ขอพิมพ์สดๆเลยนะครับ ไม่ได้เรียบเรียงคำ
ผมต้องการที่จะซื้อบ้านโครงการซักหลัง ผมจึงตระเวรดูบ้านตามโครงการต่างๆ จนถูกในบ้านในโครงการxxx และถูกใจแปลงที่ดินที่จะสร้างบ้าน แต่!!!แปลงที่ถูกใจ ยังไม่เริ่มก่อสร้าง ผมจึงขอจองแปลงที่ดินไว้ และ ได้พูดคุยกับเจ้าของโครงการว่า ผมอยากที่จะต่อเติมอยู่แล้วผมจะขอเปลี่ยนแปลงหรือ เพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านได้หรือไม่ หลังจากการพูดคุยก็ เจ้าของโครงการก็ยอม แต่ต้องให้ผมทำรายละเอียดมาให้เรียบร้อย และ ผ่านการประเมินของแบงค์ให้ผ่าน (ตอนนั้น โครงการ ยื่นเรื่องไปกับ SCB ครับ แบงค์ก็ไม่มีปัญหาอะไร) ปล. ผมทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ ข้อมูลทางการเงินผมค่อนข้างจะแน่น ทั้งเอกสารการเงิน สถิติข้อมูลของธุรกิจ หลักทรัพย์ที่มี ไม่มีภาระการผ่อนบ้านหรือรถ เงินเข้า เงินออก เงินหมุน ค่อยข้างจะระเอียด เหลืออย่างเดียวที่ไม่มีคือ การจดทะเบียนการค้า (ซึ่งกำลังจะจด)ดังนั้น โครงการก็อนุญาติ แต่เค้าไม่เปลี่ยนโครงสร้างหลักของตัวบ้าน และขอคืนค่าวัสดุ ให้ผม60% (ไม่คืนค่าแรง แอบเศร้าเล็กๆ แต่คิดว่าเค้าให้ขนาดนี้ ผมก็ดีใจแล้วครับ) ...
เมื่อเสร็จเรียบร้อย ผมได้ว่าจ้าง สถาปนิคออกแบบบ้านขึ้นมาใหม่ โดยบอกว่าต้องการของผม บร้าๆๆๆๆ ... ย้ายตำแหน่ง หน้าต่าง ประตู เปลี่ยนขนาด กำหนดตำแหน่ง ไฟ ปลั๊ก สวิต เต้าเสียบ โน้นนี่ หญ้า,ต้นไม้ก็ยังไม่ปลูก เปลี่ยนพื้นกระเบื้องชั้นล่าง เปลี่ยนพื้นบรรได เปลี่ยนพื้นชั้น2จากพื้นลามิเนต โดยการเปลี่ยนแปลงพื้นทางโครงการขอให้เจ้าของบ้านเปลี่ยนเองหลังจากที่โอน เพราะ ช่างของโครงการอาจจะทำให้พื้นของเจ้าของบ้านเสียหาย ผมก็okไม่มีปัญหาอะไร และผมตัดสินใจ(ตัดสินใจเอง โดยปรึกษาเจ้าหน้าที่ฝ่ายก่อสร้างของโครงการ) ดอกเสาเข็ม (ขนาดเท่าเสาเข็มบ้านในส่วนที่ผมจะต่อเติม โดยจะเพิ่มห้องเหนือบริเวณลานจอดรถ) ตอนที่กำลังดอกเสาเข็มบ้านเลย (ที่ตอกตอนนี้เพราะ ราคาถูกกว่าการทำเสาเข็มแบบสปัน ถึง 4 เท่า ) ที่ตัดสินใจเองเพราะ สถาปนิค เค้า “ หลอก “ ผมไม่รู้จบอะไรมา ซึ่งตอนนี้ แจ้งความ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ลงเป็นคดีอาญา เรียบร้อยแล้ว อยู่ในชั้นตอนการคืนเงินให้ผม (ก่อนมาถึงจุดนี้ เครียดดดดดมากครับ แทบกราบตีนสถาปนิคหัวหอกๆๆ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ) ณ จุดนี้ รู้ซึ้งถึงความเครียด
ระหว่างที่สร้างบ้าน ผมก็จ้างสถาปนิคเจ้าใหม่ (อันนี้เป็นบริษัท) ก็จัดการออกแบบให้ผมสวยงาม ไม่มีปัญหา ขึ้นรูป3D สวยฟริ้งงง และให้คำแนะนำเป็นอย่างดี จนแบบเสร็จ ผมก็ทำสัญญา ต่อเติม และ ตกแต่ง เพิ่มเติม (ระยะเวลาประมาณ 5 เดือน) รวมเป็นเงิน ประมาณ7ล้านบาท โดยไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์ลอย ... ซึ่งผมก็พอใจ
ตอนนี้บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และปัญหาแรกก็เกิดขึ้น เมื่อ ทางโครงการยื่นขอสินเชื่อกับแบงค์SCB(ไม่มีปัญหา) และผมก็ขอไปข้อมูลทางสินเชื่อทางแบงค์อื่นๆ เพื่อที่จะเปรียบเทียบกับสินเชื่อ (ดอกอันไหนถูกสุด ผมก็เชื่อแบงค์นั้น) ผมก็เลยเข้าไปที่แบงค์สีเหลือง คุยเสร็จสับเรียบร้อย ยื่นเอกสารจบ สวยงาม มีเจ้าหน้าที่โทรมาถามเรื่องของธุรกิจ โน้นนี่ ผมก็ตอบไม่มีปัญหาอะไร และ เจ้าหน้าที่ก็บอกผมว่า ไม่มีปัญหาอะไร ผู้การก็ดูแล้ว แล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่า คนที่ใหญ่กว่าผู้การต้องเป็นคนเซ็น เพราะบ้านราคาสูง คนเก่าก็บอกไม่มีปัญหาอะไร แต่ คนใหม่ก็ขอเอกสารผมเพิ่มเติม ผมก็ยื่นให้อีก 2-3 ครั้ง !!! ผมก็ปฏิบัติตามอย่างดี สุดท้ายครับ สุดท้ายยยยย
สุดท้ายยยยย ไม่ผ่านครับ “ ไม่ผ่าน “ !!!! ไม่ผ่านเพราะ ฝ่ายประเมินบ้าน บอกว่าบ้านผมไม่ผ่าน ..
เพราะบ้านเสร็จไม่ถึง 90 % (เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อที่ผมติดต่อแจ้งผมมา) ผมบอกพนักงานไปว่า “ พี่.. แจ้งฝ่ายประเมินไปรึยังครับ ว่าที่บ้านไม่เสร็จเพราะผมสั่งยกเลิก เพื่อที่จะต่อเติมและตกแต่ง ผมจะได้ไม่ต้องเสีย 2 ต่อ ทั้งการวัสดุการสร้าง(ขอคืนได้ประมาณเกือบ 2 แสนครับ) ถึงแม้นจะคืนค่าของได้ 60% และไม่ต้องเสียค่าทุบของเดิมออก พี่..ส่งสัญญา แปลนบ้าน รูป3D ไปให้ฝ่ายประเมินรึเปล่าครับ “ พี่เค้าก็บอกยังไม่ได้แนบเอกสาร ผมก็บอกให้พี่เค้าแนบเอกสารเพิ่มเติม แต่สุดท้าย “ น่าจะ “ ไม่ผ่านจริงๆ ครับ เพราะเรื่องเงียบไป 2-3 วันแล้ว
สุดท้ายนี้ ผมเข้าใจฝ่ายประเมินแบงค์กรุงศรี ว่า บ้านไม่เสร็จ 90% เพราะ นโยบาย ดูผลประโยชน์ให้ของเจ้าของบ้าน (แอบเห็นกระทู้popน่าสุดของห้อง “ โอนบ้านไม่มีบรรไดขึ้นชั้น 2 “ อันนี้เสร็จ 99 % เหรอครับ ไม่มีบรรไดอย่างเดียว ) อาจจะดูว่าบ้านไม่เรียบร้อยเพราะโครงการก่อสร้างเสร็จไม่ทัน หรือ ทำให้โครงสร้างเสียหาย อันนี้ผมเข้านะครับ
แต่ บ้านของผม (ตอนนี้ยังไม่เป็น) มันไม่ใช่ บ้านกรู เห้ยยยย (ของเริ่มขึ้นครับ) บ้านผมมันเสร็จแค่นี้ แล้วเอกสารการเงินครบถ้วน ทั้งความสะเอียดในการทำธุรกิจ แหล่งที่มาของเงิน กำไรของธุรกิจ รายรับรายจ่าย ก็ทำให้อย่างละเอียด ไม่มีการทำเอกสารมั่วๆๆขึ้นมาหลอกแบงค์ แถมยังปลอดภาระหนี้ มีทรัพย์สิน คอนโด2ห้อง เส้นเพชรบุรีตัดใหม่ อาคารพานิช2ห้องเส้นรามคำแหง รถ2คัน BB1คัน ที่ดินเปล่าลาดพร้า (203วา) ที่ดินเปล่าขอนแก่น 1 ยโสอีก1 อีกทั้งเมื่อรับมอบบ้านก็มีสัญญาต่อเติมพร้อมตกแต่ง มูลค่า 7ล้านบาท (ไม่รวมเฟอร์ลอย) ดังนั้น อีก 4 เดือนข้างหน้า บ้านจะมีมูลข้างอย่างน้อยๆๆๆๆๆๆ เพิ่มอีก 3 ล้าน (ถ้าไฟไม่ไหม้ น้ำไม่ท่วมแบบมิดหัว แผ่นดินไม่แยกตรงบ้านพอดี) หรือ หากคิดแย่ๆๆ ผมไม่มีจ่ายแบงค์จริงๆ คุณก็ยึดบ้าน เอาไปขายทอดตลาด ขายบ้านไปคุณได้เงิน ถ้าไม่พอ ผมก็ต้องติดหนี้แบงค์เหมือนเดิม ผมมีทรัพย์สินอะไร คุณก็ยึดไปขาย (เรื่องนี้ผมรู้ดี เพราะ พ่อผมโดนมา)
ผมก็คิดว่าแบงค์ก็เป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง แบงค์อยู่ได้เพราะ ได้กำไร ผมก็เลยคิดว่า แบงค์เป็น “ ธุรกิจ “
ผมขอก็เล่าในความเข้าใจของผม ไม่รู้ผิดถูกอย่างไร
ผมมองในมุมมองธุรกิจ มองตัวเลข
ขอบคุณเพื่อนๆมากครับ ที่อุสานั่งอ่านจนจบ
หวังว่า กระทู้นี้คงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการขอสินเชื่อแบงค์ครับ
ขอบคุณครับ
ปล. อีกหลายรูป ส่งไม่ได้ครับ ยังไม่ได้ย่อรูป ข้อโทษด้วยครับ ดึกๆจะเข้ามาใหม่ครับ
ขอลบชื่อ บริษัทออกแบบนะครับ เด๋วจะหาว่าโปรโมท จะโดนด่าอีก
กู้สินเชื่อบ้านไม่ผ่าน เพราะ ฝ่ายประเมิน(ตัวบ้าน) #กรุงศรี
ผมต้องการที่จะซื้อบ้านโครงการซักหลัง ผมจึงตระเวรดูบ้านตามโครงการต่างๆ จนถูกในบ้านในโครงการxxx และถูกใจแปลงที่ดินที่จะสร้างบ้าน แต่!!!แปลงที่ถูกใจ ยังไม่เริ่มก่อสร้าง ผมจึงขอจองแปลงที่ดินไว้ และ ได้พูดคุยกับเจ้าของโครงการว่า ผมอยากที่จะต่อเติมอยู่แล้วผมจะขอเปลี่ยนแปลงหรือ เพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านได้หรือไม่ หลังจากการพูดคุยก็ เจ้าของโครงการก็ยอม แต่ต้องให้ผมทำรายละเอียดมาให้เรียบร้อย และ ผ่านการประเมินของแบงค์ให้ผ่าน (ตอนนั้น โครงการ ยื่นเรื่องไปกับ SCB ครับ แบงค์ก็ไม่มีปัญหาอะไร) ปล. ผมทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ ข้อมูลทางการเงินผมค่อนข้างจะแน่น ทั้งเอกสารการเงิน สถิติข้อมูลของธุรกิจ หลักทรัพย์ที่มี ไม่มีภาระการผ่อนบ้านหรือรถ เงินเข้า เงินออก เงินหมุน ค่อยข้างจะระเอียด เหลืออย่างเดียวที่ไม่มีคือ การจดทะเบียนการค้า (ซึ่งกำลังจะจด)ดังนั้น โครงการก็อนุญาติ แต่เค้าไม่เปลี่ยนโครงสร้างหลักของตัวบ้าน และขอคืนค่าวัสดุ ให้ผม60% (ไม่คืนค่าแรง แอบเศร้าเล็กๆ แต่คิดว่าเค้าให้ขนาดนี้ ผมก็ดีใจแล้วครับ) ...
เมื่อเสร็จเรียบร้อย ผมได้ว่าจ้าง สถาปนิคออกแบบบ้านขึ้นมาใหม่ โดยบอกว่าต้องการของผม บร้าๆๆๆๆ ... ย้ายตำแหน่ง หน้าต่าง ประตู เปลี่ยนขนาด กำหนดตำแหน่ง ไฟ ปลั๊ก สวิต เต้าเสียบ โน้นนี่ หญ้า,ต้นไม้ก็ยังไม่ปลูก เปลี่ยนพื้นกระเบื้องชั้นล่าง เปลี่ยนพื้นบรรได เปลี่ยนพื้นชั้น2จากพื้นลามิเนต โดยการเปลี่ยนแปลงพื้นทางโครงการขอให้เจ้าของบ้านเปลี่ยนเองหลังจากที่โอน เพราะ ช่างของโครงการอาจจะทำให้พื้นของเจ้าของบ้านเสียหาย ผมก็okไม่มีปัญหาอะไร และผมตัดสินใจ(ตัดสินใจเอง โดยปรึกษาเจ้าหน้าที่ฝ่ายก่อสร้างของโครงการ) ดอกเสาเข็ม (ขนาดเท่าเสาเข็มบ้านในส่วนที่ผมจะต่อเติม โดยจะเพิ่มห้องเหนือบริเวณลานจอดรถ) ตอนที่กำลังดอกเสาเข็มบ้านเลย (ที่ตอกตอนนี้เพราะ ราคาถูกกว่าการทำเสาเข็มแบบสปัน ถึง 4 เท่า ) ที่ตัดสินใจเองเพราะ สถาปนิค เค้า “ หลอก “ ผมไม่รู้จบอะไรมา ซึ่งตอนนี้ แจ้งความ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ลงเป็นคดีอาญา เรียบร้อยแล้ว อยู่ในชั้นตอนการคืนเงินให้ผม (ก่อนมาถึงจุดนี้ เครียดดดดดมากครับ แทบกราบตีนสถาปนิคหัวหอกๆๆ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ) ณ จุดนี้ รู้ซึ้งถึงความเครียด
ระหว่างที่สร้างบ้าน ผมก็จ้างสถาปนิคเจ้าใหม่ (อันนี้เป็นบริษัท) ก็จัดการออกแบบให้ผมสวยงาม ไม่มีปัญหา ขึ้นรูป3D สวยฟริ้งงง และให้คำแนะนำเป็นอย่างดี จนแบบเสร็จ ผมก็ทำสัญญา ต่อเติม และ ตกแต่ง เพิ่มเติม (ระยะเวลาประมาณ 5 เดือน) รวมเป็นเงิน ประมาณ7ล้านบาท โดยไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์ลอย ... ซึ่งผมก็พอใจ
ตอนนี้บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และปัญหาแรกก็เกิดขึ้น เมื่อ ทางโครงการยื่นขอสินเชื่อกับแบงค์SCB(ไม่มีปัญหา) และผมก็ขอไปข้อมูลทางสินเชื่อทางแบงค์อื่นๆ เพื่อที่จะเปรียบเทียบกับสินเชื่อ (ดอกอันไหนถูกสุด ผมก็เชื่อแบงค์นั้น) ผมก็เลยเข้าไปที่แบงค์สีเหลือง คุยเสร็จสับเรียบร้อย ยื่นเอกสารจบ สวยงาม มีเจ้าหน้าที่โทรมาถามเรื่องของธุรกิจ โน้นนี่ ผมก็ตอบไม่มีปัญหาอะไร และ เจ้าหน้าที่ก็บอกผมว่า ไม่มีปัญหาอะไร ผู้การก็ดูแล้ว แล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่า คนที่ใหญ่กว่าผู้การต้องเป็นคนเซ็น เพราะบ้านราคาสูง คนเก่าก็บอกไม่มีปัญหาอะไร แต่ คนใหม่ก็ขอเอกสารผมเพิ่มเติม ผมก็ยื่นให้อีก 2-3 ครั้ง !!! ผมก็ปฏิบัติตามอย่างดี สุดท้ายครับ สุดท้ายยยยย
สุดท้ายยยยย ไม่ผ่านครับ “ ไม่ผ่าน “ !!!! ไม่ผ่านเพราะ ฝ่ายประเมินบ้าน บอกว่าบ้านผมไม่ผ่าน ..
เพราะบ้านเสร็จไม่ถึง 90 % (เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อที่ผมติดต่อแจ้งผมมา) ผมบอกพนักงานไปว่า “ พี่.. แจ้งฝ่ายประเมินไปรึยังครับ ว่าที่บ้านไม่เสร็จเพราะผมสั่งยกเลิก เพื่อที่จะต่อเติมและตกแต่ง ผมจะได้ไม่ต้องเสีย 2 ต่อ ทั้งการวัสดุการสร้าง(ขอคืนได้ประมาณเกือบ 2 แสนครับ) ถึงแม้นจะคืนค่าของได้ 60% และไม่ต้องเสียค่าทุบของเดิมออก พี่..ส่งสัญญา แปลนบ้าน รูป3D ไปให้ฝ่ายประเมินรึเปล่าครับ “ พี่เค้าก็บอกยังไม่ได้แนบเอกสาร ผมก็บอกให้พี่เค้าแนบเอกสารเพิ่มเติม แต่สุดท้าย “ น่าจะ “ ไม่ผ่านจริงๆ ครับ เพราะเรื่องเงียบไป 2-3 วันแล้ว
สุดท้ายนี้ ผมเข้าใจฝ่ายประเมินแบงค์กรุงศรี ว่า บ้านไม่เสร็จ 90% เพราะ นโยบาย ดูผลประโยชน์ให้ของเจ้าของบ้าน (แอบเห็นกระทู้popน่าสุดของห้อง “ โอนบ้านไม่มีบรรไดขึ้นชั้น 2 “ อันนี้เสร็จ 99 % เหรอครับ ไม่มีบรรไดอย่างเดียว ) อาจจะดูว่าบ้านไม่เรียบร้อยเพราะโครงการก่อสร้างเสร็จไม่ทัน หรือ ทำให้โครงสร้างเสียหาย อันนี้ผมเข้านะครับ
แต่ บ้านของผม (ตอนนี้ยังไม่เป็น) มันไม่ใช่ บ้านกรู เห้ยยยย (ของเริ่มขึ้นครับ) บ้านผมมันเสร็จแค่นี้ แล้วเอกสารการเงินครบถ้วน ทั้งความสะเอียดในการทำธุรกิจ แหล่งที่มาของเงิน กำไรของธุรกิจ รายรับรายจ่าย ก็ทำให้อย่างละเอียด ไม่มีการทำเอกสารมั่วๆๆขึ้นมาหลอกแบงค์ แถมยังปลอดภาระหนี้ มีทรัพย์สิน คอนโด2ห้อง เส้นเพชรบุรีตัดใหม่ อาคารพานิช2ห้องเส้นรามคำแหง รถ2คัน BB1คัน ที่ดินเปล่าลาดพร้า (203วา) ที่ดินเปล่าขอนแก่น 1 ยโสอีก1 อีกทั้งเมื่อรับมอบบ้านก็มีสัญญาต่อเติมพร้อมตกแต่ง มูลค่า 7ล้านบาท (ไม่รวมเฟอร์ลอย) ดังนั้น อีก 4 เดือนข้างหน้า บ้านจะมีมูลข้างอย่างน้อยๆๆๆๆๆๆ เพิ่มอีก 3 ล้าน (ถ้าไฟไม่ไหม้ น้ำไม่ท่วมแบบมิดหัว แผ่นดินไม่แยกตรงบ้านพอดี) หรือ หากคิดแย่ๆๆ ผมไม่มีจ่ายแบงค์จริงๆ คุณก็ยึดบ้าน เอาไปขายทอดตลาด ขายบ้านไปคุณได้เงิน ถ้าไม่พอ ผมก็ต้องติดหนี้แบงค์เหมือนเดิม ผมมีทรัพย์สินอะไร คุณก็ยึดไปขาย (เรื่องนี้ผมรู้ดี เพราะ พ่อผมโดนมา)
ผมก็คิดว่าแบงค์ก็เป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง แบงค์อยู่ได้เพราะ ได้กำไร ผมก็เลยคิดว่า แบงค์เป็น “ ธุรกิจ “
ผมขอก็เล่าในความเข้าใจของผม ไม่รู้ผิดถูกอย่างไร
ผมมองในมุมมองธุรกิจ มองตัวเลข
ขอบคุณเพื่อนๆมากครับ ที่อุสานั่งอ่านจนจบ
หวังว่า กระทู้นี้คงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการขอสินเชื่อแบงค์ครับ
ขอบคุณครับ
ปล. อีกหลายรูป ส่งไม่ได้ครับ ยังไม่ได้ย่อรูป ข้อโทษด้วยครับ ดึกๆจะเข้ามาใหม่ครับ
ขอลบชื่อ บริษัทออกแบบนะครับ เด๋วจะหาว่าโปรโมท จะโดนด่าอีก