นางเอกพิมพ์นิยม7สี 'เปรี้ยว' กวางน้อยโลกสวย! ตามรอย 'อั้ม พัชราภา'

"บันเทิงไทยรัฐออนไลน์" ชวนคุยกับนางเอก 7 สี "เปรี้ยว ทัศนียา" กวางน้อยโลกสวยจากละครเรื่องล่าสุดจากช่อง 7 สี "มรสุมสวาท" พร้อมทั้งถามถึงงานละครใหม่ "เพลิงพระนาง" ที่ช่องว่างตัวเธอประกบนางเอกตัวแม่ "อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ" เพื่อดันให้กลายเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆ อีกคน ไปจนถึงเรื่องหัวใจที่แว่วมาว่ามีหนุ่มหล่อระดับพระเอกตามจีบด้วย...

ทำเอาสาวๆ อยากจะเป็นนางเอกหน้าคมแห่งวิก 7 สี เปรี้ยว ทัศนียา การสมนุช กันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะเมื่อเปรี้ยวโคจรมาพบกับพระเอกหนุ่มมาดกวน เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ ในละครดราม่าตบจูบเรื่องล่าสุดจากช่อง 7 สี “มรสุมสวาท” ทำเอาแฟนๆ ที่ติดตามดูจิกหมอนนอนฟินกันเป็นแถบ เพราะมีทั้งฉากกุ๊กกิ๊กชวนแอบยิ้มไปจนถึงฉากจูบจริงที่แซ่บถึงใจ ถึงอารมณ์แบบสุดๆ อีกทั้งเวียร์เองก็สวมบท "สยมภู" มาเฟียหนุ่มหล่อเข้มละลายใจสาวๆ ได้ถึงบทบาท ส่วนเปรี้ยวก็สลัดภาพนางเอกสู้คนและนางร้ายรสแซ่บมารับบท "กวาง" สาวโลกสวยที่ต่อสู้กับมรสุมชีวิตแบบไม่ย่อท้อ ซึ่งเปรี้ยวทำได้ดีจนได้ใจแฟนๆ ไปเต็มๆ ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นละครฮิตที่สุดและเรตติ้งดีที่สุดของช่อง 7 ในเวลานี้ด้วย แต่ตัวจริงของเปรี้ยวจะเป็นสาวโลกสวยเหมือนในละครรึเปล่า “บันเทิงไทยรัฐออนไลน์” ชวนทุกคนไปฟังคำตอบจากเจ้าตัวกัน!!

ถามถึงละคร “มรสุมสวาท” ใกล้จะจบแล้ว ฟีดแบ็กดีมากเลย?
กระแสดีมากเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้ คือบทเรื่องนี้จะเป็นคนโลกสวยมาก วันนั้นไปมีตติ้งแฟนละครของช่อง 7 เราก็ถามว่าวันนี้อยากเจอใคร เขาก็บอกว่าอยากเป็นกวางค่ะ (ยิ้ม) จะได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่เวียร์หรือคุณสยมภู ซึ่งเรื่องนี้พระเอกจะผ่านเรื่องไม่ดีมา แล้วพอมาเจอเราที่โลกสวยมาก ก็เลยเหมือนมาเติมเต็มให้เขาค่ะ เราก็เหมือนเจอมรสุมมาตลอดเวลา ซึ่งมันก็เกิดจากคุณพ่อ พอเรามาเจอเขา จริงๆ เขาก็รักเรา แต่เขาเป็นเจ้าหนี้พ่อ มันก็จะมีเรื่องเข้าใจผิดกันตลอดเวลาค่ะ แต่จริงๆ เขารักเราและพร้อมจะช่วยเราเสมอ แต่กวางเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมากค่ะ ไม่รับความช่วยเหลือใดๆ จากใคร ทำด้วยตัวเองค่ะ อ่านบทครั้งแรกก็โห...ต้องร้องไห้อีกแล้วเหรอเนี่ย เป็นคนอ่อนแอ โลกสวย มองโลกในแง่ดีทุกอย่างค่ะ ถามว่ายากไหมก็ยากนะคะเพราะเราต้องปรับทัศนคติเรา คือในชีวิตจริงหนูค่อนข้างสู้คน จะคิดอีกแบบนึง แต่กวางจะโลกสวยมาก ยอม อะไรก็ไม่เป็นไรค่ะ นางเอกมาก

เรื่องนี้เลิฟซีนค่อนข้างเยอะมาก มีตั้งแต่ฉากเลิฟซีนกุ๊กกิ๊กไปจนถึงฉากจูบจริง?
ใช่ค่ะ แต่มันก็มีที่มาที่ไป มันจะเริ่มตั้งแต่เราเป็นนักเรียน ม.6 ส่วนพี่เวียร์จะโตแล้วเป็นมาเฟีย ฉากกุ๊กกิ๊กในระยะแรกๆ มันก็ประมาณว่าพอเราเป็นลมหรือหลับเขาก็จะมาแอบจุ๊บ ดูกุ๊กกิ๊กน่ารักแบบมาเฟียอยากจุ๊บเด็ก แต่พอ 5 ปีผ่านไป เราโตขึ้น เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว มันก็ต้องมีฉากที่รุนแรงมากขึ้นเกี่ยวกับเลิฟซีน ถามว่าหนักใจไหมเพราะเลิฟซีนเยอะตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง หนูเตรียมใจมาตั้งแต่ตอนที่ได้รู้ว่าเล่นแล้วค่ะ เพราะชื่อละครมรสุมสวาทนี่คือแนวตบจูบแน่นอน มาตอนหลังก็มีเลิฟซีนหนักขึ้น แต่พอหนูอ่านบทมันก็มีที่มาที่ไป มันดูมีเหตุผล แล้วผู้กำกับก็ไม่ได้ให้พี่เวียร์มาจูบพร่ำเพรื่ออยู่แล้วค่ะ ส่วนฉากจูบจริงที่หลายคนจับตามองเยอะ สำหรับหนูคือเป็นนักแสดง หนูก็ทำหน้าที่ของหนูให้ดีที่สุด

เล่นละครกับเวียร์เรื่องแรกก็มีฉากเลิฟซีนเยอะ เราเขินไหม?
เล่นกับพี่เวียร์ก็มีเขินบ้างเพราะมันเยอะค่ะ แต่ทุกคนก็ทำงานน่ะ ในเรื่องการเข้าฉากด้วยกันมันก็ต้องมีเขินบ้างเวลาซ้อม แต่ถ้าเล่นจริงก็ไม่เขินอยู่แล้ว ตอนซ้อมมันยังไม่โดนจริง ก็มีแซวกันบ้างเพื่อให้เราผ่อนคลาย ไม่เกร็ง จะได้ไม่หลายเทคค่ะ พี่เวียร์ก็ช่วยเรื่องการส่งอารมณ์เพราะพี่เวียร์เป็นคนที่อินเนอร์มาเต็มทั้งสายตา น้ำเสียง การแสดงหลายๆ อย่าง เวลาเข้าฉากด้วยกัน อย่างซีนที่หนูร้องไห้ด้วยกันสองคน แค่หนูเห็นเขาร้องไห้หนูก็ร้องแล้ว มันตอบรับกันดีค่ะ รับส่งกันแล้วมันรู้สึกจริงๆ ค่ะ ร่วมงานกันแรกๆ ก็เกร็งมากค่ะ แล้วเหมือนเขารู้ว่าหนูเกร็ง เขาก็แกล้งบอกว่าเนี่ย เดี๋ยวจูบจริงหนักหน่วงมากเลยนะ แต่พอถ่ายไปมันก็ผ่อนคลาย สนุก แฮปปี้เวลาทำงานค่ะ

แฟนคลับก็จิ้นเรากับเวียร์เยอะเหมือนกัน?
ใช่ค่ะ ได้อ่านคอมเมนต์ก็ประมาณว่าทุกคนอยากเป็นหนูหมดเลยค่ะ เวลามีฉากจูบ คนก็จะบอกว่าอยากเป็นกวาง แล้วเห็นจากที่แฟนคลับแคปมาจากในเน็ตหรือพันทิปก็จะเป็นรูปหนูกับพี่เวียร์ในละครแต่เขียนว่า กู ตรงหน้าหนูเพราะอยากเป็นหนู หนูเห็นแล้วก็โอ้โห (หัวเราะ) พอเห็นว่าคนอินขนาดนี้ก็หายเหนื่อยนะคะ รู้สึกว่ามีคนรู้จักเรามากขึ้นเพราะเล่นกับพี่เวียร์ด้วย ไหนจะเนื้อเรื่องที่สนุกมากค่ะ คนก็จะทั้งหมั่นไส้และรักหนูในเวลาเดียวกัน หมั่นไส้ว่าทำไมต้องหยิ่งกับคุณสยมภูขนาดนี้ทั้งที่เขารักเธอนะ ทำไมไม่ยอมซะที แต่ดูไปแล้วก็จะเข้าใจว่าทำไมกวางคิดอย่างนี้ เหมือนเขาก็จะมีมุมมองของเขาว่าบางทีไม่เข้าใจว่าทำไมเราหยิ่ง แต่พอมาดูอีกทีก็เออ อย่างนี้นี่เอง เวลาไปไหนมาไหนก็มีคนเข้ามาทักเยอะเหมือนกัน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาหนูมีนัดมีตติ้งกับแก๊งพี่ๆ ในละครคมพยาบาทที่ห้างใหม่ตรงรามอินทราค่ะ แล้วมีแฟนคลับเดินเข้ามา เขาก็ตกใจมากที่เจอหนู ไม่คิดว่าจะเจอ แล้วเขาก็ร้องไห้เพราะดีใจมาก หนูก็ตกใจว่าร้องไห้เลยเหรอ (ยิ้มปลื้ม) ก็บอกไปว่าไม่ต้องร้องนะ คือเขาอินกับการแสดงของเรา เขาชอบมากค่ะ

ก่อนหน้านี้เล่นบทร้ายบ้าง แก่นๆ บ้าง สู้คนบ้าง มาเล่นเรื่องนี้ตรงข้ามหมดเลย ต้องปรับตัวเยอะไหม?
ก็เยอะเหมือนกันนะคะ ต้องเล่นเป็นนักเรียนด้วย มันต้องมีความใส แล้วผู้กำกับคือพี่อ๊อด (ธีระศักดิ์ พรหมเงิน) ก็จะช่วยตลอด จะคอยบอกตลอดว่าต้องเด็กนะ ใสนะ ไม่คิดเยอะ เพราะที่ผ่านมาจะออกแนวเป็นนางเอกสู้คน ต้องคิดอะไรซับซ้อนมาก ซึ่งเรายังติดตรงนั้นมาอยู่ แต่พอเรามาเล่นตรงนี้พี่อ๊อดก็บอกว่าตอนเป็นเด็กไม่ต้องคิดอะไรเลย คิดอะไรก็พูดออกมาเลย หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ไปเลยค่ะ แต่พอเวลา 5 ปีผ่านไปก็ต้องปรับอีกแบบนึงว่าเราต้องโตกว่านี้ คิดเยอะกว่านี้ค่ะ ซึ่งก็มีคนชมนักแสดงในเรื่องนี้เยอะเหมือนกัน เพราะค่อนข้างเปลี่ยนแบบก้าวกระโดดค่ะ 5 ปีผ่านไปทุกคนก็โตขึ้น การแสดงก็เปลี่ยนไปค่ะ

เรื่องนี้ก็มีคนติเรื่องการแต่งหน้าจัดของเราเหมือนกัน ฟังแล้วนอยด์ไหม?
ก็ได้อ่านนะคะ จริงๆ แล้วไม่ได้แต่งเข้มเลย แต่งอ่อนมาก คือใส่ชุดนักเรียนก็จริง แต่ก็ไม่ได้ติดขนตา กรีดอายไลเนอร์เลยค่ะ ถามว่าอ่านแล้วนอยด์ไหมก็ไม่นอยด์นะคะ เหมือนเราก็เอาสิ่งที่เขาบอกเอาไปปรับค่ะ แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะละครถ่ายจบไปแล้ว มันแก้ไม่ได้ค่ะ เรื่องชุด เรื่องแสง หรือเรื่องอื่นๆ ที่มีคนวิจารณ์มาก็เกี่ยวกับการปรับของทีมงานค่ะ อาจจะต้องปรับบ้างเพื่อให้ดูแล้วออกมาดีที่สุดค่ะ

โดยรวมแล้วเราพอใจไหมกับละครเรื่องนี้?
พอใจนะคะ รู้สึกว่ามันทำให้เราได้เปลี่ยนแนวการแสดงด้วยค่ะ ถามว่าคิดว่ามีจุดไหนที่น่าจะได้มากกว่านี้อีกไหม มันก็มีบ้างในบางซีนที่เรารู้สึก อย่างวันนึงเราจะถ่ายข้ามบท อารมณ์ไม่ต่อเนื่อง บางทีเราดูแล้วเราก็คิดว่าเราพยายามคอนโทรลมันแล้วนะ แต่ว่ายังมีนิดนึงที่เราควรโฟกัสเยอะกว่านี้หน่อยค่ะ เราก็ทำตามความสามารถที่เราทำได้ แต่พอดูแล้วบางทีก็รู้สึกว่าอีกนิดนึงนะ เราควรคอนทินิวคุมอารมณ์ตัวเองไว้ค่ะ (กระแสละครแรงแบบนี้ คนก็มองว่าเราเล่นละครแนวนี้ท่าจะรุ่งนะ?) มันก็คงต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่ด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าเขาคิดแบบแฟนคลับรึเปล่า แต่เขาอาจจะอยากให้เราเล่นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อพัฒนาตัวเองค่ะ แต่ถ้าถามว่าติดใจบทแนวนี้เลยไหม จริงๆ หนูเล่นได้ทุกบทค่ะ เพราะช่องก็อยากให้นางเอกของช่องเล่นได้ทุกบทอยู่แล้ว เราเป็นนักแสดง เราก็ต้องทำหน้าที่นักแสดงให้ดีที่สุด แสดงบทไหนก็ได้เพื่อแสดงความสามารถของเราออกมา

ถ้ามีโอกาสได้เลือกบท คิดว่าบทแบบไหนที่เราอยากเล่นแต่ยังไม่ได้เล่นเลย?
จริงๆ หนูได้รับบทแปลกๆ จากช่องทั้งนั้นเลยค่ะ เรียกว่าเปลี่ยนการแสดงไปเรื่อยๆ อย่างเรื่องแรก (แม่ปูเปรี้ยว) จะออกแนวแก่นๆ เป็นลูกสาวกำนัน เรื่อง “โดมทอง” เป็นนางเอกสู้คน และในเรื่องก็เล่นเป็นคุณพลับพลึง บทก็จะเรียบร้อยมาก เรื่อง “เล่ห์นางหงส์” ก็จะแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่า มีการปลอมตัว ต้องทำอะไรหลายอย่างในเรื่อง ต้องร้องเพลง ต้องเต้นด้วยค่ะ พอมาเล่น “คมพยาบาท” ก็พลิกมาเล่นร้าย ดีใจมากที่ได้เล่นเพราะรู้สึกว่าเราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ค่ะ เรื่อง “พรายพยากรณ์” ก็เล่นบทคนเห็นผี การแสดงก็ต้องเปลี่ยนไป พอมาเรื่อง “มรสุมสวาท” ก็เป็นคนโลกสวย แต่ละเรื่องก็มีอะไรที่ทำให้เราต้องทำการบ้านตลอดเหมือนกันค่ะ

แล้วความคืบหน้าละคร “เพลิงพระนาง” เป็นยังไงบ้าง?
ตอนนี้รอบทอยู่เพราะยังไม่ถึงพาร์ตหนูไง ยังไม่ทราบอะไรเลย แต่หนูก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วค่ะ เพราะเรื่องนี้ถ่ายที่เชียงใหม่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เราก็ต้องลุ้นว่าเมื่อไหร่บทจะออกจะได้รีบเอามาอ่าน เพราะหนูกลัวเรื่องคำศัพท์เหมือนกัน เพราะยังไม่เคยเล่นละครพีเรียดขนาดนี้มาก่อนค่ะ ถ้าได้บทมาอ่านจะได้รู้ว่าตัวละครตัวนี้มันร้ายแบบไหน เรื่องนี้ก็เล่นเป็นลูกของพี่อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) กับพี่อั้มไม่เคยเจอตามงานเลยค่ะ เจอแต่ในวันบวงสรวงแค่วันเดียว พี่เขาน่ารักมาก ก็ปลื้มค่ะเพราะเขาเป็นซุปเปอร์สตาร์แต่เขาหันมาคุยกับหนู หนูก็รู้สึกดีใจค่ะ เขาเป็นคนน่ารักค่ะ ถามว่าเกร็งไหมก็มีเกร็งมากเหมือนกันเพราะว่าต้องร่วมซีนกับพี่อั้มบ่อยแน่ๆ เพราะเล่นเป็นแม่ลูกกัน แล้วเราต้องร้ายได้แม่ แน่นอนว่าต้องมีการพูดคุยเยอะแยะค่ะ ถามว่ามีได้ปรึกษาพี่อั้มเรื่องการแสดงไหมยังเลยค่ะ กับผู้กำกับก็ยังไม่ได้คุยถึงเรื่องการแสดงเลย ตอนนี้เป็นเรื่องของการวางตัวอย่างเดียวค่ะ

หลังจากละครเรื่องนี้มีละครเรื่องอื่นหรือยัง?
ตอนนี้ก็ยังรอทางผู้ใหญ่ค่ะ ซึ่งเขาอาจจะกำลังวางแผนอยู่ก็ได้เพราะเป็นช่วงต้นปีด้วย ถามว่ามีติดต่อมาเยอะไหมก็ยังนะคะ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่คุยกันค่ะ ถามว่าซีเรียสไหมที่ทุกอย่างต้องรอ หนูเข้าใจช่องนะคะว่าตอนนี้เขามีการเปลี่ยนแปลงข้างใน เราก็ต้องรอดูอีกทีนึง ก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรเพราะว่าเราเข้าใจ เราก็ยังมีละครอีกเรื่องนึง แต่ว่าก็อาจจะขาดช่วงไปบ้าง เพราะช่วงที่ละครออนแอร์ ถ้าเรามีละครอีกเรื่องนึงที่ถ่ายก็ใจชื้นว่ากลางปีเราจะมีละครแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ ส่วนละครเพลิงพระนางเป็นละครฟอร์มยักษ์ ซึ่งต้องใช้เวลา จะได้ถ่ายช่วงไหนก็ยังไม่รู้เลยค่ะ

ถามถึงการทำงานละครแต่ละเรื่อง เราเตรียมตัวยังไงบ้าง?
ส่วนตัวถ้าได้เรื่องย่อมา เราก็จะรีบอ่านเพื่อทำความเข้าใจกับตัวละครมากที่สุด เราจะคิดไว้ในหัวว่าตัวละครแนวนี้จะออกมาประมาณไหน ถ้าเราได้บทมาก็จะอ่านบทเยอะๆ เพื่อให้เราซึมซับว่าตัวละครตัวนี้มันคิดยังไง เขาคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงต้องแสดงออกแบบนั้นค่ะ แล้วเราค่อยปรับจูนกับผู้กำกับอีกทีว่าเขาอยากได้แนวไหนค่ะ ถามว่ามีไปเรียนเพิ่มเติมไหม ของหนูมีเรียนกับทางช่อง 7 ค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้เรียนเพราะจบคอร์สไปแล้ว หนูก็ไม่มีเวลาออกไปเรียนเองค่ะ เพราะตอนนี้หนูยังเรียนอยู่ปี 4 ฝึกงานด้วย ถ่ายละครด้วยค่ะ

ปกติแบ่งเวลาทำงานกับเรียนยังไง?
ตอนนี้หนูได้ทุนศิลปิน ทางมหาวิทยาลัยก็ช่วยในเรื่องการเข้าเรียนบ้าง แต่ส่วนมากหนูไม่ค่อยขาดอยู่แล้ว หนูจะบอกกับทางกองหรือช่องว่ามีเรียนวันไหน เพราะที่ ม.กรุงเทพ ค่อนข้างเคร่งเรื่องการเข้าเรียนเหมือนกัน ถามว่าหนักใจไหมก็มีบ้างค่ะ เพราะเราทำงานค่อนข้างหนัก ถ่ายละครกลับดึก เคยถ่ายละครเสร็จตี 1 แล้วกลับบ้านอ่านหนังสือต่อเพราะมีสอบ 8 โมงเช้า อ่านหนังสือจนถึงตี 3-4 ไม่ไหวก็หลับค่ะ ช่วงนี้ก็เต็มที่กับการเรียนเพราะหนูก็ใกล้จะจบแล้ว เหลือเรียนอีกประมาณ 7 ตัว อีกเทอมนิดๆ ก็จะจบแล้วค่ะ หนูเรียนด้านประชาสัมพันธ์ค่ะ



Cr.ไทยรัฐ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่