จุดเริ่มต้นมันเป็นเรื่องของมารยาท ทางสังคมเลยละ
เจ้าของหมาเลี้ยงหมา รักเหมือนลูก แต่จำเป็นต้องอาศัยเจ้าของห้องพักอาศัย
แต่กลับบ่อยให้อยู่ในห้องตัวเดียว สุดท้ายหมาทำห้องเลอะเทอะสกปรก
เจ้าของห้องบรรดาโทสะ โยนออกมาจากห้อง..
ถามว่า เจ้าของห้องทำเกินไปไหม?
ใช่ทำเกินไป การทำร้ายสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้มีทางสู้ ไม่ได้ทำเพราะป้องกันตัว อันนี้ยอมรับว่าโหดร้ายเกินไป
แต่..ความผิดเริ่มต้นก็มาจากเจ้าของหมาเอง ที่ไม่ได้ใส่ใจ หรือสนใจหมาของตัวเอง
หากเจ้าของหมารักเหมือนลูกจริง ลองจริงสิคิดว่า..
ถ้าคุณเลี้ยงลูก คุณจะปล่อยลูกให้อยู่ตามลำพังไหม?
อยู่ในห้อง ในบ้านที่ไม่ใช่ของตนเอง หรือไม่คิดว่าลูกจะไปทำอะไรเสียหายบ้าง มันจะร้องเสียงดังไหม รบกวนใครไหม
สรุป..รักลูกจริงไหม? รักจริงทำไมไม่ใส่ใจดูแล? กลับสนใจเรื่องกิน เรื่องเที่ยวมาก่อนเหรอ?
ยิ่งการไปอาศัยคนอื่นอยู่ ยิ่งต้องควรคำนึงถึงความเกรงใจ เจ้าของห้องบ้าง
ไม่ใช่คิดแต่ว่า เขาไม่คิดอะไร เรื่องบางอย่าง สำหรับบางคนเขาไม่พูด เพราะพูดแล้วอาจจะทำร้ายจิตใจกัน
หากตั้งแต่แรก เจ้าของห้องไม่ยอมให้เข้ามาอาศัย บอกไม่ให้เลี้ยงหมา เจ้าของหมา กับ เจ้าของห้อง ก็ผิดใจกัน ทะเลาะกันตั้งแต่วันนั้น
ในเมื่อเจ้าของห้องเขายอมให้เข้าอยู่ อาจจะเต็มใจหรือไม่ ก็ควรมีความเกรงใจ ควรคิดถึงว่าจะทำอะไรให้ดีบ้าง มีอะไรจะเป็นภาระของคนอื่นไหม?
จนมาเกิดเรื่อง สุดท้ายก็ผิดใจกัน ทำให้ต้องมีหมามารับเคราะห์ตายก่อน
มันมีหลายคดี ที่เกิดจากการทำอะไรโดยไม่คิด คิดแต่เพียงว่า ฉันจะได้.. ฉันจะทำ.. ฉันยิ่งใหญ่..
เมื่อก่อน.. เคยมีข่าวที่เพื่อนบ้านเสียงดังโวยวาย ข้างบ้านก็เตือนแล้วเตือนอีก กลับไม่ฟัง ไม่หยุดเสียงดัง แถมยังเสียงดังมากขึ้น
โวยวายพาดพิงข้างบ้าน สุดท้ายข้างบ้าน หยิบปืนมายิงตาย..
เรื่องขับรถป้ายหน้ากัน ยังไม่เฉี่ยวชน แม้ว่าจะยอมกันได้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แต่กลับไม่ยอมกัน ปาดกันไป ปาดกันมา เข้าหาเรื่องกัน สุดท้ายก็ชนกัน ชกต่อยกัน..
เรื่องบางเรื่อง ถ้ามีความเกรงอกเกรงใจกัน มันก็อยู่ในสังคมได้สบายๆ ไม่ใช่คิดแต่ฉันทำได้ กูทำได้ พวกจะทำไม
สุดท้ายเกิดปัญหา ก็เกิดกับตัวเองทั้งนั้น..
การกระทำอะไร โดยไม่คิดถึงคนอื่นเลย คิดแต่ว่าฉันมีสิทธิ์ ฉันอยากจะทำ มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงอันตรายที่จะมาหาตัวคุณเอง
จากคดีโยนหมาจากคอนโดชั้น5 --- หรือ มารยาททางสังคมไทย มันจะไม่มีแล้ว...
เจ้าของหมาเลี้ยงหมา รักเหมือนลูก แต่จำเป็นต้องอาศัยเจ้าของห้องพักอาศัย
แต่กลับบ่อยให้อยู่ในห้องตัวเดียว สุดท้ายหมาทำห้องเลอะเทอะสกปรก
เจ้าของห้องบรรดาโทสะ โยนออกมาจากห้อง..
ถามว่า เจ้าของห้องทำเกินไปไหม?
ใช่ทำเกินไป การทำร้ายสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้มีทางสู้ ไม่ได้ทำเพราะป้องกันตัว อันนี้ยอมรับว่าโหดร้ายเกินไป
แต่..ความผิดเริ่มต้นก็มาจากเจ้าของหมาเอง ที่ไม่ได้ใส่ใจ หรือสนใจหมาของตัวเอง
หากเจ้าของหมารักเหมือนลูกจริง ลองจริงสิคิดว่า..
ถ้าคุณเลี้ยงลูก คุณจะปล่อยลูกให้อยู่ตามลำพังไหม?
อยู่ในห้อง ในบ้านที่ไม่ใช่ของตนเอง หรือไม่คิดว่าลูกจะไปทำอะไรเสียหายบ้าง มันจะร้องเสียงดังไหม รบกวนใครไหม
สรุป..รักลูกจริงไหม? รักจริงทำไมไม่ใส่ใจดูแล? กลับสนใจเรื่องกิน เรื่องเที่ยวมาก่อนเหรอ?
ยิ่งการไปอาศัยคนอื่นอยู่ ยิ่งต้องควรคำนึงถึงความเกรงใจ เจ้าของห้องบ้าง
ไม่ใช่คิดแต่ว่า เขาไม่คิดอะไร เรื่องบางอย่าง สำหรับบางคนเขาไม่พูด เพราะพูดแล้วอาจจะทำร้ายจิตใจกัน
หากตั้งแต่แรก เจ้าของห้องไม่ยอมให้เข้ามาอาศัย บอกไม่ให้เลี้ยงหมา เจ้าของหมา กับ เจ้าของห้อง ก็ผิดใจกัน ทะเลาะกันตั้งแต่วันนั้น
ในเมื่อเจ้าของห้องเขายอมให้เข้าอยู่ อาจจะเต็มใจหรือไม่ ก็ควรมีความเกรงใจ ควรคิดถึงว่าจะทำอะไรให้ดีบ้าง มีอะไรจะเป็นภาระของคนอื่นไหม?
จนมาเกิดเรื่อง สุดท้ายก็ผิดใจกัน ทำให้ต้องมีหมามารับเคราะห์ตายก่อน
มันมีหลายคดี ที่เกิดจากการทำอะไรโดยไม่คิด คิดแต่เพียงว่า ฉันจะได้.. ฉันจะทำ.. ฉันยิ่งใหญ่..
เมื่อก่อน.. เคยมีข่าวที่เพื่อนบ้านเสียงดังโวยวาย ข้างบ้านก็เตือนแล้วเตือนอีก กลับไม่ฟัง ไม่หยุดเสียงดัง แถมยังเสียงดังมากขึ้น
โวยวายพาดพิงข้างบ้าน สุดท้ายข้างบ้าน หยิบปืนมายิงตาย..
เรื่องขับรถป้ายหน้ากัน ยังไม่เฉี่ยวชน แม้ว่าจะยอมกันได้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แต่กลับไม่ยอมกัน ปาดกันไป ปาดกันมา เข้าหาเรื่องกัน สุดท้ายก็ชนกัน ชกต่อยกัน..
เรื่องบางเรื่อง ถ้ามีความเกรงอกเกรงใจกัน มันก็อยู่ในสังคมได้สบายๆ ไม่ใช่คิดแต่ฉันทำได้ กูทำได้ พวกจะทำไม
สุดท้ายเกิดปัญหา ก็เกิดกับตัวเองทั้งนั้น..
การกระทำอะไร โดยไม่คิดถึงคนอื่นเลย คิดแต่ว่าฉันมีสิทธิ์ ฉันอยากจะทำ มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงอันตรายที่จะมาหาตัวคุณเอง