ตอนนี้ฉันอายุ 35 ปี แต่งงานมา 10 กว่าปี ออกมาอยู่ข้างนอกกับสามี 2 คน มีบ้าน มีรถ มีสิ่งที่อยากมีสร้างจากลำแข้งของตัวเองล้วน ๆ ชีวิตน่าจะมีความสุข เคยทำงานกับบริษัทอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย เงินเดือนก็สูงกว่าวุฒิที่เรียนจบมา เพื่อนยังเคยแซวว่าเงินเดือนที่ได้เท่ากับคนจบปริญญาโทที่ทำงานของเค้าเลย เราเริ่มงานด้วยเงินเดือน 7990 บาท แล้วก็ปรับปีละ 300-1000 บาท มาก้าวกระโดดปีสุดท้ายค่ะที่ได้เงินเดือนถึง 3 หมื่นกว่าบาท ทำให้มีเงินสะสมก่อนออกไม่เยอะค่ะ เราเอาเงินไปใช้หนี้เกือบหมดค่ะ ใช้หนี้ไป 250,000 ให้แม่ 50,000 แล้วก็ลงทุน 1 แสนค่ะ แต่เราลงทุนหลายอย่างค่ะ ลงทุนทั้งขายของ ไปลงเรียนทำขนม ทำอาหาร ค่ะ
ตอนแรกก็รู้สึกภูมิใจ แต่แล้วมีเหตุให้ต้องลาออก สาเหตุจากเราได้เลื่อนตำแหน่งทั้ง ๆ ที่จบมาน้อยกว่าคนอื่น ใช้ความสามารถ 10 กว่าปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ เราดูเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ พอมีอะไรผิดปกติเราก็ต้องรายงานกับผู้ใหญ่ แต่ก่อนรายงานเราก็จะสอบถามให้แน่ใจก่อนว่าคนที่ทำมีเจตนาทุจริตหรือไม่ จะได้ช่วยแก้ปัญหา แต่พอถามคนอื่นกลับเกลียดหาว่าเราจ้องจับผิด ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจ เราทำตามหน้าที่ ด้วยความที่เราเป็นคนพูดตรง ๆ อ้อมค้อมไม่เป็น ทำให้เราเข้ากับคนอื่นไม่ได้ เพราะคนอื่นเค้าหมั่นไส้ที่นายไว้ใจเรามาก เราทำงานไม่มีความสุข จึงประเมินงานตัวเองว่าด้อยลง และมีทางเลือกอื่นคือทำธุรกิจส่วนตัวที่อยากทำ จึงขอลาออก มีแต่คนบอกว่าเราลาออกไปทำอะไรก็ไม่รอด เพราะเรียนจบมาน้อย
สิ่งที่คิดไว้ตอนแรกก็ไปได้สวย ไปเรียนทำขนม ทำอาหาร อยากเรียนอะไรก็ลงเรียน แต่แล้วธุรกิจที่ทำก็เจ๊ง มีงานออกบูธก็ไปขายของ แต่ขาดทุน เงินเก็บไม่เหลือ
เราเคยงานยุ่งมาก ๆ เหนื่อยกับการเดินทาง เหนื่อยกับเพื่อนร่วมงาน แทบไม่มีเวลากินข้าว เวลาพักผ่อน แต่ผิดกับตอนนี้ว่างมาก ว่างจนเหมือนหายใจทิ้งไปวัน ๆ เหมือนชีวิตไร้ค่า จึงไปตะเวณหาทำเลขายของ เผื่อโชคดีมีเงินมาใช้หนี้ ฟื้นฟูการเงินในครอบครัว
แต่พอแม่สามีรู้ก็บ่นว่าดวงเราไม่ดี ไม่อยากให้ทำอะไรให้รอหลังสงกรานต์ก่อน แล้วเค้าก็โทรไปบอกแม่เรา แม่เราก็โทรมาบ่นว่าจะทำอะไรให้มันเจ๊งอีกเหรอ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยขอเงินแม่ใช้ตั้งแต่เรียน เราทำงานมาตลอด ออกขายของตั้งแต่ ป.4 แทนที่จะอวยพรเรา กลับมาบอกเราแบบนี้ เรารู้สึกแย่มาก
บางคนก็บอกว่าให้ทำไปเลย เงินก็ใช้กับสามี ซึ่งสามีสนับสนุนตลอด ถ้าคิดอะไรก็ทำเลย แต่แม่สามีก็โทรมาตำหนิสามีว่าแทนที่จะห้ามเรากลับยุให้เราทำอีก สามีเลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ
แต่เราเคยลองเปิดร้านแล้วมันเจ๊งเพราะตอนนั้นยังทำงานไม่มีเวลาไปดูแลเต็มที่ ทำให้ลูกน้องโกงจนหมดตัว แม่ก็มาบ่นว่าเตือนอะไรไม่ฟัง
พอจะเปิดอีกครั้ง แม่สามีก็มาเตือนอีกว่าห้ามเปิด ถ้าเปิดก็เจ๊ง จะทำให้มันมีหนี้เพิ่มขึ้นอีก ถามว่าปรึกษาแม่หรือยัง เราก็เลยบอกว่ายัง
เค้าก็โทรไปบอกแม่เราอีก ก็เป็นอีหรอบเดิม แม่บ่นว่าจะทำให้มีหนี้เพิ่มขึ้นอีก อยู่เฉย ๆ ไม่เป็นหรือไง
ตอนนี้เราเครียดมากเลย จะให้เราอยู่เฉย ๆ เพื่อเกาะสามีกิน ตอนนี้ก็สงสารสามี เพราะเค้าต้องทำโอทีเต็มที่ เราก็พยายามทำเว็บขายของ แต่มันไม่ได้ขายง่าย ๆ อะไรทำได้ก็ทำ เผื่อจะมีรายได้เพิ่มขึ้น
บางทีเครียดมากอยากฆ่าตัวตาย เผื่อได้เงินประกันมาใช้หนี้ เพราะเราผิดเอง ถ้าเราไม่ลาออก ยอมอดทนให้คนอื่นมันหมั่นไส้ ชีวิตคงไม่ตกต่ำแบบนี้ แต่สามีห้ามไว้ บอกว่าชีวิตเรามีค่ามากกว่าเงินล้าน สักวันต้องเป็นวันของเรา อย่าโทษว่าเป็นความผิดตัวเอง เพราะเค้าทนไม่ได้ที่พอกลับบ้านเราต้องร้องไห้ เพราะเครียดกับงาน วันหยุดก็ต้องเอางานกลับมาทำที่บ้าน วันพักร้อนก็หอบงาน รับโทรศัพท์ ทำงานตลอด
ทุกวันนี้ที่อยู่ได้เพราะมีกำลังใจจากสามี บางทีอยากหนีไปอยู่ไกล ๆ แบบว่าไม่ให้ใครติดต่อได้ แต่ก็เป็นห่วงพ่อแม่อีก
อุตส่าห์บากหน้าขอกลับไปทำงานที่เก่า แต่ตามนโยบายต้องรอก่อนอย่างน้อย 1 - 2 ปี ถึงกลับมาได้ แล้วก็ฝากทิ้งท้ายว่าห้ามลาออกก็ไม่ฟัง แต่ตอนนั้นสถานการณ์มันบีบให้เราออก ถ้าเราอยู่ต่อเราก็โดนคนจ้องเล่นงาน
ตอนนี้ตันไปหมดเลยค่ะ จะทำอะไรก็โดนห้าม จะไม่ให้เชื่อพ่อแม่ก็ไม่ได้ เดี๋ยวเค้าอวยพรว่าเจ๊ง คำพ่อแม่ยิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย
เข้าใจว่าพ่อแม่เป็นห่วง แต่บางทีคำว่าห่วง ก็ทำให้เราเครียดมากกว่าคำพูดคนอื่น
ตอนนี้ก็พยายามท่องไว้ว่าชีวิตต้องดีขึ้น ใช้เงินให้ประหยัด ทำตัวให้มีค่า สักวันต้องเป็นวันของเรา
จะทำธุรกิจอะไร คนในครอบครัวห้ามตลอด เพราะกลัวเจ๊ง
ตอนแรกก็รู้สึกภูมิใจ แต่แล้วมีเหตุให้ต้องลาออก สาเหตุจากเราได้เลื่อนตำแหน่งทั้ง ๆ ที่จบมาน้อยกว่าคนอื่น ใช้ความสามารถ 10 กว่าปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ เราดูเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ พอมีอะไรผิดปกติเราก็ต้องรายงานกับผู้ใหญ่ แต่ก่อนรายงานเราก็จะสอบถามให้แน่ใจก่อนว่าคนที่ทำมีเจตนาทุจริตหรือไม่ จะได้ช่วยแก้ปัญหา แต่พอถามคนอื่นกลับเกลียดหาว่าเราจ้องจับผิด ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจ เราทำตามหน้าที่ ด้วยความที่เราเป็นคนพูดตรง ๆ อ้อมค้อมไม่เป็น ทำให้เราเข้ากับคนอื่นไม่ได้ เพราะคนอื่นเค้าหมั่นไส้ที่นายไว้ใจเรามาก เราทำงานไม่มีความสุข จึงประเมินงานตัวเองว่าด้อยลง และมีทางเลือกอื่นคือทำธุรกิจส่วนตัวที่อยากทำ จึงขอลาออก มีแต่คนบอกว่าเราลาออกไปทำอะไรก็ไม่รอด เพราะเรียนจบมาน้อย
สิ่งที่คิดไว้ตอนแรกก็ไปได้สวย ไปเรียนทำขนม ทำอาหาร อยากเรียนอะไรก็ลงเรียน แต่แล้วธุรกิจที่ทำก็เจ๊ง มีงานออกบูธก็ไปขายของ แต่ขาดทุน เงินเก็บไม่เหลือ
เราเคยงานยุ่งมาก ๆ เหนื่อยกับการเดินทาง เหนื่อยกับเพื่อนร่วมงาน แทบไม่มีเวลากินข้าว เวลาพักผ่อน แต่ผิดกับตอนนี้ว่างมาก ว่างจนเหมือนหายใจทิ้งไปวัน ๆ เหมือนชีวิตไร้ค่า จึงไปตะเวณหาทำเลขายของ เผื่อโชคดีมีเงินมาใช้หนี้ ฟื้นฟูการเงินในครอบครัว
แต่พอแม่สามีรู้ก็บ่นว่าดวงเราไม่ดี ไม่อยากให้ทำอะไรให้รอหลังสงกรานต์ก่อน แล้วเค้าก็โทรไปบอกแม่เรา แม่เราก็โทรมาบ่นว่าจะทำอะไรให้มันเจ๊งอีกเหรอ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยขอเงินแม่ใช้ตั้งแต่เรียน เราทำงานมาตลอด ออกขายของตั้งแต่ ป.4 แทนที่จะอวยพรเรา กลับมาบอกเราแบบนี้ เรารู้สึกแย่มาก
บางคนก็บอกว่าให้ทำไปเลย เงินก็ใช้กับสามี ซึ่งสามีสนับสนุนตลอด ถ้าคิดอะไรก็ทำเลย แต่แม่สามีก็โทรมาตำหนิสามีว่าแทนที่จะห้ามเรากลับยุให้เราทำอีก สามีเลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ
แต่เราเคยลองเปิดร้านแล้วมันเจ๊งเพราะตอนนั้นยังทำงานไม่มีเวลาไปดูแลเต็มที่ ทำให้ลูกน้องโกงจนหมดตัว แม่ก็มาบ่นว่าเตือนอะไรไม่ฟัง
พอจะเปิดอีกครั้ง แม่สามีก็มาเตือนอีกว่าห้ามเปิด ถ้าเปิดก็เจ๊ง จะทำให้มันมีหนี้เพิ่มขึ้นอีก ถามว่าปรึกษาแม่หรือยัง เราก็เลยบอกว่ายัง
เค้าก็โทรไปบอกแม่เราอีก ก็เป็นอีหรอบเดิม แม่บ่นว่าจะทำให้มีหนี้เพิ่มขึ้นอีก อยู่เฉย ๆ ไม่เป็นหรือไง
ตอนนี้เราเครียดมากเลย จะให้เราอยู่เฉย ๆ เพื่อเกาะสามีกิน ตอนนี้ก็สงสารสามี เพราะเค้าต้องทำโอทีเต็มที่ เราก็พยายามทำเว็บขายของ แต่มันไม่ได้ขายง่าย ๆ อะไรทำได้ก็ทำ เผื่อจะมีรายได้เพิ่มขึ้น
บางทีเครียดมากอยากฆ่าตัวตาย เผื่อได้เงินประกันมาใช้หนี้ เพราะเราผิดเอง ถ้าเราไม่ลาออก ยอมอดทนให้คนอื่นมันหมั่นไส้ ชีวิตคงไม่ตกต่ำแบบนี้ แต่สามีห้ามไว้ บอกว่าชีวิตเรามีค่ามากกว่าเงินล้าน สักวันต้องเป็นวันของเรา อย่าโทษว่าเป็นความผิดตัวเอง เพราะเค้าทนไม่ได้ที่พอกลับบ้านเราต้องร้องไห้ เพราะเครียดกับงาน วันหยุดก็ต้องเอางานกลับมาทำที่บ้าน วันพักร้อนก็หอบงาน รับโทรศัพท์ ทำงานตลอด
ทุกวันนี้ที่อยู่ได้เพราะมีกำลังใจจากสามี บางทีอยากหนีไปอยู่ไกล ๆ แบบว่าไม่ให้ใครติดต่อได้ แต่ก็เป็นห่วงพ่อแม่อีก
อุตส่าห์บากหน้าขอกลับไปทำงานที่เก่า แต่ตามนโยบายต้องรอก่อนอย่างน้อย 1 - 2 ปี ถึงกลับมาได้ แล้วก็ฝากทิ้งท้ายว่าห้ามลาออกก็ไม่ฟัง แต่ตอนนั้นสถานการณ์มันบีบให้เราออก ถ้าเราอยู่ต่อเราก็โดนคนจ้องเล่นงาน
ตอนนี้ตันไปหมดเลยค่ะ จะทำอะไรก็โดนห้าม จะไม่ให้เชื่อพ่อแม่ก็ไม่ได้ เดี๋ยวเค้าอวยพรว่าเจ๊ง คำพ่อแม่ยิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย
เข้าใจว่าพ่อแม่เป็นห่วง แต่บางทีคำว่าห่วง ก็ทำให้เราเครียดมากกว่าคำพูดคนอื่น
ตอนนี้ก็พยายามท่องไว้ว่าชีวิตต้องดีขึ้น ใช้เงินให้ประหยัด ทำตัวให้มีค่า สักวันต้องเป็นวันของเรา