ชื่อเรื่องอาจดูแรงไปหน่อย แต่ก็เหมาะสมกับสิ่งที่จขกท.จะเล่าให้ฟังคะ ก่อนอื่นเรย จขกท.ไม่เคยโพสหรือเล่าอะไรแบบนี้มาก่อนเรย ถ้าผิดพลาดหรือมีคำไม่สุภาพ ไม่ถูกใจใครก็ขอโทษไว้ก่อนเรยนะคะ
มาเข้าเรื่องกันเรยคะ คือเมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม ปี58 เราได้รู้จักกับทอมคนหนึ่งผ่านทางเฟสบุ๊ค ขอใช้ชื่อสมมมติเป็นเอ็มนะคะ ซึ่งเป็นช่วงที่จขกท.ได้เลิกกะแฟนเก่ามาสักพัก(เป็นทอม) เนื่องจากจับได้ว่าแฟนเก่ามีคนอื่น เอ็มได้เข้ามาทักมาคุยผ่านแชทเฟสบุ๊คทุกวัน ประมาณสองอาทิตย์เราก็นัดเจอกัน ครั้งแรกได้นัดกันไปกินข้าวแถวเยาวราช ซึ่งก็สั่งอาหารแพงพอสมควร ตอนคิดเงิน เรากับเอ็มแย่งกันจ่ายเงิน เอ็มบอกโกรธมากถ้าไม่ยอมให้เอ็มออก เราก้อเรยตามใจ อาทิตย์ต่อมาเราต้องไปทำงานที่จังหวัดนครสวรรค์ 2 วัน ก้อเรยชวนเอ็มไปด้วย ซึ่งมีน้องของเอ็มขอตามไปด้วย(ลูกพี่ลูกน้อง) วันแรกหลังทำงานเสร็จเราก้อไปทานข้าวที่ร้านอาหารทะเล เราอยากกินกุ้งเผามาก ซึ่งร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องกุ้งเผา เราสั่งอาหารกันไปห้าอย่าง พอกำลังสั่งกุ้ง น้องของเอ็มบอกว่าเอ็มแพ้กุ้งหนิ ยาก็ไม่ได้เอามา เราก็เรยบอกงั้นไม่เป็นไร ไม่กินก็ได้ เอ็มก้เถียงว่าไม่เป็นไรสั่งเหอะ เราก็ยืนยันไม่เอา ก็เป็นอันตกลง พออาหารเริ่มทยอยมา เอ็มขอตัวไปห้องน้ำ แล้วก็กลับมาที่นั่งพร้อมกุ้งเผาจานใหญ่มาก ตกจานละ1,500บาท ซึ่ง เอ็มแอบเราสั่งนั่นเอง แล้วเราก็กินกุ้งอยู่คนเดียวเพราะ ทั้งสองคนนั้นแพ้กุ้ง และเอ็มก็แย่งเราเลี้ยงข้าวอีกเช่นเคย แม้เราจะยัดเยียดเงินอย่างไร สุดท้ายก็เอาเงินมาคืนโดยซ่อนในรถเราบ้าง ในกระเป๋าเราบ้าง และนี่แหละ ที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกชอบคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้จขกท.แทบไม่เคยเป็นผู้ได้รับเรย เป็นผู้ให้มาแทบตลอด คบกับใครมักเป็นคนจ่ายมากกว่าเสมอ อาจเป็นเพราะเรามีมากกว่าอีกฝ่าย ทำให้ไม่ค่อยเคยถูกเลี้ยงเรย อาจเป็นความคิดโง่ๆของจขกท.เอง แต่นี่แหละเป็นประเด็นที่ทำให้จขกท.แทบล้มทั้งยืนมาแล้ว
เราต้องบอกก่อนว่า ช่วงนี้เราก็มีคนเข้ามาคุยด้วยหลายคน และช่วงเวลาที่เรากับเอ็มเริ่มรู้สึกดีกันมากขึ้นนั้น ก็มีเฟสบุ๊คทอมคนนึงมาแอดเรา เราสมมติว่าชื่อเอนะ เอก็มาคุยมาหยอดเราแบบที่คนอื่นๆจีบสาว เราก็คุยเล่นด้วยเหมือนกัน แต่เราไม่ได้บอกเอ็มนะว่าเราคุยกับคนอื่นด้วย เพราะเรากับเอ็มยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เรื่องมันมาพลิกตรงที่ว่า เอบอกว่าทำงานในบ่อน ซึ่งเอ็มเคยบอกเราว่าพ่อแม่เป็นเจ้าของบ่อน เราก็เรยลองถามว่ารู้จักเอ็มไหม เอารูปให้ดู เอก็บอกว่าเป็นลูกนายใหญ่เราเอง แล้วก็พูดชื่นชมเอ็มให้เราฟังต่างๆนานา และบอกเราว่าอย่าไปบอกเอ็มนะ ว่าคุยกับเออยู่ เอกลัวว่าเอ็มรู้แล้วจะไล่เอออกจากงาน เราก็รับปากเอ ผ่านไปสักชม. เอ็มทักหาเราว่ารู้จักเอไหม เราบอกก็เคยทักกันในแชทเฟสเฉยๆ ไม่มีอะไร ไม่ได้คุยกันต่อ เอ็มก็โกดเรามากไม่รับสายเราเรย และก็บอกว่ารู้เรื่องทั้งหมด เอแคปหน้าจอที่คุยกับเราส่งให้เอ็มดูหมด เราก็งงซิ อุตส่าช่วยเอ กลัวมันจะโดนไล่ออก ทำเราซวยไปด้วยเรย เราก็เรยไปง้อเอ็มถึงที่พัก ลืมบอก เราไม่เคยรู้ว่าเอ็มบ้านอยู่ไหน เพราะ เอ็มมักพักอาศัยตามโรงแรม แล้วบอกว่าเป็นคนโลกส่วนตัวสูง รำคานพ่อ พ่อดุมาก ไม่อยากอยู่ด้วย อันนี้เราก็สงสัยนะ ว่าไม่เปลืองเงินบ้างรึไง มาพักข้างนอก แต่ตอนนั้นก็คิดว่า คงรวยมีเงินจะทำอะไรก็ได้ (เอ็มไม่มีรถขับ) กลับมาต่อที่เราไปง้อเอ็ม เอ็มก้ยกโทษให้นะ แต่จะไล่เอออก แล้ววันรุ่งขึ้นเอก็ทักเฟสเรามา บอกว่าเอโดนไล่ออกแล้วนะ ซึ่งเราก็รู้สึกผิดมากๆที่เป็นต้นเหตุให้คนๆนึงต้องออกจากงาน เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ตอนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทุกอย่างแล้วค่ะ เอ็มบอกเราว่าจะต้องไปบ่อนเพราะถูกเอเชิดเงินโต๊ะบ่อนที่เอทำอยู่ไป ซึ่งโต๊ะนั้นชื่อเจ้าของเป็นชื่อเอ็ม พ่อแม่เอ็มให้รับผิดชอบ หาเงินมาคืนให้ได้ เอ็มไปถึงบ่อนก็โทรมาหาเราว่ากลับมากทมไม่ได้จนกว่าจะหาเงินมาปิดบัญชีโต๊ะนี้ได้ ซึ่งเราก็งงๆอะนะ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกบ่อน เอ็มก้ว่าถ้าเอาเงินมาปิดอีก20,000บาท พรุ่งนี้ก็จะได้เงินปันผลคืนทั้งหมด แล้วก็กลับกทมได้ เอ็มบอกว่าเอเชิดเงินไปเยอะ ตอนนี้เอ็มเอาเงินทั้งบัญชีมาปิดหมดแล้วขาดอีกแค่20,000บาท เราก็ด้วยความที่เห็นใจ และมองคนในแง่ดี ไม่ได้คิดว่าเค้าจามสหลอกลวงใดๆ ก็เรยโอนไปให้ แต่พอโอนไปแล้ว มันไม่จบง่ายๆ เอ็มบอกขอเวลาไปปิดบัญชี แล้วก็หายไปจนเช้าอีกวัน เราก็ถามถึงเรื่องปิดบัญชี เอ็มตอบว่ามีทหารเข้ามาในบ่อน ตรวจหาสารเสพติด เพราะมีคนไปแจ้งว่าบ่อนนี้มียาเสพติด เอ็มบอกว่าเอ็มต้องให้เงินกับพวกทหารเพื่อไม่ให้มาวุ่นวาย เดี๋ยวลูกค้าแตกตื่น เอ็มให้เราช่วยหาอีกสามหมื่น บอกว่าเดี๋ยวได้คืนแน่ๆ มันสุดวิสัยจริงๆ เราก็โง่เชื่อรอบสองคะ โอนให้เรย คือตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าเค้าจะโกง เพราะเป็นถึงลูกเจ้าของบ่อน แต่ก็เอะใจว่าเป็นขนาดเจ้าของยังต้องมายืมเงินเรา แต่เอ็มบอกว่า แม่ให้เอ็มจัดการด้วยตนเอง โตแล้วต้องรับผิดชอบเรื่องเล็กๆน้อยๆได้ เราก็เชื่อสนิทใจ
ทอมเลวๆ ที่เป็นมิจฉาชีพในรูปแบบแฟน หลอกจนหมดตัว โดนหลายราย ยอดรวมเกือบล้านบาท
มาเข้าเรื่องกันเรยคะ คือเมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม ปี58 เราได้รู้จักกับทอมคนหนึ่งผ่านทางเฟสบุ๊ค ขอใช้ชื่อสมมมติเป็นเอ็มนะคะ ซึ่งเป็นช่วงที่จขกท.ได้เลิกกะแฟนเก่ามาสักพัก(เป็นทอม) เนื่องจากจับได้ว่าแฟนเก่ามีคนอื่น เอ็มได้เข้ามาทักมาคุยผ่านแชทเฟสบุ๊คทุกวัน ประมาณสองอาทิตย์เราก็นัดเจอกัน ครั้งแรกได้นัดกันไปกินข้าวแถวเยาวราช ซึ่งก็สั่งอาหารแพงพอสมควร ตอนคิดเงิน เรากับเอ็มแย่งกันจ่ายเงิน เอ็มบอกโกรธมากถ้าไม่ยอมให้เอ็มออก เราก้อเรยตามใจ อาทิตย์ต่อมาเราต้องไปทำงานที่จังหวัดนครสวรรค์ 2 วัน ก้อเรยชวนเอ็มไปด้วย ซึ่งมีน้องของเอ็มขอตามไปด้วย(ลูกพี่ลูกน้อง) วันแรกหลังทำงานเสร็จเราก้อไปทานข้าวที่ร้านอาหารทะเล เราอยากกินกุ้งเผามาก ซึ่งร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องกุ้งเผา เราสั่งอาหารกันไปห้าอย่าง พอกำลังสั่งกุ้ง น้องของเอ็มบอกว่าเอ็มแพ้กุ้งหนิ ยาก็ไม่ได้เอามา เราก็เรยบอกงั้นไม่เป็นไร ไม่กินก็ได้ เอ็มก้เถียงว่าไม่เป็นไรสั่งเหอะ เราก็ยืนยันไม่เอา ก็เป็นอันตกลง พออาหารเริ่มทยอยมา เอ็มขอตัวไปห้องน้ำ แล้วก็กลับมาที่นั่งพร้อมกุ้งเผาจานใหญ่มาก ตกจานละ1,500บาท ซึ่ง เอ็มแอบเราสั่งนั่นเอง แล้วเราก็กินกุ้งอยู่คนเดียวเพราะ ทั้งสองคนนั้นแพ้กุ้ง และเอ็มก็แย่งเราเลี้ยงข้าวอีกเช่นเคย แม้เราจะยัดเยียดเงินอย่างไร สุดท้ายก็เอาเงินมาคืนโดยซ่อนในรถเราบ้าง ในกระเป๋าเราบ้าง และนี่แหละ ที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกชอบคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้จขกท.แทบไม่เคยเป็นผู้ได้รับเรย เป็นผู้ให้มาแทบตลอด คบกับใครมักเป็นคนจ่ายมากกว่าเสมอ อาจเป็นเพราะเรามีมากกว่าอีกฝ่าย ทำให้ไม่ค่อยเคยถูกเลี้ยงเรย อาจเป็นความคิดโง่ๆของจขกท.เอง แต่นี่แหละเป็นประเด็นที่ทำให้จขกท.แทบล้มทั้งยืนมาแล้ว
เราต้องบอกก่อนว่า ช่วงนี้เราก็มีคนเข้ามาคุยด้วยหลายคน และช่วงเวลาที่เรากับเอ็มเริ่มรู้สึกดีกันมากขึ้นนั้น ก็มีเฟสบุ๊คทอมคนนึงมาแอดเรา เราสมมติว่าชื่อเอนะ เอก็มาคุยมาหยอดเราแบบที่คนอื่นๆจีบสาว เราก็คุยเล่นด้วยเหมือนกัน แต่เราไม่ได้บอกเอ็มนะว่าเราคุยกับคนอื่นด้วย เพราะเรากับเอ็มยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เรื่องมันมาพลิกตรงที่ว่า เอบอกว่าทำงานในบ่อน ซึ่งเอ็มเคยบอกเราว่าพ่อแม่เป็นเจ้าของบ่อน เราก็เรยลองถามว่ารู้จักเอ็มไหม เอารูปให้ดู เอก็บอกว่าเป็นลูกนายใหญ่เราเอง แล้วก็พูดชื่นชมเอ็มให้เราฟังต่างๆนานา และบอกเราว่าอย่าไปบอกเอ็มนะ ว่าคุยกับเออยู่ เอกลัวว่าเอ็มรู้แล้วจะไล่เอออกจากงาน เราก็รับปากเอ ผ่านไปสักชม. เอ็มทักหาเราว่ารู้จักเอไหม เราบอกก็เคยทักกันในแชทเฟสเฉยๆ ไม่มีอะไร ไม่ได้คุยกันต่อ เอ็มก็โกดเรามากไม่รับสายเราเรย และก็บอกว่ารู้เรื่องทั้งหมด เอแคปหน้าจอที่คุยกับเราส่งให้เอ็มดูหมด เราก็งงซิ อุตส่าช่วยเอ กลัวมันจะโดนไล่ออก ทำเราซวยไปด้วยเรย เราก็เรยไปง้อเอ็มถึงที่พัก ลืมบอก เราไม่เคยรู้ว่าเอ็มบ้านอยู่ไหน เพราะ เอ็มมักพักอาศัยตามโรงแรม แล้วบอกว่าเป็นคนโลกส่วนตัวสูง รำคานพ่อ พ่อดุมาก ไม่อยากอยู่ด้วย อันนี้เราก็สงสัยนะ ว่าไม่เปลืองเงินบ้างรึไง มาพักข้างนอก แต่ตอนนั้นก็คิดว่า คงรวยมีเงินจะทำอะไรก็ได้ (เอ็มไม่มีรถขับ) กลับมาต่อที่เราไปง้อเอ็ม เอ็มก้ยกโทษให้นะ แต่จะไล่เอออก แล้ววันรุ่งขึ้นเอก็ทักเฟสเรามา บอกว่าเอโดนไล่ออกแล้วนะ ซึ่งเราก็รู้สึกผิดมากๆที่เป็นต้นเหตุให้คนๆนึงต้องออกจากงาน เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ตอนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทุกอย่างแล้วค่ะ เอ็มบอกเราว่าจะต้องไปบ่อนเพราะถูกเอเชิดเงินโต๊ะบ่อนที่เอทำอยู่ไป ซึ่งโต๊ะนั้นชื่อเจ้าของเป็นชื่อเอ็ม พ่อแม่เอ็มให้รับผิดชอบ หาเงินมาคืนให้ได้ เอ็มไปถึงบ่อนก็โทรมาหาเราว่ากลับมากทมไม่ได้จนกว่าจะหาเงินมาปิดบัญชีโต๊ะนี้ได้ ซึ่งเราก็งงๆอะนะ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกบ่อน เอ็มก้ว่าถ้าเอาเงินมาปิดอีก20,000บาท พรุ่งนี้ก็จะได้เงินปันผลคืนทั้งหมด แล้วก็กลับกทมได้ เอ็มบอกว่าเอเชิดเงินไปเยอะ ตอนนี้เอ็มเอาเงินทั้งบัญชีมาปิดหมดแล้วขาดอีกแค่20,000บาท เราก็ด้วยความที่เห็นใจ และมองคนในแง่ดี ไม่ได้คิดว่าเค้าจามสหลอกลวงใดๆ ก็เรยโอนไปให้ แต่พอโอนไปแล้ว มันไม่จบง่ายๆ เอ็มบอกขอเวลาไปปิดบัญชี แล้วก็หายไปจนเช้าอีกวัน เราก็ถามถึงเรื่องปิดบัญชี เอ็มตอบว่ามีทหารเข้ามาในบ่อน ตรวจหาสารเสพติด เพราะมีคนไปแจ้งว่าบ่อนนี้มียาเสพติด เอ็มบอกว่าเอ็มต้องให้เงินกับพวกทหารเพื่อไม่ให้มาวุ่นวาย เดี๋ยวลูกค้าแตกตื่น เอ็มให้เราช่วยหาอีกสามหมื่น บอกว่าเดี๋ยวได้คืนแน่ๆ มันสุดวิสัยจริงๆ เราก็โง่เชื่อรอบสองคะ โอนให้เรย คือตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าเค้าจะโกง เพราะเป็นถึงลูกเจ้าของบ่อน แต่ก็เอะใจว่าเป็นขนาดเจ้าของยังต้องมายืมเงินเรา แต่เอ็มบอกว่า แม่ให้เอ็มจัดการด้วยตนเอง โตแล้วต้องรับผิดชอบเรื่องเล็กๆน้อยๆได้ เราก็เชื่อสนิทใจ