
สวัสดีค่ะ

วันนี้อยากมาแชร์ปสก.การเรียนภาษาที่ต่างประเทศ ~ ขอแทรกรูปต่างๆในประเทศนี้ด้วยนะคะ

*อ่อ อันนี้ล็อคอินแฟนนะคะ ^^ แท็กผิดยังไงขอโทษล่วงหน้าค่ะ ๑.๑//
ก่อนอื่นขอแบ่งเป็นหัวข้อก่อนนะ ^_^/
• อยากไปเรียนต่างประเทศควรเลือกประเทศไหนดี/เอเจนซี่ไหนดี?
• บินแบบต่อเครื่องต้องทำอย่างไรบ้าง?
• ไปแล้วได้ภาษาจริงไหม?
• การต่อวีซ่าของประเทศไอร์แลนด์ เมืองดับบลิน
• สังคม/คนดับบลินเป็นเป็นยังไง?
• อยู่กับโฮสแฟมิลี่เป็นอย่างไร?
ก่อนเข้าหัวข้อขอนอกเรื่องก่อนนะคะ (แฮร่ ต้องเกริ่นก่อนๆ)
ตอนนี้บอกก่อนว่า จขกท.อยู่ ไอร์แลนด์ เมืองดับบลินค่ะ อากาศที่นี่หนาวเย็นมากกกกก แต่คนที่นี่บางคนว่าเย็นธรรมดา
ตอนแรกที่เลือกเมืองนี้บอกเลยว่า คิดว่าเป็นฤดูหนาวจะมีแบบหิมะตกฟรุ้งฟริ้งเหมือนในหนัง >.< (โหะๆ)
แต่พอมาถึง ....แบบ คนละเรื่องเลยจ้าาา ฝนตกเกือบทุกวัน เราพลาดสภาพอากาศแล้ว ^^;; ก็ลุยเอาดาบหน้า (เฮ้+.+)
ตอนแรกๆ ก็ปรับตัวเรื่องอากาศพอสมควรค่ะ เพราะเป็นคนไม่ชอบฝน ไม่ชอบอะไรแฉะๆ -^-
แต่แบบมาที่นี่เจอทุกรูปแบบ ฝน ลม น้ำแข็ง ยกเว้น อากาศร้อน >,<
มาๆเริ่มหัวข้อแรกกันดีกว่า 
• อยากไปเรียนต่างประเทศควรเลือกประเทศไหนดี?
เคยเป็นคนตั้งคำถามนี้กับตัวเองก่อนที่จะมาเรียนที่นี่ ว่า"ไปเรียนภาษาตูจะไปประเทศไรดีอ่ะ?? -_-;;"
จะเลือกอเมริกา ก็ไม่ชอบ จะไปแคนาดา ออสเตรีย ก็รู้สึกว่าช่วงนี้คนไทยเริ่มไปเยอะ ไม่รู้คิดไปเองไหม? เลยลองจำกัดขอบเขตทวีปก่อนว่า เราอยากไปทวีปไหน โซนอเมริกา หรือ โซนยูโรป หรือ โซนไหน ....จนมาสรุปได้ที่โซนยุโรป!!!
ต่อจากโซน เราก็มาดูต่อว่า ประเทศอะไรดีล่ะ .... ก่อนอื่นดูด้วยว่าเราไปเรียนภาษาแบบไหน ไปแบบติดต่อเองอะไรเองหมดเลย หรือ ผ่านเอเจนซี่?? ในกรณีของจขกท. ไปผ่านเอเจนซี่ค่ะ

เพราะฉะนั้น เอเจนซี่เป็นคนดำเนินเรื่องเอกสารวีซ่าให้ในช่วงแรก (หมายความว่า ในช่วงหลัง ดำเนินการเองค่ะ ) คือ ถ้าไปแบบติดต่อเองหมดเลย ไม่ทราบค่ะ แหะๆ แต่ถ้าผ่านเอเจนซี่ คุณต้องดูต่อว่า เอเจนซี่นั้นมีประเทศอะไรที่ให้เราสามารถเลือกไปเรียนได้บ้าง แล้วลองดูรีวิวเยอะๆว่า การเรียนที่นั่นที่เราอยากไปเป็นแบบไหน ฟี้ดแบ็คของคนไปมาแล้วดีไม๊? ถ้าดี แล้วไม่มีปัญหาก็ไปโลดจ้าาาา
ส่วนประเทศที่จขกท.เลือกนะคะ คือ ประเทศไอร์แลนด์ เมืองดับบลิน ค่ะ [อย่าสับสน ระหว่าง ไอร์แลนด์ กับ ไอซ์แลนด์นะคะ คนละประเทศเลย] เมื่อเราได้รับเอกสารแล้วก็ดูดีๆ สัปดาห์ที่เราจะไปเรียนตรงไหม วันหยุดฮอลิเดย์มีหรือไม่มียังไง จำนวนวันประกันครอบคลุมรึป่าว เพราะจขกท.พลาดเรื่องเอกสารเพราะดูไม่เป็น ทำให้มีปัญหานิดหน่อยตอนอยู่ต่างประเทศค่ะ
หัวข้อที่สอง
• บินแบบต่อเครื่องต้องทำอย่างไรบ้าง?
แฮร่ หัวข้อนี้ จขกท. เคยพยายามหาข้อมูลอยู่ แต่จะได้เห็นรีวิวประมาณว่า สนามบินนี้เป็นไง อะไรแบบนี้ แต่ที่จขกท.ต้องการคือ ต้องไปแลกตั๋วตรงไหน วิ่งเปลี่ยนเครื่องตรงไหน >< ลงจากเครื่องบินลำแรกแล้ว จะไปต่ออีกลำต้องขึ้นรถตรงไหน แบบนี้มากกว่า วันนี้เลยจะมารีวิวทรานเฟอร์เครื่องแบบนี้นะคะ
เอากรณีของจขกท.เป็นตย.เลยนะคะ การต่อเครื่องอาจมีหลายแบบ แบบพักเติมน้ำมันไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ที่เรียกว่า ทรานซิส กับ แบบเปลี่ยนเครื่องเลยที่เรียกว่า ทรานเฟอร์เครื่อง เคสนี้ของจขกท.เป็นเช็คอินตั้งแต่สุวรรณภูมิแล้วได้บอร์ดดิ้งพาสมา 2 ใบค่ะ
ดังนั้นตอนเปลี่ยนเครื่องสามารถไปที่ gate ขึ้นเครื่องได้เลย ส่วนกระเป๋าเดินทางเป็นส่ง แบบ check true คือ ส่งตรงถึงดับบลินเลย เพราะฉะนั้นตอนเปลี่ยนเครื่องจึงไม่ต้องไปรอรับกระเป๋า แต่สามารถไปที่ gate ที่จะทำการขึ้นเครื่องลำถัดไปได้เลยค่ะ ตอนที่คุยกับเอเจนซี่ ไอ้เราก็ไม่เคยเปลี่ยนเครื่องก็กังวล แต่เอเจนซี่ก็บอกแต่ไม่ต้องกังวลค่ะ แค่หาป้ายทรานซิส ทรานเฟอร์ แล้วไปตามป้ายก็โอเคแล้วค่ะ เราก็วางใจแต่ก็หาข้อมูลในเน็ตต่อไป ซึ่งก็ได้คล้าย ๆ กัน คือ มองหาป้ายแล้ววิ่งตามป้าย ไม่ยากหรอก.... แต่ประเด็นคือ ....
จขกท.ต่อเครื่องที่ดูไบค่ะ เครื่องบินดีเลย์ ตอนลงจากเครื่องก็ยังต้องรอรถต่ออีก (อ้อ...ตอนลงมาจะมีรถมารับเลยนะคะ ให้ดูป้ายว่าคันไหนจะไปต่อไหน อย่างของจขกท.ไปดับบลิน ก็ขึ้นคันที่ไปดับบลินค่ะ) ปัญหาคือ ตอนลงจากรถที่มารับเราที่เครื่องบิน กว่าจะวิ่งผ่าน สแกนสัมภาระ อีก กินเวลาโขจ้าาาา กว่าจะขึ้นข้างบน มองป้ายหาทรานซิส ทรานเฟอร์ ...
- ดั๊นนนนน...ป้ายมีภาษาอังกฤษจริง แต่ไม่มีคำว่า ทรานซิส ทรานเฟอร์!!! แมร่_เจ้าาา ตูจะตกเครื่องไม้เนี่ย!!! O.O;;
- มองบอร์ดดิ้งพาสใบที่ 2 ไม่บอก gate อีก !!! เชรี้_ แล้ว+ (แล้วคือเราได้ยินเขาประกาศเกี่ยวกับไฟล้ท์เราจะออกสักพักแล้วอ่ะ)
(อารมณ์ตอนนั้นเป็นอย่างงี้จริงนะคะ T-T)
- สิ่งถัดมาคือ ต้องมีสติ นะคะ -_- คิดได้ว่า ต้องรีบมองหาป้ายตารางไฟล้ท์บินเพราะยังไงตารางมันต้องโชว์ gate ที่ไฟล้ท์เราจะบิน
- กว่าจะเจอ วิ่งไปค่ะ ....วิ่งจนฝรั่งหันมองตาม 555+ อารมณ์ตอนนั้นไม่อายนะคะ กลัวตกเครื่องมากกว่า >< ปวด4ก็ต้องอั้นไว้ก่อน T,T
- สรุป gate ปิด 6.55 ไปถึง 6.54 ค่ะ โอยยยย คือแบบ ลิ้นห้อยมาก +=+
ตอนขึ้นไปนั่ง คนข้างๆเขาก็ถามนะคะ วิ่งมาหรอ เหนื่อยมากไหม? คงเห็นเราหอบแบบอย่างกับใกล้ตาย

เราก็ยิ้มอย่างเดียวจ้าาาา

บอก โอเค ๆ แต้งกิ้วๆ 5555
การเปลี่ยนเครื่องของ จขกท. เป็นแบบ สายการบินเดียวกัน แล้วไฟล้ท์ต่อกันเลย คือมีช่วงเปลี่ยนประมาณ ไม่เกิน 2 ชม. ทำให้ต้องรีบมากๆ ยิ่งตอนเครื่องบินดีเลย์นี่ลุ้นแทบตาย ขากลับนี่ก็ยังห่วงอยู่นะคะ 5555
หัวข้อถัดไป สาม กับ สี่ 
• ไปแล้วได้ภาษาจริงไหม?
• การต่อวีซ่าของประเทศไอร์แลนด์ เมืองดับบลิน
จขกท. เคยเป็นคนนึงที่ถามคำถามแบบนี้แล้วหาข้อมูล พร้อมทั้งได้รับคำตอบที่หลากหลายมากกลับมาแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะบินมาเรียนที่ตปท. ^^ ถ้าถามว่าการเรียนของตปท.เป็นอย่างไร ความเห็นส่วนตัวนะคะ มองว่าสนุกกว่าเรียนที่ไทย ครูที่นี่จะให้ทำแต่กิจกรรมและเล่นเกม แต่กิจกรรมและเกมนั้นถูกนำเนื้อหาที่จะสอนแทรกลงมาด้วย ทำให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเล่นเกมทำกิจกรรมมากกว่าการอ่านการเรียนในหนังสืออย่างเดียว ในที่นี้จขกท.ขอกล่าวแต่การเรียนการสอบในเรื่องของภาษาในสถาบันที่จขกท.มาเรียนอย่างเดียวนะคะ เนื่องจากการเรียนการสอนของมหาลัยหรือสถาบันอื่น จขกท.ไม่เคยไปเรียนมาก่อน ^^ (บางที่อาจจะสอนไม่เหมือนกันก็ได้)
ไปแล้วได้ภาษาจริงไม๊ ...? คำตอบนี่ จขกท. เคยได้รับมาว่า ไปสามเดือน ไม่ได้อะไรหรอก ต้องไปเป็นปี! ถามว่าที่คนอื่นตอบจริงไม๊ ส่วนตัวจขกท.มองว่า ไม่จริงค่ะ

จขกท.อยู่ไอร์แลนด์มา 3 เดือนเต็ม แน่นอนว่าถ้าอยู่เป็นปีคงได้ภาษามากกว่า แต่เราก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่ 4 เดือน ...ภาษาได้แน่นอนค่ะ อยู่ที่ตัวคุณเอง จขกท.มาเรียนที่นี่เป็นคนไทยคนเดียวในโรงเรียนค่ะ 555 เพราะฉะนั้นการพูดไทยในสถาบันกับเพื่อน ทำไม่ได้แน่นอน (ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่เราเลือกมาเรียนที่ดับบลินค่ะ) ทำให้เป็นการบังคับเราพูดภาษาอังกฤษไปในตัว ซึ่งนั่นก็ดีต่อตัวเราด้วย ตอนมาวันแรกยอมรับเลยว่า พูดไม่ได้ ถ้าถามว่าไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย มาเรียนตปท.จะได้แน่นอนเลยไม๊? ต้องถามตัวเองต่ออีกว่า ทนแรงกดดันที่มีเราคนเดียวที่ไม่เข้าใจในคลาสเรียนได้หรือป่าว ? กล้าถามคำถามอาจารย์ไหม? อย่างจขกท. ถ้าสมมุติภาษาอังกฤษเต็ม 10 จขกท.ให้คะแนนตัวเอง 4-5 คะแนน
ไปถึงโน่นสัปดาห์แรก ทรหดในการฟังกับพูดมาก..ต้องยอมรับเลยว่า สำเนียงไทย ฝรั่งฟังไม่รู้เรื่องจริงๆนะเอ้อ!! จนเราต้องหัดอ่านออกเสียงเพิ่มเติม T0T
เรื่องของ VISA ระยะการอยู่อาศัยสูงสุดคือ 3 เดือน จขกท.มาอยู่ที่นี่ 4 เดือน ดังนั้น จำเป็นต้องต่อวีซ่า ที่นี่เอง 1 เดือน เอเจนซี่บอกติดต่อสอบถามทางโรงเรียนได้เลยค่ะ โอเคเราก็ติดต่อถามไม่มีปัญหาอะไร ก่อนมาเราก็ถามเรื่องสมุดธนาคาร ถ้าเปิดที่นู่นยุ่งยาก เราไม่เปิดได้ไหม ทางพี่เอเจนซี่ก็บอกไม่เปิดได้ค่ะ ...โอเค เราก็ตัดสินใจไม่เปิด พกเงินสด ... ผ่านไปประมาณ เดือนครึ่ง เราก็ติดต่อทางโรงเรียนอีกที
ทางโรงเรียนให้เปิดธนาคาร และต้องมีเงินโชว์ในบช.ไม่ต่ำกว่า 1,500 ยูโร เพื่อต่อวีซ่า(กรณีอยู่ต่ำกว่า 25 สัปดาห์) !!
น่ะสิ ปัญหาล่ะจ้าาาา (ตูเปิดเป็นที่ไหนเล่า!!อีกอย่าง ตูไม่ได้มีเงินสดขนาดนั้น!!)
จะไลน์ไปถามเอเจนซี่ 'ไหนบอกไม่ต้องเปิดธนาคาร' ก็เท่านั้น -_- เรามาอยู่ตรงนี้แล้ว คนที่ช่วยได้ก็มีแต่เรานี่ล่ะ แต่ทางโรงเรียนมีครูคอยบอกแต่คุณต้องไปติดต่อธนาคารเอง ไหนจะเงินในบัญชี สรุปกว่าเราจะไปคุยกับแบงค์รู้เรื่อง กว่าจะทรานเฟอร์เงินมาให้ กว่าจะขอสเตทเม้นเองได้ แทบกระอักเลือด-^-!
*อ่อ ธนาคารที่นี่ไม่เหมือนที่ไทยนะคะ ที่เปิดแล้วได้บัญชี ได้บัตรเลย แต่เปิดแล้วต้องรออย่างน้อย 1 สัปดาห์ทางธนาคารจะส่งบัตรกับรหัสมาให้ และการขออะไรก็ตามกับธนาคาร คุณต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ค่ะ เผื่อไว้เยอะๆเลยก็ได้ค่ะ =+= จะได้ไม่ต้องรีบแบบชิ_หายวายวอด ...
หลังจากได้รับสเตจเม้นคุณต้องไปต่อที่ GNIB ( แม่เจ้าโว้X...อยากจะตั้งกระทู้แยกเหลือเกิน งั้นขอเล่าย่อๆ นะคะ


)
ปกติ GNIB เปิด 8 โมงเช้าค่ะ วันจันทร์ กับ วันอังคาร ตามที่จขกท.เข้าใจจะเป็นวันของนักเรียน เห็นทางโรงเรียนบอกมาอย่างนั้น เขาแนะนำให้เราไปแต่เช้า เราก็ตัดสินใจเลยจ้า จะไปเช้าสุดๆ
คือ ทางโรงเรียนบอกมาว่า นักเรียนบางคนไปยืนคิวรอกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เราก็อยากไปเช้าแบบนั้นนะ แต่บังเอิญไม่ได้อยู่ในตัวเมืองดับบลิน เดินไปไม่ได้ ดังนั้น รถบัส ที่นี่มีรอบแรก หกโมง เอาน่ะ ไปรอบแรกเลยก็ได้
เพื่อนจขกท.ไปตั้งแต่ตีห้าเกือบหกโมงนิดๆ นางบอก มีคนมารอประมาณ สามสิบคนข้างหน้านาง เราก็บอก จะรีบไปๆ ห่างกันครึ่งค่อนชั่วโมง คงไม่เท่าไหร่ จขกท.ถึง 6:28 ค่ะ แบบว่า.....
แม่เจ้าโว้E... คิวจะยาวไปไหนคะเนี่ย !! เค้าได้คิวที่ 117 ค่ะ 555555 ตูอยากจะร้องไห้ ยืนแข็งอยู่ข้าง ๆ ซอกตึก เกือบๆ 8 โมงถึงจะได้ค่อยๆ เดินตามคิวเข้าไปในตึก พอได้เห็นคนจริงๆ แล้วแบบ วันนี้ตูจะได้ต่อไม๊ วีซ่าเนี่ย? เพื่อนจขกท. ได้คิวที่ 95 ค่ะ!!! ไม่ต่างกันเท่าไร่...ผ่านไป 2 ชั่วโมง คิวที่ 44 สรุปรวมๆ นะคะ 7 ชั่วโมงสำหรับรอเข้าไปคุยเพื่อต่อวีซ่า อีก สอง ชั่วโมงรอสแกนนิ้ว ทำบัตร และ ปั้มพาสปอร์ต ค่ะ รวม 9 ชั่วโมง!!! คือ วันนั้น จขกท.ไม่ได้ไปเรียนค่ะ
สรุปใหม่ ถึง GNIB 6:28 GNIB เปิด 8:00 โมง ได้คิวที่ 117 ได้คุยตอนประมาณบ่ายโมงครึ่ง (7 ชั่วโมง) รอเสร็จทุกสรรพสิ่ง 3:30pm. (9ชั่วโมง) แบบ !!! เหนื่อยมากกกกก
ค่าต่อ VISA ที่ดับบลินไม่เหมือนที่ไทยนะ จะเป็นราคาเดียวกันหมด ไม่ว่าจะต่อ 1 เดือน หรือ 1 ปี = 300 ยูโร ค่ะ ... อ่านไม่ผิดค่ะ 300 ยูโร!!! คือแบบ ยอมรับว่าช็อคมาก! สำหรับต่อ 1 เดือน ต้องจ่ายโดยประมาณหมื่นสอง ! (ทางเอเยนได้แต่บอกไม่รู้เพราะเราเป็นรายแรกที่ส่งไปที่นี่ -_-;)
ทางบ้านจขกท.โกรธมากอยู่(*ตอนนี้ทำใจสามร้อยยูโรได้แล้วค่ะ 555) เพราะถ้าจ่าย 300 ยูโรต่อ 1 เดือน เพื่อ? ถ้าคุณสอบถามข้อมูลทางโรงเรียนฝั่งนี้ (ซึ่งคุณติดต่อได้อยู่แล้ว) จขกท.อาจเลือก 3 เดือน หรือ อยู่ยาว 6-7 เดือนแทน ...เลยอยากเตือนเพื่อนๆ ถ้าใครอยากมาที่นี่ลองจัดสรรเวลาดีๆ นะคะ
**ตัวอักษรเต็มหมื่นแล้วอ่ะ O.o;;! ต่อในเม้นนะคะ
ประสบการณ์ตรงเรียนภาษาตปท.!!!!!!! เป็นไงมาดูกันนนน!!
สวัสดีค่ะ
*อ่อ อันนี้ล็อคอินแฟนนะคะ ^^ แท็กผิดยังไงขอโทษล่วงหน้าค่ะ ๑.๑//
ก่อนอื่นขอแบ่งเป็นหัวข้อก่อนนะ ^_^/
• อยากไปเรียนต่างประเทศควรเลือกประเทศไหนดี/เอเจนซี่ไหนดี?
• บินแบบต่อเครื่องต้องทำอย่างไรบ้าง?
• ไปแล้วได้ภาษาจริงไหม?
• การต่อวีซ่าของประเทศไอร์แลนด์ เมืองดับบลิน
• สังคม/คนดับบลินเป็นเป็นยังไง?
• อยู่กับโฮสแฟมิลี่เป็นอย่างไร?
ก่อนเข้าหัวข้อขอนอกเรื่องก่อนนะคะ (แฮร่ ต้องเกริ่นก่อนๆ)
ตอนนี้บอกก่อนว่า จขกท.อยู่ ไอร์แลนด์ เมืองดับบลินค่ะ อากาศที่นี่หนาวเย็นมากกกกก แต่คนที่นี่บางคนว่าเย็นธรรมดา
ตอนแรกที่เลือกเมืองนี้บอกเลยว่า คิดว่าเป็นฤดูหนาวจะมีแบบหิมะตกฟรุ้งฟริ้งเหมือนในหนัง >.< (โหะๆ)
แต่พอมาถึง ....แบบ คนละเรื่องเลยจ้าาา ฝนตกเกือบทุกวัน เราพลาดสภาพอากาศแล้ว ^^;; ก็ลุยเอาดาบหน้า (เฮ้+.+)
ตอนแรกๆ ก็ปรับตัวเรื่องอากาศพอสมควรค่ะ เพราะเป็นคนไม่ชอบฝน ไม่ชอบอะไรแฉะๆ -^-
แต่แบบมาที่นี่เจอทุกรูปแบบ ฝน ลม น้ำแข็ง ยกเว้น อากาศร้อน >,<
มาๆเริ่มหัวข้อแรกกันดีกว่า
• อยากไปเรียนต่างประเทศควรเลือกประเทศไหนดี?
เคยเป็นคนตั้งคำถามนี้กับตัวเองก่อนที่จะมาเรียนที่นี่ ว่า"ไปเรียนภาษาตูจะไปประเทศไรดีอ่ะ?? -_-;;"
จะเลือกอเมริกา ก็ไม่ชอบ จะไปแคนาดา ออสเตรีย ก็รู้สึกว่าช่วงนี้คนไทยเริ่มไปเยอะ ไม่รู้คิดไปเองไหม? เลยลองจำกัดขอบเขตทวีปก่อนว่า เราอยากไปทวีปไหน โซนอเมริกา หรือ โซนยูโรป หรือ โซนไหน ....จนมาสรุปได้ที่โซนยุโรป!!!
ต่อจากโซน เราก็มาดูต่อว่า ประเทศอะไรดีล่ะ .... ก่อนอื่นดูด้วยว่าเราไปเรียนภาษาแบบไหน ไปแบบติดต่อเองอะไรเองหมดเลย หรือ ผ่านเอเจนซี่?? ในกรณีของจขกท. ไปผ่านเอเจนซี่ค่ะ
ส่วนประเทศที่จขกท.เลือกนะคะ คือ ประเทศไอร์แลนด์ เมืองดับบลิน ค่ะ [อย่าสับสน ระหว่าง ไอร์แลนด์ กับ ไอซ์แลนด์นะคะ คนละประเทศเลย] เมื่อเราได้รับเอกสารแล้วก็ดูดีๆ สัปดาห์ที่เราจะไปเรียนตรงไหม วันหยุดฮอลิเดย์มีหรือไม่มียังไง จำนวนวันประกันครอบคลุมรึป่าว เพราะจขกท.พลาดเรื่องเอกสารเพราะดูไม่เป็น ทำให้มีปัญหานิดหน่อยตอนอยู่ต่างประเทศค่ะ
หัวข้อที่สอง
• บินแบบต่อเครื่องต้องทำอย่างไรบ้าง?
แฮร่ หัวข้อนี้ จขกท. เคยพยายามหาข้อมูลอยู่ แต่จะได้เห็นรีวิวประมาณว่า สนามบินนี้เป็นไง อะไรแบบนี้ แต่ที่จขกท.ต้องการคือ ต้องไปแลกตั๋วตรงไหน วิ่งเปลี่ยนเครื่องตรงไหน >< ลงจากเครื่องบินลำแรกแล้ว จะไปต่ออีกลำต้องขึ้นรถตรงไหน แบบนี้มากกว่า วันนี้เลยจะมารีวิวทรานเฟอร์เครื่องแบบนี้นะคะ
เอากรณีของจขกท.เป็นตย.เลยนะคะ การต่อเครื่องอาจมีหลายแบบ แบบพักเติมน้ำมันไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ที่เรียกว่า ทรานซิส กับ แบบเปลี่ยนเครื่องเลยที่เรียกว่า ทรานเฟอร์เครื่อง เคสนี้ของจขกท.เป็นเช็คอินตั้งแต่สุวรรณภูมิแล้วได้บอร์ดดิ้งพาสมา 2 ใบค่ะ
ดังนั้นตอนเปลี่ยนเครื่องสามารถไปที่ gate ขึ้นเครื่องได้เลย ส่วนกระเป๋าเดินทางเป็นส่ง แบบ check true คือ ส่งตรงถึงดับบลินเลย เพราะฉะนั้นตอนเปลี่ยนเครื่องจึงไม่ต้องไปรอรับกระเป๋า แต่สามารถไปที่ gate ที่จะทำการขึ้นเครื่องลำถัดไปได้เลยค่ะ ตอนที่คุยกับเอเจนซี่ ไอ้เราก็ไม่เคยเปลี่ยนเครื่องก็กังวล แต่เอเจนซี่ก็บอกแต่ไม่ต้องกังวลค่ะ แค่หาป้ายทรานซิส ทรานเฟอร์ แล้วไปตามป้ายก็โอเคแล้วค่ะ เราก็วางใจแต่ก็หาข้อมูลในเน็ตต่อไป ซึ่งก็ได้คล้าย ๆ กัน คือ มองหาป้ายแล้ววิ่งตามป้าย ไม่ยากหรอก.... แต่ประเด็นคือ ....
จขกท.ต่อเครื่องที่ดูไบค่ะ เครื่องบินดีเลย์ ตอนลงจากเครื่องก็ยังต้องรอรถต่ออีก (อ้อ...ตอนลงมาจะมีรถมารับเลยนะคะ ให้ดูป้ายว่าคันไหนจะไปต่อไหน อย่างของจขกท.ไปดับบลิน ก็ขึ้นคันที่ไปดับบลินค่ะ) ปัญหาคือ ตอนลงจากรถที่มารับเราที่เครื่องบิน กว่าจะวิ่งผ่าน สแกนสัมภาระ อีก กินเวลาโขจ้าาาา กว่าจะขึ้นข้างบน มองป้ายหาทรานซิส ทรานเฟอร์ ...
- ดั๊นนนนน...ป้ายมีภาษาอังกฤษจริง แต่ไม่มีคำว่า ทรานซิส ทรานเฟอร์!!! แมร่_เจ้าาา ตูจะตกเครื่องไม้เนี่ย!!! O.O;;
- มองบอร์ดดิ้งพาสใบที่ 2 ไม่บอก gate อีก !!! เชรี้_ แล้ว+ (แล้วคือเราได้ยินเขาประกาศเกี่ยวกับไฟล้ท์เราจะออกสักพักแล้วอ่ะ)
(อารมณ์ตอนนั้นเป็นอย่างงี้จริงนะคะ T-T)
- สิ่งถัดมาคือ ต้องมีสติ นะคะ -_- คิดได้ว่า ต้องรีบมองหาป้ายตารางไฟล้ท์บินเพราะยังไงตารางมันต้องโชว์ gate ที่ไฟล้ท์เราจะบิน
- กว่าจะเจอ วิ่งไปค่ะ ....วิ่งจนฝรั่งหันมองตาม 555+ อารมณ์ตอนนั้นไม่อายนะคะ กลัวตกเครื่องมากกว่า >< ปวด4ก็ต้องอั้นไว้ก่อน T,T
- สรุป gate ปิด 6.55 ไปถึง 6.54 ค่ะ โอยยยย คือแบบ ลิ้นห้อยมาก +=+
ตอนขึ้นไปนั่ง คนข้างๆเขาก็ถามนะคะ วิ่งมาหรอ เหนื่อยมากไหม? คงเห็นเราหอบแบบอย่างกับใกล้ตาย
การเปลี่ยนเครื่องของ จขกท. เป็นแบบ สายการบินเดียวกัน แล้วไฟล้ท์ต่อกันเลย คือมีช่วงเปลี่ยนประมาณ ไม่เกิน 2 ชม. ทำให้ต้องรีบมากๆ ยิ่งตอนเครื่องบินดีเลย์นี่ลุ้นแทบตาย ขากลับนี่ก็ยังห่วงอยู่นะคะ 5555
หัวข้อถัดไป สาม กับ สี่
• ไปแล้วได้ภาษาจริงไหม?
• การต่อวีซ่าของประเทศไอร์แลนด์ เมืองดับบลิน
จขกท. เคยเป็นคนนึงที่ถามคำถามแบบนี้แล้วหาข้อมูล พร้อมทั้งได้รับคำตอบที่หลากหลายมากกลับมาแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะบินมาเรียนที่ตปท. ^^ ถ้าถามว่าการเรียนของตปท.เป็นอย่างไร ความเห็นส่วนตัวนะคะ มองว่าสนุกกว่าเรียนที่ไทย ครูที่นี่จะให้ทำแต่กิจกรรมและเล่นเกม แต่กิจกรรมและเกมนั้นถูกนำเนื้อหาที่จะสอนแทรกลงมาด้วย ทำให้นักเรียนรู้สึกสนุกในการเล่นเกมทำกิจกรรมมากกว่าการอ่านการเรียนในหนังสืออย่างเดียว ในที่นี้จขกท.ขอกล่าวแต่การเรียนการสอบในเรื่องของภาษาในสถาบันที่จขกท.มาเรียนอย่างเดียวนะคะ เนื่องจากการเรียนการสอนของมหาลัยหรือสถาบันอื่น จขกท.ไม่เคยไปเรียนมาก่อน ^^ (บางที่อาจจะสอนไม่เหมือนกันก็ได้)
ไปแล้วได้ภาษาจริงไม๊ ...? คำตอบนี่ จขกท. เคยได้รับมาว่า ไปสามเดือน ไม่ได้อะไรหรอก ต้องไปเป็นปี! ถามว่าที่คนอื่นตอบจริงไม๊ ส่วนตัวจขกท.มองว่า ไม่จริงค่ะ
ไปถึงโน่นสัปดาห์แรก ทรหดในการฟังกับพูดมาก..ต้องยอมรับเลยว่า สำเนียงไทย ฝรั่งฟังไม่รู้เรื่องจริงๆนะเอ้อ!! จนเราต้องหัดอ่านออกเสียงเพิ่มเติม T0T
เรื่องของ VISA ระยะการอยู่อาศัยสูงสุดคือ 3 เดือน จขกท.มาอยู่ที่นี่ 4 เดือน ดังนั้น จำเป็นต้องต่อวีซ่า ที่นี่เอง 1 เดือน เอเจนซี่บอกติดต่อสอบถามทางโรงเรียนได้เลยค่ะ โอเคเราก็ติดต่อถามไม่มีปัญหาอะไร ก่อนมาเราก็ถามเรื่องสมุดธนาคาร ถ้าเปิดที่นู่นยุ่งยาก เราไม่เปิดได้ไหม ทางพี่เอเจนซี่ก็บอกไม่เปิดได้ค่ะ ...โอเค เราก็ตัดสินใจไม่เปิด พกเงินสด ... ผ่านไปประมาณ เดือนครึ่ง เราก็ติดต่อทางโรงเรียนอีกที
ทางโรงเรียนให้เปิดธนาคาร และต้องมีเงินโชว์ในบช.ไม่ต่ำกว่า 1,500 ยูโร เพื่อต่อวีซ่า(กรณีอยู่ต่ำกว่า 25 สัปดาห์) !!
น่ะสิ ปัญหาล่ะจ้าาาา (ตูเปิดเป็นที่ไหนเล่า!!อีกอย่าง ตูไม่ได้มีเงินสดขนาดนั้น!!)
จะไลน์ไปถามเอเจนซี่ 'ไหนบอกไม่ต้องเปิดธนาคาร' ก็เท่านั้น -_- เรามาอยู่ตรงนี้แล้ว คนที่ช่วยได้ก็มีแต่เรานี่ล่ะ แต่ทางโรงเรียนมีครูคอยบอกแต่คุณต้องไปติดต่อธนาคารเอง ไหนจะเงินในบัญชี สรุปกว่าเราจะไปคุยกับแบงค์รู้เรื่อง กว่าจะทรานเฟอร์เงินมาให้ กว่าจะขอสเตทเม้นเองได้ แทบกระอักเลือด-^-!
*อ่อ ธนาคารที่นี่ไม่เหมือนที่ไทยนะคะ ที่เปิดแล้วได้บัญชี ได้บัตรเลย แต่เปิดแล้วต้องรออย่างน้อย 1 สัปดาห์ทางธนาคารจะส่งบัตรกับรหัสมาให้ และการขออะไรก็ตามกับธนาคาร คุณต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ค่ะ เผื่อไว้เยอะๆเลยก็ได้ค่ะ =+= จะได้ไม่ต้องรีบแบบชิ_หายวายวอด ...
หลังจากได้รับสเตจเม้นคุณต้องไปต่อที่ GNIB ( แม่เจ้าโว้X...อยากจะตั้งกระทู้แยกเหลือเกิน งั้นขอเล่าย่อๆ นะคะ
ปกติ GNIB เปิด 8 โมงเช้าค่ะ วันจันทร์ กับ วันอังคาร ตามที่จขกท.เข้าใจจะเป็นวันของนักเรียน เห็นทางโรงเรียนบอกมาอย่างนั้น เขาแนะนำให้เราไปแต่เช้า เราก็ตัดสินใจเลยจ้า จะไปเช้าสุดๆ
คือ ทางโรงเรียนบอกมาว่า นักเรียนบางคนไปยืนคิวรอกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เราก็อยากไปเช้าแบบนั้นนะ แต่บังเอิญไม่ได้อยู่ในตัวเมืองดับบลิน เดินไปไม่ได้ ดังนั้น รถบัส ที่นี่มีรอบแรก หกโมง เอาน่ะ ไปรอบแรกเลยก็ได้
เพื่อนจขกท.ไปตั้งแต่ตีห้าเกือบหกโมงนิดๆ นางบอก มีคนมารอประมาณ สามสิบคนข้างหน้านาง เราก็บอก จะรีบไปๆ ห่างกันครึ่งค่อนชั่วโมง คงไม่เท่าไหร่ จขกท.ถึง 6:28 ค่ะ แบบว่า.....
แม่เจ้าโว้E... คิวจะยาวไปไหนคะเนี่ย !! เค้าได้คิวที่ 117 ค่ะ 555555 ตูอยากจะร้องไห้ ยืนแข็งอยู่ข้าง ๆ ซอกตึก เกือบๆ 8 โมงถึงจะได้ค่อยๆ เดินตามคิวเข้าไปในตึก พอได้เห็นคนจริงๆ แล้วแบบ วันนี้ตูจะได้ต่อไม๊ วีซ่าเนี่ย? เพื่อนจขกท. ได้คิวที่ 95 ค่ะ!!! ไม่ต่างกันเท่าไร่...ผ่านไป 2 ชั่วโมง คิวที่ 44 สรุปรวมๆ นะคะ 7 ชั่วโมงสำหรับรอเข้าไปคุยเพื่อต่อวีซ่า อีก สอง ชั่วโมงรอสแกนนิ้ว ทำบัตร และ ปั้มพาสปอร์ต ค่ะ รวม 9 ชั่วโมง!!! คือ วันนั้น จขกท.ไม่ได้ไปเรียนค่ะ
สรุปใหม่ ถึง GNIB 6:28 GNIB เปิด 8:00 โมง ได้คิวที่ 117 ได้คุยตอนประมาณบ่ายโมงครึ่ง (7 ชั่วโมง) รอเสร็จทุกสรรพสิ่ง 3:30pm. (9ชั่วโมง) แบบ !!! เหนื่อยมากกกกก
ค่าต่อ VISA ที่ดับบลินไม่เหมือนที่ไทยนะ จะเป็นราคาเดียวกันหมด ไม่ว่าจะต่อ 1 เดือน หรือ 1 ปี = 300 ยูโร ค่ะ ... อ่านไม่ผิดค่ะ 300 ยูโร!!! คือแบบ ยอมรับว่าช็อคมาก! สำหรับต่อ 1 เดือน ต้องจ่ายโดยประมาณหมื่นสอง ! (ทางเอเยนได้แต่บอกไม่รู้เพราะเราเป็นรายแรกที่ส่งไปที่นี่ -_-;)
ทางบ้านจขกท.โกรธมากอยู่(*ตอนนี้ทำใจสามร้อยยูโรได้แล้วค่ะ 555) เพราะถ้าจ่าย 300 ยูโรต่อ 1 เดือน เพื่อ? ถ้าคุณสอบถามข้อมูลทางโรงเรียนฝั่งนี้ (ซึ่งคุณติดต่อได้อยู่แล้ว) จขกท.อาจเลือก 3 เดือน หรือ อยู่ยาว 6-7 เดือนแทน ...เลยอยากเตือนเพื่อนๆ ถ้าใครอยากมาที่นี่ลองจัดสรรเวลาดีๆ นะคะ
**ตัวอักษรเต็มหมื่นแล้วอ่ะ O.o;;! ต่อในเม้นนะคะ