รองเท้ารุ่นนี้ มันดีมากจนต้องแย่งกันขนาดนี้เลยหรือคะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000010860
จากกรณีที่วานนี้ (30 มกราคม 2559) เกิดเหตุการณ์ผู้คนจำนวนมากแห่แหนกันแย่งซื้อรองเท้าอาดิดาสที่ร้านอาดิดาส ออริจินัลส์ คอนเซ็ปท์ สโตร์ ชั้น จี สยามเซ็นเตอร์ กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งเกิดความวุ่นวายโดยมีคนล้มเป็นลม และกระจกร้านแตก ทำให้ทางร้านอาอิดาสต้องสั่งปิดการขายพิเศษนี้ทันที ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์อย่างมากว่าการแย่งกันซื้อของโดยไร้ระเบียบวินัยดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับ "ผีซอมบี้" ในหนังของฮอลลีวูดเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงที่มาที่ไปของกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า เหตุการณ์ที่ทางร้านอาดิดาสสาขาสยามเซ็นเตอร์ ได้เปิดขายรองเท้ารุ่นใหม่ adidas NMD R1 หรือรุ่น นอร์แมด เป็นวันแรก พร้อมกันกับทั่วโลก โดยที่ประเทศไทย มีสิทธิ์จำหน่ายเพียงไม่กี่คู่เท่านั้นสำหรับรุ่นลิมิเต็ดนี้ ราคาจำหน่ายปลีก 6,900 บาท โดยจำนวนหนึ่งคือ 50 คู่ มีวางจำหน่ายที่ร้านอาดิดาสที่สาขาสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งปรากฎว่ามีบรรดาแฟนคลับที่หวังซื้อไปสะสม และพ่อค้าแม่ค้าหัวใสที่หวังมาซื้อไปขายต่อ รู้ข่าวก็มาต่อคิวกันยาวตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 29 มกราคมแล้ว ขณะที่สาขาอื่นที่มีจำหน่ายรุ่นนี้ของอาดิดาสอีกคือ สาขานิมมานเหมินทร์ เชียงใหม่, ร้านคาร์นิวัล สยามสแควร์ซอย 7 และ shop.adidas.co.th เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่รองเท้าดังกล่าวที่มีราคาขายปลีก 6,900 บาท ปรากฎว่าเมื่อสินค้าดังกล่าวมีจำนวนจำกัด ทำให้มีการปั่นกระแสขายต่อขึ้นไปสูงถึง 15,000 บาทต่อคู่ ทำให้ในช่วงเช้าวันที่ 30 มกราคม เมื่อถึงเวลา 10.00 น. ทันทีที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์เปิดบริการ ผู้คนจำนวนมากก็วิ่งกรูกันเข้าไปหาร้านอาดิดาสทันที เพื่อแย่งกันซื้อ จนทำให้เกิดความวุ่นวาย ลูกค้ารายอื่นต่างตกใจกันใหญ่เพราะไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น ปรากฏว่าเมื่อทางร้านเปิดบริการและเปิดขายรองเท้ารุ่นดังกล่าว ก็เกิดการกระทบกระทั่ง เบียดเสียด แย่งกัน เหมือนกับแจกรองเท้าฟรีเลยก็ว่าได้ ซึ่งคนก็แน่นร้าน เจ้าหน้าที่ของร้านก็พยายามที่จะรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสความต้องการของคนไทยที่บ้าคลั่งกลุ่มนี้ได้ และร้านเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะวุ่นวายขนาดนี้
เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ ทางร้านก็มองแล้วว่าไม่สามารถควบคุมได้ จึงได้ประกาศขอปิดการขายก่อน และประกาศว่าจะหยุดพักชั่วคราว ไม่ขายแล้ว ขอให้ลูกค้าออกจากร้านก่อน ซึ่งในช่วงที่ชุลมุนนี้เมื่อร้านได้ปิดประตู ก็ยังมีผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดอยู่หน้าร้านไม่กลับไปไหน เบียดกันจนกระจกร้านแตก มีเสียงคนตะโกนบอกขอยาดมหน่อยมีคนล้มเป็นลมหน้าร้าน มีเสียงคนตะโกนว่า แค่รองเท้าคู่เดียวอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน และอื่นๆ
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ของสยามเซ็นเตอร์ก็เข้าไปช่วย เพื่อแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาและจัดการระบบใหม่ให้ สุดท้ายทางร้านอาดิาดาส จึงใช้วิธีใหม่ด้วยการจับฉลาก โดยให้ผู้สนใจหย่อนชื่อลงไปในกล่อง เมื่อทางร้านหยิบชื่อใครขึ้นมาได้ ผู้นั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้ซื้อรองเท้าอาดิดาสรุ่นดังกล่าวนี้ ทุกอย่างจึงพอจะสงบลงได้บ้าง ซึ่งพอถึงช่วงบ่ายก็สามารถจับฉลากได้เสร็จเรียบร้อย แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ได้สิทธิ์จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอีก ระยะหนึ่งเพราะผิดหวังกับวิธีแก้ไขนี้เพราะตนไม่ได้ซื้อรองเท้าตามที่ต้องการ
กรณีที่เกิดขึ้นนอกจากจะสะท้อนเรื่องการขาดวินัยของผู้คนในสังคมไทยแล้ว ยังเป็นบทเรียนให้ผู้ประกอบการต่างๆ ในการจัดการกับลูกค้าในสภาพการณ์พิเศษ เช่น ลดราคา, จำหน่ายสินค้ารุ่นพิเศษ, เชิญดารา-แขกพิเศษมางานอีเวนต์ ฯลฯ อีกด้วย
บทสรุป "ซอมบี้" แย่งซื้อรองเท้าอาดิดาส คือ จับสลาก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000010860
จากกรณีที่วานนี้ (30 มกราคม 2559) เกิดเหตุการณ์ผู้คนจำนวนมากแห่แหนกันแย่งซื้อรองเท้าอาดิดาสที่ร้านอาดิดาส ออริจินัลส์ คอนเซ็ปท์ สโตร์ ชั้น จี สยามเซ็นเตอร์ กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งเกิดความวุ่นวายโดยมีคนล้มเป็นลม และกระจกร้านแตก ทำให้ทางร้านอาอิดาสต้องสั่งปิดการขายพิเศษนี้ทันที ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์อย่างมากว่าการแย่งกันซื้อของโดยไร้ระเบียบวินัยดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับ "ผีซอมบี้" ในหนังของฮอลลีวูดเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงที่มาที่ไปของกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า เหตุการณ์ที่ทางร้านอาดิดาสสาขาสยามเซ็นเตอร์ ได้เปิดขายรองเท้ารุ่นใหม่ adidas NMD R1 หรือรุ่น นอร์แมด เป็นวันแรก พร้อมกันกับทั่วโลก โดยที่ประเทศไทย มีสิทธิ์จำหน่ายเพียงไม่กี่คู่เท่านั้นสำหรับรุ่นลิมิเต็ดนี้ ราคาจำหน่ายปลีก 6,900 บาท โดยจำนวนหนึ่งคือ 50 คู่ มีวางจำหน่ายที่ร้านอาดิดาสที่สาขาสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งปรากฎว่ามีบรรดาแฟนคลับที่หวังซื้อไปสะสม และพ่อค้าแม่ค้าหัวใสที่หวังมาซื้อไปขายต่อ รู้ข่าวก็มาต่อคิวกันยาวตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 29 มกราคมแล้ว ขณะที่สาขาอื่นที่มีจำหน่ายรุ่นนี้ของอาดิดาสอีกคือ สาขานิมมานเหมินทร์ เชียงใหม่, ร้านคาร์นิวัล สยามสแควร์ซอย 7 และ shop.adidas.co.th เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่รองเท้าดังกล่าวที่มีราคาขายปลีก 6,900 บาท ปรากฎว่าเมื่อสินค้าดังกล่าวมีจำนวนจำกัด ทำให้มีการปั่นกระแสขายต่อขึ้นไปสูงถึง 15,000 บาทต่อคู่ ทำให้ในช่วงเช้าวันที่ 30 มกราคม เมื่อถึงเวลา 10.00 น. ทันทีที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์เปิดบริการ ผู้คนจำนวนมากก็วิ่งกรูกันเข้าไปหาร้านอาดิดาสทันที เพื่อแย่งกันซื้อ จนทำให้เกิดความวุ่นวาย ลูกค้ารายอื่นต่างตกใจกันใหญ่เพราะไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น ปรากฏว่าเมื่อทางร้านเปิดบริการและเปิดขายรองเท้ารุ่นดังกล่าว ก็เกิดการกระทบกระทั่ง เบียดเสียด แย่งกัน เหมือนกับแจกรองเท้าฟรีเลยก็ว่าได้ ซึ่งคนก็แน่นร้าน เจ้าหน้าที่ของร้านก็พยายามที่จะรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสความต้องการของคนไทยที่บ้าคลั่งกลุ่มนี้ได้ และร้านเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะวุ่นวายขนาดนี้
เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ ทางร้านก็มองแล้วว่าไม่สามารถควบคุมได้ จึงได้ประกาศขอปิดการขายก่อน และประกาศว่าจะหยุดพักชั่วคราว ไม่ขายแล้ว ขอให้ลูกค้าออกจากร้านก่อน ซึ่งในช่วงที่ชุลมุนนี้เมื่อร้านได้ปิดประตู ก็ยังมีผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดอยู่หน้าร้านไม่กลับไปไหน เบียดกันจนกระจกร้านแตก มีเสียงคนตะโกนบอกขอยาดมหน่อยมีคนล้มเป็นลมหน้าร้าน มีเสียงคนตะโกนว่า แค่รองเท้าคู่เดียวอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน และอื่นๆ
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ของสยามเซ็นเตอร์ก็เข้าไปช่วย เพื่อแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาและจัดการระบบใหม่ให้ สุดท้ายทางร้านอาดิาดาส จึงใช้วิธีใหม่ด้วยการจับฉลาก โดยให้ผู้สนใจหย่อนชื่อลงไปในกล่อง เมื่อทางร้านหยิบชื่อใครขึ้นมาได้ ผู้นั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้ซื้อรองเท้าอาดิดาสรุ่นดังกล่าวนี้ ทุกอย่างจึงพอจะสงบลงได้บ้าง ซึ่งพอถึงช่วงบ่ายก็สามารถจับฉลากได้เสร็จเรียบร้อย แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ได้สิทธิ์จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอีก ระยะหนึ่งเพราะผิดหวังกับวิธีแก้ไขนี้เพราะตนไม่ได้ซื้อรองเท้าตามที่ต้องการ
กรณีที่เกิดขึ้นนอกจากจะสะท้อนเรื่องการขาดวินัยของผู้คนในสังคมไทยแล้ว ยังเป็นบทเรียนให้ผู้ประกอบการต่างๆ ในการจัดการกับลูกค้าในสภาพการณ์พิเศษ เช่น ลดราคา, จำหน่ายสินค้ารุ่นพิเศษ, เชิญดารา-แขกพิเศษมางานอีเวนต์ ฯลฯ อีกด้วย