ช่วงนี้ใครที่คุ้นหูกับไวรัสซิก้าหรือ
Zika Virus นั้นวันนี้เราจะมาสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่ายนะคะ
ไวรัส Zika คือเชื้อไวรัสที่ถ้าปอดได้รับมากอาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด.... เอ้ยไม่ใช่นั่นมันคนละซิก้าแล้ว
เอาใหม่ๆไม่ล้อเล่นแล้ว... งั้นเรามาทำความรู้จักมันกันเลยดีกว่าค่ะ
เมื่อสองวันก่อน WHO ได้ประกาศเตือนภัยฉุกเฉินโลกให้ไวรัสซิกา (Zika) ที่กำลังระบาดในแถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียนนั้น
มีความรุนแรงเทียบเท่ากับอีโบลาและคาดว่าเมื่อลามไปยังสหรัฐฯจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้มากถึง 3-4 ล้านคน
ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 20 ประเทศแล้ว ส่วนมากคือคนที่เคยทางไปยังลาตินอเมริกา ที่มากไปกว่านั้นคือเชื้อตัวนี้ยัง
มีแนวโน้มระบาดมายังทวีปแอฟริกา เอเชียอีกด้วยเนื่องจากสองทวีปนี้มีอัตราการเกิดของประชากรสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว
(ขอบคุณภาพจาก Google.com)
(ขอบคุณภาพจาก Google.com)
(ขอบคุณภาพจาก Google.com)
ส่วนพาหะของโรคนี้คือยุงลาย
อาการผู้ป่วยคือจะมีไข้ มีผื่นตามตัว ปวดเมื่อยตามตัวตามข้อและรู้สึกไม่มีแรงคล้ายๆกับไข้เลือดออก
หรือชิคุนกุนยาที่มาจากพาหะเดียวกันก็คือยุง ส่วนผู้ที่ติดเชื้อก็จะไม่ค่อยรู้ตัวเพราะอาการของตัวนี้จะไม่รุนแรงเท่าสองตัวแรก
แต่ที่น่ากลัวคือเพิ่งมีการยืนยันว่าไวรัสสามารถติดต่อผ่านทางการให้เลือด ผ่านการมีเพศสัมพันธ์
ส่งผลให้ใครที่อยากมีลูกหรือสตรีตั้งครรภ์มีความเสี่ยงคลอดลูกออกมากศีรษะเล็กผิดปกติและสมองฝ่อหรือบางรายอาจจะเสียชีวิตอีกด้วย
(ขอบคุณภาพจาก www.sciencemag.org)
(ขอบคุณภาพจาก www.bbc.com)
(ขอบคุณภาพจาก www.bbc.com)
ที่แย่ไปกว่านั้นนะคะคือ
ยังไม่มีวัคซีนใดๆที่สามารถป้องกันและรักษาโรคนี้ได้เนื่องจากว่าสมัยที่มีเด็กเกิดมาสมองฝ่อนั้น
ไม่มีการตรวจเช็คว่ามาจากสาเหตุใดแน่ชัดส่งผลให้ไม่มีการพัฒนาตัวยามาป้องกัน แต่ล่าสุดทางการบราซิลได้ออกมายืนยัน
ว่าไวรัสตัวนี้เป็นสาเหตุทำให้เด็กแรกเกิดมีศีรษะเล็กผิดปกติเนื่องจากพบหลักฐานที่เพียงพอ ขัดกับประเทศโคลอมเบียที่ระบุว่ายังไม่มั่นใจ
เพราะว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนถึงแม้ตนจะเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสซิก้าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
แต่อย่างไรก็ตามกันไว้ก่อนก็ดีกว่าต้องมาแก้ทีหลังนะคะเพราะไม่ว่าสุดท้ายแล้วไวรัสตัวนี้จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอะไรหรือไม่ก็ตาม
ตัวเราเองก็ควรจะการป้องกันตัวเองเบื้องต้นก่อนเพราะดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หนึ่งเราอาจเริ่มได้จากทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเพราะยุงส่วนใหญ่ที่แพร่เชื้อนี้ส่วนมากคือยุงที่มากัดเราตอนกลางวัน
สองคือหลีกเลี่ยงการรับเลือดและ
สาม ให้เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเพิ่งเดินทางไปยังแถบทวีปที่กล่าวมาข้างต้น
ทั้งหมดก็มีเท่านี้ค่ะ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดแต่ต้องมีสติเสมอ
หากเรามีอะไรคืบหน้าจะรีบนำมาอัพเดทนะคะ อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ
รู้ทันไวรัส Zika ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม..
ไวรัส Zika คือเชื้อไวรัสที่ถ้าปอดได้รับมากอาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด.... เอ้ยไม่ใช่นั่นมันคนละซิก้าแล้ว
เอาใหม่ๆไม่ล้อเล่นแล้ว... งั้นเรามาทำความรู้จักมันกันเลยดีกว่าค่ะ
เมื่อสองวันก่อน WHO ได้ประกาศเตือนภัยฉุกเฉินโลกให้ไวรัสซิกา (Zika) ที่กำลังระบาดในแถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียนนั้น
มีความรุนแรงเทียบเท่ากับอีโบลาและคาดว่าเมื่อลามไปยังสหรัฐฯจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้มากถึง 3-4 ล้านคน
ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 20 ประเทศแล้ว ส่วนมากคือคนที่เคยทางไปยังลาตินอเมริกา ที่มากไปกว่านั้นคือเชื้อตัวนี้ยังมีแนวโน้มระบาดมายังทวีปแอฟริกา เอเชียอีกด้วยเนื่องจากสองทวีปนี้มีอัตราการเกิดของประชากรสูงเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว
(ขอบคุณภาพจาก Google.com)
(ขอบคุณภาพจาก Google.com)
(ขอบคุณภาพจาก Google.com)
ส่วนพาหะของโรคนี้คือยุงลาย
อาการผู้ป่วยคือจะมีไข้ มีผื่นตามตัว ปวดเมื่อยตามตัวตามข้อและรู้สึกไม่มีแรงคล้ายๆกับไข้เลือดออก
หรือชิคุนกุนยาที่มาจากพาหะเดียวกันก็คือยุง ส่วนผู้ที่ติดเชื้อก็จะไม่ค่อยรู้ตัวเพราะอาการของตัวนี้จะไม่รุนแรงเท่าสองตัวแรก
แต่ที่น่ากลัวคือเพิ่งมีการยืนยันว่าไวรัสสามารถติดต่อผ่านทางการให้เลือด ผ่านการมีเพศสัมพันธ์
ส่งผลให้ใครที่อยากมีลูกหรือสตรีตั้งครรภ์มีความเสี่ยงคลอดลูกออกมากศีรษะเล็กผิดปกติและสมองฝ่อหรือบางรายอาจจะเสียชีวิตอีกด้วย
(ขอบคุณภาพจาก www.sciencemag.org)
(ขอบคุณภาพจาก www.bbc.com)
(ขอบคุณภาพจาก www.bbc.com)
ที่แย่ไปกว่านั้นนะคะคือยังไม่มีวัคซีนใดๆที่สามารถป้องกันและรักษาโรคนี้ได้เนื่องจากว่าสมัยที่มีเด็กเกิดมาสมองฝ่อนั้น
ไม่มีการตรวจเช็คว่ามาจากสาเหตุใดแน่ชัดส่งผลให้ไม่มีการพัฒนาตัวยามาป้องกัน แต่ล่าสุดทางการบราซิลได้ออกมายืนยัน
ว่าไวรัสตัวนี้เป็นสาเหตุทำให้เด็กแรกเกิดมีศีรษะเล็กผิดปกติเนื่องจากพบหลักฐานที่เพียงพอ ขัดกับประเทศโคลอมเบียที่ระบุว่ายังไม่มั่นใจ
เพราะว่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจนถึงแม้ตนจะเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสซิก้าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
แต่อย่างไรก็ตามกันไว้ก่อนก็ดีกว่าต้องมาแก้ทีหลังนะคะเพราะไม่ว่าสุดท้ายแล้วไวรัสตัวนี้จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอะไรหรือไม่ก็ตาม
ตัวเราเองก็ควรจะการป้องกันตัวเองเบื้องต้นก่อนเพราะดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หนึ่งเราอาจเริ่มได้จากทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเพราะยุงส่วนใหญ่ที่แพร่เชื้อนี้ส่วนมากคือยุงที่มากัดเราตอนกลางวัน
สองคือหลีกเลี่ยงการรับเลือดและ
สาม ให้เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเพิ่งเดินทางไปยังแถบทวีปที่กล่าวมาข้างต้น
ทั้งหมดก็มีเท่านี้ค่ะ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดแต่ต้องมีสติเสมอ
หากเรามีอะไรคืบหน้าจะรีบนำมาอัพเดทนะคะ อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ