สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาว Blue planet ( Part 1 )
http://pantip.com/topic/34730357 ( Part 2 )
http://pantip.com/topic/34806126 ( Part 3 ตอนเจบ)
ทริปตุรกี Cappadocia,Konya,Pamukkale,Canakale,Istanbul
เราขอมาแชร์ประสบการณ์การ การเดินทางไปยุโรปหรือจะเรียกเอเชียดีน่า........อย่างที่ทราบกันดีนะคะว่าตุรกีนั้นเป็นประเทศสองทวีปที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรปนั่นเองค่ะ ก่อนอื่นขอเล่าให้เพื่อนๆฟังก่อนว่าที่เราและแฟนตัดใจไปประเทศตุรกีนั้น มีอุปสรรคมากมายในการตัดสินใจในการไปเที่ยวครั้งนี้มากค่ะ และเนื่องจากเราทั้งคู่ไปเที่ยวแถบเอเซียมาก็หลายประเทศแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะ Backpack ไปกันเอง ปีที่ผ่านมาเราตั้งใจมากๆว่าจะไปยุโรปให้ได้ แต่เนื่องจากเวลาว่างของเราน้อยมาก เราไม่มีเวลาเตรียมตัววางแผนการเดินทาง คิดอยู่หลายประเทศมากแต่เราก็วนมาเจอประเทศตุรกี ประเทศที่ไม่ต้องทำวีซ่า ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าจะเดินทางไปตุรกีเองเพราะหนึ่งเราไม่ต้องทำวีซ่าให้ยุ่งยาก แต่ก็คิดไปคิดมาหลายตลบมาก จนมันไกล้จะถึงวันหยุดปีใหม่ ซึ่งเราคิดแล้วว่าวางแผนไม่ทันแน่ๆ เราจึงหันมาดูทัวร์ ตอนแรกเพื่อนก็ชวนไปฮังการี่ ไปเชค เป็นทัวร์ที่ราคาถูกมาก เราก็รีบโทรไปถามเซลปรากฎว่าเต็มค่ะ สุดท้ายเราเลยบอกเซลว่างั้นขอเป็นทัวร์ตุรกีแล้วกันค่ะ อย่างที่รู้ๆกันช่วงนี้ประเทศตุรกี ไม่ค่อยน่าเที่ยวสักเท่าไรนัก เป็นผลมาจากเรื่องภายในประเทศ กลุ่มก่อการร้าย พวกไอเอส ไหนพวกพี่ๆตุรกีจะมีปัญหากับประเทศรัสเซียอีก ช่วงที่ตัดสินใจไปตุรกีแน่ๆและไม่ไปที่อื่นแล้ว ตุรกีก็ไปยิงเครื่องบินรัฐเซียอีก โอ้ยยยยยทำเครียดไม่หยุด หวั่นการเกิดสงครามมากมาย คิดแล้วก็กลุ้มใจมาก คือตัดสินใจแล้วพอเกิดเรื่องก็เบลคไว้อีก เอาไงดีหรือจะไม่ไป สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเอาไงก็ไปว่ะ... ก่อนจะจองถามเซลตลอดว่ากรุ๊ปกี่คนแล้ว ยังมีคนไปแน่นะ ทั้งโทรเช็ค ทั้งไลท์ไปแทบทุกวัน จนมาถึงวันโอนเงินค่าทัวร์ มันเป็นความรู้สึกแบบว่าเมิงกล้ามากกกกที่ตัดสินใจไป และจ่ายเงินไปแบบใจคอไม่ดี วันที่เราโอนเงินคือเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 2 อาทิตย์ก่อนวันเดินทาง ทางเซลก็แจ้งมาว่ายังไงรบกวนโอนเต็มจำนวนนะคะ เพราะจะถึงวันเดินทางแล้ว ปาดเหงื่อเบาๆ และหลังจากโอนเงินอัยเราก็ต้องมานั่งเช็คข่าวทุกวันทั้ง CNN,BBC แต่ลืมอย่างเดียวเช็คข่าวของประเทศตุรกี 555 จนใกล้จะถึงวันเดินทาง เอาจริงๆไม่กล้าบอกใครเลยจ้า...ว่าจะไปตุรกีแม้กระทั้งที่บ้าน คือคิดไว้แล้วว่าถ้าบอกอีเพื่อนมันต้องย้ำว่าไม่กลัวตายหรอวะ คำถามมากมายต้องออกมาจากปากอีเพื่อนแน่ๆๆ พอใกล้วันเดินทางจำได้เลยว่าแฟนบอกที่บ้านไปเค้ายังโทรมาบอกว่าให้เราเช็คข่าวดีๆนะ เป็นไปได้ยกเลิกได้ไหม อัยเราก็มุ่งมั่นแล้วว่าจะไปให้ได้เพราะจ่ายเงินไปแล้วและเพียงไม่กี่วันก่อนเดินทางมันก็มีข่าวระเบิดสนามบินที่ Istanbul ขึ้นมา อารมณ์ก็แบบม่ายยยยยยยนะ อารมณ์แบบ....นี่ตูรคิดผิดป่าววะเนี่ย แต่สุดท้ายก็ได้แต่บอกตัวเองไม่มีอะไรหรอกและทำใจให้สบายจนถึงวันเดินทาง 5555 เราต้องสตรองใจเราต้องนิ่ง ให้คิดอย่างเดียวว่ามันต้องไม่มีอะไร จนวันเดินทางก็มาถึง เกริ่นนำมาสะยาว เรามาเริ่มทริปของการเดินทางไปตุรกีกันเลยนะคะ
ทริปนี้กำหนดการเดินทางไปคือวันที่ 26 ธ.ค 58 และเดินทางกลับวันที่ 2 ม.ค 2559 ( 8 วัน 6 คืน )
ทริปนี้เราเดินทางโดยสายการบิน turkish airlines ค่ะ เราใช้เวลาเดินประมาณ 10 ชั่วโมง เราไม่ได้ถ่ายรูปบนเครื่องบินของสายการบินนี้มาให้นะคะ แต่เป็นสายการบินที่ถือว่าโอเคเลยคะ แต่อาหารไม่อร่อยนะคะ (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ ) เราเดินทางมาถึงสนามบิน Istanbul เวลาประมาณ 17.25 น. (เวลาที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม.) และเราจะต้องนั่งเครื่องต่อไปยังเมืองเคย์เซอรี่ เพื่อเดินทางไปเมืองคัปปาโตเกีย (Cappadocia) จุดหมายแรกของทริปนี้กันค่ะ เราใช้เวลาในการเดินทางนั่งเครื่องไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงนะคะ ตอนที่เราไปถึงเมืองคัปปาโตเกีย ก็เป็นเวลา 21.00 น. และถึงที่พักเวลาประมาณ 22.30 น. เท่ากับว่าเราใช้เวลาในการเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็มๆ เรามาถึงที่ คัปปาโตเกีย ( Cappadocia ) ไกล์ของเราแจ้งว่า ในวันรุ่งขึ้นอยากแนะนำให้ขึ้นบอลลูนกันเลย เพราะจริงๆโปรแกรมขึ้นบอลลูนคือวันที่ 28 ธ.ค (ไกล์ของเราขอเอ่ยชื่อนะคะคุณพี่ชื่อพี่เกรซ และไกล์ท้องถิ่นของเราชื่อคุณนูริ) นางให้เหตุผลว่าถ้าในวันรุ่งขึ้นเราไม่ได้ขึ้นบอลลูน เราจะได้มีโอกาสในอีกวันถัดไป เพราะการขึ้นบอลลูนนั้นต้องดูสภาพอากาศถ้าหมอกเยอะไปลมเเรงไป ก็ไม่สามารถนำบอลลูนขึ้นได้ ทุกคนในรถบัสจึงโอเคที่จะขึ้นบอลลูนในวันรุ่งขึ้น (ทริปนี้ในทัวร์จะระบุมาให้นะคะว่าถ้าคนที่สนใจจะขึ้นบอลลูน จะต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 200 USD ค่ะ ) และเมื่อถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น เวลาตี 5 เพื่อออกเดินทางไปขึ้นบอลลูน เรานั้งรถไปจุดที่ขึ้นบอลลูนของเราห่างจากที่พักเพียง 15 นาทีนะคะ ซึ่งไม่ไกลมาก เราก็ยังเมาขี้ตาอยู่เลยค่ะ แต่พอเจอเจ้าบอลลูนเข้าไป ตื่นเลยค่ะ ภาพแรกที่เห็นคือมันใหญ่มาก แล้วเราก็รีบพาตัวเองขึ้นไปยังกระเช้า บนบอลลูนจะมีกัปตันคอยบังคับเครื่องหนึ่งคนนะคะ เชิญรับชมภาพกันได้เลยค่ะ
ออกตัวก่อนนะคะ ว่าเราไม่ใช่ช่างภาพ ไม่เคยเล่นกล้อง แต่เราชอบถ่ายรูปค่ะ ถ้ารูปไหน มันเหมือนจะสวยก็หยวนๆนะคะ
ทนๆดูไปหน่อยนะคะ 555555 ลืมบอกเพื่อนๆไปว่าเมืองคัปปาโตเกีย (Cappadocia) ได้รับเป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกในตุรกี ด้วยนะคะ
มาถึงจุดที่พีคสุดๆเลยนะคะ เพราะกัปตันแกพาพวกเราลอยขึ้นไป สูงขึ้น สูงขึ้น เราก็แบบหนาวก็หนาว หมอกก็เยอะมองไม่เห็นอะไรเลยเนี่ย พาลอยไปไหนฟะ.............สักพักภาพที่เห็นตรงหน้า ทำเราตะลึงมากกก ภาพนั้นมันคือแบบนี้ค่ะ
กัปตันแกพาเราขึ้นมาเหนือเมฆด้วยความสูงเท่าไรไม่รู้ ไม่ได้สนใจฟังอะไรทั้งนั้น แกพาพวกเราขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น
ภาพที่เห็นสำหรับบางคนอาจจะคิดว่าก็เหมือนนั่งอยู่บนเครื่องบินนั้นแหระ แต่เราคิดว่ามันพิเศษตรงที่ว่า เรายื่นมือยืนแขน
ออกไปได้ แล้วสัมผัสกับอากาศบริสุทข้างบนนี้ มันเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆนะคะ ฝรั่งบางคนเค้าถึงกับบอกว่า “ Things to do before you die “ บางคนเค้าก็ลิสไว้เลยนะคะ ว่าชีวิตนี้เค้าต้องขึ้นบอลลูนให้ได้ แต่เราคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแค่เรารู้สึกว่าเราชอบอะไร เราก็จะพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น บางเรื่องที่เราทำที่เราไปอาจจะธรรมดาสำหรับคนอื่น แต่เรื่องนี้สำหรับเรา เราว่ามันก็โอเคนะคะ 5555555
พระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่ะ ของจริงสวยกว่านี้มากเลยนะคะ กว่าจะถ่ายภาพได้มือนี่ไม่อยากเอาออกจากกระเป๋าเลยค่ะ หนาวมือชามาก
เนื่องจากสภาพอากาศเป็นช่วงหน้าหนาวนะคะ อากาศที่หนาวมากมีหมอกหนา ภาพที่ออกมามันเลยดูแห้งๆมัวๆ และดูเหงาๆ
เราใช้เวลาทั้งหมดที่อยู่บนบอลลูน ประมาณ 1 ชม. นะคะ พอถึงเวลาลงเค้าจะมีรถมารับ ตอนลงไม่หน้ากลัวนะคะ ลงนิ่มมากๆ พอลงมาถึงทีมงานเค้าจะเตรียมเครื่องดื่มน้ำผลและไม้ และแชมเปญ เพื่อดื่มฉลองและมีประกาศนียบัตรมอบให้ ว่าเราขึ้นบอลลูนมาจริงๆแล้วนะ
บุคคลในรูปคือกัปตันของเราเองค่ะ พี่แกบอกเป็นครั้งแรกของแกนะคะที่พากรุ๊ปเราขึ้นบอลลูน 555555555 เชื่อดีไหมเนี่ย!!!
พอเสร็จจากการขึนบอลลูนเราก็มุ่งหน้าไปยังนครใต้ดิน ( Underground City Derinkuyu or Keymakli ) กันนะคะ ซึ่งสถานที่นี่คนตุรีเค้าใช้เป็นที่หลบซ่อนจากการรุกรานของข้าศึกค่ะ ด้านใต้ดินนั่นเค้าแบ่งเป็นห้องๆมีประตูเปิดปิดอย่างดี และทำช่องระบายอากาศและเราก็จะเห็นสภาพวิถีชีวิตควมเป็นอยู่ในชั้นใต้ดิน ของคนในสมัยก่อนที่อาศัยในชั้นใต้ดินกันด้วยค่ะ ตรงนี้ขอสารภาพก่อนเลยว่ารูปน้อยมากนะคะเพราะพยายามถ่ายให้สวยยังไงก็ถ่ายไม่ได้จริงๆค่ะ เพื่อนๆก็ชมภาพบางส่วนกันและกันนะคะ
ระหว่างทางเดินไปยังนครใต้ดินค่ะ เราก็จะเจอร้านค้าที่ขางของพื้นเมือง ให้เพื่อนได้ซื้อฝากติดไม้ติดมือกันด้วยนะคะ
สีฟ้าๆน้ำเงินๆที่เห็นกองๆกันอยู่ นั้นคือสัญลักษณ์ที่เรียกว่า Devil eye นะคะ เป็นเหมือนเครื่องรางที่คนตุรกี เค้าจะพกติดตัว หรือแขวนไว้ตามบ้าน ตามรถ ค่ะ ที่คุณพี่แกขายคือมีทั้งที่ห้อยกุญแจ ที่ห้อยโมบาย สร้อยคอ สร้ายมือ Devil eye ถ้าแปลๆกันตรงตัวมันก็คือ ตาปีศาจนั้นแหระค่ะ แต่คนที่นี่เค้าหมายถึง ตาที่คอยสอดส่องและปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย ให้พ้นออกไปจากตัวนะคะ
ทางเข้า Underground City Derinkuyu or Kaymaki ค่ะ
ระหว่างทางเดินก็จะแยกเป็นห้องๆ นะคะ
ก็อย่างที่เห็นดังภาพนะคะ ว่าบรรยากาศที่เดินไปยังแต่ละห้องก็จะมีสภาพที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนะ 555555
รูปหมดแล้วค่ะ เดี๋ยวเราไปเที่ยวชมเมืองเกอเรเม ( Goreme ) กันเลยดีกว่านะคะ

ภาพบรรยากาศเมืองค่ะ
จุดถ่ายรูปค่ะ จุดที่ให้ลงไปแฉะภาพแค่ 5 นาที - -"
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาต่อกันนะคะ Part 1 ยังมีอีกนะคะ รอชมกันด้วยนะคะ : )
[CR] Turkey "Here we come" part 1
http://pantip.com/topic/34730357 ( Part 2 )
http://pantip.com/topic/34806126 ( Part 3 ตอนเจบ)
ทริปตุรกี Cappadocia,Konya,Pamukkale,Canakale,Istanbul
เราขอมาแชร์ประสบการณ์การ การเดินทางไปยุโรปหรือจะเรียกเอเชียดีน่า........อย่างที่ทราบกันดีนะคะว่าตุรกีนั้นเป็นประเทศสองทวีปที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรปนั่นเองค่ะ ก่อนอื่นขอเล่าให้เพื่อนๆฟังก่อนว่าที่เราและแฟนตัดใจไปประเทศตุรกีนั้น มีอุปสรรคมากมายในการตัดสินใจในการไปเที่ยวครั้งนี้มากค่ะ และเนื่องจากเราทั้งคู่ไปเที่ยวแถบเอเซียมาก็หลายประเทศแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะ Backpack ไปกันเอง ปีที่ผ่านมาเราตั้งใจมากๆว่าจะไปยุโรปให้ได้ แต่เนื่องจากเวลาว่างของเราน้อยมาก เราไม่มีเวลาเตรียมตัววางแผนการเดินทาง คิดอยู่หลายประเทศมากแต่เราก็วนมาเจอประเทศตุรกี ประเทศที่ไม่ต้องทำวีซ่า ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าจะเดินทางไปตุรกีเองเพราะหนึ่งเราไม่ต้องทำวีซ่าให้ยุ่งยาก แต่ก็คิดไปคิดมาหลายตลบมาก จนมันไกล้จะถึงวันหยุดปีใหม่ ซึ่งเราคิดแล้วว่าวางแผนไม่ทันแน่ๆ เราจึงหันมาดูทัวร์ ตอนแรกเพื่อนก็ชวนไปฮังการี่ ไปเชค เป็นทัวร์ที่ราคาถูกมาก เราก็รีบโทรไปถามเซลปรากฎว่าเต็มค่ะ สุดท้ายเราเลยบอกเซลว่างั้นขอเป็นทัวร์ตุรกีแล้วกันค่ะ อย่างที่รู้ๆกันช่วงนี้ประเทศตุรกี ไม่ค่อยน่าเที่ยวสักเท่าไรนัก เป็นผลมาจากเรื่องภายในประเทศ กลุ่มก่อการร้าย พวกไอเอส ไหนพวกพี่ๆตุรกีจะมีปัญหากับประเทศรัสเซียอีก ช่วงที่ตัดสินใจไปตุรกีแน่ๆและไม่ไปที่อื่นแล้ว ตุรกีก็ไปยิงเครื่องบินรัฐเซียอีก โอ้ยยยยยทำเครียดไม่หยุด หวั่นการเกิดสงครามมากมาย คิดแล้วก็กลุ้มใจมาก คือตัดสินใจแล้วพอเกิดเรื่องก็เบลคไว้อีก เอาไงดีหรือจะไม่ไป สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเอาไงก็ไปว่ะ... ก่อนจะจองถามเซลตลอดว่ากรุ๊ปกี่คนแล้ว ยังมีคนไปแน่นะ ทั้งโทรเช็ค ทั้งไลท์ไปแทบทุกวัน จนมาถึงวันโอนเงินค่าทัวร์ มันเป็นความรู้สึกแบบว่าเมิงกล้ามากกกกที่ตัดสินใจไป และจ่ายเงินไปแบบใจคอไม่ดี วันที่เราโอนเงินคือเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 2 อาทิตย์ก่อนวันเดินทาง ทางเซลก็แจ้งมาว่ายังไงรบกวนโอนเต็มจำนวนนะคะ เพราะจะถึงวันเดินทางแล้ว ปาดเหงื่อเบาๆ และหลังจากโอนเงินอัยเราก็ต้องมานั่งเช็คข่าวทุกวันทั้ง CNN,BBC แต่ลืมอย่างเดียวเช็คข่าวของประเทศตุรกี 555 จนใกล้จะถึงวันเดินทาง เอาจริงๆไม่กล้าบอกใครเลยจ้า...ว่าจะไปตุรกีแม้กระทั้งที่บ้าน คือคิดไว้แล้วว่าถ้าบอกอีเพื่อนมันต้องย้ำว่าไม่กลัวตายหรอวะ คำถามมากมายต้องออกมาจากปากอีเพื่อนแน่ๆๆ พอใกล้วันเดินทางจำได้เลยว่าแฟนบอกที่บ้านไปเค้ายังโทรมาบอกว่าให้เราเช็คข่าวดีๆนะ เป็นไปได้ยกเลิกได้ไหม อัยเราก็มุ่งมั่นแล้วว่าจะไปให้ได้เพราะจ่ายเงินไปแล้วและเพียงไม่กี่วันก่อนเดินทางมันก็มีข่าวระเบิดสนามบินที่ Istanbul ขึ้นมา อารมณ์ก็แบบม่ายยยยยยยนะ อารมณ์แบบ....นี่ตูรคิดผิดป่าววะเนี่ย แต่สุดท้ายก็ได้แต่บอกตัวเองไม่มีอะไรหรอกและทำใจให้สบายจนถึงวันเดินทาง 5555 เราต้องสตรองใจเราต้องนิ่ง ให้คิดอย่างเดียวว่ามันต้องไม่มีอะไร จนวันเดินทางก็มาถึง เกริ่นนำมาสะยาว เรามาเริ่มทริปของการเดินทางไปตุรกีกันเลยนะคะ
ทริปนี้กำหนดการเดินทางไปคือวันที่ 26 ธ.ค 58 และเดินทางกลับวันที่ 2 ม.ค 2559 ( 8 วัน 6 คืน )
ทริปนี้เราเดินทางโดยสายการบิน turkish airlines ค่ะ เราใช้เวลาเดินประมาณ 10 ชั่วโมง เราไม่ได้ถ่ายรูปบนเครื่องบินของสายการบินนี้มาให้นะคะ แต่เป็นสายการบินที่ถือว่าโอเคเลยคะ แต่อาหารไม่อร่อยนะคะ (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ ) เราเดินทางมาถึงสนามบิน Istanbul เวลาประมาณ 17.25 น. (เวลาที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม.) และเราจะต้องนั่งเครื่องต่อไปยังเมืองเคย์เซอรี่ เพื่อเดินทางไปเมืองคัปปาโตเกีย (Cappadocia) จุดหมายแรกของทริปนี้กันค่ะ เราใช้เวลาในการเดินทางนั่งเครื่องไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงนะคะ ตอนที่เราไปถึงเมืองคัปปาโตเกีย ก็เป็นเวลา 21.00 น. และถึงที่พักเวลาประมาณ 22.30 น. เท่ากับว่าเราใช้เวลาในการเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็มๆ เรามาถึงที่ คัปปาโตเกีย ( Cappadocia ) ไกล์ของเราแจ้งว่า ในวันรุ่งขึ้นอยากแนะนำให้ขึ้นบอลลูนกันเลย เพราะจริงๆโปรแกรมขึ้นบอลลูนคือวันที่ 28 ธ.ค (ไกล์ของเราขอเอ่ยชื่อนะคะคุณพี่ชื่อพี่เกรซ และไกล์ท้องถิ่นของเราชื่อคุณนูริ) นางให้เหตุผลว่าถ้าในวันรุ่งขึ้นเราไม่ได้ขึ้นบอลลูน เราจะได้มีโอกาสในอีกวันถัดไป เพราะการขึ้นบอลลูนนั้นต้องดูสภาพอากาศถ้าหมอกเยอะไปลมเเรงไป ก็ไม่สามารถนำบอลลูนขึ้นได้ ทุกคนในรถบัสจึงโอเคที่จะขึ้นบอลลูนในวันรุ่งขึ้น (ทริปนี้ในทัวร์จะระบุมาให้นะคะว่าถ้าคนที่สนใจจะขึ้นบอลลูน จะต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 200 USD ค่ะ ) และเมื่อถึงเช้าของวันรุ่งขึ้น เวลาตี 5 เพื่อออกเดินทางไปขึ้นบอลลูน เรานั้งรถไปจุดที่ขึ้นบอลลูนของเราห่างจากที่พักเพียง 15 นาทีนะคะ ซึ่งไม่ไกลมาก เราก็ยังเมาขี้ตาอยู่เลยค่ะ แต่พอเจอเจ้าบอลลูนเข้าไป ตื่นเลยค่ะ ภาพแรกที่เห็นคือมันใหญ่มาก แล้วเราก็รีบพาตัวเองขึ้นไปยังกระเช้า บนบอลลูนจะมีกัปตันคอยบังคับเครื่องหนึ่งคนนะคะ เชิญรับชมภาพกันได้เลยค่ะ
ออกตัวก่อนนะคะ ว่าเราไม่ใช่ช่างภาพ ไม่เคยเล่นกล้อง แต่เราชอบถ่ายรูปค่ะ ถ้ารูปไหน มันเหมือนจะสวยก็หยวนๆนะคะ
ทนๆดูไปหน่อยนะคะ 555555 ลืมบอกเพื่อนๆไปว่าเมืองคัปปาโตเกีย (Cappadocia) ได้รับเป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกในตุรกี ด้วยนะคะ
มาถึงจุดที่พีคสุดๆเลยนะคะ เพราะกัปตันแกพาพวกเราลอยขึ้นไป สูงขึ้น สูงขึ้น เราก็แบบหนาวก็หนาว หมอกก็เยอะมองไม่เห็นอะไรเลยเนี่ย พาลอยไปไหนฟะ.............สักพักภาพที่เห็นตรงหน้า ทำเราตะลึงมากกก ภาพนั้นมันคือแบบนี้ค่ะ
กัปตันแกพาเราขึ้นมาเหนือเมฆด้วยความสูงเท่าไรไม่รู้ ไม่ได้สนใจฟังอะไรทั้งนั้น แกพาพวกเราขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น
ภาพที่เห็นสำหรับบางคนอาจจะคิดว่าก็เหมือนนั่งอยู่บนเครื่องบินนั้นแหระ แต่เราคิดว่ามันพิเศษตรงที่ว่า เรายื่นมือยืนแขน
ออกไปได้ แล้วสัมผัสกับอากาศบริสุทข้างบนนี้ มันเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆนะคะ ฝรั่งบางคนเค้าถึงกับบอกว่า “ Things to do before you die “ บางคนเค้าก็ลิสไว้เลยนะคะ ว่าชีวิตนี้เค้าต้องขึ้นบอลลูนให้ได้ แต่เราคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแค่เรารู้สึกว่าเราชอบอะไร เราก็จะพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น บางเรื่องที่เราทำที่เราไปอาจจะธรรมดาสำหรับคนอื่น แต่เรื่องนี้สำหรับเรา เราว่ามันก็โอเคนะคะ 5555555
พระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่ะ ของจริงสวยกว่านี้มากเลยนะคะ กว่าจะถ่ายภาพได้มือนี่ไม่อยากเอาออกจากกระเป๋าเลยค่ะ หนาวมือชามาก
เนื่องจากสภาพอากาศเป็นช่วงหน้าหนาวนะคะ อากาศที่หนาวมากมีหมอกหนา ภาพที่ออกมามันเลยดูแห้งๆมัวๆ และดูเหงาๆ
เราใช้เวลาทั้งหมดที่อยู่บนบอลลูน ประมาณ 1 ชม. นะคะ พอถึงเวลาลงเค้าจะมีรถมารับ ตอนลงไม่หน้ากลัวนะคะ ลงนิ่มมากๆ พอลงมาถึงทีมงานเค้าจะเตรียมเครื่องดื่มน้ำผลและไม้ และแชมเปญ เพื่อดื่มฉลองและมีประกาศนียบัตรมอบให้ ว่าเราขึ้นบอลลูนมาจริงๆแล้วนะ
บุคคลในรูปคือกัปตันของเราเองค่ะ พี่แกบอกเป็นครั้งแรกของแกนะคะที่พากรุ๊ปเราขึ้นบอลลูน 555555555 เชื่อดีไหมเนี่ย!!!
พอเสร็จจากการขึนบอลลูนเราก็มุ่งหน้าไปยังนครใต้ดิน ( Underground City Derinkuyu or Keymakli ) กันนะคะ ซึ่งสถานที่นี่คนตุรีเค้าใช้เป็นที่หลบซ่อนจากการรุกรานของข้าศึกค่ะ ด้านใต้ดินนั่นเค้าแบ่งเป็นห้องๆมีประตูเปิดปิดอย่างดี และทำช่องระบายอากาศและเราก็จะเห็นสภาพวิถีชีวิตควมเป็นอยู่ในชั้นใต้ดิน ของคนในสมัยก่อนที่อาศัยในชั้นใต้ดินกันด้วยค่ะ ตรงนี้ขอสารภาพก่อนเลยว่ารูปน้อยมากนะคะเพราะพยายามถ่ายให้สวยยังไงก็ถ่ายไม่ได้จริงๆค่ะ เพื่อนๆก็ชมภาพบางส่วนกันและกันนะคะ
ระหว่างทางเดินไปยังนครใต้ดินค่ะ เราก็จะเจอร้านค้าที่ขางของพื้นเมือง ให้เพื่อนได้ซื้อฝากติดไม้ติดมือกันด้วยนะคะ
สีฟ้าๆน้ำเงินๆที่เห็นกองๆกันอยู่ นั้นคือสัญลักษณ์ที่เรียกว่า Devil eye นะคะ เป็นเหมือนเครื่องรางที่คนตุรกี เค้าจะพกติดตัว หรือแขวนไว้ตามบ้าน ตามรถ ค่ะ ที่คุณพี่แกขายคือมีทั้งที่ห้อยกุญแจ ที่ห้อยโมบาย สร้อยคอ สร้ายมือ Devil eye ถ้าแปลๆกันตรงตัวมันก็คือ ตาปีศาจนั้นแหระค่ะ แต่คนที่นี่เค้าหมายถึง ตาที่คอยสอดส่องและปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย ให้พ้นออกไปจากตัวนะคะ
ทางเข้า Underground City Derinkuyu or Kaymaki ค่ะ
ระหว่างทางเดินก็จะแยกเป็นห้องๆ นะคะ
ก็อย่างที่เห็นดังภาพนะคะ ว่าบรรยากาศที่เดินไปยังแต่ละห้องก็จะมีสภาพที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนะ 555555
รูปหมดแล้วค่ะ เดี๋ยวเราไปเที่ยวชมเมืองเกอเรเม ( Goreme ) กันเลยดีกว่านะคะ
ภาพบรรยากาศเมืองค่ะ
จุดถ่ายรูปค่ะ จุดที่ให้ลงไปแฉะภาพแค่ 5 นาที - -"
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาต่อกันนะคะ Part 1 ยังมีอีกนะคะ รอชมกันด้วยนะคะ : )