จากตอนเดิม Link :
http://pantip.com/topic/34721065
เช้าวันอาทิตย์ที่ 24 พวกเราตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง หวังว่าจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานารายณ์ ซึ่งเป็นวันที่อากาศเย็นลงกว่าเมื่อวานมากมากครับ แต่ยังดีที่ผานารายณ์อยู่ห่างจากจุดกางเต้นท์แค่ 200 เมตร ระหว่างทางมองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงจากไฟฉายที่กระทบไปโดนพื้นเท่านั้น เดินมาซักพักยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึง ตอนนั้นมืดมากยังไม่มีกลุ่มอื่นมากันเลยมีเพียงพวกเราที่มาถึงเป็นกลุ่มแรก ลมแรงมากบวกกับมีไอเย็นจากหมอกที่กระทบมาโดนตัวเรื่อย ๆ พวกเราก็นั่งคุยกันอยู่ครู่ใหญ่ก็เริ่มมีคนอื่นขึ้นมา ผมมองเวลาตอนนั้นประมาณ 6.15 น. ยังไม่มีทีท่าของดวงอาทิตย์ มีแต่หมอกที่หนามาก และตอนนั้น คนก็ขึ้นมาเยอะมากด้วย ทำให้พวกเราตกลงที่จะเดินลง เพื่อรีบไปเตรียมอาหารเช้า ซึ่งตอนนั้นบริเวณจุดกางเต้นท์ปกคลุมไปด้วย หมอกหนามาก

เมื่อมาถึงเต้น ตอนนั้นบรรยากาศรอบ ๆ ตัวดีมาก ๆ พวกเราก็ช่วยกัน นำเสบียงที่เหลืออยู่มาทำอาหารเช้ากัน

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟและโอวัลติน จะได้มีพลัง

เมนูแรกเอาข้าวกับผักที่เหลือจากเมื่อคืนมาทำเป็นข้าวต้ม ทานข้าวต้มร้อน ๆ ท่ามกลางหมอก เรียกว่า เป็นเมนูทีเด็ดที่บังเอิญทำออกมาดีมาก ๆ เลยหละครับ

เมนูต่อไป เป็นไข่เจียว อะไรเหลือ ๆ ก็ใส่มันลงไป เป็นการขจัดของเหลือเพื่อที่จะไม่ต้องจ้างลูกหาบแบกลงไป ไข่เจียวก็เป็นเมนูง่าย ๆ ที่ประทับใจอีก 1 เมนูครับ ทำง่ายและอร่อยชัว

ส่วนเมนูอื่น ก็เป็นของที่เหลือจากเมื่อคืน มาปรุงเพิ่มนิดหน่อย มีทอดไส้กรอก รวม ๆ เป็นอีกมืออาหารที่ประทับใจมากครับ ทานข้าวท่ามกลางสายหมอก
---------------------------เช้าวันนั้นพวกเรากินข้าวเช้าอย่างมีความสุข--------------------------
จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเก็บเต้นท์ เก็บสัมภาระเตรียมลงเขาครับ จ้างลูกหาบเหมือนเดิม แต่รอบนี้น้ำหนักเบาลงกว่าขาขึ้นเยอะครับ เพราะของกินหายไปหมดแล้ว แบกมาเยอะจริงๆ หายไปประมาณ 5 กิโลเลย
ก่อนลงเขาก็ถ่ายรูปเป็นที่ละลึกสักนิด พวกเราเดินลงเขากันแบบ ไม่หยุดเลยครับ ฟิตสุด ๆ แต่รอบนี้ใครลงเร็วก็ลงก่อนเจอกันทีเดียวข้างล่างเลย ใช้เวลา 2 ชัวโมงกว่า ๆ ผมก็ลงมาถึงครับ ตอนลงไม่เหนื่อยอาจจะเป็นเพราะอากาศเย็นสบายด้วย ระหว่างทางก็เจอคนที่เดินสวนขึ้นมาเป็นระยะ ก็ได้แต่ให้กำลังใจว่าใกล้ถึงแล้วครับพี่ เหมือนตอนที่เราเดินขึ้นมาก็มีคนที่พูดกับเราแบบนี้เหมือนกันนั่นเอง
เมื่อลงมาถึงพวกเราก็อาบน้พเตรียมเที่ยวในเขตเมื่อเก่ากันต่อเลยครับ โดยได้ลุงคนเดิมขับรถไปส่งให้ในตัวเมื่องเก่าครับ แกยังใจดีพาไปร้านอาหารที่บอกว่าเด็ดสุดอีกด้วย เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว และข้าวธรรมดา ลุงแกบอกว่าคนพื้นที่ก็กินร้านนี่แหละ ลุงว่ามันอร่อยดี

ทุกคนสั่งก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยมาเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย ก็แหมมาถึงถิ่นแล้วจะสั่งอย่างอื่นก็จะดูไม่ดีใช่ไหมครับ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยแท้ ไม่เหมือนที่เราทานในกทม. เลยครับ ที่เห็นชัด ๆ คือ ไม่มีไข่ต้มเลย จะเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่ถั่วฝักยาว มีน้ำตาลปี๊ปใส่ลงมาด้วยให้ความหอมหวานไม่เหมือนที่ไหน

เมื่ออิ่มแล้วก็พร้อมที่จะเที่ยวชมเมืองเก่าแล้วครับ วันนั้นเป็นวันที่อากาศเย็นสบาย ไม่มีแดดซักนิด ทำให้พวกเราตั้งใจจะใช้จักรยานในการเที่ยวครั้งนี้ครับ บริเวณเมืองเก่ามีร้านเช่าจักรยานอยู่หลายร้านเลยครับ ราคาไม่แพงเลยด้วย ใครที่จะไปสุโขทัยแนะนำเลยครับปั่นจักรยานเที่ยวกันดีกว่าได้ออกกำลังกายด้วย
[CR] เขาหลวง(สุโขทัย)ในม่านหมอก ภาคต่อ [Ep.2]
เช้าวันอาทิตย์ที่ 24 พวกเราตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง หวังว่าจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานารายณ์ ซึ่งเป็นวันที่อากาศเย็นลงกว่าเมื่อวานมากมากครับ แต่ยังดีที่ผานารายณ์อยู่ห่างจากจุดกางเต้นท์แค่ 200 เมตร ระหว่างทางมองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงจากไฟฉายที่กระทบไปโดนพื้นเท่านั้น เดินมาซักพักยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึง ตอนนั้นมืดมากยังไม่มีกลุ่มอื่นมากันเลยมีเพียงพวกเราที่มาถึงเป็นกลุ่มแรก ลมแรงมากบวกกับมีไอเย็นจากหมอกที่กระทบมาโดนตัวเรื่อย ๆ พวกเราก็นั่งคุยกันอยู่ครู่ใหญ่ก็เริ่มมีคนอื่นขึ้นมา ผมมองเวลาตอนนั้นประมาณ 6.15 น. ยังไม่มีทีท่าของดวงอาทิตย์ มีแต่หมอกที่หนามาก และตอนนั้น คนก็ขึ้นมาเยอะมากด้วย ทำให้พวกเราตกลงที่จะเดินลง เพื่อรีบไปเตรียมอาหารเช้า ซึ่งตอนนั้นบริเวณจุดกางเต้นท์ปกคลุมไปด้วย หมอกหนามาก
เมื่อมาถึงเต้น ตอนนั้นบรรยากาศรอบ ๆ ตัวดีมาก ๆ พวกเราก็ช่วยกัน นำเสบียงที่เหลืออยู่มาทำอาหารเช้ากัน
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟและโอวัลติน จะได้มีพลัง
เมนูแรกเอาข้าวกับผักที่เหลือจากเมื่อคืนมาทำเป็นข้าวต้ม ทานข้าวต้มร้อน ๆ ท่ามกลางหมอก เรียกว่า เป็นเมนูทีเด็ดที่บังเอิญทำออกมาดีมาก ๆ เลยหละครับ
เมนูต่อไป เป็นไข่เจียว อะไรเหลือ ๆ ก็ใส่มันลงไป เป็นการขจัดของเหลือเพื่อที่จะไม่ต้องจ้างลูกหาบแบกลงไป ไข่เจียวก็เป็นเมนูง่าย ๆ ที่ประทับใจอีก 1 เมนูครับ ทำง่ายและอร่อยชัว
ส่วนเมนูอื่น ก็เป็นของที่เหลือจากเมื่อคืน มาปรุงเพิ่มนิดหน่อย มีทอดไส้กรอก รวม ๆ เป็นอีกมืออาหารที่ประทับใจมากครับ ทานข้าวท่ามกลางสายหมอก
---------------------------เช้าวันนั้นพวกเรากินข้าวเช้าอย่างมีความสุข--------------------------
จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเก็บเต้นท์ เก็บสัมภาระเตรียมลงเขาครับ จ้างลูกหาบเหมือนเดิม แต่รอบนี้น้ำหนักเบาลงกว่าขาขึ้นเยอะครับ เพราะของกินหายไปหมดแล้ว แบกมาเยอะจริงๆ หายไปประมาณ 5 กิโลเลย
ก่อนลงเขาก็ถ่ายรูปเป็นที่ละลึกสักนิด พวกเราเดินลงเขากันแบบ ไม่หยุดเลยครับ ฟิตสุด ๆ แต่รอบนี้ใครลงเร็วก็ลงก่อนเจอกันทีเดียวข้างล่างเลย ใช้เวลา 2 ชัวโมงกว่า ๆ ผมก็ลงมาถึงครับ ตอนลงไม่เหนื่อยอาจจะเป็นเพราะอากาศเย็นสบายด้วย ระหว่างทางก็เจอคนที่เดินสวนขึ้นมาเป็นระยะ ก็ได้แต่ให้กำลังใจว่าใกล้ถึงแล้วครับพี่ เหมือนตอนที่เราเดินขึ้นมาก็มีคนที่พูดกับเราแบบนี้เหมือนกันนั่นเอง
เมื่อลงมาถึงพวกเราก็อาบน้พเตรียมเที่ยวในเขตเมื่อเก่ากันต่อเลยครับ โดยได้ลุงคนเดิมขับรถไปส่งให้ในตัวเมื่องเก่าครับ แกยังใจดีพาไปร้านอาหารที่บอกว่าเด็ดสุดอีกด้วย เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว และข้าวธรรมดา ลุงแกบอกว่าคนพื้นที่ก็กินร้านนี่แหละ ลุงว่ามันอร่อยดี
ทุกคนสั่งก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยมาเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย ก็แหมมาถึงถิ่นแล้วจะสั่งอย่างอื่นก็จะดูไม่ดีใช่ไหมครับ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยแท้ ไม่เหมือนที่เราทานในกทม. เลยครับ ที่เห็นชัด ๆ คือ ไม่มีไข่ต้มเลย จะเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่ถั่วฝักยาว มีน้ำตาลปี๊ปใส่ลงมาด้วยให้ความหอมหวานไม่เหมือนที่ไหน
เมื่ออิ่มแล้วก็พร้อมที่จะเที่ยวชมเมืองเก่าแล้วครับ วันนั้นเป็นวันที่อากาศเย็นสบาย ไม่มีแดดซักนิด ทำให้พวกเราตั้งใจจะใช้จักรยานในการเที่ยวครั้งนี้ครับ บริเวณเมืองเก่ามีร้านเช่าจักรยานอยู่หลายร้านเลยครับ ราคาไม่แพงเลยด้วย ใครที่จะไปสุโขทัยแนะนำเลยครับปั่นจักรยานเที่ยวกันดีกว่าได้ออกกำลังกายด้วย