สวัสดีคะ หลังจากเราซุ่มๆดูกระทู้พาเที่ยวอยู่สักระยะ เลยอยากลองเล่าเรื่องของเราดูบ้าง
หากผิดพลาดประการใดกราบแทบตัก ไว้นะที่นี้นะคะ
ไม่พิลี้พิไลคะ เข้าเรื่องเลย.. .. ไปคะ
การเดินทางครั้งนี้ จุดเริ่มต้นมันมีอยู่ว่าแฟนเราเกิดอาการติส อยากจะเป็นพี่เรย์ แมคโดโน้วววผจญภัยในต่างแดนหล่อๆงี้ !!!
เลยตัดสินใจก่อนไปภายใน 23 ชม. เป็นเธอกับฉัน หอบเป้คนละใบแบบ Boy Boy (ความจริงแฟนแบกคนเดียวทั้งสองใบจ๊ะ 555)
มุ่งน่าสู้ หมอชิต อุดหนุนเจ๊เกียวคะ!!!!!
ทั้งชีวิตไม่เคยนั่งรถทัวร์เลย ครั้งแรก ข้ามประเทศด้วย ตื่นเต้นเว่อ ๆคะ
เราใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 8 วัน 4เมือง จากหาดใหญ่ – ปีนัง – กัวลาลัมเปอร์ – มะละกา –สิงค์โปร โดยรถทัวร์!!!!!!
***แนะนำเลยว่า ถ้าเพิ่งจีบกัน เพิ่งเริ่มคบหาดูใจกัน ยังไม่รู้ลึกรู้จริง อย่าเสี่ยงงงงงงง มีเลิกนะจ๊ะ บอกเลย
วันที่ 5 เมษายน 2558 [ Day 1.]
เราไปถึงหมอชิตประมาณ 5 โมงเย็น ไปแบบงงๆเลยคะ ไม่ได้แลกเงิน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
จุดนี้พกมาแต่ใจล้วนๆ
ซื้อตั๋วรถทัวร์ กรุงเทพ - หาดใหญ่ 2 ที่ ราคาที่นั่งละ 1100 บาทไทย คะ
รถออกหกโมงเย็น ถึงหาดใหญ่ 7 โมงเช้าของวันที่ 6 เมษายน 2558 [Day 2.] คะ
นั่งขุดเรื่องราวทั้งชีวิตมาคุยกัน จนไม่มีอะไรจะคุยแล้วคะ 14 ชม. เต็มๆ
ถึงหาดใหญ่แล้วรถจะจอดที่ท่ารถเลย เราก็เดินลงรถกันไปหานั่งร้านกาแฟแถวท่ารถนั่งจิบกาแฟยามเช้าแบบเนียนๆ
เหมือนวางแผนมาดี แต่ความจริงในใจนี่พะว้าพะวงมากจะไปยังไงต่อวะเนี้ย 555
จากหาดใหญ่ไป ปีนัง เมื่อประมวลข้อมูลกัน (เราสองคน)แล้วเราได้ช๊อยมาดังนี้คะ
1.เช่ารถไป คือ เช่าเหมารถทั้งคันมีแค่เราสองคน โฮโซ เก๋ๆ กับพี่คนขับไปส่งถึงที่ เป็นรถเก๋งปกตินี่แระคะ สหงวนราคาที่ 1500 บาท
2. เช่ารถแบบหารกัน คือ เป็นรถเหมือนข้อ1แระคะ แต่มีผู้อื่นร่วมเดินทางกับเราด้วย โดยหารค่ารถกัน
คันนึ่งประมาณ 4-5 คน (ข้อนี้เพื่อนที่อยู่หาดใหญ่แนะนำมาคะ ให้เบอร์คนขับรถมาแล้วนัดแนะกันว่าให้มารับตรงไหน)
3.รถตู้ และนี่คือช๊อยที่เราสองคนเลือก เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวกระเป๋าแบนอย่างเราที่สุดคะ
ตัวหารเยอะ ใช้เวลาไม่ต่างกันมาก ถึงที่เหมือนกัน คนละประมาณ 400 บาทไทย
4. ข้อนี้แถมคะ ถ้าใครไม่อยากไปปีนัง ก็มีรถทัวร์สำหรับนั่งยาวๆไปลงกัวราลัมเปอร์ทีเดียวได้เลยนะคะ ราคาไม่แน่ใจจ๊ะ
สรุปคือ ถ้าเราอยู่หาดใหญ่แล้ว การไปมาเลเซียทั้งประเทศเป็นเรื่อง ง่ายและสะดวกมากเลยคะ
ไม่น่ากลัวแบบที่คิดไว้ เขาเข้าออกกันเป็นเรื่องปกติเลย
จากหาดใหญ่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง ด่านคะ ทุกคนในรถจะต้องลงเพื่อตรวจพาสปอต
เหมือนสนามบินนั่นแระคะ แต่เร็วกว่า ไม่ถามอะไรเลยปั้มๆแปปเดียวก็เสร็จ
แล้วเราก็เดินกลับไปขึ้นรถนั่งต่อไปอีกนิดก็จะถึงด่านตรวจกระเป๋าคะ เราก็แบกกระเป๋าเราแสกนเหมือนสนามบิน
ไม่ถึง5นาทีก็เสร็จ กลับมาขึ้นรถเดินทางต่อ สำหรับคนที่ไม่เคยไปอาจจะดูวุ่นวายนิดนึ่ง
แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรยากเลย พี่คนขับรถตู้จะคอยบอกเราทุกอย่างว่าทำให้ทำอะไรบ้าง
คนที่นั่งไปในรถก็เป็นคนไทยที่ไปเที่ยวไปช็อปปิ้งแบบเราทั้งหมดนี่แระคะ ผ่านด่านมาอีกสักครู่
พี่คนขับแสนดีก็จอดที่ๆนึ่งคล้ายๆ ศูนย์อาหาร มีอาหาร ขนมขาย เพื่อให้เราได้แลกเงินมาเลกัน
เรทเงินดีคะ เห็นคนที่แลกมาแล้วบอกว่าถูกกว่าที่เค้าแลกมาอีก (แอบยิ้มอ่อนในใจ 555)
ถึงแล้วววววววววววว ปีนัง หรือเรียกชื่อชิคๆว่า จอร์ทาวร์
ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงพอดี เราจะลงตรงไหนบอกพี่คนขับได้เลยคะ ส่งถึงที่
เราสองคนลงที่น่าโรงแรม TUNE HOTEL เป็นโรงแรมที่เรากดจองใน agoda ระหว่างนั่งรอรถตู้ออกนี่แระ หาเอาน่างานเลย
ไม่ได้เลือกมาก รวบรัดเอาที่นี่เลย เพราะราคาถูก ดูรูปแล้วก็น่าจะโอเค
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆคะ ราคาวันนั้นประมาณ600กว่าบาทไทย
เช็คอิน เก็บสัมภาระเรียบร้อย รออะไรละ หาข้าวกินสิคะ จากกาแฟเมื่อเช้าที่จิบๆกาแฟแก้เขิล
ก็ยังไม่ได้กินไรอีกเลย ร้านข้างโรงแรมนี่แระคะ เห็นมีเป็ดไก่แขวนอยู่สามสี่ตัว
พอนั่งปุ๊ป อาซิ่มเดินตรงเข้ามาถามเราว่า
“ %$%$%^%&%^$ ”
เราตอบกลับไปทันทีคะว่า “ ห๊ะ “
คือ ยังจูนไม่ติดคะว่าอยู่ต่างประเทศแล้ว เพราะมันไม่เหมือนทุกครั้งที่เรานั่งเครื่องไป
อารมณ์มันเหมือนนั่งรถตู้จากอนุเสารีย์ไป หัวหินไรงี้ แล้วประชาชนบ้านเค้าคือน่าเดียวกับเราๆเลยคะ แยกไม่ออกเลย
อาซิ่มเห็นท่าจะไม่ดี เลยเดินกลับไปหยิบเมนูมาให้
เราสั่งเป็นข้าวมันไก่ เทสมื้อแรกแบบเบๆก่อน
ข้าวมันไก่บ้านเค้าจะต่างกับเราคือ เค้าจะไม่เอาไก่วางบนข้าว
เค้าจะแยกเป็นจานไก่เพียวๆเลย1จาน ข้าวเปล่าสองถ้วย
รสชาติก็ปกติคะ เหมือบ้านเราไม่ใช่อัศจรรย์อะไร
อิ่มท้องแล้วก็ออกเที่ยวคะ โดนเราวางแพลนว่าวันนี้จะเดินเล่น ดูเมืองเรื่อยเปื่อยคะ ความจริงไม่น่าใช้คำว่าแพลน 555
คือ ปีนัง เป็นเมืองเล็กๆที่เราสามารถเดินได้ทั้งเมือง แนะนำว่าถ้ามาต้องเดินคะ
เพราะทุกตรอกซอกซอยของเมืองนี้เป็นเมืองแห่งศิลปะจริงๆ ระหว่างทางจะได้เจองานเจ๋งๆ เพียบ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ระหว่างทางที่เดินไปก็จะเห็นภาพวาดบนฝาผนังเต็มเลยคะ แต่!!!!!
เราภูมิใจนำเสนอสิ่งนี้เลยยยยยคร้าา
ถ้าเจอรถคล้ายๆสามล้อรับจ้างแบบนี้ควรนั่งคะ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวข้อมูลน้อยอย่างเรามาก
ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่นั่งเพราะคิดว่าอยากเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อยมากกว่า
แต่เดินไปเรื่อยๆ ผู้หญิงอวบๆ ขาเบียดๆ อย่างเรา เริ่มไม่ไหวเลยลองนั่งคะ
คนปั่นจะเป็นลุงแก่ๆใจดีๆ พอเราตกลงนั่งลุงก็ กลางโฉนด ให้เราดูคะว่าจะพาไปไหนบ้าง
ตกใจคะ ในภาพที่ลุงให้ดูคือเดินมาทั้งวันไม่เห็นจะเจอ สวยๆทั้งนั้น ลุงบอกว่าเดี๋ยวพาไปหมดเลย เหมา 100 บาทไทย !!
รออะไร รีบขึ้นรถสิคะ ลุงจะปั่นพาไปดูตามซอก ตามหลืบเล็กหลือน้อยไปหมดคะ ถ้าเราสองคนเดินเองหาไม่เจอแน่ๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จนฟ้ามืดแล้ว ลุงบอกยังไม่หมดมีอีก แต่เราไม่ไหวแล้ว หิววววและง่วงงงง
ลุงก็ปั่นมาส่งถึงโรงแรมคะ เราให้ลุงไป300บาทไทย เพราะประทับใจลุงมาก
ใจดี พูดเก่ง สงสาร เห็นลุงปั่นเราก็เหนื่อยแทนคะ (สวยและยังใจดีอีก 555)
กลับมาถึงห้องพักก็อาบน้ำนอนเลย ชาตพลังไว้ใช้พรุ่งนี้เต็มๆจ๊ะ
.
.
เริ่มเช้าวันที่ 7 เมษายน 2558 [Day 3. ]
วันนี้เรายังเที่ยวอยู่ในปีนังคะ หลังจากเมื่อคืนได้ศึกษามาว่ามีที่ไหนน่าสนใจ น่าเที่ยวบ้าง
ตื่นแล้วก็เก็บข้าวของ เช็คเอ้าท์โรงแรมเลย แต่ฝากกระเป๋าไว้กับโรงแรมก่อน
ที่แรกที่เราไปวันนี้เป็น Chocolate Museum คะ เข้าฟรี เข้าไปอารมณ์ก็ประมาณบอกเล่า
เรื่องราวประวัติความเป็นมาของช็อคโกแล็ค วิธีการผลิต แล้วที่ขาดไม่ได้คือ งานขาย มีช็อคโกแลตขายจ้า
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เราเดินต่อตามแผนที่มาต่อที่ Blue Mansion หรือ บ้านสีฟ้า
เสียค้าเข้าไม่แพงคะ เพราะถ้าแพงเราจะไม่เข้าคะ 5555
.
.
.
.
.
.
ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆนะคะ เช็คเวลาให้ดีจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลารอ
ที่นี่จะมีผู้บรรยายเป็นภาษาอังกฤษให้เราฟังเกี่ยวกับบ้านหลังนี้
อารมณ์ประมาณบ้านคนรวยมากในสมัยก่อน เป็นสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ
แต่เราไม่ได้สนใจฟังเลยเดินถ่ายรูปอย่างเดียว ประเด็นนี้ข้ามไปที่ดูรูปเลยละกันคะ 555
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เดินมั่วๆมาเรื่อยๆ ชมบ้านเมืองเค้าจนมาเห็นทะเลของปีนังคะ
.
.
[CR] เจ๊เกียวคอลลิ่งงง!! 8 วัน 4 เมือง นั่งรถทัวร์จากหมอชิต -ปีนัง – กัวลาลัมเปอร์ – มะละกา ถึง สิงคโปร์ !!!!!!
หากผิดพลาดประการใดกราบแทบตัก ไว้นะที่นี้นะคะ
ไม่พิลี้พิไลคะ เข้าเรื่องเลย.. .. ไปคะ
การเดินทางครั้งนี้ จุดเริ่มต้นมันมีอยู่ว่าแฟนเราเกิดอาการติส อยากจะเป็นพี่เรย์ แมคโดโน้วววผจญภัยในต่างแดนหล่อๆงี้ !!!
เลยตัดสินใจก่อนไปภายใน 23 ชม. เป็นเธอกับฉัน หอบเป้คนละใบแบบ Boy Boy (ความจริงแฟนแบกคนเดียวทั้งสองใบจ๊ะ 555)
มุ่งน่าสู้ หมอชิต อุดหนุนเจ๊เกียวคะ!!!!!
ทั้งชีวิตไม่เคยนั่งรถทัวร์เลย ครั้งแรก ข้ามประเทศด้วย ตื่นเต้นเว่อ ๆคะ
เราใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 8 วัน 4เมือง จากหาดใหญ่ – ปีนัง – กัวลาลัมเปอร์ – มะละกา –สิงค์โปร โดยรถทัวร์!!!!!!
***แนะนำเลยว่า ถ้าเพิ่งจีบกัน เพิ่งเริ่มคบหาดูใจกัน ยังไม่รู้ลึกรู้จริง อย่าเสี่ยงงงงงงง มีเลิกนะจ๊ะ บอกเลย
วันที่ 5 เมษายน 2558 [ Day 1.]
เราไปถึงหมอชิตประมาณ 5 โมงเย็น ไปแบบงงๆเลยคะ ไม่ได้แลกเงิน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
จุดนี้พกมาแต่ใจล้วนๆ
ซื้อตั๋วรถทัวร์ กรุงเทพ - หาดใหญ่ 2 ที่ ราคาที่นั่งละ 1100 บาทไทย คะ
รถออกหกโมงเย็น ถึงหาดใหญ่ 7 โมงเช้าของวันที่ 6 เมษายน 2558 [Day 2.] คะ
นั่งขุดเรื่องราวทั้งชีวิตมาคุยกัน จนไม่มีอะไรจะคุยแล้วคะ 14 ชม. เต็มๆ
ถึงหาดใหญ่แล้วรถจะจอดที่ท่ารถเลย เราก็เดินลงรถกันไปหานั่งร้านกาแฟแถวท่ารถนั่งจิบกาแฟยามเช้าแบบเนียนๆ
เหมือนวางแผนมาดี แต่ความจริงในใจนี่พะว้าพะวงมากจะไปยังไงต่อวะเนี้ย 555
จากหาดใหญ่ไป ปีนัง เมื่อประมวลข้อมูลกัน (เราสองคน)แล้วเราได้ช๊อยมาดังนี้คะ
1.เช่ารถไป คือ เช่าเหมารถทั้งคันมีแค่เราสองคน โฮโซ เก๋ๆ กับพี่คนขับไปส่งถึงที่ เป็นรถเก๋งปกตินี่แระคะ สหงวนราคาที่ 1500 บาท
2. เช่ารถแบบหารกัน คือ เป็นรถเหมือนข้อ1แระคะ แต่มีผู้อื่นร่วมเดินทางกับเราด้วย โดยหารค่ารถกัน
คันนึ่งประมาณ 4-5 คน (ข้อนี้เพื่อนที่อยู่หาดใหญ่แนะนำมาคะ ให้เบอร์คนขับรถมาแล้วนัดแนะกันว่าให้มารับตรงไหน)
3.รถตู้ และนี่คือช๊อยที่เราสองคนเลือก เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวกระเป๋าแบนอย่างเราที่สุดคะ
ตัวหารเยอะ ใช้เวลาไม่ต่างกันมาก ถึงที่เหมือนกัน คนละประมาณ 400 บาทไทย
4. ข้อนี้แถมคะ ถ้าใครไม่อยากไปปีนัง ก็มีรถทัวร์สำหรับนั่งยาวๆไปลงกัวราลัมเปอร์ทีเดียวได้เลยนะคะ ราคาไม่แน่ใจจ๊ะ
สรุปคือ ถ้าเราอยู่หาดใหญ่แล้ว การไปมาเลเซียทั้งประเทศเป็นเรื่อง ง่ายและสะดวกมากเลยคะ
ไม่น่ากลัวแบบที่คิดไว้ เขาเข้าออกกันเป็นเรื่องปกติเลย
จากหาดใหญ่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง ด่านคะ ทุกคนในรถจะต้องลงเพื่อตรวจพาสปอต
เหมือนสนามบินนั่นแระคะ แต่เร็วกว่า ไม่ถามอะไรเลยปั้มๆแปปเดียวก็เสร็จ
แล้วเราก็เดินกลับไปขึ้นรถนั่งต่อไปอีกนิดก็จะถึงด่านตรวจกระเป๋าคะ เราก็แบกกระเป๋าเราแสกนเหมือนสนามบิน
ไม่ถึง5นาทีก็เสร็จ กลับมาขึ้นรถเดินทางต่อ สำหรับคนที่ไม่เคยไปอาจจะดูวุ่นวายนิดนึ่ง
แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรยากเลย พี่คนขับรถตู้จะคอยบอกเราทุกอย่างว่าทำให้ทำอะไรบ้าง
คนที่นั่งไปในรถก็เป็นคนไทยที่ไปเที่ยวไปช็อปปิ้งแบบเราทั้งหมดนี่แระคะ ผ่านด่านมาอีกสักครู่
พี่คนขับแสนดีก็จอดที่ๆนึ่งคล้ายๆ ศูนย์อาหาร มีอาหาร ขนมขาย เพื่อให้เราได้แลกเงินมาเลกัน
เรทเงินดีคะ เห็นคนที่แลกมาแล้วบอกว่าถูกกว่าที่เค้าแลกมาอีก (แอบยิ้มอ่อนในใจ 555)
ถึงแล้วววววววววววว ปีนัง หรือเรียกชื่อชิคๆว่า จอร์ทาวร์
ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงพอดี เราจะลงตรงไหนบอกพี่คนขับได้เลยคะ ส่งถึงที่
เราสองคนลงที่น่าโรงแรม TUNE HOTEL เป็นโรงแรมที่เรากดจองใน agoda ระหว่างนั่งรอรถตู้ออกนี่แระ หาเอาน่างานเลย
ไม่ได้เลือกมาก รวบรัดเอาที่นี่เลย เพราะราคาถูก ดูรูปแล้วก็น่าจะโอเค
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆคะ ราคาวันนั้นประมาณ600กว่าบาทไทย
เช็คอิน เก็บสัมภาระเรียบร้อย รออะไรละ หาข้าวกินสิคะ จากกาแฟเมื่อเช้าที่จิบๆกาแฟแก้เขิล
ก็ยังไม่ได้กินไรอีกเลย ร้านข้างโรงแรมนี่แระคะ เห็นมีเป็ดไก่แขวนอยู่สามสี่ตัว
พอนั่งปุ๊ป อาซิ่มเดินตรงเข้ามาถามเราว่า
“ %$%$%^%&%^$ ”
เราตอบกลับไปทันทีคะว่า “ ห๊ะ “
คือ ยังจูนไม่ติดคะว่าอยู่ต่างประเทศแล้ว เพราะมันไม่เหมือนทุกครั้งที่เรานั่งเครื่องไป
อารมณ์มันเหมือนนั่งรถตู้จากอนุเสารีย์ไป หัวหินไรงี้ แล้วประชาชนบ้านเค้าคือน่าเดียวกับเราๆเลยคะ แยกไม่ออกเลย
อาซิ่มเห็นท่าจะไม่ดี เลยเดินกลับไปหยิบเมนูมาให้
เราสั่งเป็นข้าวมันไก่ เทสมื้อแรกแบบเบๆก่อน
ข้าวมันไก่บ้านเค้าจะต่างกับเราคือ เค้าจะไม่เอาไก่วางบนข้าว
เค้าจะแยกเป็นจานไก่เพียวๆเลย1จาน ข้าวเปล่าสองถ้วย
รสชาติก็ปกติคะ เหมือบ้านเราไม่ใช่อัศจรรย์อะไร
อิ่มท้องแล้วก็ออกเที่ยวคะ โดนเราวางแพลนว่าวันนี้จะเดินเล่น ดูเมืองเรื่อยเปื่อยคะ ความจริงไม่น่าใช้คำว่าแพลน 555
คือ ปีนัง เป็นเมืองเล็กๆที่เราสามารถเดินได้ทั้งเมือง แนะนำว่าถ้ามาต้องเดินคะ
เพราะทุกตรอกซอกซอยของเมืองนี้เป็นเมืองแห่งศิลปะจริงๆ ระหว่างทางจะได้เจองานเจ๋งๆ เพียบ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ระหว่างทางที่เดินไปก็จะเห็นภาพวาดบนฝาผนังเต็มเลยคะ แต่!!!!!
เราภูมิใจนำเสนอสิ่งนี้เลยยยยยคร้าา
ถ้าเจอรถคล้ายๆสามล้อรับจ้างแบบนี้ควรนั่งคะ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวข้อมูลน้อยอย่างเรามาก
ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่นั่งเพราะคิดว่าอยากเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อยมากกว่า
แต่เดินไปเรื่อยๆ ผู้หญิงอวบๆ ขาเบียดๆ อย่างเรา เริ่มไม่ไหวเลยลองนั่งคะ
คนปั่นจะเป็นลุงแก่ๆใจดีๆ พอเราตกลงนั่งลุงก็ กลางโฉนด ให้เราดูคะว่าจะพาไปไหนบ้าง
ตกใจคะ ในภาพที่ลุงให้ดูคือเดินมาทั้งวันไม่เห็นจะเจอ สวยๆทั้งนั้น ลุงบอกว่าเดี๋ยวพาไปหมดเลย เหมา 100 บาทไทย !!
รออะไร รีบขึ้นรถสิคะ ลุงจะปั่นพาไปดูตามซอก ตามหลืบเล็กหลือน้อยไปหมดคะ ถ้าเราสองคนเดินเองหาไม่เจอแน่ๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จนฟ้ามืดแล้ว ลุงบอกยังไม่หมดมีอีก แต่เราไม่ไหวแล้ว หิววววและง่วงงงง
ลุงก็ปั่นมาส่งถึงโรงแรมคะ เราให้ลุงไป300บาทไทย เพราะประทับใจลุงมาก
ใจดี พูดเก่ง สงสาร เห็นลุงปั่นเราก็เหนื่อยแทนคะ (สวยและยังใจดีอีก 555)
กลับมาถึงห้องพักก็อาบน้ำนอนเลย ชาตพลังไว้ใช้พรุ่งนี้เต็มๆจ๊ะ
.
.
เริ่มเช้าวันที่ 7 เมษายน 2558 [Day 3. ]
วันนี้เรายังเที่ยวอยู่ในปีนังคะ หลังจากเมื่อคืนได้ศึกษามาว่ามีที่ไหนน่าสนใจ น่าเที่ยวบ้าง
ตื่นแล้วก็เก็บข้าวของ เช็คเอ้าท์โรงแรมเลย แต่ฝากกระเป๋าไว้กับโรงแรมก่อน
ที่แรกที่เราไปวันนี้เป็น Chocolate Museum คะ เข้าฟรี เข้าไปอารมณ์ก็ประมาณบอกเล่า
เรื่องราวประวัติความเป็นมาของช็อคโกแล็ค วิธีการผลิต แล้วที่ขาดไม่ได้คือ งานขาย มีช็อคโกแลตขายจ้า
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เราเดินต่อตามแผนที่มาต่อที่ Blue Mansion หรือ บ้านสีฟ้า
เสียค้าเข้าไม่แพงคะ เพราะถ้าแพงเราจะไม่เข้าคะ 5555
.
.
.
.
.
.
ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆนะคะ เช็คเวลาให้ดีจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลารอ
ที่นี่จะมีผู้บรรยายเป็นภาษาอังกฤษให้เราฟังเกี่ยวกับบ้านหลังนี้
อารมณ์ประมาณบ้านคนรวยมากในสมัยก่อน เป็นสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ
แต่เราไม่ได้สนใจฟังเลยเดินถ่ายรูปอย่างเดียว ประเด็นนี้ข้ามไปที่ดูรูปเลยละกันคะ 555
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เดินมั่วๆมาเรื่อยๆ ชมบ้านเมืองเค้าจนมาเห็นทะเลของปีนังคะ
.
.