มืดแล้ว มืดแล้ว กลับๆๆๆ ฝรั่งกลุ่มนี้ งง อะไรกัน ตามพี่มาน้องๆ 555

แวะถ่ายรูปกันไปชิลๆที่สบายดีวัลเล่ ขอบอกว่าอากาศเย็นสบาย ผสมฝุ่นนิดๆ มันเป็นลาวฟิลลิ่งแบบจัดเต็มจริงๆ

ยุด!!!!

ที่จอดรถทัวร์(ภาษาไทย) คนทำลืมเปลี่ยนฟร้อนภาษาปะวะ 5555

เดินดูของฝากไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ซื้อหรอก แอบบ่นว่าแพงอยู่นิ 555

ขากลับระหว่างทาง 40 กิโลเมตร ด้านซ้ายมือ เราจะเจอความยิ่งใหญ่และเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวลาวอีกหนึ่งอย่าง คือ โรงงานกาแฟดาว ที่ใหญ่โตและทำเงินให้กับประเทศลาวได้เป็นอย่างมาก

หลงทางจ้าาา กว่าจะกลับมาได้ก็ถามทางเค้ามาตลอด ปากเซไปทางนี้มั้ยครับ? คนลาวก็บอกว่าโด้ยๆๆๆๆๆ กว่าจะเข้าใจก็ต้องถามต่อกลับไปว่าโด้ยแปลว่าอะไร 5555 (โด้ย แปลว่า ค่ะ)
กลับมาถึงโรงแรมก็ 1 ทุ่มพอดี หิวมาก เพลียมาก จอดรถที่โรงแรมเสร็จก็เดินข้ามฝั่งมาจะมีร้านเฝอเวียดนามอยู่ (จริงๆแล้วแถวนั้นมีหลายร้านมาก)

แต่เฝอไก่ร้านนี้จะไม่เหมือนร้านอื่นคือ ใช้ไก้บ้าน(เหนียวๆ) ชิ้นใหญ่ๆติดกระดูก แทะเพลินไปอีกแบบ

รสชาติจัดว่าเด็ด!!

ขับแว๊นเที่ยวต่ออีกแปป

แล้วกลับมานับตังค์ที่เหลือ คิดค่าเสียหายวันนี้ (ค่าครองชีพจัดว่าสูงใช้ได้) เออๆ นึกได้พอดีว่าพรุ่งนี้ต้องไปดอนเดด รีบลงไปจองตั๋วรถตู้กับทางโรงแรม(กลัวที่นั่งเต็ม)

ฝันดีสำหรับค่ำคืนนี้ ^^
เช้าวันที่ 27/09/58
V
v
กู๊ดม้อวแหน่ง ปากเซ ^^ ตื่นแต่เช้า อาบน้ำ ทำภาระกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย

6 โมงเช้า แว๊นมอไซค์ไปวัดหลวงปากเซ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่นัก

และเป็นอีกหนึ่งความโชคดีของผมคือ

วันนี้เป็นวันพระ แม่ค้าแม่ขายก็นั่งปูเสื่อขายดอกไม้ บายศรี

ซื้อดอกบัว 10,000 กีบ

เดินไปเดินมาในบริเวณวัด ศาลาการเปรียญแห่งนี้ งดงามมาก

ขณะที่ผมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ศาสนิกชนชาวลาวก็หลั่งไหลเข้ามาทำบุญกันอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็จับจองที่นั่งกันไป

บริเวณวัดสวยมาก ทั้งด้านในและด้านนอก เพราะวัดนี้เป็นวัดหลวง วัดเดียวแห่งเมืองปากเซ

ผมทำบุญติดผ้าป่าไป 100 บาท และหยิบใบ 20 ถวายพระในวิหาร พระท่านก็ให้ด้ายผูกข้อมือมา 1 เส้น

หนุ่มสาวชาวลาวก็เข้าวัดเข้าวา นั่งพับเพียบ แต่งกายเรียบร้อยน่าชื่นชมมาก

บ้างก็จัดเซลฟี่กันไปเบาๆ ระหว่างรอ ^^

อ้ายๆ ถ่ายฮูปให้แหน่... เสียงใสใสจากสาวลาวน้อยผู้นี้ ผมถามน้องเค้าว่า พิธีเริ่มกี่โมง น้องบอกว่า 8 โมง (โอ้วววว แม่สาวน้อย ทำไมสายจัง อ้ายต้องรีบไปที่อื่นต่อ)

พอยกกล้องขึ้นมาเท่านั้นแหละ แหม่ะ!! ทำเป็นอายเลยทีเดียวเชียว แม่สาวน้อย 555

และนี่ก็คือข้าวของ อาหาร ที่นำมาถวายพระ อาหารก็คล้ายๆกับบ้านเรา แต่เค้าจะใส่ถาดหรือภาชนะที่ดูอลังการมากมายกว่าบ้านเรานะ

พานเงินแท้

ขันทองโบราณ

และนี่ก็คือพุ่มเงิน เค้าเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ คล้ายๆพุ่มผ้าป่าบ้านเรา แต่เค้าจะเอาไปของใครของมัน ครอบครัวละพุ่มๆ แล้วแต่บางพุ่มก็เป็นใบ 2,000 กีบ บางพุ่มเป็นใบ 5,000 กีบ หรือครอบครัวไหนเงินหนาหน่อยก็จะเป็นใบละ 10,000 กีบ 20,000 กีบ ก็ว่ากันไปตามกำลังศรัทธา
**ใครจะจัดทริปเที่ยวปากเซ ผมแนะนำถ้าเป็นไปได้ให้ไปตรงกับวันพระ เพราะคุณจะได้สัมผัสวัฒนธรรมแบบชาวพุทธลาวแท้ๆ พุทธแบบสมัยเก่าของชาวลาว ทั้งการแต่งการที่เป็นเอกลักษณ์ และประเพณีการทำบุญที่ต่างจากบ้านเรา
7 โมง พอดิบพอดี ได้เวลากลับโรงแรมไปเชคเอ้าท์ และคืนมอไซค์สายแว๊นคู่กาย อ้าว!!! มิสหน่อย...ไฉนเจ้าถึงปิดร้าน แล้วกูจะคืนมอไซค์ยังไงเนี่ย คือจะโทรไป โทรศัพท์ก็เป็นซิมเนต เวรกรรมแล้วจะเอาพาสปอร์ตคืนยังไงเนี่ย เพราะคืนนี้ต้องไปนอนที่อื่น ฝรั่งมังค่าก็ต่างยืนรอมิสหน่อยเพื่อที่จะคืนมอไซค์กันเป็นแถวๆ (ที่ไหนได้ มิสหน่อยไปทำบุญอยู่วัดจ้าาา 555 ผมก็เลยให้ทางโรงแรมโทรไปบอกมิสหน่อย แต่นางก็ไม่มา สงสัยกำลังซึ้งในรถพระธรรม นางให้เด็กที่ไหนไม่รู้มาเปิดร้านให้ แล้วหาพาสปอร์ตที่นางเก็บไว้เป็นพักใหญ่)

7 โมง 50 นาที หิวมากกกก!!! ขอสั่งเฝอลานคำกินซักชามระหว่างนั่งรอรถตู้มารับ ไปดอนเดด 8 โมง

ทันใดนั้นรถตู้ก็มาพอดี คือกูเพิ่งจะกินเฝอได้ 3 คำปะวะ เออ!!! ไปก็ไป เดี๋ยวเค้าไม่รอ (ผมขอคนขับนั่งหน้าแม่มเลยครัช ได้กินลมชมนก)

บัตรโดยสาร ผมจองไว้กับทางโรงแรมลานคำ ราคา 70,000 กีบ (ประมาณ 300 บาท)

แวะรับผู้โดยสารที่ โรงแรมจำปาสัก พาเลด เป็นโรงแรมที่ใหญ่และสวยมาก ประวัติโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นพระราชวังเก่า ปัจจุบันทำเป็นโรงแรม ผมรู้แค่นี้แหละคับ 555

และการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น ปากเซ-นากะสัง ระยะทาง 144 กิโลเมตร แต่ตลอดการเดินทาง ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ปราณีปราศัย แอบเป็นห่วงกระเป๋า ลุงแกเอากระเป๋าไว้ข้างบนหรือตรงล่าง ถ้ากระเป๋าเปียกกูจะเอาเสื้อผ้าไหนใส่ }{";<M?>

*&^ #คิดหนักมาก

11.00 น. เราก็ถึงนากะสัง รถจอด ผู้โดยสารก็ลงจากรถ ส่วนตัวผมเองนี่รีบโดดลงมาเลย จะมาดูสภาพกระเป๋า ปรากฏว่ากระเป๋าอยู่ด้านล่าง โอ้ยยยย โล่งอก #พุทธโธธัมโมสังโฆ เป็นเพราะผลบุญเมื่อเช้าแท้ๆ 5555 และสังเกตุนะครับว่า นักท่องเที่ยวแทบจะทุกคน คือ Backpacker มาเที่ยวคนเดียว ต่างคนต่างที่ หลากหลายประเทศ

จากนั้นเราก็เดินไปให้พนักงานตรวจตั๋วรถก่อน ค่อยเดินไปท่าเรือ

ทางที่เราจะไปขึ้นเรือก็อยู่นู่นนนนน >> สุดถนนเส้นนี้เลย เดินไปเรื่อยๆ ไกลอยู่พอสมควร

ถึงแล้วก็เลี้ยวขาว จะเจอที่ทำการท่าเรือ

เราสามารถนำตั๋วรถนี้แหละไปแลกเป็นตั๋วเรือ เพื่อใช้ในการเดินทางอีกทีนึง (เออๆ ผมลืมบอก ถ้าจองตั๋วรถจากโรงแรมลานคำแล้ว ก็บอกเค้าด้วยว่าซื้อตั๋วเรือด้วย แต่ถ้าเราซื้อแต่ตั๋วรถอย่างเดียว เราต้องมาซื้อตั๋วเรือที่นี่เอง)

ตั๋วเรือ นากะสัง-ดอนเดด ราคา 15,000 กีบ

เริ่มไปกันเล้ยยยยย บรรยากาศดีมาก ฝนหยุดตก ลมเย็น แต่น้ำแม่น้ำโขงช่วงนี้ขุ่นไปนิด

คนขับใจดี ชวนคุยไปตลอดทาง ผมบอกว่ามาจากไทย แกก็บอกว่าคนไทยไม่ค่อยมาเที่ยวที่นี่กันนะ ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งเยอะมาก คนไทยชอบเที่ยวในตัวเมืองปากเซซะส่วนใหญ่

ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะเป็นต่างชาติ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ก็มีนะ (ถามว่ารู้ได้ไง มั่วเอาครับ ดูจากหน้าตาและภาษาที่ปักตรงหมวกและกระเป๋าเค้าเอา 555)

ใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 15 นาที เราก็มาถึงหมู่บ้านดอนเดด ที่นี่มีนามว่า ''มหานที 4 พันดอน'' ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่มากๆ อยู่กลางแม่น้ำโขง และมีหลายหมู่บ้านตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้ มีวัด โรงเรียน ครบครัน!!!

เดินหาที่พักคนเดียวไปเรื่อย สอบถามราคา และดูสภาพที่พักไปพร้อมๆกัน ที่นี่เป็นเหมือนหมู่บ้านธรรมดาหมู่บ้านนึง ที่มีทั้งวิถีชีวิตชนบท โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร บาร์เบียร์ อยู่ปะปนกันไปอย่างเรียบง่าย

ที่พักมีทั้งแบบราคาหลักพัน ถือว่าโอเคเลย

อันนี้ก็ธรรมดาจนเกินไป จนบางทีก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะปลอดภัยทั้งร่างกายและทรัพย์สิน 555 (เข้าไปถามราคา แค่ 100 กว่าบาท/คืนเอง) ไม่กล้านอน กลัวมันหักลงมา เพราะผมหุ่นควาย 5555
***มีต่อ***
[CR] เฟี้ยวฟ้าวปากเซ แบกเป้ไปคนเดียว [2]
แวะถ่ายรูปกันไปชิลๆที่สบายดีวัลเล่ ขอบอกว่าอากาศเย็นสบาย ผสมฝุ่นนิดๆ มันเป็นลาวฟิลลิ่งแบบจัดเต็มจริงๆ
ยุด!!!!
ที่จอดรถทัวร์(ภาษาไทย) คนทำลืมเปลี่ยนฟร้อนภาษาปะวะ 5555
เดินดูของฝากไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ซื้อหรอก แอบบ่นว่าแพงอยู่นิ 555
ขากลับระหว่างทาง 40 กิโลเมตร ด้านซ้ายมือ เราจะเจอความยิ่งใหญ่และเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวลาวอีกหนึ่งอย่าง คือ โรงงานกาแฟดาว ที่ใหญ่โตและทำเงินให้กับประเทศลาวได้เป็นอย่างมาก
หลงทางจ้าาา กว่าจะกลับมาได้ก็ถามทางเค้ามาตลอด ปากเซไปทางนี้มั้ยครับ? คนลาวก็บอกว่าโด้ยๆๆๆๆๆ กว่าจะเข้าใจก็ต้องถามต่อกลับไปว่าโด้ยแปลว่าอะไร 5555 (โด้ย แปลว่า ค่ะ)
กลับมาถึงโรงแรมก็ 1 ทุ่มพอดี หิวมาก เพลียมาก จอดรถที่โรงแรมเสร็จก็เดินข้ามฝั่งมาจะมีร้านเฝอเวียดนามอยู่ (จริงๆแล้วแถวนั้นมีหลายร้านมาก)
แต่เฝอไก่ร้านนี้จะไม่เหมือนร้านอื่นคือ ใช้ไก้บ้าน(เหนียวๆ) ชิ้นใหญ่ๆติดกระดูก แทะเพลินไปอีกแบบ
รสชาติจัดว่าเด็ด!!
ขับแว๊นเที่ยวต่ออีกแปป
แล้วกลับมานับตังค์ที่เหลือ คิดค่าเสียหายวันนี้ (ค่าครองชีพจัดว่าสูงใช้ได้) เออๆ นึกได้พอดีว่าพรุ่งนี้ต้องไปดอนเดด รีบลงไปจองตั๋วรถตู้กับทางโรงแรม(กลัวที่นั่งเต็ม)
ฝันดีสำหรับค่ำคืนนี้ ^^
เช้าวันที่ 27/09/58
V
v
กู๊ดม้อวแหน่ง ปากเซ ^^ ตื่นแต่เช้า อาบน้ำ ทำภาระกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย
6 โมงเช้า แว๊นมอไซค์ไปวัดหลวงปากเซ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่นัก
และเป็นอีกหนึ่งความโชคดีของผมคือ
ซื้อดอกบัว 10,000 กีบ
เดินไปเดินมาในบริเวณวัด ศาลาการเปรียญแห่งนี้ งดงามมาก
ขณะที่ผมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ศาสนิกชนชาวลาวก็หลั่งไหลเข้ามาทำบุญกันอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็จับจองที่นั่งกันไป
บริเวณวัดสวยมาก ทั้งด้านในและด้านนอก เพราะวัดนี้เป็นวัดหลวง วัดเดียวแห่งเมืองปากเซ
ผมทำบุญติดผ้าป่าไป 100 บาท และหยิบใบ 20 ถวายพระในวิหาร พระท่านก็ให้ด้ายผูกข้อมือมา 1 เส้น
หนุ่มสาวชาวลาวก็เข้าวัดเข้าวา นั่งพับเพียบ แต่งกายเรียบร้อยน่าชื่นชมมาก
บ้างก็จัดเซลฟี่กันไปเบาๆ ระหว่างรอ ^^
อ้ายๆ ถ่ายฮูปให้แหน่... เสียงใสใสจากสาวลาวน้อยผู้นี้ ผมถามน้องเค้าว่า พิธีเริ่มกี่โมง น้องบอกว่า 8 โมง (โอ้วววว แม่สาวน้อย ทำไมสายจัง อ้ายต้องรีบไปที่อื่นต่อ)
พอยกกล้องขึ้นมาเท่านั้นแหละ แหม่ะ!! ทำเป็นอายเลยทีเดียวเชียว แม่สาวน้อย 555
และนี่ก็คือข้าวของ อาหาร ที่นำมาถวายพระ อาหารก็คล้ายๆกับบ้านเรา แต่เค้าจะใส่ถาดหรือภาชนะที่ดูอลังการมากมายกว่าบ้านเรานะ
พานเงินแท้
ขันทองโบราณ
และนี่ก็คือพุ่มเงิน เค้าเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ คล้ายๆพุ่มผ้าป่าบ้านเรา แต่เค้าจะเอาไปของใครของมัน ครอบครัวละพุ่มๆ แล้วแต่บางพุ่มก็เป็นใบ 2,000 กีบ บางพุ่มเป็นใบ 5,000 กีบ หรือครอบครัวไหนเงินหนาหน่อยก็จะเป็นใบละ 10,000 กีบ 20,000 กีบ ก็ว่ากันไปตามกำลังศรัทธา
**ใครจะจัดทริปเที่ยวปากเซ ผมแนะนำถ้าเป็นไปได้ให้ไปตรงกับวันพระ เพราะคุณจะได้สัมผัสวัฒนธรรมแบบชาวพุทธลาวแท้ๆ พุทธแบบสมัยเก่าของชาวลาว ทั้งการแต่งการที่เป็นเอกลักษณ์ และประเพณีการทำบุญที่ต่างจากบ้านเรา
7 โมง พอดิบพอดี ได้เวลากลับโรงแรมไปเชคเอ้าท์ และคืนมอไซค์สายแว๊นคู่กาย อ้าว!!! มิสหน่อย...ไฉนเจ้าถึงปิดร้าน แล้วกูจะคืนมอไซค์ยังไงเนี่ย คือจะโทรไป โทรศัพท์ก็เป็นซิมเนต เวรกรรมแล้วจะเอาพาสปอร์ตคืนยังไงเนี่ย เพราะคืนนี้ต้องไปนอนที่อื่น ฝรั่งมังค่าก็ต่างยืนรอมิสหน่อยเพื่อที่จะคืนมอไซค์กันเป็นแถวๆ (ที่ไหนได้ มิสหน่อยไปทำบุญอยู่วัดจ้าาา 555 ผมก็เลยให้ทางโรงแรมโทรไปบอกมิสหน่อย แต่นางก็ไม่มา สงสัยกำลังซึ้งในรถพระธรรม นางให้เด็กที่ไหนไม่รู้มาเปิดร้านให้ แล้วหาพาสปอร์ตที่นางเก็บไว้เป็นพักใหญ่)
7 โมง 50 นาที หิวมากกกก!!! ขอสั่งเฝอลานคำกินซักชามระหว่างนั่งรอรถตู้มารับ ไปดอนเดด 8 โมง
ทันใดนั้นรถตู้ก็มาพอดี คือกูเพิ่งจะกินเฝอได้ 3 คำปะวะ เออ!!! ไปก็ไป เดี๋ยวเค้าไม่รอ (ผมขอคนขับนั่งหน้าแม่มเลยครัช ได้กินลมชมนก)
บัตรโดยสาร ผมจองไว้กับทางโรงแรมลานคำ ราคา 70,000 กีบ (ประมาณ 300 บาท)
แวะรับผู้โดยสารที่ โรงแรมจำปาสัก พาเลด เป็นโรงแรมที่ใหญ่และสวยมาก ประวัติโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นพระราชวังเก่า ปัจจุบันทำเป็นโรงแรม ผมรู้แค่นี้แหละคับ 555
และการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น ปากเซ-นากะสัง ระยะทาง 144 กิโลเมตร แต่ตลอดการเดินทาง ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ปราณีปราศัย แอบเป็นห่วงกระเป๋า ลุงแกเอากระเป๋าไว้ข้างบนหรือตรงล่าง ถ้ากระเป๋าเปียกกูจะเอาเสื้อผ้าไหนใส่ }{";<M?>
11.00 น. เราก็ถึงนากะสัง รถจอด ผู้โดยสารก็ลงจากรถ ส่วนตัวผมเองนี่รีบโดดลงมาเลย จะมาดูสภาพกระเป๋า ปรากฏว่ากระเป๋าอยู่ด้านล่าง โอ้ยยยย โล่งอก #พุทธโธธัมโมสังโฆ เป็นเพราะผลบุญเมื่อเช้าแท้ๆ 5555 และสังเกตุนะครับว่า นักท่องเที่ยวแทบจะทุกคน คือ Backpacker มาเที่ยวคนเดียว ต่างคนต่างที่ หลากหลายประเทศ
จากนั้นเราก็เดินไปให้พนักงานตรวจตั๋วรถก่อน ค่อยเดินไปท่าเรือ
ทางที่เราจะไปขึ้นเรือก็อยู่นู่นนนนน >> สุดถนนเส้นนี้เลย เดินไปเรื่อยๆ ไกลอยู่พอสมควร
ถึงแล้วก็เลี้ยวขาว จะเจอที่ทำการท่าเรือ
เราสามารถนำตั๋วรถนี้แหละไปแลกเป็นตั๋วเรือ เพื่อใช้ในการเดินทางอีกทีนึง (เออๆ ผมลืมบอก ถ้าจองตั๋วรถจากโรงแรมลานคำแล้ว ก็บอกเค้าด้วยว่าซื้อตั๋วเรือด้วย แต่ถ้าเราซื้อแต่ตั๋วรถอย่างเดียว เราต้องมาซื้อตั๋วเรือที่นี่เอง)
ตั๋วเรือ นากะสัง-ดอนเดด ราคา 15,000 กีบ
เริ่มไปกันเล้ยยยยย บรรยากาศดีมาก ฝนหยุดตก ลมเย็น แต่น้ำแม่น้ำโขงช่วงนี้ขุ่นไปนิด
คนขับใจดี ชวนคุยไปตลอดทาง ผมบอกว่ามาจากไทย แกก็บอกว่าคนไทยไม่ค่อยมาเที่ยวที่นี่กันนะ ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งเยอะมาก คนไทยชอบเที่ยวในตัวเมืองปากเซซะส่วนใหญ่
ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะเป็นต่างชาติ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ก็มีนะ (ถามว่ารู้ได้ไง มั่วเอาครับ ดูจากหน้าตาและภาษาที่ปักตรงหมวกและกระเป๋าเค้าเอา 555)
ใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 15 นาที เราก็มาถึงหมู่บ้านดอนเดด ที่นี่มีนามว่า ''มหานที 4 พันดอน'' ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่มากๆ อยู่กลางแม่น้ำโขง และมีหลายหมู่บ้านตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้ มีวัด โรงเรียน ครบครัน!!!
เดินหาที่พักคนเดียวไปเรื่อย สอบถามราคา และดูสภาพที่พักไปพร้อมๆกัน ที่นี่เป็นเหมือนหมู่บ้านธรรมดาหมู่บ้านนึง ที่มีทั้งวิถีชีวิตชนบท โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร บาร์เบียร์ อยู่ปะปนกันไปอย่างเรียบง่าย
ที่พักมีทั้งแบบราคาหลักพัน ถือว่าโอเคเลย
อันนี้ก็ธรรมดาจนเกินไป จนบางทีก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะปลอดภัยทั้งร่างกายและทรัพย์สิน 555 (เข้าไปถามราคา แค่ 100 กว่าบาท/คืนเอง) ไม่กล้านอน กลัวมันหักลงมา เพราะผมหุ่นควาย 5555
***มีต่อ***