สวัสดีครับทุกท่าน นี่เป็นการแชร์ประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวครั้งแรกของผมนะครับ ผมมีโอกาสไปเที่ยว ญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ไม่มีเวลามาเขียนซักทีครับ เอาเวลาไปเรียนหนังสือซะหมด จนมาวันนี้ครับ พอดีมีเวลามาดูรูปเก่าๆ แล้วเจออัลบั้ม First Time @ Japan 2015 เลยอยากแชร์ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้มาช่วยติชมครับ
เข้าเรื่องโปรแกรมครับ ตามนี้เลย >>>> เดินทาง 8-16 กรกฎาคม 2558
วันแรก กรุงเทพ – โตเกียว (บินแอร์เอเชีย X เครื่องออกตอนสายๆ ไปถึงสนามบิน นาริตะ ค่ำพอดีครับ) พักโตเกียว
วันที่สอง โตเกียว – หมู่บ้านโอชิโนฮักไก - คาวาคุจิโกะ – ชินจูกุ พักโตเกียว
วันที่สาม โตเกียว – อาโอโมริ – ศิลปะทุ่งข้าว – ฮาโกะดาเตะ พักฮาโกะดาเตะ
วันที่สี่ ฮาโกดาเตะ – ซับโปโร – อะซาฮิกาว่า พัก อะซาฮิกาว่า
วันที่ห้า อะซาฮิกาว่า – บิเอะ – ฟูราโนะ พัก ฟูราโนะ
วันที่หก ฟูราโนะ – ฟาร์มโทมิตะ – อะซาฮิกาว่า – ซับโปโร พัก ซับโปโร
วันที่เจ็ด ซับโปโร – โอตารุ – ซับโปโร – นั่งรถไฟกลับ โตเกียว – ชิบุย่า พัก โตเกียว
วันที่แปด โตเกียว – วัดเซนโซจิ – ช้อปปิ้ง อาคิฮาบาร่า – โอไดบะ พักโตเกียว
วันที่เก้า โตเกียว – กรุงเทพ (บินแอร์เอเชีย X เครื่องออก 9 โมงกว่าๆ)
ทริบนี้ผมไปกันเองกับพี่น้องแค่ 3 คนนะครับ บินแอร์เอเชีย X เพราะได้ราคาโปรโมชั่น ผม ไม่ได้ไปกับทัวร์ แต่ก็ได้รับการแนะนำและจัดการการเดินทางจาก Vista Travel ครับ เนื่องจากคุณพ่อเป็นห่วงเลยให้ทัวร์จัดการวางแผนการเดินทางให้ เช่น ตั๋วรถไฟ JR Pass ที่พัก วางโปรแกรม ต้องขึ้น-ลง รถไฟสถานีไหน ต่อด้วยสายอะไร ออกกี่โมง ถึงกี่โมง แบบเป๊ะๆ แล้วพ่อก็ปล่อยให้ พวกผมไปกันเอง (พ่อบอกจะได้ไม่เสียเวลาหาข้อมูล ณ จุดนี้ รักพ่อมากครับ จัดการให้พวกผมหมดเลย ^^ )
ขอกำลังใจ ขอฝากเนื้อฝากตัวและขอคำแนะนำติชมด้วยนะคร๊าฟฟฟ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ผมมีอีกหลายทริบเลย ทั้งที่ไปมาแล้ว และยังรอโอกาสเหมาะๆครับ 55555
การเตรียมตัวและสิ่งที่ต้องเตรียมไปครับ
* Pocket WIFI 1 เครื่อง วันละ 200 x 9 วัน หารๆกันครับ 3 คน คุ้มๆ
* Adapter + สายไฟพ่วง
* เงินเยน เตรียมให้พอกับ อาหารทุกมื้อ รวมทั้งค่ารถบางส่วนที่อาจต้องจ่ายเพิ่ม เบ็ดเตล็ด ช้อปปิ้ง
* เสื้อผ้า แบบสบายๆ เพราะอากาศช่วง ก.ค. คือหน้าร้อนของโตเกียว แต่ที่ฮอกไกโดจะหนาวหน่อย เตรียมแจ็คเก็จบางเผื่อไป 1 ตัว
* รองเท้าผ้าใบ รองเท้าสำรอง เพื่อความสะดวกในการปั่นจักรยาน และเสื้อแขนยาวอีกตัวครับ
* ฟิตร่างกายให้พร้อม เพราะพี่ทัวร์บอกว่า เดินๆๆๆๆ เดินกันไกลๆ
* กล้อง & เมมโมรี่ (ซึ่งผมให้ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือซะส่วนใหญ่ครับ)
* พาสปอร์ต(ที่พี่เค้าย้ำนักหนาว่า ต้องเหลืออายุใช้งานมากกว่า 6 เดือน) * พาสปอร์ตไทย ถ้าไปเที่ยวไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่านะครับ)
* ใบจองตั๋วเครื่องบิน / ใบจองที่พัก / โปรแกรมทัวร์คร่าวๆ เป็นภาษาอังกฤษ (พี่ทัวร์เตรียมให้ครับ เขาบอกว่าเผื่อเจ้าหน้าที่ตม.ถาม)
* Voucher ตั๋ว JR Pass
* ยาสามัญ (ยาแก้ท้องเสีย เกลือแร่ แก้ปวดครอบจักรวาล พลาสเตอร์ยา ฯลฯ)
* ซื้อประกันการเดินทางด้วยนะครับ เผื่อฉุกเฉิน
>>>>> และแล้วผมกับคณะก็พร้อมเดินทางไปเปิดโลกกว้างครับ >>>>>>> Let’s GO ครับ !!!!!!!!!!!
วันแรก ตื่นเต้นกันไปหน่อยครับ กลัวรถติด ไปถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ 7 โมงเช้า เคาน์เตอร์ยังไม่เปิดครับ ยืนรอกันประมาณ 30 นาที ก็ได้เวลาเช็คอินและโหลดกระเป๋ากันครับ (ที่ซ้อกันไว้ 20 กก. ขากลับจะพอมั้นฃยอีกเรื่องครับ 555)
จองอาหารบนเครื่องด้วยครับ 240 บาท พอดีอิ่มละครับ
19.00 น. เครื่องบินหางแดงกางล้อแตะพื้น แสดงว่าผมมาถึงสนามบิน นาริตะแล้วครับ แต่กว่าจะมาถึงงวงก็ใช้เวลานานพอสมควร ช่วงนี้ก็ลุ้นครับกลัวว่าจะค่ำเกินไป แล้วไปถึงที่พักดึกครับ
หลังจากผ่านตม.แบบสบายๆแล้ว ก็เดินออกมาข้างนอกหา เคาน์เตอร์ JR ครับผม สรุปว่าข้างบนผิดแล้ว เลยลงบันไดเลื่อนมาที่ชั้น F เพื่อเอา Voucher JR ไปแลกตั๋วที่ Office Ticket ครับ
หลังจากได้ตั๋ว JR Pass แล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองครับ Keisei Line ( ผมยังไม่ใช้ JR ในวันนี้นะครับ ผมมา 9 วัน แต่ซื้อตั๋วแบบ 7 วัน และจะเริ่มใช้พรุ่งนี้จนถึงวันก่อนกลับพอดี )
ตั๋ว Keisei Line แบบรถด่วนครับ ไปต่อรถไฟ Metro สาย Ginza ที่ สถานี Ueno แล้วก็ไปลงที่สถานีถัดไป ชื่อ Tawaramachi ออกที่ Exit 3 แล้วก็เดินไปที่พัก ที่ KHAOSAN TOKYO LABORATORY ที่พักอยู่ใกล้ๆสถานีเดินแป๊บเดียวถึงครับ (ออก Exit 3 เดินประมาณ 5 นาที)
ที่นี่พวกผมได้พักห้องแบบ 3 เตียง มีห้องน้ำในตัว ถือว่าสะดวกสบายมากครับ (แอบไปถามเจ้าหน้าที่มาด้วย ที่นี่มีห้องรวม ห้องน้ำรวมด้วยครับ ราคาก็ถูกกว่าห้องส่วนตัว นึกแล้วก็อยากจะได้ห้องแบบนั้นบ้างครับ 55555)
หลังจากเอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องแล้ว ท้องร้องแล้วครับ ลงมาหาอาหารค่ำกันหน่อย เดินเลือกกันหลายร้านมาก แล้วมาจบที่ราเมน ร้านนี้ครับ เนื้อนุ่ม ซุปอร่อยกลมกล่อมมาก (ไม่รู้ว่า หิว หรือ อร่อยจริงๆ 5555) 1000 เยนนะ แล้วกลัวไม่อิ่ม เลยสั่งเต้าหู้ทรงเครื่องมาอีกจานนึง






อิ่มท้องเรียบร้อยเดินกลับที่พักครับ แล้วถือโอกาสเซอร์เวย์รอบๆที่พักหน่อย มาเจอห้างดองกี้ครับ เปิด 24 ชั่วโมง สมอารมณ์หมายของพี่สาวผมเลย ได้ยินว่าจะไปเหมาเครื่องสำอางในวันสุดท้ายก่อนกลับ กทม. จบโปรแกรมวันนี้ครับผม ราตรีสวัสดิ์ .....ฮี่ฮี่ฮี่
วันที่สอง พวกผมตื่นแต่เช้า โปรแกรมวันนี้ไป หมู่บ้านโอชิโนฮักไก และทะเลสาบ คาวาคุจิโกะ ครับ เป็นจุดชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ที่สวยมากๆด้วย(อ่านเขามาอีกทีครับ)
จากที่พักนั่งรถไฟจากสถานี Tawaramachi ไปลงที่ Ueno เพื่อเปลี่ยนไปใช้ JR Pass เที่ยวแรกครับ ไปลงที่ สถานี ชินจุกุ แล้วก็เปลี่ยนอีกขบวนหนึ่งนั่งไปที่สถานี Otsuki แล้วเปลี่ยนรถอีกครั้งครับ รอบต่อไปเสียค่าตั๋วรถไฟเพิ่มเพราะใช้ JR Pass ไม่ได้ครับ
รอรถไฟที่ สถานี Otsuki ครับ
ค่าตั๋วรถไฟ ส่วนนี้นะครับ 1020.-เยน
บรรยากาศบนรถไฟครับ

จากสถานีก็นั่งรถไปอีกหน่อยครับ ถึงสถานี Fujisan แล้วก็แวะลงไปต่อรถบัส ไปเที่ยวที่ หมู่บ้านน้ำใส หรือ โอชิโนฮักไก ครับ ผมชอบมากเลย รถเมล์มีประกาศบอกด้วยว่า ถึงป้ายไหนแล้วบ้าง กันหลังกันเลยป้ายน่ะครับ #ค่ารถเบาๆ 390 เยน
บรรยากาศที่หมู่บ้านโอชิโนฮักไกครับ เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนเยอะพอสมควร (มาไวไปไวมากครับ 5555)
ผมอยู่ที่นี่กันพักนึงแบบไม่ลืมที่จะชิม ขนมเปี้ยะย่าง และ ไอติมลาเวนเดอร์ ครับ (สมใจพี่สาวผมอีกละครับ กินเก่งจริงๆ 5555)
แล้วพวกผมก็เดินกลับมารอบัสที่ป้ายเดิม นั่งกลับไปที่ สถานีรถไฟเดิม แล้วก็ต่อรถไปที่ ทะเลสาบคาวาคุจิโกะครับ วันนี้ฟ้าไม่เป็นใจเลยครับ ครึ้มๆทั้งวัน แต่ระหว่างทางยังหวังและภาวนาว่าฟ้าจะเปิดครับ
ถึงสถานีสุดท้าย Kawaguchiko ลงมาปุ๊ป ก็ซื้อตั๋วรถ Restro Bus บัส นั่งรถชมจุดต่างๆรอบทะเลสาบครับผม พวกผมไม่ได้ขึ้นกระเช้าไปชมวิวนะครับ ดูจากสภาพอากาศแล้ว ขึ้นไปคงไม่ได้เห็นยอด ฟูจิ เลยตกลงกันขำๆว่า ไม่เป็นไร ไม่ได้เห็นฟูจิ รอบหน้าจะได้มีข้ออ้างขอพ่อมาเที่ยวอีกครับ
เนื่องจากฝนฟ้าครึ้มมากๆครับ ผมและคณะพอขึ้นรถ Restro ปุ๊ป ตรงดิ่งไปที่ป้ายสุดท้ายเลยครับ จุดที่จะเห็นภูเขาไฟ แล้วก็มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์ด้วยครับ
รูปนี้ครับ ถ้าเป็นช่วงเวลาฟ้าเปิด ก็จะเห็นฟูจิซัง โชว์ตัวอยู่ตรงพื้นที่ขาวๆนั่นแหละครับ
ที่นี่เจอกรุ๊ปทัวร์คนไทยด้วยครับ แต่แป๊บเดียว ฝนตกกระหน่ำ ถ่ายรูปก็ไม่ได้ เดินก็เปียก ยังดีหน่อยที่พกร่มมาเลยไม่เปียกมาก ก็เลยตัดสินใจกลับโตเกียว เผื่อฝนไม่ตกจะได้ไปเดินดูของ ช้อปปิ้งกันแถว ชินจุกุ ละครับ
ฟ้าฝนไม่เป็นใจ สติแตกเลยครับ ทั้งพี่ทั้งน้อง


ขากลับก็นั่งรถไฟท้องถิ่น มาต่อรถ JR ที่ สถานี Otsuki เช่นเดิมนะครับ สาย Chuo Line มาสุดทางที่สถานี ชินจุกุ เลยครับ
ได้เวลาตามหาของที่เพื่อนๆฝากซื้อละครับ ฟิกเกอร์ทั้งหลาย ในย่านชินจุกุ จนเมื่อย แล้วก็ได้เวลาอาหารค่ำ ไปใช้แบบ หยอดเหรียญ เลือกอาหาร แล้วเอาใบ Order ไปให้พ่อครัวครับ ตอนแรกก็งงๆ หลังๆชักติดใจของเล่นใหม่ 55555 แล้วก็นั่งรถไฟกลับที่พักครับ คืนนี้ต้องแพ็คกระเป๋าใหม่ เพราะพวกผมตัดสินใจว่า จะแบกเป้กันไป และจะฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่โรงแรมแล้วค่อยกลับมาอีกที ในคืนสุดท้าย
คืนนี้พี่ผมใช้เวลาเล็กน้อยไปจองที่นั่งของ JR ครับ แกจองทีเดียวทั้งทริบเลยได้มาเป็นปึกอ่ะครับ
อันนี้หน้าตาตั๋ว JR Pass ครับ

ส่วนอันนี้คือ ตั๋วจองที่นั่งของเกือบทั้งหมด เท่าที่สามารถจองที่นั่งบนรถได้ครับ (พี่ผมรอบคอบ อวยยางหน่อยครับ 55555)
คืนนี้ทุกคนต้องรีบพักผ่อนครับ พรุ่งนี้จะได้เจอประสบการณ์ขึ้นรถ ชินคังเซ็นแว้วววว!!!!!! โอยาสุมินาไซ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
[CR] แชร์ประสบการณ์ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น 9 วัน #อะเมสซิ่ง ศิลปะทุ่งข้าว ปั่นจักรยานเมืองบิเอะ และชมทุ่งลาเวนเดอร์ เมืองฟูราโนะ
เข้าเรื่องโปรแกรมครับ ตามนี้เลย >>>> เดินทาง 8-16 กรกฎาคม 2558
วันแรก กรุงเทพ – โตเกียว (บินแอร์เอเชีย X เครื่องออกตอนสายๆ ไปถึงสนามบิน นาริตะ ค่ำพอดีครับ) พักโตเกียว
วันที่สอง โตเกียว – หมู่บ้านโอชิโนฮักไก - คาวาคุจิโกะ – ชินจูกุ พักโตเกียว
วันที่สาม โตเกียว – อาโอโมริ – ศิลปะทุ่งข้าว – ฮาโกะดาเตะ พักฮาโกะดาเตะ
วันที่สี่ ฮาโกดาเตะ – ซับโปโร – อะซาฮิกาว่า พัก อะซาฮิกาว่า
วันที่ห้า อะซาฮิกาว่า – บิเอะ – ฟูราโนะ พัก ฟูราโนะ
วันที่หก ฟูราโนะ – ฟาร์มโทมิตะ – อะซาฮิกาว่า – ซับโปโร พัก ซับโปโร
วันที่เจ็ด ซับโปโร – โอตารุ – ซับโปโร – นั่งรถไฟกลับ โตเกียว – ชิบุย่า พัก โตเกียว
วันที่แปด โตเกียว – วัดเซนโซจิ – ช้อปปิ้ง อาคิฮาบาร่า – โอไดบะ พักโตเกียว
วันที่เก้า โตเกียว – กรุงเทพ (บินแอร์เอเชีย X เครื่องออก 9 โมงกว่าๆ)
ทริบนี้ผมไปกันเองกับพี่น้องแค่ 3 คนนะครับ บินแอร์เอเชีย X เพราะได้ราคาโปรโมชั่น ผม ไม่ได้ไปกับทัวร์ แต่ก็ได้รับการแนะนำและจัดการการเดินทางจาก Vista Travel ครับ เนื่องจากคุณพ่อเป็นห่วงเลยให้ทัวร์จัดการวางแผนการเดินทางให้ เช่น ตั๋วรถไฟ JR Pass ที่พัก วางโปรแกรม ต้องขึ้น-ลง รถไฟสถานีไหน ต่อด้วยสายอะไร ออกกี่โมง ถึงกี่โมง แบบเป๊ะๆ แล้วพ่อก็ปล่อยให้ พวกผมไปกันเอง (พ่อบอกจะได้ไม่เสียเวลาหาข้อมูล ณ จุดนี้ รักพ่อมากครับ จัดการให้พวกผมหมดเลย ^^ )
ขอกำลังใจ ขอฝากเนื้อฝากตัวและขอคำแนะนำติชมด้วยนะคร๊าฟฟฟ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ผมมีอีกหลายทริบเลย ทั้งที่ไปมาแล้ว และยังรอโอกาสเหมาะๆครับ 55555
การเตรียมตัวและสิ่งที่ต้องเตรียมไปครับ
* Pocket WIFI 1 เครื่อง วันละ 200 x 9 วัน หารๆกันครับ 3 คน คุ้มๆ
* Adapter + สายไฟพ่วง
* เงินเยน เตรียมให้พอกับ อาหารทุกมื้อ รวมทั้งค่ารถบางส่วนที่อาจต้องจ่ายเพิ่ม เบ็ดเตล็ด ช้อปปิ้ง
* เสื้อผ้า แบบสบายๆ เพราะอากาศช่วง ก.ค. คือหน้าร้อนของโตเกียว แต่ที่ฮอกไกโดจะหนาวหน่อย เตรียมแจ็คเก็จบางเผื่อไป 1 ตัว
* รองเท้าผ้าใบ รองเท้าสำรอง เพื่อความสะดวกในการปั่นจักรยาน และเสื้อแขนยาวอีกตัวครับ
* ฟิตร่างกายให้พร้อม เพราะพี่ทัวร์บอกว่า เดินๆๆๆๆ เดินกันไกลๆ
* กล้อง & เมมโมรี่ (ซึ่งผมให้ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือซะส่วนใหญ่ครับ)
* พาสปอร์ต(ที่พี่เค้าย้ำนักหนาว่า ต้องเหลืออายุใช้งานมากกว่า 6 เดือน) * พาสปอร์ตไทย ถ้าไปเที่ยวไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่านะครับ)
* ใบจองตั๋วเครื่องบิน / ใบจองที่พัก / โปรแกรมทัวร์คร่าวๆ เป็นภาษาอังกฤษ (พี่ทัวร์เตรียมให้ครับ เขาบอกว่าเผื่อเจ้าหน้าที่ตม.ถาม)
* Voucher ตั๋ว JR Pass
* ยาสามัญ (ยาแก้ท้องเสีย เกลือแร่ แก้ปวดครอบจักรวาล พลาสเตอร์ยา ฯลฯ)
* ซื้อประกันการเดินทางด้วยนะครับ เผื่อฉุกเฉิน
>>>>> และแล้วผมกับคณะก็พร้อมเดินทางไปเปิดโลกกว้างครับ >>>>>>> Let’s GO ครับ !!!!!!!!!!!
วันแรก ตื่นเต้นกันไปหน่อยครับ กลัวรถติด ไปถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ 7 โมงเช้า เคาน์เตอร์ยังไม่เปิดครับ ยืนรอกันประมาณ 30 นาที ก็ได้เวลาเช็คอินและโหลดกระเป๋ากันครับ (ที่ซ้อกันไว้ 20 กก. ขากลับจะพอมั้นฃยอีกเรื่องครับ 555)
จองอาหารบนเครื่องด้วยครับ 240 บาท พอดีอิ่มละครับ
19.00 น. เครื่องบินหางแดงกางล้อแตะพื้น แสดงว่าผมมาถึงสนามบิน นาริตะแล้วครับ แต่กว่าจะมาถึงงวงก็ใช้เวลานานพอสมควร ช่วงนี้ก็ลุ้นครับกลัวว่าจะค่ำเกินไป แล้วไปถึงที่พักดึกครับ
หลังจากผ่านตม.แบบสบายๆแล้ว ก็เดินออกมาข้างนอกหา เคาน์เตอร์ JR ครับผม สรุปว่าข้างบนผิดแล้ว เลยลงบันไดเลื่อนมาที่ชั้น F เพื่อเอา Voucher JR ไปแลกตั๋วที่ Office Ticket ครับ
หลังจากได้ตั๋ว JR Pass แล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองครับ Keisei Line ( ผมยังไม่ใช้ JR ในวันนี้นะครับ ผมมา 9 วัน แต่ซื้อตั๋วแบบ 7 วัน และจะเริ่มใช้พรุ่งนี้จนถึงวันก่อนกลับพอดี )
ตั๋ว Keisei Line แบบรถด่วนครับ ไปต่อรถไฟ Metro สาย Ginza ที่ สถานี Ueno แล้วก็ไปลงที่สถานีถัดไป ชื่อ Tawaramachi ออกที่ Exit 3 แล้วก็เดินไปที่พัก ที่ KHAOSAN TOKYO LABORATORY ที่พักอยู่ใกล้ๆสถานีเดินแป๊บเดียวถึงครับ (ออก Exit 3 เดินประมาณ 5 นาที)
ที่นี่พวกผมได้พักห้องแบบ 3 เตียง มีห้องน้ำในตัว ถือว่าสะดวกสบายมากครับ (แอบไปถามเจ้าหน้าที่มาด้วย ที่นี่มีห้องรวม ห้องน้ำรวมด้วยครับ ราคาก็ถูกกว่าห้องส่วนตัว นึกแล้วก็อยากจะได้ห้องแบบนั้นบ้างครับ 55555)
หลังจากเอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องแล้ว ท้องร้องแล้วครับ ลงมาหาอาหารค่ำกันหน่อย เดินเลือกกันหลายร้านมาก แล้วมาจบที่ราเมน ร้านนี้ครับ เนื้อนุ่ม ซุปอร่อยกลมกล่อมมาก (ไม่รู้ว่า หิว หรือ อร่อยจริงๆ 5555) 1000 เยนนะ แล้วกลัวไม่อิ่ม เลยสั่งเต้าหู้ทรงเครื่องมาอีกจานนึง
อิ่มท้องเรียบร้อยเดินกลับที่พักครับ แล้วถือโอกาสเซอร์เวย์รอบๆที่พักหน่อย มาเจอห้างดองกี้ครับ เปิด 24 ชั่วโมง สมอารมณ์หมายของพี่สาวผมเลย ได้ยินว่าจะไปเหมาเครื่องสำอางในวันสุดท้ายก่อนกลับ กทม. จบโปรแกรมวันนี้ครับผม ราตรีสวัสดิ์ .....ฮี่ฮี่ฮี่
วันที่สอง พวกผมตื่นแต่เช้า โปรแกรมวันนี้ไป หมู่บ้านโอชิโนฮักไก และทะเลสาบ คาวาคุจิโกะ ครับ เป็นจุดชมวิว ภูเขาไฟฟูจิ ที่สวยมากๆด้วย(อ่านเขามาอีกทีครับ)
จากที่พักนั่งรถไฟจากสถานี Tawaramachi ไปลงที่ Ueno เพื่อเปลี่ยนไปใช้ JR Pass เที่ยวแรกครับ ไปลงที่ สถานี ชินจุกุ แล้วก็เปลี่ยนอีกขบวนหนึ่งนั่งไปที่สถานี Otsuki แล้วเปลี่ยนรถอีกครั้งครับ รอบต่อไปเสียค่าตั๋วรถไฟเพิ่มเพราะใช้ JR Pass ไม่ได้ครับ
รอรถไฟที่ สถานี Otsuki ครับ
จากสถานีก็นั่งรถไปอีกหน่อยครับ ถึงสถานี Fujisan แล้วก็แวะลงไปต่อรถบัส ไปเที่ยวที่ หมู่บ้านน้ำใส หรือ โอชิโนฮักไก ครับ ผมชอบมากเลย รถเมล์มีประกาศบอกด้วยว่า ถึงป้ายไหนแล้วบ้าง กันหลังกันเลยป้ายน่ะครับ #ค่ารถเบาๆ 390 เยน
บรรยากาศที่หมู่บ้านโอชิโนฮักไกครับ เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนเยอะพอสมควร (มาไวไปไวมากครับ 5555)
ผมอยู่ที่นี่กันพักนึงแบบไม่ลืมที่จะชิม ขนมเปี้ยะย่าง และ ไอติมลาเวนเดอร์ ครับ (สมใจพี่สาวผมอีกละครับ กินเก่งจริงๆ 5555)
แล้วพวกผมก็เดินกลับมารอบัสที่ป้ายเดิม นั่งกลับไปที่ สถานีรถไฟเดิม แล้วก็ต่อรถไปที่ ทะเลสาบคาวาคุจิโกะครับ วันนี้ฟ้าไม่เป็นใจเลยครับ ครึ้มๆทั้งวัน แต่ระหว่างทางยังหวังและภาวนาว่าฟ้าจะเปิดครับ
ถึงสถานีสุดท้าย Kawaguchiko ลงมาปุ๊ป ก็ซื้อตั๋วรถ Restro Bus บัส นั่งรถชมจุดต่างๆรอบทะเลสาบครับผม พวกผมไม่ได้ขึ้นกระเช้าไปชมวิวนะครับ ดูจากสภาพอากาศแล้ว ขึ้นไปคงไม่ได้เห็นยอด ฟูจิ เลยตกลงกันขำๆว่า ไม่เป็นไร ไม่ได้เห็นฟูจิ รอบหน้าจะได้มีข้ออ้างขอพ่อมาเที่ยวอีกครับ
เนื่องจากฝนฟ้าครึ้มมากๆครับ ผมและคณะพอขึ้นรถ Restro ปุ๊ป ตรงดิ่งไปที่ป้ายสุดท้ายเลยครับ จุดที่จะเห็นภูเขาไฟ แล้วก็มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์ด้วยครับ
รูปนี้ครับ ถ้าเป็นช่วงเวลาฟ้าเปิด ก็จะเห็นฟูจิซัง โชว์ตัวอยู่ตรงพื้นที่ขาวๆนั่นแหละครับ
ที่นี่เจอกรุ๊ปทัวร์คนไทยด้วยครับ แต่แป๊บเดียว ฝนตกกระหน่ำ ถ่ายรูปก็ไม่ได้ เดินก็เปียก ยังดีหน่อยที่พกร่มมาเลยไม่เปียกมาก ก็เลยตัดสินใจกลับโตเกียว เผื่อฝนไม่ตกจะได้ไปเดินดูของ ช้อปปิ้งกันแถว ชินจุกุ ละครับ
ฟ้าฝนไม่เป็นใจ สติแตกเลยครับ ทั้งพี่ทั้งน้อง
ขากลับก็นั่งรถไฟท้องถิ่น มาต่อรถ JR ที่ สถานี Otsuki เช่นเดิมนะครับ สาย Chuo Line มาสุดทางที่สถานี ชินจุกุ เลยครับ
ได้เวลาตามหาของที่เพื่อนๆฝากซื้อละครับ ฟิกเกอร์ทั้งหลาย ในย่านชินจุกุ จนเมื่อย แล้วก็ได้เวลาอาหารค่ำ ไปใช้แบบ หยอดเหรียญ เลือกอาหาร แล้วเอาใบ Order ไปให้พ่อครัวครับ ตอนแรกก็งงๆ หลังๆชักติดใจของเล่นใหม่ 55555 แล้วก็นั่งรถไฟกลับที่พักครับ คืนนี้ต้องแพ็คกระเป๋าใหม่ เพราะพวกผมตัดสินใจว่า จะแบกเป้กันไป และจะฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่โรงแรมแล้วค่อยกลับมาอีกที ในคืนสุดท้าย
คืนนี้พี่ผมใช้เวลาเล็กน้อยไปจองที่นั่งของ JR ครับ แกจองทีเดียวทั้งทริบเลยได้มาเป็นปึกอ่ะครับ
ส่วนอันนี้คือ ตั๋วจองที่นั่งของเกือบทั้งหมด เท่าที่สามารถจองที่นั่งบนรถได้ครับ (พี่ผมรอบคอบ อวยยางหน่อยครับ 55555)
คืนนี้ทุกคนต้องรีบพักผ่อนครับ พรุ่งนี้จะได้เจอประสบการณ์ขึ้นรถ ชินคังเซ็นแว้วววว!!!!!! โอยาสุมินาไซ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ