
ต่อจากกระทู้ที่แล้ว :
ตอนที่ 1 >>
http://pantip.com/topic/34660750
ตอนที่ 2 >>
http://pantip.com/topic/34701032
เช้าวันใหม่...อีกไม่กี่ชั่วโมงต้องถูกเนรเทศออกจากไต้หวันแล้ว ไปลุยกันต่อ ช้อปปิ้งเน้นๆ ครับวันนี้ หลังจากเช็คเอ้าท์ฝากกระเป๋าที่โรงแรมเสร็จก็เดินไปไหว้พระขอพรกันสักนิดที่วัดซิงเทียน (Xingtian Temple) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก แม้จะไม่ใช่วัดดังในไกด์บุ๊ค แต่ความศรัทธาของชาวพุทธก็ทำให้วัดนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ลานกว้างด้านหน้ามีแจกแผ่นป้ายอักษรจีนมงคล ส่วนด้านในเห็นกลุ่มคนที่ก็ร่วมใจสวดมนต์กันอย่างพร้อมเพรียง

ผมยกมือไหว้ขอพร แล้วตามด้วยบริจาคเงินบำรุงวัดที่เคาน์เตอร์ด้านใน “ขอชื่อ นามสกุล ด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ถามมา ผมเขียนเป็นภาษาอังกฤษยื่นให้ พร้อมระบุยอดบริจาค “แกร๊กๆ ๆ” เจ้าหน้าที่กำลังคีย์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ จากนั้นปริ้นท์ใบเสร็จออกมา แล้วยื่นส่งให้พร้อมไดอารี่ 1 เล่ม “ดีจังแฮะ แต่เป็นภาษาจีนนะ” มาถึงบรรทัดนี้อยากจะบอกว่าชอบไหว้พระที่ไต้หวันนะ เพราะรู้สึกสบายใจดี จากที่เคยไปมาหลายวัดแทบไม่เจอตู้บริจาคเลย และบางที่ยังเตรียมธูปให้จุดกันอีกด้วย
หลังความสบายใจ ก็ไปกระตุ้นกิเลสความอยากได้โน่นนี่ที่ย่านช้อปปิ้งกันดีกว่า เริ่มกันที่ย่านซีเหมินติง (Ximending) นั่งรถไฟฟ้ามาลง MRT Ximen พอออกจากสถานีเห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่ “หยุดก่อน” อันนี้ผมบอกตัวเอง เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่ ตอนนี้ขอข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามไปประจัญหน้ากับตึกแดงทรง 8 เหลี่ยม ที่ชื่อว่า เดอะ เรด เฮาส์ (The Red House) ตึกอิฐแดง 2 ชั้นนี้เคยเป็นตลาดเก่ามาก่อน สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980

พอเข้ามาด้านใน จะเจอห้องนิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาในแสงมืดๆ ทึมๆ จากนั้นเดินตรงไปข้างหน้า ปลายทางเห็นสว่างจ้า “โอ้โห” เหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่ง ดูฮิป ดูแตกต่าง ดูขัดกับตัวตึกและโซนเมื่อตะกี้เสียจริงๆ ผมชอบความโล่งโปร่ง ดูคลีนๆ ในโทนสีขาวสบายตา

ร้านค้าในนี้มีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ของใช้น่ารักกระจุ๊กกระจิ๊ก ... กวาดสายตามองไปเรื่อยจนไปสะดุด กระเป๋าถือสีดำอักษรจีนใบหนึ่ง ... “งานแฮนด์เมดค่ะ มีไม่เยอะ กลับมาครั้งหน้าอาจจะไม่มีแล้วก็ได้นะคะ” แม่ค้าสาวขู่มาซะขนาดนี้ เลยก้มหน้าหยิบเงินขึ้นมาจ่าย 1,800 NT$ ... ของชิ้นแรกของผมเกิดขึ้นที่นี่

ถึงเวลาข้ามกลับไปที่ “ซีเหมินติง” ผมเรียกว่า สยามสแควร์ไทเปแล้วกัน การวางผังตึกร้านค้าเป็นบล็อคๆ ซอยกว้างขวางดีครับ ไม่มีรถวิ่งผ่าน ทำให้เดินกันได้เพลินๆ ร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นแนวแฟชั่น มีแบรนด์ที่คุ้นเคยอย่าง Uniqlo, Superdry, Adidas, Levi's, Muji, Sasa, The Face Shop มาเปิดร้านอยู่ที่นี่ด้วย
ร้านอาหารน่าทานก็ฝังตัวกันอยู่หลายร้าน อย่างเช่นร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูไต้หวัน Mala Yuanyang Hotpot, ร้านอาหารในคอนเซปต์โถอึ Modern Toilet และร้านไก่ทอดชิ้นใหญ่ Hot Star

ออกเดินสายกันต่อ คราวนี้มุดใต้ดินไป 4 สถานี มาออกที่ MRT Zhongxiao Fuxing พระเอกของย่านนี้คือห้างโซโก้ (Sogo) ที่มีอยู่ 2 ตึกอยู่เยื้องๆ กันบริเวณสี่แยก เริ่มที่โซโก้ตึกใหม่สีเขียว คือสาขาฟุกซิ่ง (Fuxing) เน้นแบรนด์ไฮเอ็นด์ดูไฮโซ ส่วนตึกสีขาว คือสาขาจงเซียว (Zhongxiao) มีแบรนด์สินค้าที่คุ้นเคยเหมือนห้างสรรพสินค้าทั่วไป

ผมเริ่มต้นที่โซโก้เขียว ด้วยการกดลิฟท์ไปยังชั้น 11 เพื่อไปพิสูจน์ความอร่อยของเสี่ยวหลงเปาที่ร้านเตียนชุยโหลว (Dian Shui Lou) สั่งกันมาเต็มที่เล่นเอาซะจุกเลย ชอบร้านนี้ตรงที่อาหารอร่อยและไม่ต้องรอคิวนานอย่างร้านตินไท่ฟง (Din Tai Fung) ถ้าวันไหนเกิดอยากทานร้านตินไท่ฟง ยังหาทานที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์บ้านเราได้อยู่

หลังเช็ดปาก เช็คบิลเสร็จ ก็ลงบันไดเลื่อนมายังชั้น 6 เพื่อตามหาน้องเสือ Onitsuka Tiger มีโอกาสเจอคนไทยได้ง่ายมากครับที่นี่
ผมขอเล่าถึง VAT Refund นิดนึงแล้วกันครับ หากช้อปในห้างเกิน 3,000 NT$ สามารถตรงดิ่งไปทำเรื่องขอคืนภาษีกับทางห้างฯ ได้ ซึ่งจะได้เงินไต้หวันกลับมาทันที อย่างรองเท้า Onitsuka Tiger นอกจากราคาถูกกว่าบ้านเราแล้ว หากซื้อ 2 คู่ ก็เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีแล้ว เตรียมตัวไปแบบมือรับเงินแล้วเอาไปซื้อชานมไข่มุกดูดดีก่า

จากนั้นก็ไปเดินเล่นที่โซโก้ตึกขาวกันบ้าง ดีใจจังตังค์อยู่ครบ ไม่แอบเผลอซื้ออะไร
จบการสำรวจย่านนี้ไปกันต่อที่ย่านซินยี่ (Xinyi) เขตการค้า แหล่งช้อปปิ้ง ย่านไนท์ไลฟ์ มีสถานที่สำคัญต้งอยู่อย่าง Taipei City Hall, หอรำลึก ดร. ซุนยัดเซ็น รวมถึงตึกสูงชะลูดอย่าง Taipei 101 “โอ้โห อะไรมันจะมิกซ์กันได้ขนาดนี้” ผมนั่งรถไฟไปอีก 2 สถานี ลงที่ MRT Sun Yat-Sen Memorial Hall แวะไปเที่ยวที่อนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัดเซ็นก่อนครับ เหมือนเดจาวู คล้ายๆ ว่าเคยมาที่นี่แล้ว... “ก็ใช่สิ คืนเคาท์ดาวน์ก็เดินผ่านมาทางนี้นิ๊"

เข้ามาด้านในเจอรูปหล่อขนาดใหญ่ของ ดร.ซุนยัดเซ็น ผู้นำปฎิวัติจีนที่พลิกการปกครองแบบราชวงศ์มาสู่จีนยุคใหม่แบบการเลือกตั้ง ท่านได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน และถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งสาธารณรัฐจีน ยึดถือการปกครองแบบประชาธิปไตย ก่อนส่งต่ออุดมการณ์นี้ให้กับนายพลเจียงไคเช็ค ซึ่งชื่อสาธารณรัฐจีนในปัจจุบัน เรียกกันง่ายๆ ว่าไต้หวันแล้วกันครับ (ROC: Republic of China, Taiwan) สนใจประวัติศาสตร์แบบเจาะลึกลองค้นหาอ่านกันครับ
เวลาตอนนี้เข้าใกล้ 4 โมงเย็นแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มห้อมล้อมตัวท่าน เพื่อรอชมพิธีเปลี่ยนเวรยามตอนต้นชั่วโมง พอได้เวลา ทหารก็ต่างเดินออกมา ท่าเป๊ะอย่างเท่ ท่าปืนยาวกระแทกพื้นดัง”ปั้ง”สนั่นฮอลล์ ท่าควงปืนขึ้นลงดัง”ฟวับๆ” ดูทะมัดทะแมงดี กว่าจะเดินทีละก้าว กว่าจะสลับตัวกันได้ เหนื่อยแทนจริงๆ

หลังจบพิธีก็แวะมาศึกษาชีวประวัติของ ดร.ซุน บริเวณห้องจัดแสดงชั้น 1

จากนั้นเดินต่อไปยังห้าง Shin Kong Mitsukoshi พี่ใหญ่ในย่านนี้ เพราะมีกันถึง 4 ตึก ตั้งวางเป็นบล็อคๆ เชื่อมกันอยู่ โดยมีโครงเหล็กสีแดงเป็นสัญญลักษณ์ พร้อมป้ายใหญ่ระบุชื่อตึก A4 A8 A9 และ A11

ผมคงไม่มีเวลาเดินได้ทั้งหมด เลยเจาะเป็นจุดๆ เริ่มที่ A9 ชั้นใต้ดินก่อน แวะซื้อชานมไข่มุกร้านต้นตำรับชุนสุ่ยถาง (Chun Shui Tang) ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาขา มีขายอาหารด้วยครับ หน้าร้านมีเคาน์เตอร์สำหรับสั่ง Take Away โดยเฉพาะ เมนูเครื่องดื่มมีให้เลือกกว่า 50 ชนิด ทั้งชานม ชาดำ ชาเขียว ชาช็อคโกแลต และอีกสารพัดชา ผมสั่งชานมไข่มุก (Iced Pearl Milk Tea) ที่มีวงกลมอยู่ด้านท้ายว่า No.1 อร่อยแบบไม่ผิดตัวแน่ ... “อีเก้อ” พร้อมชี้นิ้วไปที่เมนู และควักเงินจ่ายไป 150 NT$ ราคาก็ประมาณสตาร์บัคอะนะ แต่ความฟินมันเยอะกว่า จ่ายเงินเสร็จก็เชิญไปรับของอีกเคาน์เตอร์หนึ่ง "อ้าา...ชื่นใจจริงๆ ไข่มุกก็หนุบๆ เคี้ยวเพลินดี สามารถทำให้อิ่มได้เลยนะเนี่ย"

ที่ชั้นเดียวกันนี้ใครที่ชอบเสื้อผ้าแนวสตรีท หรือสปอร์ตแฟชั่นอย่าง Superdry, Onitsuka Tiger ก็เดินดูต่อได้เลย หรือจะเดินเชื่อมไปยังชั้นใต้ดินตึก A8 ก็จะมี Nike, Adidas ถ้าไม่จุใจข้ามไปที่ตึก A11 เลยครับ วัยรุ่นน่าจะชอบ อีกห้างหนึ่งที่อยู่ติดๆ กันคือ Breeze แหล่งรวมร้านค้าน่ารัก น่าช้อป น่ากิน อย่าง LINE Friends Shop, Minion, New Balance, Fred Perry, H&M, Ice Monster และ Caffe bene ผมก็อดใจไม่ได้ที่จะเข้าไปซื้อของฝากน้องๆ ที่ช็อป LINE ครับ

อย่าลืมแวะไปด้านบนที่ดาดฟ้าด้วยครับ เรียกว่า Skyline Park ต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 เห็นลานกว้างน่าถ่ายรูปมีตัวการ์ตูนของ LINE ให้แอ๊คท่าถ่ายกันด้วย

บริเวณโดยรอบของย่านนี้มักจะมีเด็กๆ มาทำกิจกรรมร้องเต้นเล่นดนตรี หรือการแสดงเปิดหมวก รวมถึงมีบูธให้ถ่ายรูปเล่นด้วยอย่างของ Star Wars และ Snoopy สงสัยจะเป็นการโปรโมทหนังที่จะเข้าฉาย

เดินกันต่อที่ตึก ATT4Fun ซึ่งอยู่ละแวกเดียวกันมีช็อปแฟชั่นเสื้อผ้าอย่าง Forever 21, Pull&Bear, Bershka, Gap จากนั้นข้ามถนนไปต่อกันที่ Taipei 101 Mall โซนช้อปปิ้ง 5 ชั้น ที่รวมแบรนด์หรูดูมีระดับทั้ง Louis Vuitton, Prada, Miu Miu, Burberry, Bvlgari, Gucci, Patek Philippe และอีกหลายแบรนด์ ที่นี่มีช็อป Zara, Superdry และ Longchamp รวมอยู่ด้วย

เช็ครายชื่อแบรนด์ตามนี้เลย >>
http://www.taipei-101.com.tw/en/mall-search.aspx
[CR] ตามไปเที่ยว >> ชมพลุเคาท์ดาวน์ไทเป และงานอาร์ตเก๋ๆ ที่ไต้หวัน (ตอนที่ 3) จบ
ต่อจากกระทู้ที่แล้ว :
ตอนที่ 1 >> http://pantip.com/topic/34660750
ตอนที่ 2 >> http://pantip.com/topic/34701032
เช้าวันใหม่...อีกไม่กี่ชั่วโมงต้องถูกเนรเทศออกจากไต้หวันแล้ว ไปลุยกันต่อ ช้อปปิ้งเน้นๆ ครับวันนี้ หลังจากเช็คเอ้าท์ฝากกระเป๋าที่โรงแรมเสร็จก็เดินไปไหว้พระขอพรกันสักนิดที่วัดซิงเทียน (Xingtian Temple) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก แม้จะไม่ใช่วัดดังในไกด์บุ๊ค แต่ความศรัทธาของชาวพุทธก็ทำให้วัดนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ลานกว้างด้านหน้ามีแจกแผ่นป้ายอักษรจีนมงคล ส่วนด้านในเห็นกลุ่มคนที่ก็ร่วมใจสวดมนต์กันอย่างพร้อมเพรียง
ผมยกมือไหว้ขอพร แล้วตามด้วยบริจาคเงินบำรุงวัดที่เคาน์เตอร์ด้านใน “ขอชื่อ นามสกุล ด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ถามมา ผมเขียนเป็นภาษาอังกฤษยื่นให้ พร้อมระบุยอดบริจาค “แกร๊กๆ ๆ” เจ้าหน้าที่กำลังคีย์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ จากนั้นปริ้นท์ใบเสร็จออกมา แล้วยื่นส่งให้พร้อมไดอารี่ 1 เล่ม “ดีจังแฮะ แต่เป็นภาษาจีนนะ” มาถึงบรรทัดนี้อยากจะบอกว่าชอบไหว้พระที่ไต้หวันนะ เพราะรู้สึกสบายใจดี จากที่เคยไปมาหลายวัดแทบไม่เจอตู้บริจาคเลย และบางที่ยังเตรียมธูปให้จุดกันอีกด้วย
หลังความสบายใจ ก็ไปกระตุ้นกิเลสความอยากได้โน่นนี่ที่ย่านช้อปปิ้งกันดีกว่า เริ่มกันที่ย่านซีเหมินติง (Ximending) นั่งรถไฟฟ้ามาลง MRT Ximen พอออกจากสถานีเห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่ “หยุดก่อน” อันนี้ผมบอกตัวเอง เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่ ตอนนี้ขอข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามไปประจัญหน้ากับตึกแดงทรง 8 เหลี่ยม ที่ชื่อว่า เดอะ เรด เฮาส์ (The Red House) ตึกอิฐแดง 2 ชั้นนี้เคยเป็นตลาดเก่ามาก่อน สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980
พอเข้ามาด้านใน จะเจอห้องนิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาในแสงมืดๆ ทึมๆ จากนั้นเดินตรงไปข้างหน้า ปลายทางเห็นสว่างจ้า “โอ้โห” เหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่ง ดูฮิป ดูแตกต่าง ดูขัดกับตัวตึกและโซนเมื่อตะกี้เสียจริงๆ ผมชอบความโล่งโปร่ง ดูคลีนๆ ในโทนสีขาวสบายตา
ร้านค้าในนี้มีทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ของใช้น่ารักกระจุ๊กกระจิ๊ก ... กวาดสายตามองไปเรื่อยจนไปสะดุด กระเป๋าถือสีดำอักษรจีนใบหนึ่ง ... “งานแฮนด์เมดค่ะ มีไม่เยอะ กลับมาครั้งหน้าอาจจะไม่มีแล้วก็ได้นะคะ” แม่ค้าสาวขู่มาซะขนาดนี้ เลยก้มหน้าหยิบเงินขึ้นมาจ่าย 1,800 NT$ ... ของชิ้นแรกของผมเกิดขึ้นที่นี่
ถึงเวลาข้ามกลับไปที่ “ซีเหมินติง” ผมเรียกว่า สยามสแควร์ไทเปแล้วกัน การวางผังตึกร้านค้าเป็นบล็อคๆ ซอยกว้างขวางดีครับ ไม่มีรถวิ่งผ่าน ทำให้เดินกันได้เพลินๆ ร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นแนวแฟชั่น มีแบรนด์ที่คุ้นเคยอย่าง Uniqlo, Superdry, Adidas, Levi's, Muji, Sasa, The Face Shop มาเปิดร้านอยู่ที่นี่ด้วย
ร้านอาหารน่าทานก็ฝังตัวกันอยู่หลายร้าน อย่างเช่นร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูไต้หวัน Mala Yuanyang Hotpot, ร้านอาหารในคอนเซปต์โถอึ Modern Toilet และร้านไก่ทอดชิ้นใหญ่ Hot Star
ออกเดินสายกันต่อ คราวนี้มุดใต้ดินไป 4 สถานี มาออกที่ MRT Zhongxiao Fuxing พระเอกของย่านนี้คือห้างโซโก้ (Sogo) ที่มีอยู่ 2 ตึกอยู่เยื้องๆ กันบริเวณสี่แยก เริ่มที่โซโก้ตึกใหม่สีเขียว คือสาขาฟุกซิ่ง (Fuxing) เน้นแบรนด์ไฮเอ็นด์ดูไฮโซ ส่วนตึกสีขาว คือสาขาจงเซียว (Zhongxiao) มีแบรนด์สินค้าที่คุ้นเคยเหมือนห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ผมเริ่มต้นที่โซโก้เขียว ด้วยการกดลิฟท์ไปยังชั้น 11 เพื่อไปพิสูจน์ความอร่อยของเสี่ยวหลงเปาที่ร้านเตียนชุยโหลว (Dian Shui Lou) สั่งกันมาเต็มที่เล่นเอาซะจุกเลย ชอบร้านนี้ตรงที่อาหารอร่อยและไม่ต้องรอคิวนานอย่างร้านตินไท่ฟง (Din Tai Fung) ถ้าวันไหนเกิดอยากทานร้านตินไท่ฟง ยังหาทานที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์บ้านเราได้อยู่
หลังเช็ดปาก เช็คบิลเสร็จ ก็ลงบันไดเลื่อนมายังชั้น 6 เพื่อตามหาน้องเสือ Onitsuka Tiger มีโอกาสเจอคนไทยได้ง่ายมากครับที่นี่
ผมขอเล่าถึง VAT Refund นิดนึงแล้วกันครับ หากช้อปในห้างเกิน 3,000 NT$ สามารถตรงดิ่งไปทำเรื่องขอคืนภาษีกับทางห้างฯ ได้ ซึ่งจะได้เงินไต้หวันกลับมาทันที อย่างรองเท้า Onitsuka Tiger นอกจากราคาถูกกว่าบ้านเราแล้ว หากซื้อ 2 คู่ ก็เข้าเกณฑ์ขอคืนภาษีแล้ว เตรียมตัวไปแบบมือรับเงินแล้วเอาไปซื้อชานมไข่มุกดูดดีก่า
จบการสำรวจย่านนี้ไปกันต่อที่ย่านซินยี่ (Xinyi) เขตการค้า แหล่งช้อปปิ้ง ย่านไนท์ไลฟ์ มีสถานที่สำคัญต้งอยู่อย่าง Taipei City Hall, หอรำลึก ดร. ซุนยัดเซ็น รวมถึงตึกสูงชะลูดอย่าง Taipei 101 “โอ้โห อะไรมันจะมิกซ์กันได้ขนาดนี้” ผมนั่งรถไฟไปอีก 2 สถานี ลงที่ MRT Sun Yat-Sen Memorial Hall แวะไปเที่ยวที่อนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัดเซ็นก่อนครับ เหมือนเดจาวู คล้ายๆ ว่าเคยมาที่นี่แล้ว... “ก็ใช่สิ คืนเคาท์ดาวน์ก็เดินผ่านมาทางนี้นิ๊"
เข้ามาด้านในเจอรูปหล่อขนาดใหญ่ของ ดร.ซุนยัดเซ็น ผู้นำปฎิวัติจีนที่พลิกการปกครองแบบราชวงศ์มาสู่จีนยุคใหม่แบบการเลือกตั้ง ท่านได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน และถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งสาธารณรัฐจีน ยึดถือการปกครองแบบประชาธิปไตย ก่อนส่งต่ออุดมการณ์นี้ให้กับนายพลเจียงไคเช็ค ซึ่งชื่อสาธารณรัฐจีนในปัจจุบัน เรียกกันง่ายๆ ว่าไต้หวันแล้วกันครับ (ROC: Republic of China, Taiwan) สนใจประวัติศาสตร์แบบเจาะลึกลองค้นหาอ่านกันครับ
เวลาตอนนี้เข้าใกล้ 4 โมงเย็นแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มห้อมล้อมตัวท่าน เพื่อรอชมพิธีเปลี่ยนเวรยามตอนต้นชั่วโมง พอได้เวลา ทหารก็ต่างเดินออกมา ท่าเป๊ะอย่างเท่ ท่าปืนยาวกระแทกพื้นดัง”ปั้ง”สนั่นฮอลล์ ท่าควงปืนขึ้นลงดัง”ฟวับๆ” ดูทะมัดทะแมงดี กว่าจะเดินทีละก้าว กว่าจะสลับตัวกันได้ เหนื่อยแทนจริงๆ
หลังจบพิธีก็แวะมาศึกษาชีวประวัติของ ดร.ซุน บริเวณห้องจัดแสดงชั้น 1
จากนั้นเดินต่อไปยังห้าง Shin Kong Mitsukoshi พี่ใหญ่ในย่านนี้ เพราะมีกันถึง 4 ตึก ตั้งวางเป็นบล็อคๆ เชื่อมกันอยู่ โดยมีโครงเหล็กสีแดงเป็นสัญญลักษณ์ พร้อมป้ายใหญ่ระบุชื่อตึก A4 A8 A9 และ A11
ผมคงไม่มีเวลาเดินได้ทั้งหมด เลยเจาะเป็นจุดๆ เริ่มที่ A9 ชั้นใต้ดินก่อน แวะซื้อชานมไข่มุกร้านต้นตำรับชุนสุ่ยถาง (Chun Shui Tang) ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาขา มีขายอาหารด้วยครับ หน้าร้านมีเคาน์เตอร์สำหรับสั่ง Take Away โดยเฉพาะ เมนูเครื่องดื่มมีให้เลือกกว่า 50 ชนิด ทั้งชานม ชาดำ ชาเขียว ชาช็อคโกแลต และอีกสารพัดชา ผมสั่งชานมไข่มุก (Iced Pearl Milk Tea) ที่มีวงกลมอยู่ด้านท้ายว่า No.1 อร่อยแบบไม่ผิดตัวแน่ ... “อีเก้อ” พร้อมชี้นิ้วไปที่เมนู และควักเงินจ่ายไป 150 NT$ ราคาก็ประมาณสตาร์บัคอะนะ แต่ความฟินมันเยอะกว่า จ่ายเงินเสร็จก็เชิญไปรับของอีกเคาน์เตอร์หนึ่ง "อ้าา...ชื่นใจจริงๆ ไข่มุกก็หนุบๆ เคี้ยวเพลินดี สามารถทำให้อิ่มได้เลยนะเนี่ย"
ที่ชั้นเดียวกันนี้ใครที่ชอบเสื้อผ้าแนวสตรีท หรือสปอร์ตแฟชั่นอย่าง Superdry, Onitsuka Tiger ก็เดินดูต่อได้เลย หรือจะเดินเชื่อมไปยังชั้นใต้ดินตึก A8 ก็จะมี Nike, Adidas ถ้าไม่จุใจข้ามไปที่ตึก A11 เลยครับ วัยรุ่นน่าจะชอบ อีกห้างหนึ่งที่อยู่ติดๆ กันคือ Breeze แหล่งรวมร้านค้าน่ารัก น่าช้อป น่ากิน อย่าง LINE Friends Shop, Minion, New Balance, Fred Perry, H&M, Ice Monster และ Caffe bene ผมก็อดใจไม่ได้ที่จะเข้าไปซื้อของฝากน้องๆ ที่ช็อป LINE ครับ
อย่าลืมแวะไปด้านบนที่ดาดฟ้าด้วยครับ เรียกว่า Skyline Park ต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 เห็นลานกว้างน่าถ่ายรูปมีตัวการ์ตูนของ LINE ให้แอ๊คท่าถ่ายกันด้วย
บริเวณโดยรอบของย่านนี้มักจะมีเด็กๆ มาทำกิจกรรมร้องเต้นเล่นดนตรี หรือการแสดงเปิดหมวก รวมถึงมีบูธให้ถ่ายรูปเล่นด้วยอย่างของ Star Wars และ Snoopy สงสัยจะเป็นการโปรโมทหนังที่จะเข้าฉาย
เดินกันต่อที่ตึก ATT4Fun ซึ่งอยู่ละแวกเดียวกันมีช็อปแฟชั่นเสื้อผ้าอย่าง Forever 21, Pull&Bear, Bershka, Gap จากนั้นข้ามถนนไปต่อกันที่ Taipei 101 Mall โซนช้อปปิ้ง 5 ชั้น ที่รวมแบรนด์หรูดูมีระดับทั้ง Louis Vuitton, Prada, Miu Miu, Burberry, Bvlgari, Gucci, Patek Philippe และอีกหลายแบรนด์ ที่นี่มีช็อป Zara, Superdry และ Longchamp รวมอยู่ด้วย
เช็ครายชื่อแบรนด์ตามนี้เลย >> http://www.taipei-101.com.tw/en/mall-search.aspx