานที่โรงเลี้ยงก็จะรีบทำความสะอาดพื้น และโต๊ะกินข้าวให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน ทางโรงเลี้ยงจะเปิดทีวี ให้ทุกคนเข้าไปดูได้ นี่ก็เป็นอีกความสุขนึง ที่พอจะหาได้ในเรือนจำ
ไอ้โจ้ก็เข้ามานั่งหย่อนใจที่นี่เช่นกัน หลังจากที่ผ่านการกดดัน ทั้งงาน ทั้งที่นอน มาทั้งอาทิตย์ ก็มีวันนี้เอง ที่มันจะได้นั่งสบาย ไม่ต้องคิดเรื่องอะไร ดูทีวีพอคลายเครียดไปได้
ไอ้โจ้ไม่เคยโดนจับ นี่เป็นรอบแรกของมัน หลังจากที่หนีรอดในคืนนั้น ไอ้โจ้ก็ต้องหนีกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ทิ้งความผิดทุกอย่างให้อีนกรับผิดชอบไป
หมกตัวอยู่บ้านได้ไม่นาน ไอ้โจ้ก็เริ่มออกหายาเสพแถวๆระแวกบ้าน และใช้วิธีการเดิม คือหาหลอกกระเทย หลอกเงินไปซื้อยามาขาย แต่คราวนี้มัน ระมัดระวังมากกว่าเดิม ขายเฉพาะคนรู้จักจริงๆ ไม่กล้าขายมั่วๆอีก แค่พอได้ยาเสพไปวันๆ
ถึงแม้การขายของไอ้โจ้จะไม่โจ่งแจ้ง ไม่เป็นที่สนใจของตำรวจ แต่มันก็แย่งลูกค้าของพ่อค้ายาเจ้าถิ่น ไปได้หลายราย เพราะไอ้โจ้ขายถูกกว่า จึงถูกหมายหัว พ่อค้ายาเคยให้ลูกน้องมาเตือนว่าให้เลิก ไม่งั้นตายแน่ แต่ไอ้โจ้มันก็หยุดไม่ได้แล้ว เพราะตัวมันก็เสพ เลิกแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเสพ
จนวันนึง คำเตือนก็เกิดผล ไอ้โจ้ถูกลูกน้องพ่อค้ายาขาใหญ่ไล่ยิง ขณะกำลังเอาของไปขาย จึงต้องหนีจากบ้านมาหากินที่กรุงเทพ ระแวกถิ่นเก่า และก็ยังคงใช้วิธีเดิม หลอกกระเทยหาเงินมาเสพ แต่คราวนี้ไม่กล้าขายแล้ว
แต่กรรมของไอ้โจ้ที่เคยทำไว้ ก็ถึงเวลาชดใช้ มันถูกจับ ตอนที่ออกมาจากแหล่งขายยา ถูกด่านตรวจค้นเจอยาที่ตัว 20 เม็ด ไอ้โจ้เลยหมดอิสระภาพ
ขณะที่ไอ้โจ้กำลังนั่งดูทีวี และเอามือนวดน่องที่ปวดตึบๆ จากการลุกนั่งนับกว่า 100 ครั้ง จากการโดนซ่อมเมื่อวาน
“เธอๆ เธอชื่อโจ้ใช่ไหม” อีเปิ้ลถาม พร้อมเอามือสะกิด
“ใช่ๆ ครับ มีอะไรหรอครับ” ไอ้โจ้ตอบ และถามกลับในคราวเดียว
“มีคนฝากจดหมายมาให้เธอหน่ะ” อีเปิ้ลพูด พร้อมยื่นกระดาษที่พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กให้
“ใครหรอครับ” ไอ้โจ้ถาม โดยที่ยังไม่กล้ารับกระดาษนั่น
“เอาไปเถอะน่า อ่านดูก็รู้เอง” อีเปิ้ลพูด พร้อมวางกระดาษลงบนโต๊ะ แล้วเดินจากไป