อุณหภูมิที่หนาวเย็นลงแบบฉับพลันส่งผลให้อากาศแปรปรวน ประเทศเมืองร้อนก็กำลังจะกลายเป็นเมืองหนาว ส่วนประเทศเมืองหนาวก็ร้อนกว่าประเทศเมืองร้อนซะอีก
เกิดพายุหิมะใน กรุงวอชิงตันดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ นครนิวยอร์ก ส่งผลกระทบกับการคมนาคมไปทั่วประเทศ ยุโรป แถวสแกนดิเนเวีย 9 โมง 10 โมง ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ อุณหภูมิติดลบถึง 30 องศา
เกาหลี ญี่ปุ่น จีน หิมะตกมากกว่าปกติ ที่แปลกคือ ไต้หวัน อุณหภูมิที่กรุงไทเปลดเหลือ 4 องศา ต่ำสุดในรอบ 44 ปี ในชนบทของไต้หวัน มีหิมะตกสะสมสูงถึง 5 เซนติเมตร
ส่วนในภูมิภาคนี้ ใครจะเชื่อว่า มีหิมะตกในประเทศลาว อุณหภูมิติดลบ 3 องศา เวียดนาม พม่า ได้เห็นหิมะตกกันถ้วนหน้า ประเทศไทย เองก็ลุ้นกันอยู่ว่าจะมีหิมะตกบ้างหรือเปล่า แค่ใน กทม.อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 16-19 องศา ก็มีตื่นเต้นแล้ว
ถ้าขืนประเทศไทยมีหิมะตก คงได้เห็นอะไรแปลกๆอีกเยอะ
เรื่องของ ปากท้องชาวบ้าน เริ่มจะน่าเป็นห่วง สำนักโพลต่างๆ สำรวจความเห็นชาวบ้านพบว่า ห่วงเรื่องของเศรษฐกิจมากที่สุด ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลเองก็ต้องพยายามสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ถึงขนาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลงมาบัญชาการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยตัวเองย่อมไม่ธรรมดา
แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะที่ชาวบ้านสัมผัสจากชีวิตประจำวัน ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจแย่ลง ชาวบ้านเดือดร้อน โดยเฉพาะภาคการเกษตร ผู้ใช้แรงงาน ลูกจ้างหาเช้ากินค่ำ ไม่มี หลักประกันในชีวิต
นักเศรษฐศาสตร์มองกันว่า การส่งออกของประเทศไทยในปีนี้ไม่มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้น อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำเพราะผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า สภาพเศรษฐกิจโลก และความซบเซาของเศรษฐกิจในประเทศ
ไปคาดการณ์ล่วงหน้าว่า เศรษฐกิจปีนี้จะโตถึงร้อยละ 5 จะสร้างความกดดันให้กับรัฐบาลเอง การลงทุนจากต่างประเทศ ลดลงไปถึงร้อยละ 78 แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยจากปัจจัยลบต่างๆ รวมทั้งเรื่องของการเมืองการปกครองที่ไม่เอื้ออำนวย
ที่น่าวิตกคือประเทศคู่ค้าที่เคยมาลงทุนในบ้านเราเป็นจำนวนมหาศาล อย่างญี่ปุ่น ลดลงไปถึงร้อยละ 81 อาจจะเป็นเพราะ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเองหรือไม่เป็นอีกประเด็น แต่ปัจจัยที่จะจูงใจ ในการลงทุนมีส่วนสำคัญมากกว่า
ในขณะที่เราอยู่ในช่วงขาลงมากเท่าไหร่ ประเทศคู่แข่ง อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย ก็จะได้ประโยชน์มากเท่านั้น ส่งออกเวียดนาม ขยายตัวร้อยละ 8.1 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 6.68 ในปีที่ผ่านมา
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงจะเหมือนดินพอกหางหมู ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งต้องหลอกตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดทางเยียวยา.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/568162
" อุณหภูมิเศรษฐกิจ " ... หมัดเหล็ก
เกิดพายุหิมะใน กรุงวอชิงตันดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ นครนิวยอร์ก ส่งผลกระทบกับการคมนาคมไปทั่วประเทศ ยุโรป แถวสแกนดิเนเวีย 9 โมง 10 โมง ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ อุณหภูมิติดลบถึง 30 องศา
เกาหลี ญี่ปุ่น จีน หิมะตกมากกว่าปกติ ที่แปลกคือ ไต้หวัน อุณหภูมิที่กรุงไทเปลดเหลือ 4 องศา ต่ำสุดในรอบ 44 ปี ในชนบทของไต้หวัน มีหิมะตกสะสมสูงถึง 5 เซนติเมตร
ส่วนในภูมิภาคนี้ ใครจะเชื่อว่า มีหิมะตกในประเทศลาว อุณหภูมิติดลบ 3 องศา เวียดนาม พม่า ได้เห็นหิมะตกกันถ้วนหน้า ประเทศไทย เองก็ลุ้นกันอยู่ว่าจะมีหิมะตกบ้างหรือเปล่า แค่ใน กทม.อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 16-19 องศา ก็มีตื่นเต้นแล้ว
ถ้าขืนประเทศไทยมีหิมะตก คงได้เห็นอะไรแปลกๆอีกเยอะ
เรื่องของ ปากท้องชาวบ้าน เริ่มจะน่าเป็นห่วง สำนักโพลต่างๆ สำรวจความเห็นชาวบ้านพบว่า ห่วงเรื่องของเศรษฐกิจมากที่สุด ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลเองก็ต้องพยายามสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ถึงขนาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลงมาบัญชาการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยตัวเองย่อมไม่ธรรมดา
แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะที่ชาวบ้านสัมผัสจากชีวิตประจำวัน ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจแย่ลง ชาวบ้านเดือดร้อน โดยเฉพาะภาคการเกษตร ผู้ใช้แรงงาน ลูกจ้างหาเช้ากินค่ำ ไม่มี หลักประกันในชีวิต
นักเศรษฐศาสตร์มองกันว่า การส่งออกของประเทศไทยในปีนี้ไม่มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้น อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำเพราะผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า สภาพเศรษฐกิจโลก และความซบเซาของเศรษฐกิจในประเทศ
ไปคาดการณ์ล่วงหน้าว่า เศรษฐกิจปีนี้จะโตถึงร้อยละ 5 จะสร้างความกดดันให้กับรัฐบาลเอง การลงทุนจากต่างประเทศ ลดลงไปถึงร้อยละ 78 แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยจากปัจจัยลบต่างๆ รวมทั้งเรื่องของการเมืองการปกครองที่ไม่เอื้ออำนวย
ที่น่าวิตกคือประเทศคู่ค้าที่เคยมาลงทุนในบ้านเราเป็นจำนวนมหาศาล อย่างญี่ปุ่น ลดลงไปถึงร้อยละ 81 อาจจะเป็นเพราะ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเองหรือไม่เป็นอีกประเด็น แต่ปัจจัยที่จะจูงใจ ในการลงทุนมีส่วนสำคัญมากกว่า
ในขณะที่เราอยู่ในช่วงขาลงมากเท่าไหร่ ประเทศคู่แข่ง อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย ก็จะได้ประโยชน์มากเท่านั้น ส่งออกเวียดนาม ขยายตัวร้อยละ 8.1 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 6.68 ในปีที่ผ่านมา
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงจะเหมือนดินพอกหางหมู ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งต้องหลอกตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดทางเยียวยา.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/568162