เราเชื่อว่า BBL จะเป็นผู้ปล่อยกู้หลัก และเรามองว่าเงินกู้ของ JAS จะต้องใช้การปล่อยกู้ร่วม
ทำไมถึงเป็น KBANK? ในช่วงปีที่ผ่านมา KBANK ถูกจัดว่าเป็นธนาคารที่มีชื่อเรื่องการกระจายความเสี่ยง
และไม่ยุ่งกับธุรกิจที่มีความเสี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม การที่ SCB ได้ทำข้อตกลงกับกลุ่ม CP ว่าจะไม่ยุ่งกับคู่แข่งรายอื่น
และ KTB กำลังมีปัญหาด้านสินเชื่อของตัวเอง ทำให้ KBANK เป็นธนาคารที่มีโอกาสในการทำการปล่อยกู้ร่วมสูงสุด
และจากการประชุมครั้งล่าสุด KBANK ได้กล่าวว่าอาจจะมีการเข้าร่วมเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีกับ
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสื่อสาร แสดงถึงว่า JAS มีอิทธิพลต่อทั้ง KBANK และ BBL
ทำไมธนาคารต้องรับความเสี่ยง? จากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 1997 กลุ่มธนาคารของไทยได้พัฒนา
ขั้นตอนการออกสินเชื่อ โดยมองด้านความเป็นไปได้ และกระแสเงินสดมากกว่าหลักประกัน
แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและธนาคาร ทำให้ในบางครั้งธนาคารจะต้องมีการออกสินเชื่อ
ที่มีความพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งในกรณีนี้อาจเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับ
กรณีของ SSI แต่กรณีนี้ต่างจาก SSI คือ 1) SSI เป็นธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ข้ามชาติที่แข่งในระดับประเทศ
ซึ่งถูกทุ่มตลาดโดยเหล็กจีน การปล่อยกู้ในกรณีนี้ธนาคารของไทยจะเสียเปรียบในด้านการวิเคราะห์
2) การทำธุรกิจของกลุ่มสื่อสารอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้ในกรณีที่ JAS ผิดนัดชำระธนาคาร
สามารถยึดสินทรัพย์มาขายได้ และหาก JAS ถูกบันทึกเป็น NPL จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
เนื่องจากสามารถนำไปขายให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นได้
- บล.ทิสโก้
น้องมะลิ--JAS กับอีกหนึ่งความเป็นไปได้ ***
ทำไมถึงเป็น KBANK? ในช่วงปีที่ผ่านมา KBANK ถูกจัดว่าเป็นธนาคารที่มีชื่อเรื่องการกระจายความเสี่ยง
และไม่ยุ่งกับธุรกิจที่มีความเสี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม การที่ SCB ได้ทำข้อตกลงกับกลุ่ม CP ว่าจะไม่ยุ่งกับคู่แข่งรายอื่น
และ KTB กำลังมีปัญหาด้านสินเชื่อของตัวเอง ทำให้ KBANK เป็นธนาคารที่มีโอกาสในการทำการปล่อยกู้ร่วมสูงสุด
และจากการประชุมครั้งล่าสุด KBANK ได้กล่าวว่าอาจจะมีการเข้าร่วมเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีกับ
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสื่อสาร แสดงถึงว่า JAS มีอิทธิพลต่อทั้ง KBANK และ BBL
ทำไมธนาคารต้องรับความเสี่ยง? จากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 1997 กลุ่มธนาคารของไทยได้พัฒนา
ขั้นตอนการออกสินเชื่อ โดยมองด้านความเป็นไปได้ และกระแสเงินสดมากกว่าหลักประกัน
แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและธนาคาร ทำให้ในบางครั้งธนาคารจะต้องมีการออกสินเชื่อ
ที่มีความพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งในกรณีนี้อาจเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับ
กรณีของ SSI แต่กรณีนี้ต่างจาก SSI คือ 1) SSI เป็นธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ข้ามชาติที่แข่งในระดับประเทศ
ซึ่งถูกทุ่มตลาดโดยเหล็กจีน การปล่อยกู้ในกรณีนี้ธนาคารของไทยจะเสียเปรียบในด้านการวิเคราะห์
2) การทำธุรกิจของกลุ่มสื่อสารอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้ในกรณีที่ JAS ผิดนัดชำระธนาคาร
สามารถยึดสินทรัพย์มาขายได้ และหาก JAS ถูกบันทึกเป็น NPL จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
เนื่องจากสามารถนำไปขายให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นได้
- บล.ทิสโก้