ขอเกริ่นก่อนว่าทำไมถึงมาแชร์ ทั้งๆที่มีแชร์ประสบการณ์ work and travel เยอะแล้ว แต่ปัญหาคือ staff camp USA คนไม่ค่อยรู้จัก แล้วตอนเราหาข้อมูลเพื่อจะไปก็ไม่มีข้อมูล เราเลยอยากมาแชร์ให้กับคนที่อยากทราบ เพื่อใช้เป็นแนวทางการตัดสินใจนะคะ
ก่อนอื่นเราจะอธิบายว่า staff at camp คืออะไร
คือจะคล้ายๆ work and travel (WAT) ที่หลายๆคนรู้จัก แต่ถ้าไปเป็นstaff เราจะรับงานได้แค่งานเดียว เพราะเราต้องต้องอยู่ในแค้มป์ แล้วสถานที่ตั้งก็ไม่ได้อยู่ในเมือง ออกแนวค่อนข้างชนบท แต่มี walmart, bar หรืออื่นๆ ตามแต่ที่ๆเราได้ไป รายได้ค่อนข้างตายตัว
ลิสต์ข้อดี-ข้อเสีย (ในความคิดของเรา)
ข้อดี
-มีที่อยู่แน่นอน
-มีอาหารทานครบสามมื้อ
-มีรายได้ที่ตายตัว
-สามารถทำกิจกรรมในแค้มป์นั้นได้ (ต้องแล้วแต่เงื่อนไขของแค้มป์นั้นๆ)
-มีสวัสดิการที่ดี (ขึ้นอยู่กับแค้มป์ว่าเค้าให้อะไรบ้าง)
-มีเพื่อนต่างชาติ กินนอนด้วยกัน ตอลด24ชม. เรียกได้ว่าใช้ภาษากันตลอดเวลาจริงๆ
ข้อเสีย
-ทำงานได้แค่ที่แค้มป์ไปหาเสริมข้างนอก ไม่ได้เพราะไม่มีเวลา
วิธีสมัคร
-ติดต่อagency ที่เค้ามีเกี่ยวกับ staff camp USA แล้วสมัคร ขั้นตอนการสมัครนี่แล้วแต่agencyเลยนะ
-กรอกข้อมูลตามลิ้งค์ที่agencyให้มา ตัวอย่างเช่น เลือกตำแหน่งที่เราอยากทำ เล่าประสบการณ์ นู่นนี่นั่น พร้อมแนบเอกสารที่เค้าต้องการ แล้วก็มีให้ทำวิดีโอด้วยนะ(ตอนทำวิดีโอก็ต้องพรีเซ้นท์ตัวเองว่าทำอะไรได้บ้าง เคยทำอะไรมาแล้ว มีภาพประกอบด้วยยิ่งดี พยายามพรีเซ้นท์เกี่ยวกับตำแหน่งที่เราสมัครไปเยอะๆ แต่ไม่ต้องมากจนเกินงาม)
-หลังจากกรอกและแนบทุกอย่างเบ็ดเสร็จแล้วก็รอค่ะ รออย่างเดียว รอให้แต่ละแค้มป์เค้ามาคัดเลือกเรา ถ้าเราถูกคัดเลือก เค้าจะส่งe-mail มาหาเราค่ะ ว่าเค้าสนใจ แล้วก็คุยๆกันไป บางแค้มป์ก็มีสัมภาษณ์ บางแค้มป์นี่ถามนิดหน่อยก็เดินเรื่องให้เราแล้วค่ะ
แต่.........ใช่ว่าทุกคนที่สมัครไปจะได้ทุกคนนะคะ เผื่อใจกันไว้บ้าง
เริ่มสมัครตอนไหน?
-แล้วแต่agencyที่เราเลือกค่ะ
เอาหล่ะค่ะ ตอนนี้เราจะเล่าเรื่องของเราตั้งแต่เริ่มสมัครจนหมดสัญญาเลยนะ
ช่วงขั้นตอนแรกๆจะเล่าไม่ค่อยละเอียดนะคะ แค่เป็นแนวทางเฉยๆ ว่าเราทำอะไรช่วงไหน
หาagency
เราไม่ได้หาagencyเองเพื่อนเราเป็นคนหาแล้วแนะนำอีกที เพราะตอนแรกตั้งใจว่าถ้าไม่ได้camp ก็จะไปWATที่เดียวกัน
สมัครกับagencyและกรอกข้อมูลสมัครในเว็บของcamp staff USA
-เริ่มสมัครกับagency ตอนมกรา-กุมภา
-กรอกข้อมูลในเว็บเสร็จช่วงเดือนมีนาคม แล้วก็รอค่ะ
การตอบรับจากแค้มป์และผลว่าเราจะได้งานหรือไม่
เค้าส่งe-mail มาค่ะ เราต้องขยันเช็คหน่อยนะคะ เพราะถ้าเค้าส่งมาละเราไม่ตอบกลับไปเค้าอาจคิดว่าเราไม่อยากได้งานนั้นแล้วค่ะ (ตอนนั้นเรารอเป็นเดือนเลยค่ะ เริ่มท้อนึกว่าไม่ได้แล้ว)
เนื้อหาที่เค้าส่งมาหาเราก็แล้วแต่กันไปค่ะ ของเราจะเป็นเรื่องของระยะเวลาการทำงาน พอตกลงกันได้เค้าก็รับเราเลย โดยไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรเลย แต่บางคนก็โดนสัมภาษณ์นะคะ ปล.เราไม่สามมารถเลือกแค้มป์ที่จะไปได้นะคะ
เตรียมเอกสารเดินเรื่อง พวกเรื่องการเดินทาง สัญญาจ้าง และอื่นๆ
ก็คุยกับagencyเราค่ะ ถ้ามีให้เราเซ็นต์เกี่ยวกับสัญญาจ้าง แล้วเราอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ปรึกษาagency หรือไม่ก็e-mailคุยกับเค้าค่ะ เค้าอยากได้เอกสารอะไรส่งไปให้เค้าให้หมดเลยค่ะ
เตรียมกระเป๋าเดินทาง
e-mail ถามเลยค่ะว่าอากาศช่วงที่เราไปเป็นไง อุณหภูมิเท่าไหร่ สิ่งที่เราควรพกไปมีอะไรบ้าง อย่าเชื่อagencyหรือคนอื่นค่ะ ถามเจ้าหน้าที่ที่เค้าทำงานที่แค้มป์เลยค่ะ เพราะเค้ารู้ดีว่าเราต้องใช้อะไรบ้าง
อย่างของแค้มป์ที่เราไป อยู่ติดภูเขา อากาศค่อนข้างหนาว ต้องเอาเสื้อกันหนาวไปค่ะ เสื้อขนเป็ดเนี่ยถ้ามีเอาไปเถอะค่ะ ของเราต้องใช้รองเท้าบู๊ทเพราะเวลาฝนตก พื้นแฉะน้ำนอง ต้องใช้จริงๆ เราไปถึงที่แค้มป์มีเงิบหลายตลบเลยค่ะ ต้องไปซื้อของเพิ่มเยอะแยะ
อ้อ อย่าลืมพกอาหารไทยไปนะคะ เอาไว้ทำทานเวลาคิดถึงอาหารไทยค่ะ เพราะบางที่ก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกง่ายๆเนอะ แล้วบางครั้งก็แบ่งปันวัฒนธรรมกับคนที่แค้มป์ด้วยการทำอาหารไทยให้เค้าได้ชิมบ้างก็สนุกดีค่ะ แต่เราไม่ได้พกไปค่ะ ไม่รู้อะไรเลย agencyบอกว่าหนูไม่มีครัวเป็นของตัวเอง ทำไม่ได้หรอกค่ะ แต่โชคดีที่พี่ที่มาจากอีกagencyเค้าเอาไป เรากับพี่อีกคนนี่อิ่มหนำสบายกันไปเลย
การเดินทาง
ของเราได้งานที่นิวยอร์คค่ะ แต่เดี๋ยวค่ะไม่ใช่ NYC นะคะ NY upstate ต่างหากหล่ะ แล้วที่สำคัญที่สุดค่ะ โปรดแจ้งตารางการเดินทางของเราให้ทางแค้มป์ทราบด้วยนะคะ (ต่อให้agencyเราส่งไปแล้วก็ตาม) ส่งก่อนไปถึง ช่วงพักเปลี่ยนเครื่องก็ส่งรายงานเค้าไปค่ะ ย้ำเค้าอีกครั้งก่อนที่เราจะไปถึงแล้วเค้าไม่มารับ งานนี้มีเงิบนะคะ ของเราก็เงิบเรื่องนี้ค่ะ เพราะagencyเราบอกว่าเค้าแจ้งไปทางแค้มป์แล้ว แต่พอเราโทรไปหาทางแค้มป์เค้าก็แบบว่า อ้าวมาถึงวันนี้หรอ? เฮ้ยตอนนั้นร้องไห้อย่างเดียวค่ะ แต่ก็ต้องรอรอไปสามชั่วโมงในวันที่ฝนตก อากาศหนาว พร้อมกับลมแรงที่bus station (bus station ที่เราไปลงเนี่ยจะเป็นปั๊มน้ำมัน อย่าตกใจกันนะคะ เราลงถูกที่แล้ว) แต่มีshopนะคะ เข้าไปนั่งหาอะไรทานได้สบายๆ พอมองย้อนกลับไปแล้ว เราขอบคุณวันนั้นมากเลย เพราะมันทำให้เราเข้มแข็งขึ้นจริงๆ
ถึงแค้มป์แล้ว เรามาเริ่มทำความรู้จักเพื่อนใหม่และทำงานกันเถอะ
ตอนเลือกตำแหน่งงานเราเลือกตำแหน่งที่อยู่ในครัวทุกอันเลยค่ะ อยากทำงานในครัว เพราะพี่agencyบอกทานได้ทั้งวัน 55555555 บ้ากินค่ะ สรุปเราได้ตำแหน่งFOH(front of house) คืองานประมาณว่าเตรียมของ จัดโต๊ะ ทำความสะอาดบริเวณDining Hall งานไม่หนักอะไรเลย สนุกมากจริงๆเลยค่ะ ซึ่งเราจะรู้หน้าที่เราจริงๆ ตอนแค้มป์ใกล้เปิดนะคะ
แต่.... เราไปก่อนที่แค้มป์จะเปิดค่ะ เราต้องไปทำความสะอาดเตรียมcabinไว้ต้อนรับเด็กๆที่จะมาค่ะ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ปัดกวาดเช็ดถู ล้างห้องน้ำ ทำเสร็จเร็วก็ได้อู้เร็วค่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับเพื่อนที่ทำงานร่วมกันด้วยนะ ของเราทำกับเพื่อนmexico กับ russia ค่ะ น่ารักกันทั้งนั้นเป็นมิตรจริงๆ พอถึงเวลาทานข้าวก็ไปทานค่ะ ทานเต็มที่ไม่อิ่มเติม
ขอพื้นที่เล่าถึงเพื่อนๆที่เราทำงานด้วยหน่อยนะคะ เราทำกับเพื่อบชาวmexico,russiaamerica แล้วก็คนไทยค่ะ!!! ตอนแรกนึกว่ามีแค่สองคน คือคนที่ไปจากagencyเดียวกัน แต่ไปเจอที่นู่นอีกหนึ่งคนที่มาจากอีกagencyนึง เพื่อนๆน่ารักทุกคนจริงๆค่ะ แต่ก็แล้วแต่คนนะว่าจะเจอเพื่อนแบบไหน แต่เราโชคดีจริงๆค่ะ เอ้อ ตอนเราไปถึงวันแรก โดนเพื่อนมาหอมแก้มทักทาย ตกใจมากเลย ไม่ได้ตั้งตัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายที่ไหนมาหอม ตอนแรกนี่โกรธมากกกกกกก พอเห็นหน้า อืมมมมม หล่อ ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ นึกขึ้นได้ว่าเป็นวัฒนธรรมของเค้า 5555555 ข้ออ้างล้วนๆ
เอ้าต่ออออออ
เราก็ทำแบบนี้ไปจนถึงช่วงหนึ่งก็เริ่มไปทำงานในครัวค่ะ ซึ่งพอเริ่มทำหน้าที่ของเราเนี่ย เค้าจะแบ่งให้เราทำสองกะ คือ เช้า-เย็น หรือ เที่ยง-เย็น โดยจะสลับกันค่ะ คือถ้าอาทิตย์แรกเราทำ เช้า-เย็น อาทิตย์หน้าเราต้องทำ เที่ยง-เย็นค่ะ โดยFOHจะมี4คน ซึ่งช่วงเช้ากับเที่ยงจะทำแค่2คน ตอนเย็นทำ4คนเพราะต้องกวาดพื้นถูพื้นแบบfull option กันไปเลย ซึ่งบางวันไม่ต้องทำเพราะเค้ามีmovie day เราก็สบายค่ะ เดินสวยๆเข้าครัวไป แต่จะไปช่วยเพื่อนล้างจานหรือไม่ก็แล้วแต่น้ำใจท่านเถิด แต่เราไปค่ะ ช่วยทุกอย่างทุกคน ให้ทำทั้งวันเราก็ทำค่ะ เพราะได้คุยกับเพื่อน ฝึกภาษา เรียนรู้เทคนิคการทำอาหาร แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเรื่อย (แต่เราไม่ได้ชั่วโมงเพิ่มนะคะ อันนี้เต็มใจทำให้ฟรีๆ) ตอนหลังเพื่อนบ่นค่ะ ว่าหัดปฏิเสธที่จะไม่ช่วยบ้างได้มั้ยเพราะคนอื่นเค้าหาผลประโยชน์จากเรานะ แต่เราก็ไม่สนใจค่ะ อยากทำเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำงานหนัก ใช้ชีวิตสบายมาตลอด ครั้งนี้มาเพื่อใช้ชีวิตที่เราไม่เคยทำและสัมผัสมาก่อน
เดี๋ยวมาต่อเกี่ยวกับ วันหยุด สวัสดิการ การใช้ชีวิตในแค้มป์ และอื่นๆ เพิ่มให้นะคะ แต่ถ้าใครอยากทราบตรงไหนเป็นพิเศษ ก็ถามได้เลยค่ะ ยินดีตอบถ้าตอบได้นะ
Camp Staff USA บอกเล่าเรื่องราวการทำงานเป็นstaff at camp in USA
ก่อนอื่นเราจะอธิบายว่า staff at camp คืออะไร
คือจะคล้ายๆ work and travel (WAT) ที่หลายๆคนรู้จัก แต่ถ้าไปเป็นstaff เราจะรับงานได้แค่งานเดียว เพราะเราต้องต้องอยู่ในแค้มป์ แล้วสถานที่ตั้งก็ไม่ได้อยู่ในเมือง ออกแนวค่อนข้างชนบท แต่มี walmart, bar หรืออื่นๆ ตามแต่ที่ๆเราได้ไป รายได้ค่อนข้างตายตัว
ลิสต์ข้อดี-ข้อเสีย (ในความคิดของเรา)
ข้อดี
-มีที่อยู่แน่นอน
-มีอาหารทานครบสามมื้อ
-มีรายได้ที่ตายตัว
-สามารถทำกิจกรรมในแค้มป์นั้นได้ (ต้องแล้วแต่เงื่อนไขของแค้มป์นั้นๆ)
-มีสวัสดิการที่ดี (ขึ้นอยู่กับแค้มป์ว่าเค้าให้อะไรบ้าง)
-มีเพื่อนต่างชาติ กินนอนด้วยกัน ตอลด24ชม. เรียกได้ว่าใช้ภาษากันตลอดเวลาจริงๆ
ข้อเสีย
-ทำงานได้แค่ที่แค้มป์ไปหาเสริมข้างนอก ไม่ได้เพราะไม่มีเวลา
วิธีสมัคร
-ติดต่อagency ที่เค้ามีเกี่ยวกับ staff camp USA แล้วสมัคร ขั้นตอนการสมัครนี่แล้วแต่agencyเลยนะ
-กรอกข้อมูลตามลิ้งค์ที่agencyให้มา ตัวอย่างเช่น เลือกตำแหน่งที่เราอยากทำ เล่าประสบการณ์ นู่นนี่นั่น พร้อมแนบเอกสารที่เค้าต้องการ แล้วก็มีให้ทำวิดีโอด้วยนะ(ตอนทำวิดีโอก็ต้องพรีเซ้นท์ตัวเองว่าทำอะไรได้บ้าง เคยทำอะไรมาแล้ว มีภาพประกอบด้วยยิ่งดี พยายามพรีเซ้นท์เกี่ยวกับตำแหน่งที่เราสมัครไปเยอะๆ แต่ไม่ต้องมากจนเกินงาม)
-หลังจากกรอกและแนบทุกอย่างเบ็ดเสร็จแล้วก็รอค่ะ รออย่างเดียว รอให้แต่ละแค้มป์เค้ามาคัดเลือกเรา ถ้าเราถูกคัดเลือก เค้าจะส่งe-mail มาหาเราค่ะ ว่าเค้าสนใจ แล้วก็คุยๆกันไป บางแค้มป์ก็มีสัมภาษณ์ บางแค้มป์นี่ถามนิดหน่อยก็เดินเรื่องให้เราแล้วค่ะ
แต่.........ใช่ว่าทุกคนที่สมัครไปจะได้ทุกคนนะคะ เผื่อใจกันไว้บ้าง
เริ่มสมัครตอนไหน?
-แล้วแต่agencyที่เราเลือกค่ะ
เอาหล่ะค่ะ ตอนนี้เราจะเล่าเรื่องของเราตั้งแต่เริ่มสมัครจนหมดสัญญาเลยนะ
ช่วงขั้นตอนแรกๆจะเล่าไม่ค่อยละเอียดนะคะ แค่เป็นแนวทางเฉยๆ ว่าเราทำอะไรช่วงไหน
หาagency
เราไม่ได้หาagencyเองเพื่อนเราเป็นคนหาแล้วแนะนำอีกที เพราะตอนแรกตั้งใจว่าถ้าไม่ได้camp ก็จะไปWATที่เดียวกัน
สมัครกับagencyและกรอกข้อมูลสมัครในเว็บของcamp staff USA
-เริ่มสมัครกับagency ตอนมกรา-กุมภา
-กรอกข้อมูลในเว็บเสร็จช่วงเดือนมีนาคม แล้วก็รอค่ะ
การตอบรับจากแค้มป์และผลว่าเราจะได้งานหรือไม่
เค้าส่งe-mail มาค่ะ เราต้องขยันเช็คหน่อยนะคะ เพราะถ้าเค้าส่งมาละเราไม่ตอบกลับไปเค้าอาจคิดว่าเราไม่อยากได้งานนั้นแล้วค่ะ (ตอนนั้นเรารอเป็นเดือนเลยค่ะ เริ่มท้อนึกว่าไม่ได้แล้ว)
เนื้อหาที่เค้าส่งมาหาเราก็แล้วแต่กันไปค่ะ ของเราจะเป็นเรื่องของระยะเวลาการทำงาน พอตกลงกันได้เค้าก็รับเราเลย โดยไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรเลย แต่บางคนก็โดนสัมภาษณ์นะคะ ปล.เราไม่สามมารถเลือกแค้มป์ที่จะไปได้นะคะ
เตรียมเอกสารเดินเรื่อง พวกเรื่องการเดินทาง สัญญาจ้าง และอื่นๆ
ก็คุยกับagencyเราค่ะ ถ้ามีให้เราเซ็นต์เกี่ยวกับสัญญาจ้าง แล้วเราอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ปรึกษาagency หรือไม่ก็e-mailคุยกับเค้าค่ะ เค้าอยากได้เอกสารอะไรส่งไปให้เค้าให้หมดเลยค่ะ
เตรียมกระเป๋าเดินทาง
e-mail ถามเลยค่ะว่าอากาศช่วงที่เราไปเป็นไง อุณหภูมิเท่าไหร่ สิ่งที่เราควรพกไปมีอะไรบ้าง อย่าเชื่อagencyหรือคนอื่นค่ะ ถามเจ้าหน้าที่ที่เค้าทำงานที่แค้มป์เลยค่ะ เพราะเค้ารู้ดีว่าเราต้องใช้อะไรบ้าง
อย่างของแค้มป์ที่เราไป อยู่ติดภูเขา อากาศค่อนข้างหนาว ต้องเอาเสื้อกันหนาวไปค่ะ เสื้อขนเป็ดเนี่ยถ้ามีเอาไปเถอะค่ะ ของเราต้องใช้รองเท้าบู๊ทเพราะเวลาฝนตก พื้นแฉะน้ำนอง ต้องใช้จริงๆ เราไปถึงที่แค้มป์มีเงิบหลายตลบเลยค่ะ ต้องไปซื้อของเพิ่มเยอะแยะ
อ้อ อย่าลืมพกอาหารไทยไปนะคะ เอาไว้ทำทานเวลาคิดถึงอาหารไทยค่ะ เพราะบางที่ก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกง่ายๆเนอะ แล้วบางครั้งก็แบ่งปันวัฒนธรรมกับคนที่แค้มป์ด้วยการทำอาหารไทยให้เค้าได้ชิมบ้างก็สนุกดีค่ะ แต่เราไม่ได้พกไปค่ะ ไม่รู้อะไรเลย agencyบอกว่าหนูไม่มีครัวเป็นของตัวเอง ทำไม่ได้หรอกค่ะ แต่โชคดีที่พี่ที่มาจากอีกagencyเค้าเอาไป เรากับพี่อีกคนนี่อิ่มหนำสบายกันไปเลย
การเดินทาง
ของเราได้งานที่นิวยอร์คค่ะ แต่เดี๋ยวค่ะไม่ใช่ NYC นะคะ NY upstate ต่างหากหล่ะ แล้วที่สำคัญที่สุดค่ะ โปรดแจ้งตารางการเดินทางของเราให้ทางแค้มป์ทราบด้วยนะคะ (ต่อให้agencyเราส่งไปแล้วก็ตาม) ส่งก่อนไปถึง ช่วงพักเปลี่ยนเครื่องก็ส่งรายงานเค้าไปค่ะ ย้ำเค้าอีกครั้งก่อนที่เราจะไปถึงแล้วเค้าไม่มารับ งานนี้มีเงิบนะคะ ของเราก็เงิบเรื่องนี้ค่ะ เพราะagencyเราบอกว่าเค้าแจ้งไปทางแค้มป์แล้ว แต่พอเราโทรไปหาทางแค้มป์เค้าก็แบบว่า อ้าวมาถึงวันนี้หรอ? เฮ้ยตอนนั้นร้องไห้อย่างเดียวค่ะ แต่ก็ต้องรอรอไปสามชั่วโมงในวันที่ฝนตก อากาศหนาว พร้อมกับลมแรงที่bus station (bus station ที่เราไปลงเนี่ยจะเป็นปั๊มน้ำมัน อย่าตกใจกันนะคะ เราลงถูกที่แล้ว) แต่มีshopนะคะ เข้าไปนั่งหาอะไรทานได้สบายๆ พอมองย้อนกลับไปแล้ว เราขอบคุณวันนั้นมากเลย เพราะมันทำให้เราเข้มแข็งขึ้นจริงๆ
ถึงแค้มป์แล้ว เรามาเริ่มทำความรู้จักเพื่อนใหม่และทำงานกันเถอะ
ตอนเลือกตำแหน่งงานเราเลือกตำแหน่งที่อยู่ในครัวทุกอันเลยค่ะ อยากทำงานในครัว เพราะพี่agencyบอกทานได้ทั้งวัน 55555555 บ้ากินค่ะ สรุปเราได้ตำแหน่งFOH(front of house) คืองานประมาณว่าเตรียมของ จัดโต๊ะ ทำความสะอาดบริเวณDining Hall งานไม่หนักอะไรเลย สนุกมากจริงๆเลยค่ะ ซึ่งเราจะรู้หน้าที่เราจริงๆ ตอนแค้มป์ใกล้เปิดนะคะ
แต่.... เราไปก่อนที่แค้มป์จะเปิดค่ะ เราต้องไปทำความสะอาดเตรียมcabinไว้ต้อนรับเด็กๆที่จะมาค่ะ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ปัดกวาดเช็ดถู ล้างห้องน้ำ ทำเสร็จเร็วก็ได้อู้เร็วค่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับเพื่อนที่ทำงานร่วมกันด้วยนะ ของเราทำกับเพื่อนmexico กับ russia ค่ะ น่ารักกันทั้งนั้นเป็นมิตรจริงๆ พอถึงเวลาทานข้าวก็ไปทานค่ะ ทานเต็มที่ไม่อิ่มเติม
ขอพื้นที่เล่าถึงเพื่อนๆที่เราทำงานด้วยหน่อยนะคะ เราทำกับเพื่อบชาวmexico,russiaamerica แล้วก็คนไทยค่ะ!!! ตอนแรกนึกว่ามีแค่สองคน คือคนที่ไปจากagencyเดียวกัน แต่ไปเจอที่นู่นอีกหนึ่งคนที่มาจากอีกagencyนึง เพื่อนๆน่ารักทุกคนจริงๆค่ะ แต่ก็แล้วแต่คนนะว่าจะเจอเพื่อนแบบไหน แต่เราโชคดีจริงๆค่ะ เอ้อ ตอนเราไปถึงวันแรก โดนเพื่อนมาหอมแก้มทักทาย ตกใจมากเลย ไม่ได้ตั้งตัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายที่ไหนมาหอม ตอนแรกนี่โกรธมากกกกกกก พอเห็นหน้า อืมมมมม หล่อ ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ นึกขึ้นได้ว่าเป็นวัฒนธรรมของเค้า 5555555 ข้ออ้างล้วนๆ
เอ้าต่ออออออ
เราก็ทำแบบนี้ไปจนถึงช่วงหนึ่งก็เริ่มไปทำงานในครัวค่ะ ซึ่งพอเริ่มทำหน้าที่ของเราเนี่ย เค้าจะแบ่งให้เราทำสองกะ คือ เช้า-เย็น หรือ เที่ยง-เย็น โดยจะสลับกันค่ะ คือถ้าอาทิตย์แรกเราทำ เช้า-เย็น อาทิตย์หน้าเราต้องทำ เที่ยง-เย็นค่ะ โดยFOHจะมี4คน ซึ่งช่วงเช้ากับเที่ยงจะทำแค่2คน ตอนเย็นทำ4คนเพราะต้องกวาดพื้นถูพื้นแบบfull option กันไปเลย ซึ่งบางวันไม่ต้องทำเพราะเค้ามีmovie day เราก็สบายค่ะ เดินสวยๆเข้าครัวไป แต่จะไปช่วยเพื่อนล้างจานหรือไม่ก็แล้วแต่น้ำใจท่านเถิด แต่เราไปค่ะ ช่วยทุกอย่างทุกคน ให้ทำทั้งวันเราก็ทำค่ะ เพราะได้คุยกับเพื่อน ฝึกภาษา เรียนรู้เทคนิคการทำอาหาร แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเรื่อย (แต่เราไม่ได้ชั่วโมงเพิ่มนะคะ อันนี้เต็มใจทำให้ฟรีๆ) ตอนหลังเพื่อนบ่นค่ะ ว่าหัดปฏิเสธที่จะไม่ช่วยบ้างได้มั้ยเพราะคนอื่นเค้าหาผลประโยชน์จากเรานะ แต่เราก็ไม่สนใจค่ะ อยากทำเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำงานหนัก ใช้ชีวิตสบายมาตลอด ครั้งนี้มาเพื่อใช้ชีวิตที่เราไม่เคยทำและสัมผัสมาก่อน
เดี๋ยวมาต่อเกี่ยวกับ วันหยุด สวัสดิการ การใช้ชีวิตในแค้มป์ และอื่นๆ เพิ่มให้นะคะ แต่ถ้าใครอยากทราบตรงไหนเป็นพิเศษ ก็ถามได้เลยค่ะ ยินดีตอบถ้าตอบได้นะ