เมื่อปลายปี 2558 ผมได้มีโอกาสติดตามพระอาจารย์ท่านหนึ่ง(ขอไม่เอ่ยนาม) ไปงานมงคลสมรส ตามที่โยมท่านหนึ่งนิมนต์ ในหมู่บ้านชนบทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่
เมื่อผมก้าวเท้าตามพระอาจารย์เข้าบริเวณบ้านแห่งนั้น ก็รู้สึกได้ว่าเจ้าของบ้านน่าจะเป็นที่มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่งในหมู่บ้าน ดูจากอาคารเรือนทรงไทยขนาดใหญ่ บริเวณที่กว้างขวาง ปลูกไม้ผล ดอกไม้สวยงามยิ่งนัก มองลึกเข้าไปเห็น คอกวัวควาย เล้าหมู เล้าไก่ และบ่อน้ำใหญ่ด้านหลังไว้เลี้ยงปลา ซึ่งตอนนี้ในบ้านคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาจัดแจงงาน และแขกผู้มาร่วมงานที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองน่าสวยงามยิ่งนัก
เมื่อขึ้นไปบนเรือนไทย ก็พบกับเจ้าของบ้าน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นเจ้าบ่าว ผู้ที่นิมนต์พระอาจารย์มาฉันเช้าเพื่อความเป็นมงคลแห่งชีวิตสมรสนั่นเอง เจ้าบ่าวเป็นผอม สูง ผิวขาว หน้าตาดูดีมากคนหนึ่ง (แต่น้อยกว่าผม 555) แต่งกายในชุดพื้นเมืองเมืองเหนือ เขากุลีกุจอเข้ามาต้อนรับ และนิมนต์พระอาจารย์ไปนั่งที่อาสนะที่เตรียมไว้บนบ้าน ส่วนผมก็เดินตามขึ้นไปแล้วนั่งลงในที่อันควร
สักครู่หนึ่ง เจ้าบ่าวก็พาเจ้าสาวเข้ามากราบพระอาจารย์ พูดคุยกันจิปาถะ และเมื่อทั้งคู่ถวายอาหารพระอาจารย์ และรับพรเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกไปจัดเตรียมพิธีสมรส จากการสังเกตดูเจ้าสาวแล้ว ผมรู้สึกว่าเจ้าสาวหน้าตาน่ารัก ผิวขาวเช่นเดียวกับเจ้าบ่าว แต่อายุน้อยกว่าเจ้าบ่าวไป 10 ปี อันนี้ผมถามจากแม่บ้านที่คอยดูแลเรื่องอาหารให้พระอาจารย์ที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน
แม่บ้านเล่าให้ฟังว่า เจ้าบ่าวนั้นเป็นลูกคนเดียว กำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่เล็ก เพราะพ่อและแม่ตายด้วยโรคมาลาเลีย จึงเป็นหน้าที่ของย่าที่ต้องคอยเลี้ยงดูเจ้าบ่าวมา จนกระทั่งเข้าเรียนหนังสือในเมืองเชียงใหม่ จนกระทั่งอายุ 15 ปี คุณย่าก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ทำให้เป็นโชคดีของเจ้าบ่าว ที่ได้รับมรดกจากย่าจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนไทย ที่ดินหลายร้อยไร่ ธุรกิจโรงสีข้าว ฯลฯ เจ้าบ่าวก็ศึกษาเล่าเรียนจนกระทั่งจบการศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และกลับมาบริหารธุรกิจของย่าของเขาต่อ นับจากที่ย่าของเจ้าบ่าวตายจนวันนี้ ก็ 10 ปีพอดี ตอนนี้เจ้าบ่าวเข้าสู่วัยเบญจเพส อายุ 25 ปี พอดี
ผมก็ถามแม่บ้านต่อถึงประวัติของเจ้าสาว แม่บ้านเล่าต่อว่า เจ้าสาวเป็นลูกของชาวบ้านในหมู่บ้านนี้นี่เอง เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนในหมู่บ้าน ก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ปลูกผักไปตามเรื่อง แม่บ้านบอกว่า ทั้งสองคนมาพบรักกันตอนที่เจ้าสาวเอาข้าวไปสี ที่โรงสีของเจ้าบ่าว ได้เจอกัน ก็คุยกันถูกคอกันได้ไม่นานก็ตกลงใจแต่งงานกัน ถึงแม้เจ้าสาวจะอายุเพียง 15 ปี ห่างกับเจ้าบ่าวถึง 10 ปีก็ตาม
ขณะที่ผมนั่งเหม่อดูแขกที่มาร่วมงานกำลังรดน้ำสังข์เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ลานด้านนอก ด้วยความเบื่อเพราะพระอาจารย์ไม่มีท่าทีที่จะกลับสักที นั่งคุยกับพระวัดอื่นที่เจ้าภาพนิมนต์มาร่วมงานด้วย อยู่ๆ พระอาจารย์ก็เรียกผมให้มาหา แล้วพูดขึ้นมาเบาๆว่า
พระอาจารย์ : โยมต่อ งานแต่งงานวันนี้ดีเนาะ ญาติพี่น้องของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมากันเต็มเลย
ผม : หือ พระอาจารย์ครับ ที่ผมรู้มา เจ้าบ่าวไม่มีญาติที่ไหนแล้วนะครับ อยู่ตัวคนเดียว
ต้นตระกูล ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ตายหมดแล้วนะครับ อีกอย่างทางฝ่ายเจ้าสาว ก็มีแต่พ่อแม่ ญาติพี่น้องก็ตายกันหมดแล้ว
พระอาจารย์ : ไม่เห็นเหรอ โยมต่อ อยู่ในครัวกันเต็มเลย
ผม : ..... (ผมทำหน้างง แบบไม่เข้าใจ) .....
พระอาจารย์ : วันนี้เห็นไหมว่าอาหารเลี้ยงแขกมีหมู ไก่ ปลา ที่เจ้าภาพเอามาเลี้ยงพระ กับเลี้ยงคนนั่นหน่ะ
ผม : ครับ เห็นครับ มีลาบหมู ต้มข่าไก่ ปลาทอด น้ำพริก ผักลวกครับ ผมไปดูในครัวมาแล้ว
พระอาจารย์ : ใช่แล้ว ญาติพี่น้องของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ตายไป เค้ามาเกิดเป็นหมู เป็นไก่ เป็นปลา อยู่ในเรือนแห่งนี้ และพ่อครัวก็จับมาฆ่าทำเป็นอาหารเลี้ยงคนอย่างไรเล่า
ผม : หา... (ช๊อคไป 5 วิ)
พระอาจารย์ : โยมต่อ มองดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวสิ เป็นไงบ้าง
ผม : สองคนก็เหมาะสมกันดีครับ เจ้าบ่าวก็หน้าตาดี เจ้าสาวก็สวย เหมาะสมกัน น่าจะเป็นคู่บุพเพสันนิวาส ถึงแม้ว่าเจ้าสาวจะอายุน้อยกว่าเจ้าบ่าวไปเกือบ 10 ปีก็ตาม แล้วดูเหมือนทั้งสองจะรักกันมากนะครับ
พระอาจารย์ : โยมต่อ ฟังให้ดีนะ เจ้าสาวที่เธอเห็นนั่นนะ คือ ย่าของเขาที่กลับชาติมาเกิด
ผม : หา... (ช๊อคไป 5 วิ)
พระอาจารย์ : เพราะความรักความผูกพันของย่า ที่มีต่อหลานชาย และความผูกพันที่หลานมีต่อย่า ผู้ที่เลี้ยงดูตัวเองมาในขณะที่ขาดพ่อแม่ให้ความอบอุ่น เมื่อดวงจิตของย่าออกจากร่างแล้ว ก็มาเกิดใหม่ในหมู่บ้านแห่งนี้ รอคอยหลานชายสุดที่รัก ส่วนหลานชายเมื่อได้มาพบกับคุณย่าในร่างของหญิงสาว ก็รู้สึกผูกพันจนกลายเป็นความรักใคร่
เมื่อผมได้ยินพระอาจารย์ เช่นนั้นก็รู้สึกสลดสังเวชใจยิ่งนัก เพราะความรักความผูกพัน เพราะกิเลส ทำให้หลานต้องมาแต่งงานอยู่กินกับย่า ผู้มีพระคุณผู้เคยเลี้ยงดูมาในอดีต ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วก็กลับมาเกิดเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน ต่างก็พากันฆ่ากินกัน โดยไม่รู้ว่าสัตว์พวกนั้นเคยเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อนในชาติอดีต
พระอาจารย์ ยิ้มและพยักหน้าให้ผม เหมือนรู้ความคิดของผม และพูดขึ้นว่า
พระอาจารย์ : น่าสลดใจอย่างนี้แล้ว ยังจะอยากเกิดมาในโลกนี้อีกไหม บางทีนะคนที่เป็นแฝดกัน
ก็คือคู่รักในชาติก่อน ที่อธิษฐานหรือตั้งใจว่า ขอให้ได้พบกันทุกชาติ คำอธิษฐาน เป็นจริงด้วยสิ ได้มาเกิดคู่กันทุกชาติๆ เป็นพี่น้องกัน เป็นแฝดกัน ความน่ากลัว และไม่แน่นอนของการเกิดเป็นอย่างนี้แหล่ะ ป่ะ ได้เวลาแล้ว กลับกันเถอะ
หลังจากที่ผมขับรถยนต์ไปส่งพระอาจารย์ที่วัดแล้ว ผมก็ขับรถกลับบ้านด้วยใจที่เศร้าโศกอย่างบอกไม่ถูก สลดสังเวชใจจนน้ำตาไหล ซึ่งเรื่องความรู้ ในสิ่งเหนือธรรมชาติแบบนี้พระอาจารย์มีความสามารถ และประจักษ์ในศิษย์ที่สนิทจริงๆ เท่านั้น ท่านไม่พูดทั่วไป
ผมก็เกิดความคิดเห็นตามความเป็นจริงว่า วัฏสงสารนี้ไม่มีจุดสิ้นสุด การไม่กลับมาเกิดอีกคือสิ่งที่ดีที่สุด ตามที่พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวกที่ชี้ทางบอกไว้นั้น ถูกต้องจริงๆ
ผมมองพระอาทิตย์ของวันสุดท้ายแห่งปี ที่กำลังจะลาลับไปจากท้องฟ้า ในรถที่จอดสนิทข้างทาง มองดูทุ่งนากว้างที่พระอาทิตย์สีแดงฉานกำลังจะตกลงลับเหลี่ยมภูเขา พร้อมๆ กับที่ความคิดของผมที่เปลี่ยนไป ตลอดกาล
ความจริงของการมีคู่ครอง และการแต่งงงาน
เมื่อผมก้าวเท้าตามพระอาจารย์เข้าบริเวณบ้านแห่งนั้น ก็รู้สึกได้ว่าเจ้าของบ้านน่าจะเป็นที่มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่งในหมู่บ้าน ดูจากอาคารเรือนทรงไทยขนาดใหญ่ บริเวณที่กว้างขวาง ปลูกไม้ผล ดอกไม้สวยงามยิ่งนัก มองลึกเข้าไปเห็น คอกวัวควาย เล้าหมู เล้าไก่ และบ่อน้ำใหญ่ด้านหลังไว้เลี้ยงปลา ซึ่งตอนนี้ในบ้านคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาจัดแจงงาน และแขกผู้มาร่วมงานที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองน่าสวยงามยิ่งนัก
เมื่อขึ้นไปบนเรือนไทย ก็พบกับเจ้าของบ้าน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นเจ้าบ่าว ผู้ที่นิมนต์พระอาจารย์มาฉันเช้าเพื่อความเป็นมงคลแห่งชีวิตสมรสนั่นเอง เจ้าบ่าวเป็นผอม สูง ผิวขาว หน้าตาดูดีมากคนหนึ่ง (แต่น้อยกว่าผม 555) แต่งกายในชุดพื้นเมืองเมืองเหนือ เขากุลีกุจอเข้ามาต้อนรับ และนิมนต์พระอาจารย์ไปนั่งที่อาสนะที่เตรียมไว้บนบ้าน ส่วนผมก็เดินตามขึ้นไปแล้วนั่งลงในที่อันควร
สักครู่หนึ่ง เจ้าบ่าวก็พาเจ้าสาวเข้ามากราบพระอาจารย์ พูดคุยกันจิปาถะ และเมื่อทั้งคู่ถวายอาหารพระอาจารย์ และรับพรเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกไปจัดเตรียมพิธีสมรส จากการสังเกตดูเจ้าสาวแล้ว ผมรู้สึกว่าเจ้าสาวหน้าตาน่ารัก ผิวขาวเช่นเดียวกับเจ้าบ่าว แต่อายุน้อยกว่าเจ้าบ่าวไป 10 ปี อันนี้ผมถามจากแม่บ้านที่คอยดูแลเรื่องอาหารให้พระอาจารย์ที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน
แม่บ้านเล่าให้ฟังว่า เจ้าบ่าวนั้นเป็นลูกคนเดียว กำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่เล็ก เพราะพ่อและแม่ตายด้วยโรคมาลาเลีย จึงเป็นหน้าที่ของย่าที่ต้องคอยเลี้ยงดูเจ้าบ่าวมา จนกระทั่งเข้าเรียนหนังสือในเมืองเชียงใหม่ จนกระทั่งอายุ 15 ปี คุณย่าก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ทำให้เป็นโชคดีของเจ้าบ่าว ที่ได้รับมรดกจากย่าจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนไทย ที่ดินหลายร้อยไร่ ธุรกิจโรงสีข้าว ฯลฯ เจ้าบ่าวก็ศึกษาเล่าเรียนจนกระทั่งจบการศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และกลับมาบริหารธุรกิจของย่าของเขาต่อ นับจากที่ย่าของเจ้าบ่าวตายจนวันนี้ ก็ 10 ปีพอดี ตอนนี้เจ้าบ่าวเข้าสู่วัยเบญจเพส อายุ 25 ปี พอดี
ผมก็ถามแม่บ้านต่อถึงประวัติของเจ้าสาว แม่บ้านเล่าต่อว่า เจ้าสาวเป็นลูกของชาวบ้านในหมู่บ้านนี้นี่เอง เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนในหมู่บ้าน ก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ปลูกผักไปตามเรื่อง แม่บ้านบอกว่า ทั้งสองคนมาพบรักกันตอนที่เจ้าสาวเอาข้าวไปสี ที่โรงสีของเจ้าบ่าว ได้เจอกัน ก็คุยกันถูกคอกันได้ไม่นานก็ตกลงใจแต่งงานกัน ถึงแม้เจ้าสาวจะอายุเพียง 15 ปี ห่างกับเจ้าบ่าวถึง 10 ปีก็ตาม
ขณะที่ผมนั่งเหม่อดูแขกที่มาร่วมงานกำลังรดน้ำสังข์เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ลานด้านนอก ด้วยความเบื่อเพราะพระอาจารย์ไม่มีท่าทีที่จะกลับสักที นั่งคุยกับพระวัดอื่นที่เจ้าภาพนิมนต์มาร่วมงานด้วย อยู่ๆ พระอาจารย์ก็เรียกผมให้มาหา แล้วพูดขึ้นมาเบาๆว่า
พระอาจารย์ : โยมต่อ งานแต่งงานวันนี้ดีเนาะ ญาติพี่น้องของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมากันเต็มเลย
ผม : หือ พระอาจารย์ครับ ที่ผมรู้มา เจ้าบ่าวไม่มีญาติที่ไหนแล้วนะครับ อยู่ตัวคนเดียว
ต้นตระกูล ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ตายหมดแล้วนะครับ อีกอย่างทางฝ่ายเจ้าสาว ก็มีแต่พ่อแม่ ญาติพี่น้องก็ตายกันหมดแล้ว
พระอาจารย์ : ไม่เห็นเหรอ โยมต่อ อยู่ในครัวกันเต็มเลย
ผม : ..... (ผมทำหน้างง แบบไม่เข้าใจ) .....
พระอาจารย์ : วันนี้เห็นไหมว่าอาหารเลี้ยงแขกมีหมู ไก่ ปลา ที่เจ้าภาพเอามาเลี้ยงพระ กับเลี้ยงคนนั่นหน่ะ
ผม : ครับ เห็นครับ มีลาบหมู ต้มข่าไก่ ปลาทอด น้ำพริก ผักลวกครับ ผมไปดูในครัวมาแล้ว
พระอาจารย์ : ใช่แล้ว ญาติพี่น้องของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ตายไป เค้ามาเกิดเป็นหมู เป็นไก่ เป็นปลา อยู่ในเรือนแห่งนี้ และพ่อครัวก็จับมาฆ่าทำเป็นอาหารเลี้ยงคนอย่างไรเล่า
ผม : หา... (ช๊อคไป 5 วิ)
พระอาจารย์ : โยมต่อ มองดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวสิ เป็นไงบ้าง
ผม : สองคนก็เหมาะสมกันดีครับ เจ้าบ่าวก็หน้าตาดี เจ้าสาวก็สวย เหมาะสมกัน น่าจะเป็นคู่บุพเพสันนิวาส ถึงแม้ว่าเจ้าสาวจะอายุน้อยกว่าเจ้าบ่าวไปเกือบ 10 ปีก็ตาม แล้วดูเหมือนทั้งสองจะรักกันมากนะครับ
พระอาจารย์ : โยมต่อ ฟังให้ดีนะ เจ้าสาวที่เธอเห็นนั่นนะ คือ ย่าของเขาที่กลับชาติมาเกิด
ผม : หา... (ช๊อคไป 5 วิ)
พระอาจารย์ : เพราะความรักความผูกพันของย่า ที่มีต่อหลานชาย และความผูกพันที่หลานมีต่อย่า ผู้ที่เลี้ยงดูตัวเองมาในขณะที่ขาดพ่อแม่ให้ความอบอุ่น เมื่อดวงจิตของย่าออกจากร่างแล้ว ก็มาเกิดใหม่ในหมู่บ้านแห่งนี้ รอคอยหลานชายสุดที่รัก ส่วนหลานชายเมื่อได้มาพบกับคุณย่าในร่างของหญิงสาว ก็รู้สึกผูกพันจนกลายเป็นความรักใคร่
เมื่อผมได้ยินพระอาจารย์ เช่นนั้นก็รู้สึกสลดสังเวชใจยิ่งนัก เพราะความรักความผูกพัน เพราะกิเลส ทำให้หลานต้องมาแต่งงานอยู่กินกับย่า ผู้มีพระคุณผู้เคยเลี้ยงดูมาในอดีต ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วก็กลับมาเกิดเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน ต่างก็พากันฆ่ากินกัน โดยไม่รู้ว่าสัตว์พวกนั้นเคยเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อนในชาติอดีต
พระอาจารย์ ยิ้มและพยักหน้าให้ผม เหมือนรู้ความคิดของผม และพูดขึ้นว่า
พระอาจารย์ : น่าสลดใจอย่างนี้แล้ว ยังจะอยากเกิดมาในโลกนี้อีกไหม บางทีนะคนที่เป็นแฝดกัน
ก็คือคู่รักในชาติก่อน ที่อธิษฐานหรือตั้งใจว่า ขอให้ได้พบกันทุกชาติ คำอธิษฐาน เป็นจริงด้วยสิ ได้มาเกิดคู่กันทุกชาติๆ เป็นพี่น้องกัน เป็นแฝดกัน ความน่ากลัว และไม่แน่นอนของการเกิดเป็นอย่างนี้แหล่ะ ป่ะ ได้เวลาแล้ว กลับกันเถอะ
หลังจากที่ผมขับรถยนต์ไปส่งพระอาจารย์ที่วัดแล้ว ผมก็ขับรถกลับบ้านด้วยใจที่เศร้าโศกอย่างบอกไม่ถูก สลดสังเวชใจจนน้ำตาไหล ซึ่งเรื่องความรู้ ในสิ่งเหนือธรรมชาติแบบนี้พระอาจารย์มีความสามารถ และประจักษ์ในศิษย์ที่สนิทจริงๆ เท่านั้น ท่านไม่พูดทั่วไป
ผมก็เกิดความคิดเห็นตามความเป็นจริงว่า วัฏสงสารนี้ไม่มีจุดสิ้นสุด การไม่กลับมาเกิดอีกคือสิ่งที่ดีที่สุด ตามที่พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวกที่ชี้ทางบอกไว้นั้น ถูกต้องจริงๆ
ผมมองพระอาทิตย์ของวันสุดท้ายแห่งปี ที่กำลังจะลาลับไปจากท้องฟ้า ในรถที่จอดสนิทข้างทาง มองดูทุ่งนากว้างที่พระอาทิตย์สีแดงฉานกำลังจะตกลงลับเหลี่ยมภูเขา พร้อมๆ กับที่ความคิดของผมที่เปลี่ยนไป ตลอดกาล