สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน นี่เป็นกระทู้แรกที่เราตั้งใจจะมาเขียนจริงๆจังๆ จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัว ผ่านไปเกือบปีมาแล้ว ลังเลอยู่นานแต่ด้วยช่วงนี้เห็นกระทู้คล้ายๆกันแล้วเวลายิ่งผ่าน จขกท กลัวจะลืมเรื่องราวไปซะก่อนเลยคิดว่าเรื่องของเราน่าจะเปิดมุมมองได้อีกแง่นึง อ่อ บอกก่อนว่าเรื่องของเราเป็นเรื่องทอมดี้นะ ท่านผู้อ่านคนไหนไม่ชอบใจ จะได้ไหวตัวออกไปก่อน

รูปภาพในคอมเราแคปหน้าจอไลน์ไว้ประมาณ 700กว่ารูป เราเลือกคัดมาเฉพาะอันที่ใช้เล่าเรื่องราวเท่านั้น แล้วเราจะลบมันทิ้งออกทั้งหมดเพราะถือว่าได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่ผู้อ่านทุกท่านในที่นี้ อาจจะยาวยืดเยื้อไปบ้างอย่าเพิ่งเบื่อกันก่อน เล่าแบบระเอียดยิบๆๆจริงๆ
มาเริ่มเล่าให้ฟังละนะ เราเองเป็นทอม ตอนนั้นเราอยู่ปี3 ใช้ชีวิตโสดกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน เราเองยังไม่เคยมีแฟนจริงๆจังๆอีกอ่ะ มีแต่คุยๆ กิ้กกั๊กไปเรื่อย จนช่วงปลายปีที่แล้ว มีเด็กปี1 เข้ามาใหม่และด้วยกรรมลิขิตให้เธอคนนั้นเป็นสายรหัสเรา ไอเราก็พี่ปี3อ่ะนะ เวลาทำอะไรฟอร์มมันต้องเยอะไว้ก่อน ก็เล็งๆว่าไอน้องนี่น่าตายังไง เป็นเด็กเรียบร้อย เนิร์ด แ-ด หรืออะไร

ก็ส่องไปเรื่อยโดยที่ยังไม่เปิดเผยตัวกับน้องเค้านะ เพราะมันจะมีวันเฉลยสายที่น้องต้องตามหาพี่ให้เจอ พอมาถึงวันเฉลยสายน้องหาเราไม่เจอ เราเป็นคนที่ถ้าหน้านิ่งๆจะน่ากลัวมาก แล้วถ้าหาสายไม่ครบก็ไม่มีสิทธิ์ได้เริ่มกินข้าว ตอนนั้นเหลือเราคนเดียว น้องเดินเข้ามาหาบอกให้ยอมรับซักทีเถอะ มาแนวอ้อนๆ ทำทุกอย่าง จนสุดท้าย น้องล้องห้ายยยหนักมาก [ภาษาเพี้ยนนิดๆเพื่ออรรถรสนะเคอะ อย่าดร่าม่ากัน] ไอเราก็เหวอ รีบไปนั่งป้อนข้าวน้องเลย ละก้ขอโทษขอโพยกันไป
นี่ก็เป็นจดเริ่มต้นของเรากับน้องเค้า ก่อนที่จะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น อ่านดูละแฮปปี้เนอะ เราพิมพ์เองละยังยิ้มเลย
หลังจากวันนั้นแล้วชิมิ เรากับน้องเค้าก็รู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย น้องเค้าดูเด็ก ติ๊งต๊อง เฟรนลี่ดี ในความคิด เรากับน้องมีโอกาสได้สนิทกันมากขึ้นในช่วงสอบ เราไปอ่านหนังสือโต้รุ่งที่มอเกือบทุกครั้ง แล้วน้องเค้าก็มาเหมือนกัน เลยได้นั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนกัน ไปซื้อขนมนู่นนี่ ดูหนังในคอมบ้าง ก็ว่ากันไป จากนั้นในโซเชียลเราก็ได้ interact กันมากขึ้น ทักแชทไปแซวเล่น เม้นนู่นนี่ เป็นแบบนี้มาตลอด ละมีอีกเรื่องนึงที่มันทำให้เรื่องของเราดูเร็ว เนื่องด้วยน้องเค้าอยู่หอแล้วอยู่คนเดียว เวลาเราจะไปไหนกับเพื่อน อยู่ดีๆเราก็ชวนน้องไปด้วยกันเพราะน้องเป็นคน(ออก)ง่าย

ถ้าเพื่อนเราขับรถเราก็ชวนน้องไปบ้าง lifestyle น้องเค้าคือชอบกิน ชอบเที่ยว ไปไหนไปหมด เราเลยชอบเด็กคนนี้ถือว่าเป็นน้องเล็ก น่าเอ็นดู 5555 จนวันนึงเกิดพิเรน ชวนกันไปต่างจังหวัดซะงั้น....
จังหวัดไหนล่ะ ?? ช่วงท้ายปีเทศกาลทุ่งทานตะวันกำลังมามีนั่งรถไฟไปเขื่อนด้วยนะ จังหวัดไรไม่บอกละกัน เดี๋ยวน้องเค้ารู้ตัว เอาไว้รู้ตอนท้ายๆดีก่า และด้วยตอนนั้นคณะเรากำลังจะไปจัดรับน้องที่จังหวัดนั้นพอดีเราเป็นรุ่นพี่ที่ต้องไปดูสถานที่ก่อน จึงพาน้องไปที่ค่ายด้วย ซึ่งตามกฎจริงๆแล้วห้าม ขากลับเจอเพื่อนจ้าา กำลังมาถึงพอดีก็เป็นเรื่องราวไป แต่เรากับน้องก็ไปเที่ยวกันต่อตามที่วางแผนไว้ เราพักโรงแรมๆใกล้ๆกับสถานีรถไฟเพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไปขึ้นรถไฟไปทุ่งทานตะวันทัน ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เรื่องราวมันเกิดไอตอนที่โรงแรมเนี่ยแหล่ะ พอถึงที่พักเรากับน้องก็ต่างคนต่างหลับ ด้วยความที่อยู่กันสองคน น้องเค้าหลับเราก็เผลอไปกอดน้องเค้า ละก็ทำนู่นนี่อะนะ ตอนนั้นเราคิดแค่ว่าเป็นไงเป็นกันวะ จะยอมรับผลที่เกิดขึ้นทุกอย่าง เรายังไม่เคยทำอะไรกับใครมาก่อน เราเลยคิดไปต่างๆนาๆถ้าน้องมันตื่นมามันจะตบหน้าku เหมือนในหนังปะวะ มันจะโวยวายร้องไห้ฟ้องแม่หนีกลับกรุงเทพรึเปล่า เราก็นอนตัวแข็งเลย ปลุกเท่าไหร่น้องเค้าก็ไม่ตื่น เขย่าแล้วเขย่าอีก แต่เราฝากอะไรไว้ในตัวน้องเค้าเยอะมาก แบบถ้า -ึง ตื่นมาต้องรู้อะ เสื้อในเราก็ไม่ได้ใส่ให้น้องเค้า เพราะอยากให้รู้จริงๆว่านี่ไม่ได้มาลักหลับ เราก็แอบโทรหาเพื่อนเพราะไม่เคยมี ปสก. ว่า เห้ย มันมีป่าววะคนที่หลับลึกมากกก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย อีเพื่อนที่เชี่ยวทั้งหลายก็บอกว่า -ูยังไม่เคยเจอเลยเคสนี้ มันไม่มีหรอกคนที่ไม่รู้สึกอะไร ไอเราก็ยิ่งคิดหนักว่าตื่นมาน้องเค้าจะเป็นยังไง จนน้องเค้าตื่นเราแบบหน้าเสียแล้ว ทำหน้าพร้อมรับผิดทุกอย่าง แต่ปรากฏว่า น้องไม่พูดอะไรเลยยย เหมือนเพิ่งตื่นละลุกไปเข้าห้องน้ำออกมาคุยเล่นปกติ ทิ้งให้เรานั่งเหวออยู่บนเตียง งงอ่ะ แบบงง ก็เลยปล่อยเลยตามเลย วันต่อมาเราก็ไปเที่ยวกันสนุกสนานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อคืน จนทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้คำตอบว่าน้องเค้ารู้หรือไม่รู้กันแน่? จากเรื่องคืนนั้น เราคิดเลยว่า -ึงไปทำน้องเค้า -ึงก็ต้องรับผิดชอบน้องเค้า เป็นปมในใจมาตลอดว่าเราเป็นคนผิด.
พอกลับมากรุงเทพ เราคุยกันมากขึ้น ไปไหนมาไหนกันบ่อยขึ้น พร้อมกับความสงสัยที่ติดตัวมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้มีสถานะที่แน่ชัดสำหรับเรา จนเราคิดจะจริงจังกับน้องเค้า เราเลยไปปรึกษา (อดีต)"เพื่อน" ซึ่งเป็นทอมอีกคนนึง มันคนนี้เพิ่งมาสนิทกับเราตอนเรียนวิชานอกภาคซึ่งเรากับมันได้มาอยู่กลุ่มเดียวกันย่อให้ชื่ออี ข. ตอนแรกก็ไม่ได้คุยไรกันมากแต่หลังจบคอร์สเรียนนไปมันก็ทักมา บอกว่าปลื้มเพื่อนสนิทเราเป็นดาวคณะ เราก็เออ ลองคุยดู เพื่อน kuนิสัยดี และด้วยความที่มันมาจาก รร ชื่อดังแถวศรีราชาเป็น รร ใกล้กับ รร หญิงล้วนของน้องพอดี กิตติศัพท์นางที่เคยเล่านางบอกไปแอ๊วเด็ก รร นั้นไว้เยอะ ได้เพื่อนในกลุ่มเดียวกัน โชว์ความเอดส์ เคยโดนดรอปเรียนเทอมนึงเพราะไปสอยหญิง ตอนนั้นฟังมันก็เออ ดีว่ะๆๆ งั้นไปสืบมาให้หน่อยดิ ว่าน้องเค้าดีไหม เป็นคนยังไง มีแฟนยัง ได้ความว่า "ลุยเลย -ึง น้องเค้าคบทอม รักกันนานละน่าจะยังซิง [คุยกันภาษาเพื่อนอะนะ]" ไอเราก็ไม่ได้เล่าให้มันฟังเพราะไม่ได้สนิทไว้ใจอะไรขนาดนั้น เลยบอกโอเคงั้นเดี๋ยว ku จีบ
พอได้ความมั่นใจมา เราก็ตัดสินใจบอกน้องว่าขอจีบได้มั้ย จะเป็นแฟนกันได้รึเปล่า น้องเค้าบอกว่าให้คุยกันไปก่อนน 4 เดือนค่อยใช้คำว่า แฟนนน เราก็โอเค สี่เดือนแปปเดียวเอง ช่วงนั้นเป็นช่วงแฮปปี้มาก ตัวติดกัน เหมือนเป็นช่วงศึกษาของใหม่ น้องเค้าทำให้เรายิ้ม เราก็ดูแลน้องตลอด อยากไปไหนเราตามใจพาไปทุกที่ เป็นคู่ที่แบบคนอื่นเห็นแล้วหมันไส้ได้เลย จนไปไงมาไงไม่รู้เราได้รับโอกาสให้ขึ้นไปที่หอน้อง แรกๆก็ไปเหมือนคนไปรับส่ง จากนั้นบางทีก็ไปนอนเล่นหลังเลิกเรียน ไปค้างบ้าง ก็อย่างว่า ก็ต้องมีเรื่องอย่างว่า แต่ในหัวตอนน้นคือนี่เราจีบอยู่นะ ยังไม่ได้เป็นแฟนนน แบ๊วๆๆ มีเขาอ่อนๆ
จากที่เราได้เล่าไป เดี๋ยวขออนุญาติมาต่อนะ เดวผู้อ่านตาลาย
ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงสั้นๆ แต่บางทีก็ให้บทเรียนเราไว้เยอะเหมือนกัน
.
..
"อะไรที่เริ่มต้นไม่ดี ก็มักจะจบไม่ดีเช่นกัน"
[18+] แชร์ประสบการณ์โง่ๆเมื่อโดนเพื่อนและคนรัก "สวมเขา"
รูปภาพในคอมเราแคปหน้าจอไลน์ไว้ประมาณ 700กว่ารูป เราเลือกคัดมาเฉพาะอันที่ใช้เล่าเรื่องราวเท่านั้น แล้วเราจะลบมันทิ้งออกทั้งหมดเพราะถือว่าได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่ผู้อ่านทุกท่านในที่นี้ อาจจะยาวยืดเยื้อไปบ้างอย่าเพิ่งเบื่อกันก่อน เล่าแบบระเอียดยิบๆๆจริงๆ
มาเริ่มเล่าให้ฟังละนะ เราเองเป็นทอม ตอนนั้นเราอยู่ปี3 ใช้ชีวิตโสดกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน เราเองยังไม่เคยมีแฟนจริงๆจังๆอีกอ่ะ มีแต่คุยๆ กิ้กกั๊กไปเรื่อย จนช่วงปลายปีที่แล้ว มีเด็กปี1 เข้ามาใหม่และด้วยกรรมลิขิตให้เธอคนนั้นเป็นสายรหัสเรา ไอเราก็พี่ปี3อ่ะนะ เวลาทำอะไรฟอร์มมันต้องเยอะไว้ก่อน ก็เล็งๆว่าไอน้องนี่น่าตายังไง เป็นเด็กเรียบร้อย เนิร์ด แ-ด หรืออะไร
นี่ก็เป็นจดเริ่มต้นของเรากับน้องเค้า ก่อนที่จะมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น อ่านดูละแฮปปี้เนอะ เราพิมพ์เองละยังยิ้มเลย
หลังจากวันนั้นแล้วชิมิ เรากับน้องเค้าก็รู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย น้องเค้าดูเด็ก ติ๊งต๊อง เฟรนลี่ดี ในความคิด เรากับน้องมีโอกาสได้สนิทกันมากขึ้นในช่วงสอบ เราไปอ่านหนังสือโต้รุ่งที่มอเกือบทุกครั้ง แล้วน้องเค้าก็มาเหมือนกัน เลยได้นั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนกัน ไปซื้อขนมนู่นนี่ ดูหนังในคอมบ้าง ก็ว่ากันไป จากนั้นในโซเชียลเราก็ได้ interact กันมากขึ้น ทักแชทไปแซวเล่น เม้นนู่นนี่ เป็นแบบนี้มาตลอด ละมีอีกเรื่องนึงที่มันทำให้เรื่องของเราดูเร็ว เนื่องด้วยน้องเค้าอยู่หอแล้วอยู่คนเดียว เวลาเราจะไปไหนกับเพื่อน อยู่ดีๆเราก็ชวนน้องไปด้วยกันเพราะน้องเป็นคน(ออก)ง่าย
จังหวัดไหนล่ะ ?? ช่วงท้ายปีเทศกาลทุ่งทานตะวันกำลังมามีนั่งรถไฟไปเขื่อนด้วยนะ จังหวัดไรไม่บอกละกัน เดี๋ยวน้องเค้ารู้ตัว เอาไว้รู้ตอนท้ายๆดีก่า และด้วยตอนนั้นคณะเรากำลังจะไปจัดรับน้องที่จังหวัดนั้นพอดีเราเป็นรุ่นพี่ที่ต้องไปดูสถานที่ก่อน จึงพาน้องไปที่ค่ายด้วย ซึ่งตามกฎจริงๆแล้วห้าม ขากลับเจอเพื่อนจ้าา กำลังมาถึงพอดีก็เป็นเรื่องราวไป แต่เรากับน้องก็ไปเที่ยวกันต่อตามที่วางแผนไว้ เราพักโรงแรมๆใกล้ๆกับสถานีรถไฟเพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไปขึ้นรถไฟไปทุ่งทานตะวันทัน ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เรื่องราวมันเกิดไอตอนที่โรงแรมเนี่ยแหล่ะ พอถึงที่พักเรากับน้องก็ต่างคนต่างหลับ ด้วยความที่อยู่กันสองคน น้องเค้าหลับเราก็เผลอไปกอดน้องเค้า ละก็ทำนู่นนี่อะนะ ตอนนั้นเราคิดแค่ว่าเป็นไงเป็นกันวะ จะยอมรับผลที่เกิดขึ้นทุกอย่าง เรายังไม่เคยทำอะไรกับใครมาก่อน เราเลยคิดไปต่างๆนาๆถ้าน้องมันตื่นมามันจะตบหน้าku เหมือนในหนังปะวะ มันจะโวยวายร้องไห้ฟ้องแม่หนีกลับกรุงเทพรึเปล่า เราก็นอนตัวแข็งเลย ปลุกเท่าไหร่น้องเค้าก็ไม่ตื่น เขย่าแล้วเขย่าอีก แต่เราฝากอะไรไว้ในตัวน้องเค้าเยอะมาก แบบถ้า -ึง ตื่นมาต้องรู้อะ เสื้อในเราก็ไม่ได้ใส่ให้น้องเค้า เพราะอยากให้รู้จริงๆว่านี่ไม่ได้มาลักหลับ เราก็แอบโทรหาเพื่อนเพราะไม่เคยมี ปสก. ว่า เห้ย มันมีป่าววะคนที่หลับลึกมากกก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย อีเพื่อนที่เชี่ยวทั้งหลายก็บอกว่า -ูยังไม่เคยเจอเลยเคสนี้ มันไม่มีหรอกคนที่ไม่รู้สึกอะไร ไอเราก็ยิ่งคิดหนักว่าตื่นมาน้องเค้าจะเป็นยังไง จนน้องเค้าตื่นเราแบบหน้าเสียแล้ว ทำหน้าพร้อมรับผิดทุกอย่าง แต่ปรากฏว่า น้องไม่พูดอะไรเลยยย เหมือนเพิ่งตื่นละลุกไปเข้าห้องน้ำออกมาคุยเล่นปกติ ทิ้งให้เรานั่งเหวออยู่บนเตียง งงอ่ะ แบบงง ก็เลยปล่อยเลยตามเลย วันต่อมาเราก็ไปเที่ยวกันสนุกสนานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อคืน จนทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้คำตอบว่าน้องเค้ารู้หรือไม่รู้กันแน่? จากเรื่องคืนนั้น เราคิดเลยว่า -ึงไปทำน้องเค้า -ึงก็ต้องรับผิดชอบน้องเค้า เป็นปมในใจมาตลอดว่าเราเป็นคนผิด.
พอกลับมากรุงเทพ เราคุยกันมากขึ้น ไปไหนมาไหนกันบ่อยขึ้น พร้อมกับความสงสัยที่ติดตัวมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้มีสถานะที่แน่ชัดสำหรับเรา จนเราคิดจะจริงจังกับน้องเค้า เราเลยไปปรึกษา (อดีต)"เพื่อน" ซึ่งเป็นทอมอีกคนนึง มันคนนี้เพิ่งมาสนิทกับเราตอนเรียนวิชานอกภาคซึ่งเรากับมันได้มาอยู่กลุ่มเดียวกันย่อให้ชื่ออี ข. ตอนแรกก็ไม่ได้คุยไรกันมากแต่หลังจบคอร์สเรียนนไปมันก็ทักมา บอกว่าปลื้มเพื่อนสนิทเราเป็นดาวคณะ เราก็เออ ลองคุยดู เพื่อน kuนิสัยดี และด้วยความที่มันมาจาก รร ชื่อดังแถวศรีราชาเป็น รร ใกล้กับ รร หญิงล้วนของน้องพอดี กิตติศัพท์นางที่เคยเล่านางบอกไปแอ๊วเด็ก รร นั้นไว้เยอะ ได้เพื่อนในกลุ่มเดียวกัน โชว์ความเอดส์ เคยโดนดรอปเรียนเทอมนึงเพราะไปสอยหญิง ตอนนั้นฟังมันก็เออ ดีว่ะๆๆ งั้นไปสืบมาให้หน่อยดิ ว่าน้องเค้าดีไหม เป็นคนยังไง มีแฟนยัง ได้ความว่า "ลุยเลย -ึง น้องเค้าคบทอม รักกันนานละน่าจะยังซิง [คุยกันภาษาเพื่อนอะนะ]" ไอเราก็ไม่ได้เล่าให้มันฟังเพราะไม่ได้สนิทไว้ใจอะไรขนาดนั้น เลยบอกโอเคงั้นเดี๋ยว ku จีบ
พอได้ความมั่นใจมา เราก็ตัดสินใจบอกน้องว่าขอจีบได้มั้ย จะเป็นแฟนกันได้รึเปล่า น้องเค้าบอกว่าให้คุยกันไปก่อนน 4 เดือนค่อยใช้คำว่า แฟนนน เราก็โอเค สี่เดือนแปปเดียวเอง ช่วงนั้นเป็นช่วงแฮปปี้มาก ตัวติดกัน เหมือนเป็นช่วงศึกษาของใหม่ น้องเค้าทำให้เรายิ้ม เราก็ดูแลน้องตลอด อยากไปไหนเราตามใจพาไปทุกที่ เป็นคู่ที่แบบคนอื่นเห็นแล้วหมันไส้ได้เลย จนไปไงมาไงไม่รู้เราได้รับโอกาสให้ขึ้นไปที่หอน้อง แรกๆก็ไปเหมือนคนไปรับส่ง จากนั้นบางทีก็ไปนอนเล่นหลังเลิกเรียน ไปค้างบ้าง ก็อย่างว่า ก็ต้องมีเรื่องอย่างว่า แต่ในหัวตอนน้นคือนี่เราจีบอยู่นะ ยังไม่ได้เป็นแฟนนน แบ๊วๆๆ มีเขาอ่อนๆ
จากที่เราได้เล่าไป เดี๋ยวขออนุญาติมาต่อนะ เดวผู้อ่านตาลาย
ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงสั้นๆ แต่บางทีก็ให้บทเรียนเราไว้เยอะเหมือนกัน
.
..
"อะไรที่เริ่มต้นไม่ดี ก็มักจะจบไม่ดีเช่นกัน"