เรากำลังจะเลี้ยวซ้ายออกจากปั๊ม SUSCO ติวานนท์ เพื่อมุ่งหน้าไปแยกศรีสมาน
พอรถขวาทิ้งห่าง เราก็พุ่งออกไป พอช่วงหักล้อจะพ้นทางออกปั๊ม SUSCO หางตาก็เห็นมอไซค์ขี่ย้อนศรมา เบรคไม่ทันละ ทำได้แค่บีบแตรไปหนึ่งแปร๊น
หลังจากนั้น เราก็ได้ยินเสียง "โครม" เห็นเต็มๆ ว่า มอไซค์ล้มลงไปกับพื้นแล้ว พอตั้งลำรถได้ ก็จอดชิดซ้ายหน้าทางเข้า ร.พ.กรุงไทย เปิดไฟกระพริบลงมาดูอาการมอไซค์
มีพ่อค้าหน้าปั๊ม SUSCO ช่วยประคองรถมอไซค์ขึ้นมาละ คนขี่เหมือนเป็นสาวห้าววัยกลางคน ฝ่ามือคงไถไปกับพื้นหิน เลือดออกซิบๆ
รถเก๋ง : "ไป ร.พ.ไหม เดี๋ยวออกค่ารักษาพยาบาลให้" (ต้องยอมรับว่า หน้าตาเราไร้อารมณ์ เซ็งสุดขีด พร้อมชี้มือไปที่ ร.พ.กรุงไทย ที่เดินเข้าไปได้เลย)
มอไซค์พยายามบีบเลือดออกจากแผลเปื้อนฝุ่น : "ไม่ล่ะ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป" (หน้าตาแบบเซ็งสุดขีดพอกัน)
รถเก๋ง (ฟาดเคราะห์งั้นเหรอ??? อารมณ์เริ่มขึ้น) : "ไม่ได้มองรถที่ย้อนศรมา"
มอไซค์ : "ก็บ้านอยู่แค่นี้ แล้วนี่ก็ชะลอมาแล้ว" ... อื้อหือ คดีพลิกเลย เหมือนรถเก๋งติดหนี้บุญคุณ ที่มอไซค์ขี่ย้อนศรยอมล้มตัวเจ็บ เพื่อจะไม่พุ่งชนประตูหลังเก๋งเต็มๆ
รถเก๋งหาได้สำนึกตามที่มอไซค์ต้องการไม่ ถามซ้ำไปอีกครั้ง : "จะเข้าไปล้างแผลใน ร.พ.กรุงไทยนี้ก่อนไหม เดี๋ยวจ่ายเอง"
มอไซค์ยังคงปฏิเสธ งั้นก็แยกย้ายล่ะนะ ...... กลับมานั่งในรถโทรเล่าให้พี่ชายฟัง พี่ชายบอกว่า "เราเป็นรถใหญ่ ยังงัยก็ต้องดูแลรถเล็ก จ่ายค่าเสียหายให้เค้าไป"
คำแนะนำของพี่ชายค้านกับความรู้สึกสุดๆ มีเถียงกลับ "แต่เค้าย้อนศรมานะพี่" ... พี่ชายก็ยังย้ำว่า "แต่เค้าเจ็บนะ" ....
โทรถามฝ่ายยานยนต์เอาไงดี ฝ่ายยานยนต์บอกว่า "ขับรถออกมาเลย ย้อนศรมันผิดเต็มๆ ไม่ต้องไปจ่ายอะไร แค่บอกว่าจะพาไป ร.พ. ก็ใจดีเกินไปแล้ว มีปัญหา เรียกตำรวจ"
สุดท้ายโทรหาแม่ แม่บอกว่า "ไม่ต้องจ่าย ไปตามตำรวจมา ขี่ย้อนศรผิดเต็มๆ ยังจะมาเรียกค่าเสียหาย รถเราเป็นอะไรรึเปล่า ให้มันซ่อมให้ด้วย"
คำแม่ถือว่าเป็นประกาศิต คำพี่ชายถือเป็นโมฆะ ติดเครื่องขับรถไปทำธุระต่อ ... แม้จะรู้สึกมีอะไรติดค้างในใจ เพราะเห็นมอไซค์ล้ม คนขี่มีแผลเลือดซิบ ก็ตาม
ถึงเค้าจะผิด แต่เค้าเจ็บ เรารถใหญ่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้เค้า
พอรถขวาทิ้งห่าง เราก็พุ่งออกไป พอช่วงหักล้อจะพ้นทางออกปั๊ม SUSCO หางตาก็เห็นมอไซค์ขี่ย้อนศรมา เบรคไม่ทันละ ทำได้แค่บีบแตรไปหนึ่งแปร๊น
หลังจากนั้น เราก็ได้ยินเสียง "โครม" เห็นเต็มๆ ว่า มอไซค์ล้มลงไปกับพื้นแล้ว พอตั้งลำรถได้ ก็จอดชิดซ้ายหน้าทางเข้า ร.พ.กรุงไทย เปิดไฟกระพริบลงมาดูอาการมอไซค์
มีพ่อค้าหน้าปั๊ม SUSCO ช่วยประคองรถมอไซค์ขึ้นมาละ คนขี่เหมือนเป็นสาวห้าววัยกลางคน ฝ่ามือคงไถไปกับพื้นหิน เลือดออกซิบๆ
รถเก๋ง : "ไป ร.พ.ไหม เดี๋ยวออกค่ารักษาพยาบาลให้" (ต้องยอมรับว่า หน้าตาเราไร้อารมณ์ เซ็งสุดขีด พร้อมชี้มือไปที่ ร.พ.กรุงไทย ที่เดินเข้าไปได้เลย)
มอไซค์พยายามบีบเลือดออกจากแผลเปื้อนฝุ่น : "ไม่ล่ะ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป" (หน้าตาแบบเซ็งสุดขีดพอกัน)
รถเก๋ง (ฟาดเคราะห์งั้นเหรอ??? อารมณ์เริ่มขึ้น) : "ไม่ได้มองรถที่ย้อนศรมา"
มอไซค์ : "ก็บ้านอยู่แค่นี้ แล้วนี่ก็ชะลอมาแล้ว" ... อื้อหือ คดีพลิกเลย เหมือนรถเก๋งติดหนี้บุญคุณ ที่มอไซค์ขี่ย้อนศรยอมล้มตัวเจ็บ เพื่อจะไม่พุ่งชนประตูหลังเก๋งเต็มๆ
รถเก๋งหาได้สำนึกตามที่มอไซค์ต้องการไม่ ถามซ้ำไปอีกครั้ง : "จะเข้าไปล้างแผลใน ร.พ.กรุงไทยนี้ก่อนไหม เดี๋ยวจ่ายเอง"
มอไซค์ยังคงปฏิเสธ งั้นก็แยกย้ายล่ะนะ ...... กลับมานั่งในรถโทรเล่าให้พี่ชายฟัง พี่ชายบอกว่า "เราเป็นรถใหญ่ ยังงัยก็ต้องดูแลรถเล็ก จ่ายค่าเสียหายให้เค้าไป"
คำแนะนำของพี่ชายค้านกับความรู้สึกสุดๆ มีเถียงกลับ "แต่เค้าย้อนศรมานะพี่" ... พี่ชายก็ยังย้ำว่า "แต่เค้าเจ็บนะ" ....
โทรถามฝ่ายยานยนต์เอาไงดี ฝ่ายยานยนต์บอกว่า "ขับรถออกมาเลย ย้อนศรมันผิดเต็มๆ ไม่ต้องไปจ่ายอะไร แค่บอกว่าจะพาไป ร.พ. ก็ใจดีเกินไปแล้ว มีปัญหา เรียกตำรวจ"
สุดท้ายโทรหาแม่ แม่บอกว่า "ไม่ต้องจ่าย ไปตามตำรวจมา ขี่ย้อนศรผิดเต็มๆ ยังจะมาเรียกค่าเสียหาย รถเราเป็นอะไรรึเปล่า ให้มันซ่อมให้ด้วย"
คำแม่ถือว่าเป็นประกาศิต คำพี่ชายถือเป็นโมฆะ ติดเครื่องขับรถไปทำธุระต่อ ... แม้จะรู้สึกมีอะไรติดค้างในใจ เพราะเห็นมอไซค์ล้ม คนขี่มีแผลเลือดซิบ ก็ตาม