สวัสดีครับพี่ ๆ ผมเอากล้อง Canon EOS M3 ไปถ่ายมา เพิ่งเคยได้ใช้ สนุกดี ส่งรูปเข้ามือถือได้ด้วยนะครับผม.......จบ........เดี๋ยวนะ ไม่ใช่คลิปในยูทูปที่ต้องรีบขนาดนั้น ไม่ต้องรีบทำให้รู้เรื่องหรืออยากให้ติดตามภายในห้าวินาที ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ช้า ๆ เนิบ ๆ แบบไม่ต้องรีบร้อนรีบเร่งแล้วกันนะครับผม ถ้าให้พูดอย่างเป็นทางการ ก็ต้องนับว่าเคยใช้แต่กล้อง DSLR อย่าง Canon EOS 7D หรือ 60D สำหรับถ่ายวิดีโอเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าภาพนิ่งก็ใช้แต่กล้องฟิล์มฟอร์แมทต่าง ๆ จะฮาฟเฟรม จะมีเดี่ยม จะรูเข็ม จะ 4x5 กล้อง SLR ก็ใช้บ้างแต่ไม่ได้บ่อย หนักไปทาง Point And Shoot เสียมากกว่าน่ะครับผม (เน้นพกพาสะดวก แล้วก็ดูไม่แพงจนน่าขโมยนัก) หลัง ๆ นี่หนักไปทางถ่ายด้วยกล้องในมือถือเสียมากกว่า เอาสะดวกเข้าว่า ไม่ต้องพกพาอะไรให้มากนัก แต่ก็นั่นแหละครับ ขนาดไฟล์ที่อยากจะเอาไปใช้งานสำหรับอัดรูปออกมาเป็นภาพใหญ่ ๆ ก็ชักไม่แน่ใจ แม้เขาจะว่ากันว่า มันสามารถอัดขยายภาพใหญ่ได้ในคุณภาพที่ใช้งานใช้การได้ นั่นแหละครับไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ในเมื่อมีกล้องใหม่ในมือ ก็พาไปเที่ยวเสียหน่อย จะได้ทำความคุ้นเคยกับกล้องไปด้วยในตัว

: หน้าตาอาจจะไม่ชัด เขินกล้องนิดหน่อย
จากสัดส่วนที่ดูกะทัดรัด ความกังวลแรกก่อนที่จะซื้อ ก็เคยคิดว่าจะเล็กเกินมือใหญ่ ๆ ของผม แต่พอได้จับเท่านั้นแหละครับ เออ..เว้ย..พอดีมือซะอย่างนั้น หายกังวลไปเลย กริปที่ยื่นออกมาก็ช่วยให้จับถนัดมากขึ้นด้วย แหม่...เหมาะเหม็งจริง ๆ มีจอทัชสกรีนนั่นแหละครับ ที่ผมไม่ค่อยได้ใช้ในฟังก์ชันนี้ เพราะคุ้นกับการกดปุ่มในสไตล์ SLR มากกว่า แต่ที่ลองยื่นกล้องให้เพื่อนลอง เขาก็ว่า ใช้งานได้ดีนะครับ ไวดี...เขาบอก เดี๋ยวต้องลองใช้เสียหน่อย) อ้อ...ในกล้องที่เป็นโหมดฟิวเตอร์ก็ลองใช้แล้วครับ แต่ยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ เลยถ่ายมาแบบสด ๆ ก่อน แล้วก็เอารูปส่งเข้ามือถือด้วย Wi-fi แล้วก็ใช้แอพ VSCO Cam ปรับสีน่ะครับผม (ด้วยความเคยชินบวกกับที่ใช้โปรแกรมแต่งรูปไม่เป็นเท่าไหร่ นับว่าเป็นมือใหม่ในโลกดิจิตอลจริง ๆ นะครับผม)

: นอกจากจะถ่ายรูปได้ยังส่งรูปได้อีกด้วย เรียกว่าลืมกล้อง SLR ที่เคยใช้อยู่กันเลย
เข้าเรื่องเที่ยวกันดีกว่าครับผม ทริปนี้เป็นทริปเฉพาะกิจแบบสั้น ๆ เรียกว่า หาเรื่องเที่ยว จะเหมาะสมกว่า เนื่องด้วยมีรุ่นพี่ส่งข่าวว่ามีโปรโมชั่นตั๋วดีราคาถูก บินตรงจากไทยไปญี่ปุ่น ลงที่ Komatsu Airport ใกล้กับเมือง Kanazawa ในจังหวัด Ishikawa เลย ครั่นเนื้อครั่นตัวพยายามจอง จนได้เรื่อง ได้ตั๋ว แต่เงินจะเที่ยวยังไม่มี ก็กะว่าเดี๋ยวไปตายเอาดาบหน้า ตอนแรกว่าจะตั้งกระทู้ว่า .ตะลุยเดี่ยว แบกเป้เซแถ่ดๆ เที่ยวญี่ปุ่นไม่ง้อทัวร์แบบไม่ใช้เงินสักบาท” (ก็ใช่น่ะสิ ที่นั่นมันใช้เงินเยน) เอ่อ...ผมว่าเราข้ามเรื่องชาวท่าแซะแล้วมาโฟกัสกันเรื่องงานกันก่อนดีกว่าครับผม เดินทางออกจากไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนประมาณตีหนึ่งของวันที่ 19 มาถึงตอนเช้าที่ Komatsu Airport ประเทศญี่ปุ่น โดยสวัสดิรูป...เอ้ย! สวัสดิภาพ มีเรื่องขำ ๆ ให้ได้จำจดไปอีกนานกับด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน แต่ขอข้ามไปแล้วกันนะครับผม มันจะนอกเรื่องออกทะเลเฮ้ฮัดช่าจนเกินไป
สำหรับเมือง Kanazawa อยู่ในจังหวัด Ishikawa จากที่แอบฟังคนพื้นที่ที่กำลังเล่าประวัติของที่นี่เป็นภาษาอังกฤษให้เพื่อนเขาที่เป็นชาวต่างชาติฟัง ขณะที่อยู่บนรถบัสที่นั่งจากสนามบินเข้าสู่สถานีรถไฟ Kanazawa ได้ความว่า ที่ Kanazawa นี้ เป็นเมืองที่รอดพ้นจากการโดนทิ้งระเบิดในสมัยสงครามโลก ทำให้เรายังได้มีโอกาสเห็นสภาพแวดล้อมแบบเก่า ๆ ผังเมืองแบบที่ไม่ได้เป็นตารางสี่เหลี่ยมอย่างหัวเมืองใหม่ ๆ เมืองนี้ยังสามารถเดินทางมาถึงได้ด้วยรถไฟความเร็วสูงอย่าง Shinkansenที่เรียกขบวนรถไฟด่วนนี้ว่า Thunderbird อีกด้วยนะครับผม สำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวหรือข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ คงจะขออนุญาตบอกเล่าเท่าที่ทราบก็แล้วกันนะครับผม เอาสบาย ๆ เข้าว่าก็แล้วกันนะครับผม ถ้าพี่ ๆ ท่านไหนอยากจะช่วยเสริมให้กระทู้นี้มีสาระมากขึ้น ก็รบกวนและขอบพระคุณล่วงหน้าเอาไว้ที่นี้เลยนะครับผม ผมเองก็อยากทราบข้อมูลให้มากขึ้นเช่นกันครับผม

ภาพจากหน้าประตูสถานีฝั่งตะวันออกมองออกไปเห็นประตูไม้ขนาดใหญ่อย่าง Tsuzumi-mon
สำหรับคนที่เคยได้ไปเยือนที่สถานีรถไฟKanazawa แห่งนี้แล้วคงได้เห็นประตูไม้Tsuzumi-mon ที่ตั้งตระหง่านตรงประตูทางเข้าสถานีฝั่งตะวันออก ส่วนประตูฝั่งตะวันตกจะเห็นเสาปูนปั้น (ผมไม่ทราบว่าจะเรียกมันเฉพาะเจาะจงยังไง) ที่เป็นคล้ายสัญลักษณ์หรือตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่น แต่รถบัสที่ผมนั่งมาจาก Komatsu Airport จะมาจอดที่นี่เป็นจุดสุดท้ายครับ (ค่าโดยสาร 1,130 เยน สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติตรงป้ายรถบัสที่อยู่ทางด้านซ้ายของสนามบินเมื่อเดินออกมาน่ะครับผม)

: รูปซ้ายถ่ายด้วย Canon EOS M3
ออกจากสถานีก็เดินเข้าที่พัก เก็บกระเป๋า รับกุญแจ เตรียมที่นอนสำหรับคืนนี้จะได้ไม่ต้องมากุกกักให้เสียงดังรบกวนเพื่อนร่วมห้องคนอื่นในยามค่ำคืน ทริปนี้ผมมาพักที่โฮสเทลชื่อ Shaq Bighouseอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร เดินสัก 13-20 นาที (แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละวันครับ แต่ถ้าเทียบจากกูเกิ้ลแมพจะบอกว่า เฮ้!เพื่อนเกลอ นายสามารถเดินเท้าในเส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่ฉันแนะนำแค่เพียง 16 นาทีเองนะ) เนื่องจากช่วงเวลาที่ไปมีวันหยุดวันแรงงานประจำชาติของทางญี่ปุ่น (วันจันทร์ที่ 23 พ.ย.) ที่พักจึงหายากเสียหน่อย ที่ผมจองไว้นี่ก็จองได้แค่สองวันจากสี่วันของทริปนี้ ก็เดี๋ยวค่อยไปลุ้นกันอีกทีว่าจะนอนยังไงที่ไหนต่อดี (คราวก่อนที่เคยมาที่คานาซาว่านี้ ผมได้ที่พักที่โฮสเทลชื่อ Good Neighbors Hostel Kanazawa ที่นี่เดินไปสถานีใกล้มากครับ ห้องใหม่ เตียงใหม่ ฝากไว้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ชอบเดินทางมาเมืองKanazawa แล้วอยากจะพักที่โฮสเทลเพื่อประหยัดงบนะครับผม)
สถานที่แรกที่ผมไปเดินถ่ายรูปเล่นพร้อมกับลองกล้องใหม่เป็นที่ 21st Century Museum of Contemporary Art ครับผม ที่นี่มีงานศิลปะที่เป็นสระว่ายน้ำ (The Swimming Pool by Leandro Erlich) ที่คุณสามารถลงไปใต้สระว่ายน้ำเพื่อถ่ายรูปขึ้นมาด้านบนได้ หลายคนอาจจะเคยเห็นสระว่ายน้ำนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กบ้างแล้ว รอบที่แล้วผมไปแล้วใกล้เวลาที่พิพิธภัณฑ์กำลังจะปิดให้บริการเลยไม่ได้ซื้อตั๋ว เพื่อเข้าไปดูงานหรือลงชั้นล่างไปถ่ายรูปใต้สระ ส่วนรอบนี้ซื้อตั๋วครับผมเพราะเหลือเวลาอีกมากเลย แต่...ห้องแสดงงานห้อง 1-6 กำลังปิดอยู่ (น่าจะกำลังเตรียมงานใหม่) ทำให้ไม่สามารถลงไปใต้สระได้ โธ่...โควต้าความโชคดีของผมหมดตั้งแต่เพิ่งจะเริ่มทริป แต่ไม่เป็นไรครับ เคยดูรูปจากกูเกิ้ลจนเห็นเกือบทุกซอกแล้ว ไว้รอบหน้าค่อยมาซ้ำอีกที ว่าแล้วก็เริ่มเข้าห้องหมายเลข 7 เดินไปจนครบ จากนั้นก็เดินดูภายนอก ที่ภายนอกนี้มีงานศิลปะจัดวาง เก้าอี้สวย ๆ และยังมีโทรโข่ง (แล้วแต่จะให้คำจำกัดความกันนะครับผม) ที่เราสามารถพูดจากจุดที่เรายืนอยู่ ให้เสียงไปโผล่ยังปลายท่อที่อยู่ห่างออกไปได้ มีหลายคนลองเล่นดู (ลองนึกภาพถึงโทรศัพท์ถ้วยกระดาษที่เชื่อมกันด้วยเส้นด้ายนะครับ น่าจะหลักการเดียวกัน แต่ไม่ได้ใช้ด้ายเป็นตัวเชื่อมเสียง แต่เป็นตัวท่อที่ฝังอยู่ใต้ดิน)

: ภาพที่ถ่ายจากภายนอกห้องแสดงงาน
ที่นี่มีงานศิลปะที่แปลกตาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะให้ได้เสพกันอย่างอิ่มหนำ มีหลาย ๆ งานที่เรียกว่า สร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้แก่ตัวผมเองด้วยครับ บางครั้งก็คิดไปว่า ผู้ที่สร้างงานศิลปะเหล่านี้ คิดงานออกมาได้อย่างไร อะไรเป็นสาเหตุหลัก อะไรเป็นสาเหตุรอง ได้แรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจจากอะไร ตอนที่ตั้งคำถามพวกนี้ก็ตอนที่เดินวนดูอยู่นั่นแหละครับ หมดจากที่นี่ก็ออกไปหาข้าวปลาอาหารทานแล้วล่ะครับผม ไม่เร่งไม่รีบ ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ มอง มองนาน ๆ จะได้เห็นอะไรได้มากขึ้น เนื่องจากทริปนี้ที่มาความตั้งใจแรกเลยคือ จะมาเยี่ยมเยือนรุ่นพี่กับแฟนของเขาที่มาเรียนต่อที่นี่ และก็หาเรื่องมาลองกล้องใหม่อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นน่ะครับผม เรียกว่าให้เจ้าถิ่นพาเที่ยวกันเลย ฝากความหวังทั้งหลายไว้ในกำมือรุ่นพี่ที่เคารพเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็เดินตามล่ะครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ สมองไม่ต้องคิด ตาดู หูฟัง เท้าเดิน เป็นพอ สบาย ๆ ตามสไตล์ผมเลย

: งานที่แสดงอยู่ในห้องต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์ที่นี่ครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามต่อได้จาก
https://www.kanazawa21.jp/en/ นะครับ
[CR] หนีเที่ยวญี่ปุ่นกับสาวคนใหม่
: หน้าตาอาจจะไม่ชัด เขินกล้องนิดหน่อย
จากสัดส่วนที่ดูกะทัดรัด ความกังวลแรกก่อนที่จะซื้อ ก็เคยคิดว่าจะเล็กเกินมือใหญ่ ๆ ของผม แต่พอได้จับเท่านั้นแหละครับ เออ..เว้ย..พอดีมือซะอย่างนั้น หายกังวลไปเลย กริปที่ยื่นออกมาก็ช่วยให้จับถนัดมากขึ้นด้วย แหม่...เหมาะเหม็งจริง ๆ มีจอทัชสกรีนนั่นแหละครับ ที่ผมไม่ค่อยได้ใช้ในฟังก์ชันนี้ เพราะคุ้นกับการกดปุ่มในสไตล์ SLR มากกว่า แต่ที่ลองยื่นกล้องให้เพื่อนลอง เขาก็ว่า ใช้งานได้ดีนะครับ ไวดี...เขาบอก เดี๋ยวต้องลองใช้เสียหน่อย) อ้อ...ในกล้องที่เป็นโหมดฟิวเตอร์ก็ลองใช้แล้วครับ แต่ยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ เลยถ่ายมาแบบสด ๆ ก่อน แล้วก็เอารูปส่งเข้ามือถือด้วย Wi-fi แล้วก็ใช้แอพ VSCO Cam ปรับสีน่ะครับผม (ด้วยความเคยชินบวกกับที่ใช้โปรแกรมแต่งรูปไม่เป็นเท่าไหร่ นับว่าเป็นมือใหม่ในโลกดิจิตอลจริง ๆ นะครับผม)
: นอกจากจะถ่ายรูปได้ยังส่งรูปได้อีกด้วย เรียกว่าลืมกล้อง SLR ที่เคยใช้อยู่กันเลย
เข้าเรื่องเที่ยวกันดีกว่าครับผม ทริปนี้เป็นทริปเฉพาะกิจแบบสั้น ๆ เรียกว่า หาเรื่องเที่ยว จะเหมาะสมกว่า เนื่องด้วยมีรุ่นพี่ส่งข่าวว่ามีโปรโมชั่นตั๋วดีราคาถูก บินตรงจากไทยไปญี่ปุ่น ลงที่ Komatsu Airport ใกล้กับเมือง Kanazawa ในจังหวัด Ishikawa เลย ครั่นเนื้อครั่นตัวพยายามจอง จนได้เรื่อง ได้ตั๋ว แต่เงินจะเที่ยวยังไม่มี ก็กะว่าเดี๋ยวไปตายเอาดาบหน้า ตอนแรกว่าจะตั้งกระทู้ว่า .ตะลุยเดี่ยว แบกเป้เซแถ่ดๆ เที่ยวญี่ปุ่นไม่ง้อทัวร์แบบไม่ใช้เงินสักบาท” (ก็ใช่น่ะสิ ที่นั่นมันใช้เงินเยน) เอ่อ...ผมว่าเราข้ามเรื่องชาวท่าแซะแล้วมาโฟกัสกันเรื่องงานกันก่อนดีกว่าครับผม เดินทางออกจากไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนประมาณตีหนึ่งของวันที่ 19 มาถึงตอนเช้าที่ Komatsu Airport ประเทศญี่ปุ่น โดยสวัสดิรูป...เอ้ย! สวัสดิภาพ มีเรื่องขำ ๆ ให้ได้จำจดไปอีกนานกับด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน แต่ขอข้ามไปแล้วกันนะครับผม มันจะนอกเรื่องออกทะเลเฮ้ฮัดช่าจนเกินไป
สำหรับเมือง Kanazawa อยู่ในจังหวัด Ishikawa จากที่แอบฟังคนพื้นที่ที่กำลังเล่าประวัติของที่นี่เป็นภาษาอังกฤษให้เพื่อนเขาที่เป็นชาวต่างชาติฟัง ขณะที่อยู่บนรถบัสที่นั่งจากสนามบินเข้าสู่สถานีรถไฟ Kanazawa ได้ความว่า ที่ Kanazawa นี้ เป็นเมืองที่รอดพ้นจากการโดนทิ้งระเบิดในสมัยสงครามโลก ทำให้เรายังได้มีโอกาสเห็นสภาพแวดล้อมแบบเก่า ๆ ผังเมืองแบบที่ไม่ได้เป็นตารางสี่เหลี่ยมอย่างหัวเมืองใหม่ ๆ เมืองนี้ยังสามารถเดินทางมาถึงได้ด้วยรถไฟความเร็วสูงอย่าง Shinkansenที่เรียกขบวนรถไฟด่วนนี้ว่า Thunderbird อีกด้วยนะครับผม สำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวหรือข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ คงจะขออนุญาตบอกเล่าเท่าที่ทราบก็แล้วกันนะครับผม เอาสบาย ๆ เข้าว่าก็แล้วกันนะครับผม ถ้าพี่ ๆ ท่านไหนอยากจะช่วยเสริมให้กระทู้นี้มีสาระมากขึ้น ก็รบกวนและขอบพระคุณล่วงหน้าเอาไว้ที่นี้เลยนะครับผม ผมเองก็อยากทราบข้อมูลให้มากขึ้นเช่นกันครับผม
ภาพจากหน้าประตูสถานีฝั่งตะวันออกมองออกไปเห็นประตูไม้ขนาดใหญ่อย่าง Tsuzumi-mon
สำหรับคนที่เคยได้ไปเยือนที่สถานีรถไฟKanazawa แห่งนี้แล้วคงได้เห็นประตูไม้Tsuzumi-mon ที่ตั้งตระหง่านตรงประตูทางเข้าสถานีฝั่งตะวันออก ส่วนประตูฝั่งตะวันตกจะเห็นเสาปูนปั้น (ผมไม่ทราบว่าจะเรียกมันเฉพาะเจาะจงยังไง) ที่เป็นคล้ายสัญลักษณ์หรือตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่น แต่รถบัสที่ผมนั่งมาจาก Komatsu Airport จะมาจอดที่นี่เป็นจุดสุดท้ายครับ (ค่าโดยสาร 1,130 เยน สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติตรงป้ายรถบัสที่อยู่ทางด้านซ้ายของสนามบินเมื่อเดินออกมาน่ะครับผม)
: รูปซ้ายถ่ายด้วย Canon EOS M3
ออกจากสถานีก็เดินเข้าที่พัก เก็บกระเป๋า รับกุญแจ เตรียมที่นอนสำหรับคืนนี้จะได้ไม่ต้องมากุกกักให้เสียงดังรบกวนเพื่อนร่วมห้องคนอื่นในยามค่ำคืน ทริปนี้ผมมาพักที่โฮสเทลชื่อ Shaq Bighouseอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร เดินสัก 13-20 นาที (แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละวันครับ แต่ถ้าเทียบจากกูเกิ้ลแมพจะบอกว่า เฮ้!เพื่อนเกลอ นายสามารถเดินเท้าในเส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่ฉันแนะนำแค่เพียง 16 นาทีเองนะ) เนื่องจากช่วงเวลาที่ไปมีวันหยุดวันแรงงานประจำชาติของทางญี่ปุ่น (วันจันทร์ที่ 23 พ.ย.) ที่พักจึงหายากเสียหน่อย ที่ผมจองไว้นี่ก็จองได้แค่สองวันจากสี่วันของทริปนี้ ก็เดี๋ยวค่อยไปลุ้นกันอีกทีว่าจะนอนยังไงที่ไหนต่อดี (คราวก่อนที่เคยมาที่คานาซาว่านี้ ผมได้ที่พักที่โฮสเทลชื่อ Good Neighbors Hostel Kanazawa ที่นี่เดินไปสถานีใกล้มากครับ ห้องใหม่ เตียงใหม่ ฝากไว้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ชอบเดินทางมาเมืองKanazawa แล้วอยากจะพักที่โฮสเทลเพื่อประหยัดงบนะครับผม)
สถานที่แรกที่ผมไปเดินถ่ายรูปเล่นพร้อมกับลองกล้องใหม่เป็นที่ 21st Century Museum of Contemporary Art ครับผม ที่นี่มีงานศิลปะที่เป็นสระว่ายน้ำ (The Swimming Pool by Leandro Erlich) ที่คุณสามารถลงไปใต้สระว่ายน้ำเพื่อถ่ายรูปขึ้นมาด้านบนได้ หลายคนอาจจะเคยเห็นสระว่ายน้ำนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กบ้างแล้ว รอบที่แล้วผมไปแล้วใกล้เวลาที่พิพิธภัณฑ์กำลังจะปิดให้บริการเลยไม่ได้ซื้อตั๋ว เพื่อเข้าไปดูงานหรือลงชั้นล่างไปถ่ายรูปใต้สระ ส่วนรอบนี้ซื้อตั๋วครับผมเพราะเหลือเวลาอีกมากเลย แต่...ห้องแสดงงานห้อง 1-6 กำลังปิดอยู่ (น่าจะกำลังเตรียมงานใหม่) ทำให้ไม่สามารถลงไปใต้สระได้ โธ่...โควต้าความโชคดีของผมหมดตั้งแต่เพิ่งจะเริ่มทริป แต่ไม่เป็นไรครับ เคยดูรูปจากกูเกิ้ลจนเห็นเกือบทุกซอกแล้ว ไว้รอบหน้าค่อยมาซ้ำอีกที ว่าแล้วก็เริ่มเข้าห้องหมายเลข 7 เดินไปจนครบ จากนั้นก็เดินดูภายนอก ที่ภายนอกนี้มีงานศิลปะจัดวาง เก้าอี้สวย ๆ และยังมีโทรโข่ง (แล้วแต่จะให้คำจำกัดความกันนะครับผม) ที่เราสามารถพูดจากจุดที่เรายืนอยู่ ให้เสียงไปโผล่ยังปลายท่อที่อยู่ห่างออกไปได้ มีหลายคนลองเล่นดู (ลองนึกภาพถึงโทรศัพท์ถ้วยกระดาษที่เชื่อมกันด้วยเส้นด้ายนะครับ น่าจะหลักการเดียวกัน แต่ไม่ได้ใช้ด้ายเป็นตัวเชื่อมเสียง แต่เป็นตัวท่อที่ฝังอยู่ใต้ดิน)
: ภาพที่ถ่ายจากภายนอกห้องแสดงงาน
ที่นี่มีงานศิลปะที่แปลกตาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะให้ได้เสพกันอย่างอิ่มหนำ มีหลาย ๆ งานที่เรียกว่า สร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้แก่ตัวผมเองด้วยครับ บางครั้งก็คิดไปว่า ผู้ที่สร้างงานศิลปะเหล่านี้ คิดงานออกมาได้อย่างไร อะไรเป็นสาเหตุหลัก อะไรเป็นสาเหตุรอง ได้แรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจจากอะไร ตอนที่ตั้งคำถามพวกนี้ก็ตอนที่เดินวนดูอยู่นั่นแหละครับ หมดจากที่นี่ก็ออกไปหาข้าวปลาอาหารทานแล้วล่ะครับผม ไม่เร่งไม่รีบ ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ มอง มองนาน ๆ จะได้เห็นอะไรได้มากขึ้น เนื่องจากทริปนี้ที่มาความตั้งใจแรกเลยคือ จะมาเยี่ยมเยือนรุ่นพี่กับแฟนของเขาที่มาเรียนต่อที่นี่ และก็หาเรื่องมาลองกล้องใหม่อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นน่ะครับผม เรียกว่าให้เจ้าถิ่นพาเที่ยวกันเลย ฝากความหวังทั้งหลายไว้ในกำมือรุ่นพี่ที่เคารพเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็เดินตามล่ะครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ สมองไม่ต้องคิด ตาดู หูฟัง เท้าเดิน เป็นพอ สบาย ๆ ตามสไตล์ผมเลย
: งานที่แสดงอยู่ในห้องต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์ที่นี่ครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามต่อได้จาก https://www.kanazawa21.jp/en/ นะครับ