ตอกฝาโลง “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” เส้นตาย 3 ก.พ. ! ยึดแบงค์การันตี ล้มละลาย ไม่เหลือแม้กระทั่งบ้านตัวเอง !!

กระทู้ข่าว

เจาะลึก บริษัท ไทยทีวี จำกัด หลังจากถอยหลังสุดตัวจากธุรกิจทีวีดิจิทัลของ พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" พร้อมปัญหาขาดทุนก้อนใหญ่กว่า 1,900 ล้านบาท ล่าสุดหันไปผลิตรายการป้อนช่อง ททบ.5 และยกเครื่องธุรกิจในเครือ

ทั้งนี้ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทไทยทีวี จำกัด โดยนายสุชาติ ชมกุล บอกว่า นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไทยทีวี มีความชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการประกอบกิจการในฐานะผู้ถือครองใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ทั้ง 2 ช่อง คือช่องข่าวไทยทีวี และช่องโลก้าอีกต่อไป

ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถชำระเงินค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล งวดที่ 2 จำนวน 285 ล้านบาทได้ตามกำหนด เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งคำสั่งให้พักใช้ใบอนุญาตฯ จะมีผลไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.2559

หลังประกาศคืนช่องทีวีดิจิทัล ก็หันกลับมาโฟกัสธุรกิจผลิตคอนเทนต์ป้อนช่องทีวี และกลับไปผลิตรายการทีวีพูลไลฟ์ให้ช่อง5 ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.55-22.00 น. ตั้งแต่ปลายปี 2558

ถ้าย้อนไล่เลียงจากการประมูลช่องทีวีดิจิทัล 2 ช่องปลายปี 2556 สำหรับบริษัท ไทยทีวี คว้ามาด้วยมูลค่า 1,976 ล้านบาท แต่ออกอากาศได้เพียง 1 ปี ก็ประกาศพับแผนคืนช่องไปโดยปริยาย

ล่าสุดบริษัทไทยทีวีพูล จำกัด เจ้าของนิตยสารบันเทิงชื่อดังของเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล คือทีวีพูล สตาร์นิวส์และสไปซี่ ถือเป็นแหล่งที่สร้างรายได้หลัก ได้โอนการบริหารนิตยสารทั้งหมดไปอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ไทย อินเตอร์ มีเดีย 2515 จำกัด

แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยทีวีพูล ให้ข้อมูลว่าต้นปีที่ผ่านมา เจ๊ติ๋มได้ถ่ายโอนทรัพย์สินไปยัง บริษัท ไทย อินเตอร์ มีเดีย 2515 ได้เข้ามาบริหารนิตยสารทั้ง 3 ฉบับ แทนไทยทีวีพูล และปลดพนักงานทั้ง 3 กองบรรณาธิการจำนวนหนึ่ง

โดยขอให้ลาออกตามสมัครใจ ( เชิงบีบ ) และยุบรวมเหลือเพียงกองบรรณาธิการเดียว ทั้งยังแยกทีมช่องทีวีดาวเทียมออกจากนิตยสารอย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้นางพันธุ์ทิพา สมัยนั่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวีพูล อ้างว่า รายได้หลักของบริษัทยังมาจากนิตยสาร 3 ฉบับ คือ ทีวีพูล สตาร์นิวส์ สไปซี่

เมื่อราวๆ เดือนมิถุนายนปี 2558 ได้ตัดสินใจซื้อช่องทีวีดาวเทียม 1 ช่อง เอาไว้หนีจากทีวีดิจิตอล ไปดาวเทียม โดยการซื้อเลข 7 บนทีวีดาวเทียม แต่พอโดนให้เรียงเลขช่องจึงต้องกระเด็นไปอยู่ ช่อง 44

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีวาระการพิจารณาที่สำคัญคือ การดำเนินการกับบริษัท ไทยทีวี จำกัด ผู้รับใบอนุญาตให้บริการช่องทีวีดิจิทัล 2 ช่อง
ได้แก่ ช่องเอ็มวีทีวี แฟมิลี่ (ช่อง 15) และช่องไทยทีวี (ช่อง 17) ที่ค้างชำระเงินประมูลช่องในงวดที่ 2 และค้างชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี

นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสท. ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับกรณีของบริษัทไทยทีวี ที่ไม่ได้ชำระเงินประมูลช่องงวดที่ 2 รวมถึงค่าธรรมเนียมรายปี ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และทางบอร์ดได้มีมติสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการของทั้ง 2 ช่อง ไป 3 ครั้งแล้ว

ซึ่งครั้งล่าสุดจะครบกำหนดในวันที่ 3 ก.พ. 2559 ดังนั้นทางสำนักงานได้เสนอแนวทางให้เพิกถอนใบอนุญาตและให้ใช้มาตรการบังคับกรณีที่ยังไม่ได้จ่ายเงินประมูลงวดที่ 2

"ที่ประชุมบอร์ดได้พิจารณาแล้วว่า เมื่อทางบริษัทยังมีระยะเวลาถึงวันที่ 3 ก.พ. จึงให้ทางสำนักงานติดตามการชำระหนี้ แต่หากพ้นกำหนดเวลาแล้วให้เสนอเข้าบอร์ดเพื่อเพิกถอนใบอนุญาต ในการประชุมครั้งต่อไป (8 ก.พ.2559) โดยหากบอร์ดครั้งหน้ามีมติเพิกถอนใบอนุญาต จะมีผลตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดคือ 4 ก.พ.

จากนั้นจะแจ้งให้บริษัททราบถึงมติ และแจ้งธนาคารกรุงเทพผู้ออกหนังสือค้ำประกัน ชำระเงินตามหลักทรัพย์ค้ำประกันซึ่งได้แก่เงินประมูลทุกงวดที่บริษัทยังไม่ได้ชำระวงเงิน 1,634.4 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทันทีภายใน 30 วัน หากไม่ชำระก็จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อไป”

แหล่งข่าวระบุว่า หากทาง กสทช.ยึดแบงค์การันตีจากธนาคารกรุงเทพผู้ออกหนังสือค้ำประกันแล้ว เจ๊ติ๋มจะล้มละลายทันที ไม่เหลือแม้กระทั่งบ้านตัวเองในซอยลาดพร้าว 101

รวมทั้งทรัพย์สินต่างๆ ที่ซ่อนเร้นไว้ อาทิ บ้านพักตากอากาศ คอนโด รถยนต์หลายคัน และ รีสอร์ต The bloom by ทีวีพูล @ เขาใหญ่ !!

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคิดจะทำธุรกิจใหญ่โตระดับพันล้าน ....ควรจะมองเรื่องความถนัดและศักยภาพของตนเอง อย่าโทษแผนแม่บท กสทช. อย่าโทษปี่โทษกลอง

เพราะช่องอื่นๆ เขาทำได้ ลงทุนสร้างเรตติ้งด้วยคอนเทนท์ดีๆ เพื่อหวังกำไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้า .....ไม่งั้นจะ