คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความคิดเห็นนะคะ ทั้งที่เห็นด้วยและเห็นต่าง จขกท.จะนำทุกคำแนะนำไปไตร่ตรองค่ะ 
ขออัพเดทนะคะ
ตอนนี้เรื่องดำเนินการเรียกร้อง จขกท.ล้มเลิกความตั้งใจแล้วค่ะ คงทำได้แค่ย้ายเด็กไปเรียนโรงเรียนอื่น
ขออัพเดทนะคะ
ตอนนี้เรื่องดำเนินการเรียกร้อง จขกท.ล้มเลิกความตั้งใจแล้วค่ะ คงทำได้แค่ย้ายเด็กไปเรียนโรงเรียนอื่น
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
สถานศึกษาส่อไปในทางทำธุรกิจมากกว่าให้การศึกษา ควรทำอย่างไร?
เช่น จัดคอร์สเรียนพิเศษ การลงเรียนจะถามจากความสมัครใจของเด็ก และเรียกเก็บเงินค่าเรียนตามที่เด็กคนนั้นๆ ได้สมัครไว้ โดยปราศจากความเห็นของผู้ปกครอง ซึ่งเด็กในวัยประถม ไม่สามารถตัดสินใจจ่ายเงินค่าเรียนได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว ต้องรับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน
ขายของราคาแพง ไม่เหมาะสมกับวัยของเด็กในโรงเรียน โดยเด็กสามารถนำของไปก่อนแล้วค่อยผ่อนจ่ายทีหลังได้ เช่น หลานเราซื้อตุ๊กตาแบบผ่อนจ่ายมาตัวละ 259 บาท และผ่อนจ่ายวันละ 10 บาท ถามว่าเด็กวัย 9 ขวบ มีวุฒิภาวะมากพอหรือยังในการซื้อของราคาขนาดนี้? นอกจากนั้น ยังเป็นการปลูกฝังทำให้เด็กซื้อของแบบผ่อนจ่ายตั้งแต่อยู่ชั้นประถม
เวลามีการจัดกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียน ทางโรงเรียนจะกักตัวเด็กที่ทำกิจกรรมไว้ตั้งแต่เช้า เด็กบางคนได้เริ่มทำกิจกรรมจริงคือตอนเย็น แต่ทางโรงเรียนกักตัวเด็กไว้เพื่อไม่ให้ออกไปซื้อของกินจากข้างนอก เนื่องจากในโรงเรียนมีขาย ซึ่งคนขายก็คือคุณครูในโรงเรียนนั่นแหละ
ในเวลาเลิกเรียน ห้ามไม่ให้เด็กออกจากโรงเรียนจนกว่าผู้ปกครองจะมารับ โดยอ้างว่า "เป็นห่วงความปลอดภัยของเด็ก" ดังนั้น เด็กที่ยังไม่กลับบ้าน จะต้องซื้อขนมในโรงเรียนกิน และก็เป็นคุณครูในโรงเรียนที่ขายของอีกตามเคย นอกจากนี้ยังมีการห้าม ไม่ให้ผู้ขายจากนอกโรงเรียนเอาขนมเข้าไปให้เด็กอีกด้วย โดยบอกกับนักเรียนว่า "หากใครฝ่าฝืนจะเรียกเข้าห้องปกครอง" เป็นเพราะทางโรงเรียนเสียรายได้หรือปล่าว?
อยากทราบว่า พอจะมีวิธีดำเนินการกับสถานศึกษาแห่งนี้อย่างไรได้บ้างคะ??
ปล. หากแท็กผิดประการใดขออภัย แค่อยากให้เรื่องนี้ได้รับการดำเนินการอย่างจริงจัง #การศึกษาไทยกำลังอ่อนแอ