28/09/58
V
v
ตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัว ออกมารับลมนอกห้อง อากาศดีมากกกก กินขนมปังรองท้องไป 1 ก้อน (ห่อมาจากร้านลุงอินเดียเมื่อคืน เพราะกินไม่หมด แต่รู้ว่าตอนเช้ามันต้องมีประโยชน์แน่ๆ) #เป็นผลๆ

เชคเอาท์ที่พัก จ่ายค่าเสียหายเรียบร้อย พร้อมออกไปรอลุงอินเดีย เพราะว่าจะข้ามฝั่งไปนากะสังพร้อมกัน

มีคนรอเหมือนเราเลย แต่เค้าน่าจะเป็นเรือของครอบครัวตัวเอง

ระหว่างรอลุงอินเดีย ร้านค้าแถวนั้นก็เปิดพอดี จัดไปซักป๋อง เติมพลังเพื่อไปต่อ ^^

และเวลาประมาณ 07.30 น. ลุงอินเดียก็มาตามนัด พร้อมมีเรือโดยสารชาวบ้านจอดรออยู่ ลุงอินเดียแกนั่งทุกวัน ผมก็เลยไม่ได้ถามค่าโดยการก่อนขึ้น ก็คงจะ 15,000 กีบ ตามลุงอินเดียบอก

ตอนเช้าๆ บรรยากาศชิลๆไป

อ้าว!! เชรดดดด เรือตาลุงนี่รั่วหรอ นั่งขับไปวิดน้ำไป หรืออาจจะเป็นกูที่ตัวหนักไป น้ำเลยดันเข้าเรือเร็วไปหน่อย 5555

พอมาถึงฝั่งเท่านั้นแหละ ผมก็ควักกระเป๋าตังค์จ่ายค่าเสียหาย ยื่นให้Eตาลุงนี่ไป 15,000 กีบ
ลุงเฮงซวย : บ่ๆๆ 40,000 กีบ
ผม : อึ้งไป 5 วิ โหลุง!! 40,000 กีบเลยหรอ? 20,000 กีบ ได้มั้ยครับ
ลุงเฮงซวย : บ่ๆๆ บ่ดั้ย
ลุงอินเดีย : เห็นใจน้องเค้าหน่อยได้บ่ พอดีน้องมาเที่ยว คนไทยๆๆ เพื่อนบ้านเราเอง
ลุงเฮงซวย : บ่ๆๆ 40,000 กีบ!!
ผม : หัวแบะแล้วกู แบบผ่าซีกเลยอ่ะ หมดตูดเลยเงินที่แลกมา เหลือติดตัวแค่ 2,000 กีบ (ไม่ถึง 10 บาท)
>> ลุงอินเดียก็พาผมไปแลกตังค์ร้านค้า เรทต่ำนิดนึง แต่ไม่เป็นไรเอาไว้จ่ายค่ารถไปปากเซ ลุงอินเดียก็บอกว่าเกินไปนะ ไม่น่าทำกับนักท่องเที่ยวแบบนี้เลย คนไทยอยู่ใกล้ๆกันนี่เองนะ คุยกันไปยาวๆๆๆ

ระหว่างเดินไปตามทาง ผมแวะถ่ายรูป ลุงแกก็ยืนรอ เพราะลุงจะไปส่งขึ้นรถ^^

แล้วรถก็กำลังจะออกพอดี เส้นทาง นากะสัง-ปากเซ ระยะทาง 144 กิโลเมตร ได้นั่งหน้าอีกแล้วคู่กับคนขับเลย ราคาตั๋ว 40,000 กีบ(เท่ากับตอนนั่งเรื่อข้ามฟากเมื่อกี้เลย 555) คนขับก็ชวนคุย ถามผมว่าไปเที่ยวไหนมาบ้าง ไปน้ำตกคอนพะเพ็งมาหรือยัง สวยกว่าหลี่ผีอีกนะ ถือว่าที่นี่สุดยอดที่สุดแล้ว อ่าววววว..... ผมไม่ได้ไป 5555 แอบเสียดายนิดๆ เอาไว้โอกาสหน้าครับ ปล.ลุงอินเดียคนนี้ใจดีมาก ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวดอนเดด ก็แวะไปทานอาหารร้านแกได้นะ ชื่อร้านจัสมิน โดยส่วนตัวผมคิดว่าแกเคยอยู่เมืองไทย แกน่าจะผูกพันธ์กับประเทศไทยไม่มากก็น้อย เวลามีคนไทยไปเที่ยวแกก็เลยให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ขอบคุณลุงอีกครั้งครับ ^^

ถนนเส้นนี้ถูกใช้งานร่วมกันในตอนเช้า ทั้งรถ ทั้งสัตว์ นักเรียน อาจจะดูเกะกะลูกหูลูกตาไปบ้าง แต่นี่คือวิถีชีวิตของบ้านเค้าครับ

มาถึงปากเซ เหมือเดิมคือรถไม่เข้าไปในตัวเมือง รถจะจอดที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหลัก8 ผมต้องต่อสามล้อเข้าไปในเมืองอีกที

พี่แกใจดี ยกกระเป๋าให้พร้อมเลย ราคาค่าโดยสาร 10,000 กีบ(ถือว่าโอเค ราคาปกติ)

รถจอดส่งผมแค่ตลาดดาวเรือง ผมก็เลยเดินเที่ยวเล่นๆ ดูไรไปเรื่อยเปื่อย

จริงๆแล้วตลาดดาวเรืองก็เหมือนตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านเรานี่ล่ะครับ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นให้ดูมากมาย แต่จะเป็นตลาดที่ใหญ่มาก คนเยอะมาก ถ้าไม่มีกงการอะไรที่จำเป็น หรือถ้าไม่คิดจะไปซื้อหมู ซื้อหมาก ก็ไม่ต้องเข้าไปหรอกครับ พื้นลื่นมากกกก ระวังหัวแตก!! 555

เห็นถังปลาร้าแล้วไม่กล้ากินเลย มันใหญ่เกินไป 555

งานคนแก่ งานเคี้ยวก็มี

งานบุญก็มา

ผม : พี่ครับ!! ส้มโอขายยังไงครับ
แม่ค้า : 50 บาท (แล้วเบินปากใส่)

>> ไม่กงไม่กินแม่มละ ดูปากนางดิ เหวี่ยงกูสุดยอดอ่ะ 5555

บ่ายโมงแล้ว ท้องเริ่มร้องหิวละ ผมเดินออกจากตลาดดาวเรือง มุ่งหน้าไปร้านกาแฟดาวเรืองร้านเดิม ข้างๆร้านกาแฟก็จะมีวุฒิศักดิ์ มาเป๊ะกันถึงปากเซเลยทีเดียวเชียว

ตรงข้ามก็จะเป็นโรงแรม(ชื่ออะไร อันนี้ก้ไม่ได้จำมาครับ 555)

หิวๆ สั่งอาหารตามรูปได้เลย ชี้ๆๆ เรียกว่าอะไรก้ไม่รู้

แต่อร่อยมาก

เห็นไอ่เจ้านี่ก็นึกอยากจะกินเบอเกอร์ขึ้นมาทันที สีสันในรูปน่ากินมาก ผมก็คิดว่ามันคงจะเป็นเบอเกอร์ลาว รสชาติน่าจะแซบอยู่ เลยสั่งมา 1 ชุด

คือยังจะให้อธิบายอยู่มั้ยครับ? กดมีดไปครั้งแรก สัมผัสได้ถึงความแข็งและเหนียวมากกกกกก ซ้อมก็จิ้มไม่ลง!! ไส้มันเหมือนตับบด ผสมอะไรมั่งก็ไม่รู้สีดำๆ กลิ่นทะ

ๆ เข้าปากคำแรกอ้วกแทบพุ่ง เอาล่ะขอไม่พูดต่อ ใครอยากลองเชิญสั่งได้ตามสบาย บางคนเค้าอาจจะอร่อยก็ได้นะ สำหรับผมคงแพ้อาหารเมนูนี้จริงๆ 5555

กินเสร็จเชคบิลทันที!! ณ เวลานี้คือ บ่าย 2 โมง รีบกวักสามล้อไปโรงแรมไพดาว เพราะมีแพลนจะไปเที่ยววัดพูต่อเลย

ถึงโรงแรมไพดาวแล้ว โรงแรมก็อยู่ใกล้ๆกับโรงแรมลานคำที่ผมพักคืนแรกแหละครับ ใกล้ๆร้านเช่ามอไซค์มิสหน่อยเลย โดยผมจองผ่านอะโกด้าไว้ครับ เชคอิน รับกุญแจเรียบร้อย

ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า สดชื่นขึ้นมาได้หน่อย >>สภาพห้องโอเค

ห้องน้ำก็น่าใช้

เปิดทีวีปุ๊ป งาน คสช. ก็มา^^

ผมเผลอหลับไปงีบนึง ตกใจตื่นขึ้นมาตอนบ่าย 3 โมง เลยรีบลงไปเช่ามอไซค์ที่ร้านมิสหน่อย เพื่อที่จะแว๊นไปวัดพู จากตัวเมืองปากเซไปเป็นระยะทาง 40 กว่ากิโลเมตร

ถึงสพานมิตรภาพ ลาว-ญี่ปุ่น หันหลังกลับไป โอ้วววว..... นี่คือคฤหาสน์ ของเจ้าของกาแฟดาวนะครับ (เอิ้นด๋าวกะดั้ย)

ข้างถนนหนทางก็จะมีร้านเบียร์ คาราโอเกะแบบบ้านๆ อยู่ตลอดทาง

คืออะไร มืดมาอีกแล้วววว อย่าเพิ่งตกสิครับ ขอเวลาห่อกล้องแปป ><

ฟ้าเริ่มเปิด

ยาวไปๆ วัดพูยังอีกไกลครับ

โรงเรียนชนบทของลาวก็ยังเป็นสภาพนี้อยู่ มีห้องเรียน 5 ห้อง(แบบก่ออิฐไม่ฉาบปูน) มอไซค์ครูจอดอยู่คนละคันๆใต้ต้นไม้ ป้ายโรงเรียนยังคงเป็นป้ายไม้แบบคลาสสิค

แล้วฝนแม่มก็ตกจริงๆ ผมเลยถือโอกาสแวะร้านอาหารข้างทางซะเลย

บอกว่าเอาก๋วยเตี๋ยว ใส่แป้งนัว(ผงชูรส)นิดเดียวครับ ผลที่ได้ก็ออกมาตามภาพที่เห็นครับ(ใช้เวลาทำไป 40 นาที ผมกินไปแค่ 3 คำ) และก็นั่งรอฝนหยุดตก เวลาก็ปาไป 4 โมงเย็นแล้ว

ฟ้าเปิดแล้วไปต่อๆ อีกไม่ไกลจะถึงวัดพูแล้ว!! ผ่านทุ่งนาเหลืองอร่าม

ถึงแล้วค้าบบบบ... ที่นี่มรดกโลกวัดพู

จ่ายค่าจอดรถไป 5,000 กีบ และบัตรเข้าชมวัดพูอีก 50,000 กีบ(แพงฝัดๆ)

พิพิธภัณฑ์ เกือบจะปิดพอดี

มีรถรับส่งไปวัดพูด้วยนะ ซึ่งอยู่ตรงภูเขาด้านหลังนู่นนนน

นี่แหละครับ "วัดพู''
เป็นศิลปะแบบเขมร

ใครมาต้องยืนถ่ายรูปตรงนี้(สังเกตตรงดินโล่งๆ 555)

ขึ้นไปชั้นบนสุด แล้วถ่ายภาพลงมาก็จะเห็นวิวอันสวยงามเช่นนี้ครับ ท่านผู้โชมมม^^


5 โมงเย็นกว่าแล้ว รีบกลับๆๆ แว๊นไปคนเดียวเดี๋ยวมืด อันตราย(แกล้งกลัวไปงั้นแหละครับ 555)

แวะเติมน้ำมัน 20,000 กีบ เดี๋ยวไปไม่ถึงปากเซ งานเข้าอีก

ถึงทางแยกถนนใหญ่ก็ค่ำพอดีเลยเว้ย

วิวสวยๆจากบนสะพานมิตรภาพ ลาว-ญี่ปุ่น
**มีต่อ**
[CR] เฟี้ยวฟ้าวปากเซ แบกเป้ไปคนเดียว [4]
V
v
ตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัว ออกมารับลมนอกห้อง อากาศดีมากกกก กินขนมปังรองท้องไป 1 ก้อน (ห่อมาจากร้านลุงอินเดียเมื่อคืน เพราะกินไม่หมด แต่รู้ว่าตอนเช้ามันต้องมีประโยชน์แน่ๆ) #เป็นผลๆ
เชคเอาท์ที่พัก จ่ายค่าเสียหายเรียบร้อย พร้อมออกไปรอลุงอินเดีย เพราะว่าจะข้ามฝั่งไปนากะสังพร้อมกัน
มีคนรอเหมือนเราเลย แต่เค้าน่าจะเป็นเรือของครอบครัวตัวเอง
ระหว่างรอลุงอินเดีย ร้านค้าแถวนั้นก็เปิดพอดี จัดไปซักป๋อง เติมพลังเพื่อไปต่อ ^^
และเวลาประมาณ 07.30 น. ลุงอินเดียก็มาตามนัด พร้อมมีเรือโดยสารชาวบ้านจอดรออยู่ ลุงอินเดียแกนั่งทุกวัน ผมก็เลยไม่ได้ถามค่าโดยการก่อนขึ้น ก็คงจะ 15,000 กีบ ตามลุงอินเดียบอก
ตอนเช้าๆ บรรยากาศชิลๆไป
อ้าว!! เชรดดดด เรือตาลุงนี่รั่วหรอ นั่งขับไปวิดน้ำไป หรืออาจจะเป็นกูที่ตัวหนักไป น้ำเลยดันเข้าเรือเร็วไปหน่อย 5555
พอมาถึงฝั่งเท่านั้นแหละ ผมก็ควักกระเป๋าตังค์จ่ายค่าเสียหาย ยื่นให้Eตาลุงนี่ไป 15,000 กีบ
ลุงเฮงซวย : บ่ๆๆ 40,000 กีบ
ผม : อึ้งไป 5 วิ โหลุง!! 40,000 กีบเลยหรอ? 20,000 กีบ ได้มั้ยครับ
ลุงเฮงซวย : บ่ๆๆ บ่ดั้ย
ลุงอินเดีย : เห็นใจน้องเค้าหน่อยได้บ่ พอดีน้องมาเที่ยว คนไทยๆๆ เพื่อนบ้านเราเอง
ลุงเฮงซวย : บ่ๆๆ 40,000 กีบ!!
ผม : หัวแบะแล้วกู แบบผ่าซีกเลยอ่ะ หมดตูดเลยเงินที่แลกมา เหลือติดตัวแค่ 2,000 กีบ (ไม่ถึง 10 บาท)
>> ลุงอินเดียก็พาผมไปแลกตังค์ร้านค้า เรทต่ำนิดนึง แต่ไม่เป็นไรเอาไว้จ่ายค่ารถไปปากเซ ลุงอินเดียก็บอกว่าเกินไปนะ ไม่น่าทำกับนักท่องเที่ยวแบบนี้เลย คนไทยอยู่ใกล้ๆกันนี่เองนะ คุยกันไปยาวๆๆๆ
ระหว่างเดินไปตามทาง ผมแวะถ่ายรูป ลุงแกก็ยืนรอ เพราะลุงจะไปส่งขึ้นรถ^^
แล้วรถก็กำลังจะออกพอดี เส้นทาง นากะสัง-ปากเซ ระยะทาง 144 กิโลเมตร ได้นั่งหน้าอีกแล้วคู่กับคนขับเลย ราคาตั๋ว 40,000 กีบ(เท่ากับตอนนั่งเรื่อข้ามฟากเมื่อกี้เลย 555) คนขับก็ชวนคุย ถามผมว่าไปเที่ยวไหนมาบ้าง ไปน้ำตกคอนพะเพ็งมาหรือยัง สวยกว่าหลี่ผีอีกนะ ถือว่าที่นี่สุดยอดที่สุดแล้ว อ่าววววว..... ผมไม่ได้ไป 5555 แอบเสียดายนิดๆ เอาไว้โอกาสหน้าครับ ปล.ลุงอินเดียคนนี้ใจดีมาก ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวดอนเดด ก็แวะไปทานอาหารร้านแกได้นะ ชื่อร้านจัสมิน โดยส่วนตัวผมคิดว่าแกเคยอยู่เมืองไทย แกน่าจะผูกพันธ์กับประเทศไทยไม่มากก็น้อย เวลามีคนไทยไปเที่ยวแกก็เลยให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ขอบคุณลุงอีกครั้งครับ ^^
ถนนเส้นนี้ถูกใช้งานร่วมกันในตอนเช้า ทั้งรถ ทั้งสัตว์ นักเรียน อาจจะดูเกะกะลูกหูลูกตาไปบ้าง แต่นี่คือวิถีชีวิตของบ้านเค้าครับ
มาถึงปากเซ เหมือเดิมคือรถไม่เข้าไปในตัวเมือง รถจะจอดที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหลัก8 ผมต้องต่อสามล้อเข้าไปในเมืองอีกที
พี่แกใจดี ยกกระเป๋าให้พร้อมเลย ราคาค่าโดยสาร 10,000 กีบ(ถือว่าโอเค ราคาปกติ)
รถจอดส่งผมแค่ตลาดดาวเรือง ผมก็เลยเดินเที่ยวเล่นๆ ดูไรไปเรื่อยเปื่อย
จริงๆแล้วตลาดดาวเรืองก็เหมือนตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านเรานี่ล่ะครับ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นให้ดูมากมาย แต่จะเป็นตลาดที่ใหญ่มาก คนเยอะมาก ถ้าไม่มีกงการอะไรที่จำเป็น หรือถ้าไม่คิดจะไปซื้อหมู ซื้อหมาก ก็ไม่ต้องเข้าไปหรอกครับ พื้นลื่นมากกกก ระวังหัวแตก!! 555
เห็นถังปลาร้าแล้วไม่กล้ากินเลย มันใหญ่เกินไป 555
งานคนแก่ งานเคี้ยวก็มี
งานบุญก็มา
ผม : พี่ครับ!! ส้มโอขายยังไงครับ
แม่ค้า : 50 บาท (แล้วเบินปากใส่)
>> ไม่กงไม่กินแม่มละ ดูปากนางดิ เหวี่ยงกูสุดยอดอ่ะ 5555
บ่ายโมงแล้ว ท้องเริ่มร้องหิวละ ผมเดินออกจากตลาดดาวเรือง มุ่งหน้าไปร้านกาแฟดาวเรืองร้านเดิม ข้างๆร้านกาแฟก็จะมีวุฒิศักดิ์ มาเป๊ะกันถึงปากเซเลยทีเดียวเชียว
ตรงข้ามก็จะเป็นโรงแรม(ชื่ออะไร อันนี้ก้ไม่ได้จำมาครับ 555)
หิวๆ สั่งอาหารตามรูปได้เลย ชี้ๆๆ เรียกว่าอะไรก้ไม่รู้
เห็นไอ่เจ้านี่ก็นึกอยากจะกินเบอเกอร์ขึ้นมาทันที สีสันในรูปน่ากินมาก ผมก็คิดว่ามันคงจะเป็นเบอเกอร์ลาว รสชาติน่าจะแซบอยู่ เลยสั่งมา 1 ชุด
คือยังจะให้อธิบายอยู่มั้ยครับ? กดมีดไปครั้งแรก สัมผัสได้ถึงความแข็งและเหนียวมากกกกกก ซ้อมก็จิ้มไม่ลง!! ไส้มันเหมือนตับบด ผสมอะไรมั่งก็ไม่รู้สีดำๆ กลิ่นทะ
กินเสร็จเชคบิลทันที!! ณ เวลานี้คือ บ่าย 2 โมง รีบกวักสามล้อไปโรงแรมไพดาว เพราะมีแพลนจะไปเที่ยววัดพูต่อเลย
ถึงโรงแรมไพดาวแล้ว โรงแรมก็อยู่ใกล้ๆกับโรงแรมลานคำที่ผมพักคืนแรกแหละครับ ใกล้ๆร้านเช่ามอไซค์มิสหน่อยเลย โดยผมจองผ่านอะโกด้าไว้ครับ เชคอิน รับกุญแจเรียบร้อย
ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า สดชื่นขึ้นมาได้หน่อย >>สภาพห้องโอเค
ห้องน้ำก็น่าใช้
เปิดทีวีปุ๊ป งาน คสช. ก็มา^^
ผมเผลอหลับไปงีบนึง ตกใจตื่นขึ้นมาตอนบ่าย 3 โมง เลยรีบลงไปเช่ามอไซค์ที่ร้านมิสหน่อย เพื่อที่จะแว๊นไปวัดพู จากตัวเมืองปากเซไปเป็นระยะทาง 40 กว่ากิโลเมตร
ถึงสพานมิตรภาพ ลาว-ญี่ปุ่น หันหลังกลับไป โอ้วววว..... นี่คือคฤหาสน์ ของเจ้าของกาแฟดาวนะครับ (เอิ้นด๋าวกะดั้ย)
ข้างถนนหนทางก็จะมีร้านเบียร์ คาราโอเกะแบบบ้านๆ อยู่ตลอดทาง
คืออะไร มืดมาอีกแล้วววว อย่าเพิ่งตกสิครับ ขอเวลาห่อกล้องแปป ><
ฟ้าเริ่มเปิด
ยาวไปๆ วัดพูยังอีกไกลครับ
โรงเรียนชนบทของลาวก็ยังเป็นสภาพนี้อยู่ มีห้องเรียน 5 ห้อง(แบบก่ออิฐไม่ฉาบปูน) มอไซค์ครูจอดอยู่คนละคันๆใต้ต้นไม้ ป้ายโรงเรียนยังคงเป็นป้ายไม้แบบคลาสสิค
แล้วฝนแม่มก็ตกจริงๆ ผมเลยถือโอกาสแวะร้านอาหารข้างทางซะเลย
บอกว่าเอาก๋วยเตี๋ยว ใส่แป้งนัว(ผงชูรส)นิดเดียวครับ ผลที่ได้ก็ออกมาตามภาพที่เห็นครับ(ใช้เวลาทำไป 40 นาที ผมกินไปแค่ 3 คำ) และก็นั่งรอฝนหยุดตก เวลาก็ปาไป 4 โมงเย็นแล้ว
ฟ้าเปิดแล้วไปต่อๆ อีกไม่ไกลจะถึงวัดพูแล้ว!! ผ่านทุ่งนาเหลืองอร่าม
ถึงแล้วค้าบบบบ... ที่นี่มรดกโลกวัดพู
จ่ายค่าจอดรถไป 5,000 กีบ และบัตรเข้าชมวัดพูอีก 50,000 กีบ(แพงฝัดๆ)
พิพิธภัณฑ์ เกือบจะปิดพอดี
มีรถรับส่งไปวัดพูด้วยนะ ซึ่งอยู่ตรงภูเขาด้านหลังนู่นนนน
นี่แหละครับ "วัดพู''
เป็นศิลปะแบบเขมร
ใครมาต้องยืนถ่ายรูปตรงนี้(สังเกตตรงดินโล่งๆ 555)
ขึ้นไปชั้นบนสุด แล้วถ่ายภาพลงมาก็จะเห็นวิวอันสวยงามเช่นนี้ครับ ท่านผู้โชมมม^^
5 โมงเย็นกว่าแล้ว รีบกลับๆๆ แว๊นไปคนเดียวเดี๋ยวมืด อันตราย(แกล้งกลัวไปงั้นแหละครับ 555)
แวะเติมน้ำมัน 20,000 กีบ เดี๋ยวไปไม่ถึงปากเซ งานเข้าอีก
ถึงทางแยกถนนใหญ่ก็ค่ำพอดีเลยเว้ย
วิวสวยๆจากบนสะพานมิตรภาพ ลาว-ญี่ปุ่น
**มีต่อ**