
หลังจากที่ซ่อนตัวคอยส่องรีวิวชาวบ้านมานานวันนี้เราขอมาเขียนรีวิวเองบ้าง (โดยยืมรหัสเพื่อน555) เรียกว่าเป็นนักเขียนรีวิวมือฝหม่ก็ว่าได้ ขอเป็นกระทู้เน้นแบ่งปันความประทับใจก็แล้วกันน้า เพราะว่ายังมือใหม่หัดรีวิว แถมถ่ายรูปไม่เอาไหน ถ่ายรูปแบบบ้านๆ ทริปนี้ ุ7วัน6คืน รวมเดินทาง ออกเดินทางวันที่ 2 มกราคม ทริปนี้เราไปกันสองคนค่ะ แต่อยู่ดีดีก็เพิ่มมาเป็น 4 แบบ งงๆ
แพลนของทริปนี้นะคะ
Day 1 : ออกเดินทางจากหัวลำโพง
Day 2 : นอนในตัวเมืองน่าน เที่ยวในตัวเมืองน่านใกล้ๆ
Day 3 : กางเต๊นท์ดอยเสมอดาว
Day 4 : บ่อเกลือ
Day 5 : เดินทางกลับ กทม
Day 1 : จองตั๋วรถไฟ กรุงเทพฯ - เด่นชัยราคา 200 เคลื่อนขบวนเวลา 20.30 แต่มากกว่าการนั่งๆนอนๆ บนรถไฟนั้น เราได้เจอเพื่อนร่วมเดินทางหว่ะแกรร พี่จะไปเที่ยวน่านเหมือนกันตอนแรกๆ ก็ยังไม่ตกลงปลงใจอะไรกันหรอก แต่ทางเดียวกันไปด้วยกันไปก่อน รถไฟถึงสถานีเด่นชัยราวๆุ6 โมง ถือว่าทำเวลาได้ดีมากสำหรับรถไฟไทย แต่.....เรายังไม่ถึงน่านเด้อ ลงจากรถไฟปุ้บ รีบเดินมาขึ้นสองแถวจาก เด่นชัย ไปลง บขส.แพร่โดยด่วน ราคา40 เพื่อไปต่อรถตู้เข้าเมืองน่าน ในราคา70 บาท ถึงบขส.น่าน เดินตามหาร้านเช่ามอไซค์ก่อนเลย ชื่อร้าน Tono Carrent น่าจะมีอยู่ร้านเดียวละมั้ง ละแวก บขส น่าน พี่ๆสองคนเราก็ชวนไปกับเราด้วย ตอนแรกไม่รู้จะเช่ากี่วันดีเพราะมีแพลนไปหลายที่มากก พี่บอกน้องไปไหนพี่ไปด้วย เอางั้นเลยเรอะพี่ ตกลงปลงใจ5 วันนี้เราจะอยู่ด้วยกันเที่ยวด้วยกัน 5555 เลยจองรถมัน 3 วันเลยจ้า แบบว่าขับเอาคุ้ม แบบว่าตูดชากันไปข้าง เพื่อนร่วมเดินทางเราชื่อพี่โน๊ตและพี่แฮม นะคะ
Day 2 : ที่พักที่เราพักคืนแรกนะคะ "เฮือนม่วนใจ๋"

ภายในตัวห้องนะคะ ห้องพัดลม โอเคมากเจ้าของเป็นกันเอง มีมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือ และห้องน้ำรวมนะคะ
เหน็ดเหนื่อยจากการ นอน เอ้ยเดินทางจากรถไฟมามาก เรานอนกันเกือบถึงเย็นเลย ออกมาอีกทีก็ตอนไปหาข้าวกินที่ "ข่วงเมืองน่าน" เหมือนเป็นไฮไลท์ของที่นี่ อยู่หน้าวัดภูมินทร์ นั่นเองง คือแบบว่าอยากได้ฟิลนี้มานานแล้ว นั่งกินขันโตกพร้อมเสพดนตรีพื้นเมือง หื้มมมม มันฟินมาก แบบอยากนั่งไม่อยากกลับ อยากมานั่งชิลทุกอาทิตย์


ตกดึกจะมีการแสดงด้วยนะ เป็นฟ้อนอะไรสักอย่างนี่ก็ไม่รู้ชื่อเรียก รู้แต่ว่านักแสดงตัวอ่อนมาก 555 และมีการพ่นไฟด้วยย
อิ่มหนำสำราญพร้อมเสพดนตรีจนอิ่ม ชวนพี่โน๊ตพี่แฮมขับรถไป พระธาตุแช่แห้งเพราะได้ข่าวมาว่าเค้ามีงาน มีโครมสวยๆถ่ายรูป


วัดพระธาตุแช่แห้งยามค่ำคืน
ขับกลับที่พักแยกย้ายกันเข้าที่พัก นัดกันว่าพรุ่งนี้เจอกันนะพี่นะ พร้อมเดินทางสู่ดอยเสมอดาว 60 กว่าโลเอ๊งง
Day 3 : ก่อนลุยดอยเสมอดาว แวะถ่ายรูปเล่นในตัวเมือง เพราะกลัวจะถึงเร็วไปและไม่มีอะไรทำ
ขับรถไป วัดพระธาตุเขาน้อย แลนด์มาร์คของเมืองน่าน ใครมาก็ต้องมาไหว้พระเอาฤกเอาชัยก่อนออกเดินทาง ได้วิวสวยเห็นทั้งตัวเมืองน่านจริงๆ

ไม่พลาด แวะมาชม ปู่ม่านย่าม่าน ภาพกระซิบรักบรรลือโลก

ประมาณบ่ายคล้อย พร้อมออกเดินทางลุยดอยเสมอดาว ระยะทาง 60โลได้ มาถึงก็รีบไปติดต่อพี่อุทยานเต๊นท์ที่จองไว้ค่ะ พอได้เต๊นท์เปิดมาเท่านั้นแหละ บร๊ะะ ถุงนอน 10 กว่าถุง เดี๋ยวๆ พี่แกล้งหนูป่าวเยอะไปอ่ะเยอะจนนอนยากนอนลำบาก เลยแบ่งให้พี่โน๊ตและพี่แฮมไป ขนาดแบ่งแล้วยังเยอะอยู่เลย แต่ดีใจสุดเพราะ กลางคืนเต๊นท์นี้ไม่หนาวเลยเพราะถุงนอนเราแน่นมากก 5555 มาถึงขอถ่ายรูปก่อน


พระอาทิตย์ตกที่ดอยเสมอดาว

ดึกๆเข้า ท้องเริ่มร้องละ อยากสั่งหมูกระทะกินกัน แต่ว่าาา ถ้าสั่งกับเจ้าหน้าที่จะมีค่ามัดจำเตาด้วย และแพงกว่า เราสี่คนเลยขับรถลงไปทางขึ้นดอยหน่อยมีร้านอาหารตามสั่งหมูกระทะ เลยจัดสักหน่อย

Family shot สักหน่อย หมูกระทะช่วยให้เราอุ่นได้นิสนึง
เสียดายที่เราถ่ายดาวไม่ได้เลย กล้องไม่ดีพอที่จะถ่าย ใช้หัวใจและดวงตาถ่ายไว้ละกันอิอิ มันเสมอดาวจริงๆ นะ ดาวเป็นล้านดวง แบบว่าเหมือนแย่งกันขึ้นอ่ะ แน่นจนแทบจะไม่มีที่จะวางเลยเจ้าดาวเอ๋ย สวยมากจริงๆ
Day 4 : ตื่นแต่เช้า ขึ้นไปถ่ายรูปกานน ไปดูทะเลหมอกที่ชาวบ้านบอกว่า น้องมาถูกวันจริงๆ ก่อนหน้านี้คนมามันไม่มีนะโชคดีมาวันที่หนาวพอดี

หมอกทอดยาวมาก
พอเริ่มสายแดดเริ่มไล่ตรงเต๊นท์ เราขับรถออกเพื่อแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ แวะผาชู้เลย ไม่ใกล้ไม่ไกลกันมาก มีป้ายบอกนะคะ
ต้องโดด
จุดที่ 2 เสาดินนาน้อย อยู่ระหว่างทางมาดอยเสมอดาวเลย
จากดอยเสมอดาว ไปบ่อเกลือบอกเลยว่าเห็นแล้วท้อใจมาก ร้อยกว่ากิโล เอาว่ะ ลุยย เติมน้ำมันให้พร้อม ขาไปแวะเอาสัมภาระที่ไม่จำเป็นไปฝากไว้ที่ร้านเช่ารถก่อน เพราะลำบากต่อการนั่งมาก ก็ไม่รู้จะขนมาเยอะทำไม55
คืนนี้เราพักกันที่ "ขุนเขาธารา รีสอร์ท" ค่าที่พัก กางเต๊นท์นะคะ 500 บาท พร้อมกางให้เสร็จสับ ฟรีอาหารเช้า ฟรีกองไฟยอมค่ำคืน ขาไปรู้สึกว่าโคตรรรจะไกลเลย ขับเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที เหมือนว่าข้ามเขาประมาน 3ลูกได้ แต่วิวและบรรยากาศ คือแบบว่า มันโคตรคุ้ม รีสอร์ทอยู่หลังเขาสมชื่อ รู้แล้วว่า เด็กหลังเขาเป็นยังไง เหมือนเราอ้อมไปหลังเขาอีกทีถึงจะถึงรีสอร์ท

มีเต๊นท์แบบกระโจม น่าจะนอนแล้วอุ่นกว่า เต๊นท์ธรรมดาที่เรานอน

บอกเลยว่ากว่าจะนอนกันได้ หัวเปียกไปหมด เต๊นท์แฉะมาก เพราะความที่หนาวจัด และน้ำค้างแรงมากชื้นมาก ไม่รู้จะเรียกว่าหนาวหรือทรมานดี 555 เลยต้องนั่งผิงไฟกัน ยังแทบจะไม่หายหนาว

จิบเบียร์ผิงไฟ ได้บรรยากาศ
Day 5 : ใครไม่ตื่นเราตื่น มันหนาวจนแทบนอนไม่ได้ ยิ่งตอนเช้า ออกมานอกเต๊นท์ เห้ยย เจอแม่คะนิ้งจ้า แบบว่าขาวทั้งสนามหญ้าเลย ควันออกปากตลอดเลย งงมาก ชื่อบ่อเกลือมันไม่น่าจะหนาวนะ แต่

หนาวมากกก

ไม่พลาดที่จะเอาเก้าอี้มาตั้งวงกลางน้ำ เพราะทั้งรีสอร์ทเหลือแค่แก๊งเรา 4คน เลยทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน

ภาพครอบครัวสักภาพสองภาพ

ข้าวต้มที่นี่เด็ดมากเลยนะ แม่อุ๊ยก็ใจดีแกน่ารักมาก บอกว่าหนาวแบบนี้ตลอดเลย รีสอร์ทจะเปิดช่วงเมษาด้วย เขาจะมาเล่นน้ำสงกรานต์กัน
ถึงเวลาต้องบอกลารีสอร์ทที่น่ารักๆ แบบนี้แล้วเอาจริงไม่อยากจะกลับเลย เราอยู่แบบโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณไม่มีอะไรเลย แต่ทุกอย่างมันผ่านไปอย่างช้าๆ มันไม่มีอะไรให้เราทำหรอก นอกจากนั่งมองภูเขา ลำธาร ปล่อยอารมณ์ ไม่ต้องสูดควันและฝุ่น ที่กรุงเทพฯ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย
ออกมาจากรีสอร์ท แวะบ่อเกลือสินเธาว์ มาบ่อเกลือก็ต้องมาดูเค้าทำเกลือเน้อ
ขากลับ เส้นทาง บ่อเกลือ-สันติสุข เส้นทางลอยฟ้า สมคำล่ำลือมากจริงๆ สองข้างทางเป็นเหว เหมือนเราขับอยู่บนถนนลอยฟ้าจริงๆนะ ไม่มาเห็นกับตาไม่รู้จริงๆ ในภาถ่ายเท่าไหร่มันก็ไม่สวยเท่าของจริงสักที
ภาพถ่ายไม่ค่อยชัดแต่ภาพในใจชัดเสมอ ฮิ้ววว ขอเอารูปนี้เป็นรูปอำลาก็แล้วกันนะ ขับรถมาเรื่อยๆ เย็นๆ เราจองตั๋วรถทัวร์กลับ กทม พร้อมพี่ๆทั้งสอง พี่น่ารักมาก ถ้าทริปนี้ไม่เจอพี่ เราสองคนคงไม่สนุกขนาดนี้ และคงไม่มีเรื่องราวดีดีให้จดจำมากขนาดนี้ จากคนที่ไม่รู้จักกัน อยู่ดีดีเราก็ได้มาเที่ยวด้วยกัน ตอนนี้กลายเป็นว่า พี่ทั้งสองเป็นพี่สาวและพี่ชายไปอีกคนเลยแหละ บางวันอยู่ดีดีก็คิดถึงพี่แกนะ การมาเที่ยวแบบนี้มันดีอย่างนี้นี่เอง ได้เจอเรื่องราวระหว่างทางตั้งเยอะแยะมากมายโดยที่เราไม่รู้มาก่อน ทริปนี้คงเป็นทริปประทับใจอีกทริปนึงในชีวิตเราเลยหละ

ปล.บางรูปเป็นของพี่เค้าด้วยนะค้ะต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
[CR] แบกเป้กระโดดขึ้นรถไฟ ไปอยู่น่านนานๆนะๆ
หลังจากที่ซ่อนตัวคอยส่องรีวิวชาวบ้านมานานวันนี้เราขอมาเขียนรีวิวเองบ้าง (โดยยืมรหัสเพื่อน555) เรียกว่าเป็นนักเขียนรีวิวมือฝหม่ก็ว่าได้ ขอเป็นกระทู้เน้นแบ่งปันความประทับใจก็แล้วกันน้า เพราะว่ายังมือใหม่หัดรีวิว แถมถ่ายรูปไม่เอาไหน ถ่ายรูปแบบบ้านๆ ทริปนี้ ุ7วัน6คืน รวมเดินทาง ออกเดินทางวันที่ 2 มกราคม ทริปนี้เราไปกันสองคนค่ะ แต่อยู่ดีดีก็เพิ่มมาเป็น 4 แบบ งงๆ
แพลนของทริปนี้นะคะ
Day 1 : ออกเดินทางจากหัวลำโพง
Day 2 : นอนในตัวเมืองน่าน เที่ยวในตัวเมืองน่านใกล้ๆ
Day 3 : กางเต๊นท์ดอยเสมอดาว
Day 4 : บ่อเกลือ
Day 5 : เดินทางกลับ กทม
Day 1 : จองตั๋วรถไฟ กรุงเทพฯ - เด่นชัยราคา 200 เคลื่อนขบวนเวลา 20.30 แต่มากกว่าการนั่งๆนอนๆ บนรถไฟนั้น เราได้เจอเพื่อนร่วมเดินทางหว่ะแกรร พี่จะไปเที่ยวน่านเหมือนกันตอนแรกๆ ก็ยังไม่ตกลงปลงใจอะไรกันหรอก แต่ทางเดียวกันไปด้วยกันไปก่อน รถไฟถึงสถานีเด่นชัยราวๆุ6 โมง ถือว่าทำเวลาได้ดีมากสำหรับรถไฟไทย แต่.....เรายังไม่ถึงน่านเด้อ ลงจากรถไฟปุ้บ รีบเดินมาขึ้นสองแถวจาก เด่นชัย ไปลง บขส.แพร่โดยด่วน ราคา40 เพื่อไปต่อรถตู้เข้าเมืองน่าน ในราคา70 บาท ถึงบขส.น่าน เดินตามหาร้านเช่ามอไซค์ก่อนเลย ชื่อร้าน Tono Carrent น่าจะมีอยู่ร้านเดียวละมั้ง ละแวก บขส น่าน พี่ๆสองคนเราก็ชวนไปกับเราด้วย ตอนแรกไม่รู้จะเช่ากี่วันดีเพราะมีแพลนไปหลายที่มากก พี่บอกน้องไปไหนพี่ไปด้วย เอางั้นเลยเรอะพี่ ตกลงปลงใจ5 วันนี้เราจะอยู่ด้วยกันเที่ยวด้วยกัน 5555 เลยจองรถมัน 3 วันเลยจ้า แบบว่าขับเอาคุ้ม แบบว่าตูดชากันไปข้าง เพื่อนร่วมเดินทางเราชื่อพี่โน๊ตและพี่แฮม นะคะ
Day 2 : ที่พักที่เราพักคืนแรกนะคะ "เฮือนม่วนใจ๋"
ภายในตัวห้องนะคะ ห้องพัดลม โอเคมากเจ้าของเป็นกันเอง มีมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือ และห้องน้ำรวมนะคะ
เหน็ดเหนื่อยจากการ นอน เอ้ยเดินทางจากรถไฟมามาก เรานอนกันเกือบถึงเย็นเลย ออกมาอีกทีก็ตอนไปหาข้าวกินที่ "ข่วงเมืองน่าน" เหมือนเป็นไฮไลท์ของที่นี่ อยู่หน้าวัดภูมินทร์ นั่นเองง คือแบบว่าอยากได้ฟิลนี้มานานแล้ว นั่งกินขันโตกพร้อมเสพดนตรีพื้นเมือง หื้มมมม มันฟินมาก แบบอยากนั่งไม่อยากกลับ อยากมานั่งชิลทุกอาทิตย์
ตกดึกจะมีการแสดงด้วยนะ เป็นฟ้อนอะไรสักอย่างนี่ก็ไม่รู้ชื่อเรียก รู้แต่ว่านักแสดงตัวอ่อนมาก 555 และมีการพ่นไฟด้วยย
อิ่มหนำสำราญพร้อมเสพดนตรีจนอิ่ม ชวนพี่โน๊ตพี่แฮมขับรถไป พระธาตุแช่แห้งเพราะได้ข่าวมาว่าเค้ามีงาน มีโครมสวยๆถ่ายรูป
วัดพระธาตุแช่แห้งยามค่ำคืน
ขับกลับที่พักแยกย้ายกันเข้าที่พัก นัดกันว่าพรุ่งนี้เจอกันนะพี่นะ พร้อมเดินทางสู่ดอยเสมอดาว 60 กว่าโลเอ๊งง
Day 3 : ก่อนลุยดอยเสมอดาว แวะถ่ายรูปเล่นในตัวเมือง เพราะกลัวจะถึงเร็วไปและไม่มีอะไรทำ
ขับรถไป วัดพระธาตุเขาน้อย แลนด์มาร์คของเมืองน่าน ใครมาก็ต้องมาไหว้พระเอาฤกเอาชัยก่อนออกเดินทาง ได้วิวสวยเห็นทั้งตัวเมืองน่านจริงๆ
ไม่พลาด แวะมาชม ปู่ม่านย่าม่าน ภาพกระซิบรักบรรลือโลก
ประมาณบ่ายคล้อย พร้อมออกเดินทางลุยดอยเสมอดาว ระยะทาง 60โลได้ มาถึงก็รีบไปติดต่อพี่อุทยานเต๊นท์ที่จองไว้ค่ะ พอได้เต๊นท์เปิดมาเท่านั้นแหละ บร๊ะะ ถุงนอน 10 กว่าถุง เดี๋ยวๆ พี่แกล้งหนูป่าวเยอะไปอ่ะเยอะจนนอนยากนอนลำบาก เลยแบ่งให้พี่โน๊ตและพี่แฮมไป ขนาดแบ่งแล้วยังเยอะอยู่เลย แต่ดีใจสุดเพราะ กลางคืนเต๊นท์นี้ไม่หนาวเลยเพราะถุงนอนเราแน่นมากก 5555 มาถึงขอถ่ายรูปก่อน
พระอาทิตย์ตกที่ดอยเสมอดาว
ดึกๆเข้า ท้องเริ่มร้องละ อยากสั่งหมูกระทะกินกัน แต่ว่าาา ถ้าสั่งกับเจ้าหน้าที่จะมีค่ามัดจำเตาด้วย และแพงกว่า เราสี่คนเลยขับรถลงไปทางขึ้นดอยหน่อยมีร้านอาหารตามสั่งหมูกระทะ เลยจัดสักหน่อย
Family shot สักหน่อย หมูกระทะช่วยให้เราอุ่นได้นิสนึง
เสียดายที่เราถ่ายดาวไม่ได้เลย กล้องไม่ดีพอที่จะถ่าย ใช้หัวใจและดวงตาถ่ายไว้ละกันอิอิ มันเสมอดาวจริงๆ นะ ดาวเป็นล้านดวง แบบว่าเหมือนแย่งกันขึ้นอ่ะ แน่นจนแทบจะไม่มีที่จะวางเลยเจ้าดาวเอ๋ย สวยมากจริงๆ
Day 4 : ตื่นแต่เช้า ขึ้นไปถ่ายรูปกานน ไปดูทะเลหมอกที่ชาวบ้านบอกว่า น้องมาถูกวันจริงๆ ก่อนหน้านี้คนมามันไม่มีนะโชคดีมาวันที่หนาวพอดี
หมอกทอดยาวมาก
พอเริ่มสายแดดเริ่มไล่ตรงเต๊นท์ เราขับรถออกเพื่อแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ แวะผาชู้เลย ไม่ใกล้ไม่ไกลกันมาก มีป้ายบอกนะคะ
ต้องโดด
จุดที่ 2 เสาดินนาน้อย อยู่ระหว่างทางมาดอยเสมอดาวเลย
จากดอยเสมอดาว ไปบ่อเกลือบอกเลยว่าเห็นแล้วท้อใจมาก ร้อยกว่ากิโล เอาว่ะ ลุยย เติมน้ำมันให้พร้อม ขาไปแวะเอาสัมภาระที่ไม่จำเป็นไปฝากไว้ที่ร้านเช่ารถก่อน เพราะลำบากต่อการนั่งมาก ก็ไม่รู้จะขนมาเยอะทำไม55
คืนนี้เราพักกันที่ "ขุนเขาธารา รีสอร์ท" ค่าที่พัก กางเต๊นท์นะคะ 500 บาท พร้อมกางให้เสร็จสับ ฟรีอาหารเช้า ฟรีกองไฟยอมค่ำคืน ขาไปรู้สึกว่าโคตรรรจะไกลเลย ขับเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที เหมือนว่าข้ามเขาประมาน 3ลูกได้ แต่วิวและบรรยากาศ คือแบบว่า มันโคตรคุ้ม รีสอร์ทอยู่หลังเขาสมชื่อ รู้แล้วว่า เด็กหลังเขาเป็นยังไง เหมือนเราอ้อมไปหลังเขาอีกทีถึงจะถึงรีสอร์ท
มีเต๊นท์แบบกระโจม น่าจะนอนแล้วอุ่นกว่า เต๊นท์ธรรมดาที่เรานอน
บอกเลยว่ากว่าจะนอนกันได้ หัวเปียกไปหมด เต๊นท์แฉะมาก เพราะความที่หนาวจัด และน้ำค้างแรงมากชื้นมาก ไม่รู้จะเรียกว่าหนาวหรือทรมานดี 555 เลยต้องนั่งผิงไฟกัน ยังแทบจะไม่หายหนาว
จิบเบียร์ผิงไฟ ได้บรรยากาศ
Day 5 : ใครไม่ตื่นเราตื่น มันหนาวจนแทบนอนไม่ได้ ยิ่งตอนเช้า ออกมานอกเต๊นท์ เห้ยย เจอแม่คะนิ้งจ้า แบบว่าขาวทั้งสนามหญ้าเลย ควันออกปากตลอดเลย งงมาก ชื่อบ่อเกลือมันไม่น่าจะหนาวนะ แต่
ไม่พลาดที่จะเอาเก้าอี้มาตั้งวงกลางน้ำ เพราะทั้งรีสอร์ทเหลือแค่แก๊งเรา 4คน เลยทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน
ภาพครอบครัวสักภาพสองภาพ
ข้าวต้มที่นี่เด็ดมากเลยนะ แม่อุ๊ยก็ใจดีแกน่ารักมาก บอกว่าหนาวแบบนี้ตลอดเลย รีสอร์ทจะเปิดช่วงเมษาด้วย เขาจะมาเล่นน้ำสงกรานต์กัน
ถึงเวลาต้องบอกลารีสอร์ทที่น่ารักๆ แบบนี้แล้วเอาจริงไม่อยากจะกลับเลย เราอยู่แบบโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณไม่มีอะไรเลย แต่ทุกอย่างมันผ่านไปอย่างช้าๆ มันไม่มีอะไรให้เราทำหรอก นอกจากนั่งมองภูเขา ลำธาร ปล่อยอารมณ์ ไม่ต้องสูดควันและฝุ่น ที่กรุงเทพฯ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย
ออกมาจากรีสอร์ท แวะบ่อเกลือสินเธาว์ มาบ่อเกลือก็ต้องมาดูเค้าทำเกลือเน้อ
ขากลับ เส้นทาง บ่อเกลือ-สันติสุข เส้นทางลอยฟ้า สมคำล่ำลือมากจริงๆ สองข้างทางเป็นเหว เหมือนเราขับอยู่บนถนนลอยฟ้าจริงๆนะ ไม่มาเห็นกับตาไม่รู้จริงๆ ในภาถ่ายเท่าไหร่มันก็ไม่สวยเท่าของจริงสักที
ภาพถ่ายไม่ค่อยชัดแต่ภาพในใจชัดเสมอ ฮิ้ววว ขอเอารูปนี้เป็นรูปอำลาก็แล้วกันนะ ขับรถมาเรื่อยๆ เย็นๆ เราจองตั๋วรถทัวร์กลับ กทม พร้อมพี่ๆทั้งสอง พี่น่ารักมาก ถ้าทริปนี้ไม่เจอพี่ เราสองคนคงไม่สนุกขนาดนี้ และคงไม่มีเรื่องราวดีดีให้จดจำมากขนาดนี้ จากคนที่ไม่รู้จักกัน อยู่ดีดีเราก็ได้มาเที่ยวด้วยกัน ตอนนี้กลายเป็นว่า พี่ทั้งสองเป็นพี่สาวและพี่ชายไปอีกคนเลยแหละ บางวันอยู่ดีดีก็คิดถึงพี่แกนะ การมาเที่ยวแบบนี้มันดีอย่างนี้นี่เอง ได้เจอเรื่องราวระหว่างทางตั้งเยอะแยะมากมายโดยที่เราไม่รู้มาก่อน ทริปนี้คงเป็นทริปประทับใจอีกทริปนึงในชีวิตเราเลยหละ
ปล.บางรูปเป็นของพี่เค้าด้วยนะค้ะต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย