Autumn in Normandy and The Loire Castles III ใบไม้ร่วง ณ นอร์มังดีและปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์

4 สหายพาขับรถลุยฝรั่งเศสตะวันตก 4 วัน 4 คืน จาก Paris สู่ Roeun - ผ่าน Honfleur -ไปยัง Caen - Mont Saint Michel – Tours – กลับถึง Paris
ตอนที่ 1 Roeun
Link http://pantip.com/topic/34699832
ตอนที่ 2 Honfleur, Beuvron-en-Auge, Caen
Link http://pantip.com/topic/34722557
ตอนที่ 3 Mont Saint Michel
ตอนที่ 4 The Loire Castles


ตอนที่ 3 มงแซ็งมิเชล (Mont Saint Michel)

จากเมืองก๊อง ใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงด้วยระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร กว่าจะถึง มงแซ็งมิเชล ก็ราวบ่าย 2

เราไม่อยากเสียเวลาเลยกะจะเที่ยวมงแซ็งมิเชลก่อนแล้วค่อยเข้าโรงแรม วนหาที่จอดรถอยู่พักใหญ่กว่าจะเจอลานจอดรถกว้างใหญ่ รับบัตรจอดรถไว้ก่อนค่อยมาเสียเงินที่ตู้ก่อนนำรถออก

ในอดีตการเดินทางไปยังมงแซ็งมีแชล จะเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยถนนที่สามารถเดินทางได้ในช่วงน้ำลงเท่านั้น เนื่องจากระดับน้ำปกติจะท่วมและปิดกั้นผิวถนน

ปัจจุบันจะเปลี่ยนถนนที่เชื่อมกับแผ่นดินเป็นสะพาน เพื่อให้น้ำสามารถหมุนเวียนได้โดยรอบเกาะ รวมถึงการย้ายที่จอดรถไปยังแผ่นดินใหญ่ และจะมีรถรับส่งบริการฟรีจากจุดจอดรถถึงบริเวณเกาะ ซึ่งต้องเดินต่อไปอีกราว 200-300 เมตร ช่วงนี้ก็เก็บภาพไปเป็นระยะ

มงแซ็งมิเชล (Mont Saint – Michel) เป็นวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดม็องช์ แคว้นบัส-นอร์ม็องดีของประเทศฝรั่งเศส ศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เทียบได้กับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งกรุงโรม
สถานที่แห่งนี้ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม เมื่อปี ค.ศ.1979 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับ 3 ของฝรั่งเศสรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซายน์

ช่วงที่แดดยังร้อนอยู่ เราเดินเที่ยวด้านในกันดีกว่า


เก็บภาพระหว่างทางเป็นร้านค้าและโรงแรมเรียงรายกันอยู่สองข้างทางเดิน
ต้องอดใจไม่ให้แวะซื้อของข้างทาง แต่ก็ต้องมาหยุดที่ร้านไอศกรีมเพิ่มพลังซักคนละสคู๊ป อร่อยจัง

ตรงไปที่โบสถ์กันเลย ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าคนละ 9 ยูโร เพื่อชมภายในโบสถ์และบริเวณโดยรอบ



ตัวเกาะอันเป็นที่ตั้งของวิหารนั้นเป็นหินแกรนิต โดยมีเส้นรอบวงเกาะประมาณ 960 เมตร และสูง 92 เมตร แล้วถ้าบวกกับความสูงของตัววิหารนั้นแล้วก็จะมีความสูงถึง 155 แมตร ถือเป็นปราการธรรมชาติตั้งแต่สมัยยุคกลาง โดยตั้งชื่อตามวิหารที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขานั่นเอง


บนยอดวิหารเป็นรูปปั้นทองของอัครทูตสวรรค์มีคาเอล(นักบุญมิคาเอล) สร้างโดยเอมานูแอล เฟรมีเย (Emmanuel Frémiet)
มงแซ็งมิเชลมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ก่อนที่จะมีการสถาปนาราชวงศ์แรกของฝรั่งเศสซะอีก เกาะนี้เคยถูกเรียกว่า มงตงบ์ (Mont Tombe) และตามตำนาน วิหารที่อยู่บนเกาะนี้ถูกสร้างโดยการแนะนำของเทวดามีแชล ที่ได้เข้าฝันนักบุญโอแบร์ บิชอปแห่งมาฟร็องช์เมื่อปี ค.ศ.708 แต่เขาก็มิได้ปฏิบัติตาม เนื่องจากนึกว่าปีศาจได้มาเข้าฝัน เขาจึงได้เพิกเฉยไป จนมาถึงการฝันครั้งที่ 3 มีแชลได้ใช้นิ้วของเขาจิ้มที่หัวของโอแบร์ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจสร้างวิหารบนยอดเขา

ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ตัววิหารได้ถูกเปลี่ยนเป็นที่คุมขังนักโทษสำคัญการเมือง จนกระทั่งวิกตอร์ อูโก ได้มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์เพื่อคืนความเป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางสถาปัตยกรรมของชาติ และในที่สุดได้มีการยกเลิกการเป็นเรือนจำ และได้ถูกเปลี่ยนสถานะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในปีค.ศ. 1874

รอบเกาะนั้นในบางเวลาจะเป็นน้ำทั้งหมด แต่ในบางช่วงของวันที่น้ำลด จะสามารถเดินรอบเกาะได้ โดยจะได้เห็นวิวรอบเกาะอย่างชัดเจน

หากสนใจที่จะเดินสำรวจโดยรอบอย่างจริงจัง มีทัวร์ให้บริการ โดยทางทัวร์จะนำเดินโดยรอบ

มองลงไปจะเห็นคนตัวเท่ามดเดินย่ำอยู่ในน้ำ

โบสถ์ Abbey Cathedral สูงตระหง่าน เข้าไปเที่ยวภายในกันค่ะ



เดินผ่านระเบียงรอบๆ โบสถ์


ผ่านไปยังอีกอาคารนึง



ทะลุไปอีกด้านของโบสถ์


หลังจากใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมง ก็ได้เวลาไปเก็บแสงอาทิตย์ตกกัน เราจะไม่ขึ้นรถกลับแต่จะค่อยๆ เดินชมไปเรื่อยๆ อากาศเย็นสบาย

ผู้คนมากมายทยอยกันมาชมแสงอาทิตย์

บ้างก็ขึ้นรถม้า น่าสนุก

เสียดายจุดที่พระอาทิตย์ตกอยู่คนละทิศกับ มงแซ็งมิเชล ต้องถ่ายแบบพาโนรามา
หลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่งจนสุดทาง เราก็ขึ้นรถบัสต่อไปยังที่จอดรถก็พลบค่ำพอดี ต้องหาโรงแรมที่จองไว้  GPS นำทางย้อนกลับไปทางที่รถบัสเพิ่งผ่านมา ปรากฏว่าโรงแรมอยู่ในเมืองใกล้ๆ มงแซ็งมิเชลนั่นเอง เสียดายที่พวกเราลืมดูแผนที่ตั้งของโรงแรมมาก่อน ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องเสียค่าจอดรถ โรงแรมนี้ไม่มีลิฟท์ แล้วพักอยู่ชั้น 4 โอ้โฮ! ต้องแบกของขึ้นไปเอง บางคนเลยต้องแบ่งของใส่กระเป๋าเล็กค่อยขนขึ้นไปไหว เข้าที่พักเสร็จก็ออกมาเดินเล่นหาอาหารเย็นกันใกล้ๆโรงแรม คืนนี้พวกเราเลือกทานอาหารสไตล์ฝรั่งเศสกัน พอทานได้แต่ไม่ถูกปากคนไทยอย่างเรา สู้น้ำพริกปลาทูไม่ได้สักนิด แวะซุปเปอร์มาเกตซื้อขนมปังไส้กรอกแฮมเตรียมทำอาหารเช้าและมื้อกลางวันสำหรับวันรุ่งขึ้นกัน หลับสบายทั้งคืนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

เช้าวันรุ่งขึ้นต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น

คราวนี้ขับรถไปจอดได้ใกล้ๆ แล้วเดินไปเก็บภาพกัน

มงแซ็งมิเชลปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ ในบรรยากาศที่ต่างไปจากเมื่อวาน

ได้เวลาต้องจากมงแซ็งมิเชลแล้ว  ไปเที่ยวต่อกันที่ปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ในตอนต่อไปนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่