สวัสดีค่ะ ขอแทนตัวเองว่าพิมนะคะ(ชื่อสมมุติ) ตอนนี้พิมอายุ 23 ปี จะครบ 24 ปี เดือนพฤศจิกายน
ซึ่งช่วงอายุนี้เพื่อนๆหลายคนจะเริ่มเรียนจบและรับปริญญากันแล้ว จะมีส่วนน้อยที่ยังเรียนไม่จบ แต่ก็จะจบภายในปีหน้า
ตัวพิมเข้ามาหางานทำในกรุงเทพตั้งแต่จบ ม.6 และได้เข้าเรียนที่ ม.รามคำแหง คณะบริหารธุรกิจ
เรียนและทำงานไปด้วยมาเรื่อยๆ(เป็น Sale) และได้เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวตอนปี 2 เทอม 1
ธุรกิจส่วนตัวรุ่งมากในปีแรก มียอดขายเข้ามาเยอะมาก จึงเริ่มขยับขยายจ้างพนักงานมาช่วยงาน
ปีต่อมายังขายดีต่อเนื่อง แต่แล้วธุรกิจก็เกิดสะดุด มีปัญหาหลายๆอย่าง จนพิมไม่สามารถไปเข้าสอบ ไม่ได้สนใจอ่านหนังสือเลย
แต่พิมไม่ได้โทษที่งานนะคะ เพราะรู้ตัวอยู่ว่าไม่ได้เอาใจใส่เรื่องเรียนเท่าไรนัก มุ่งแต่ทำงาน หาเงินจริงๆ ด้วยความคิดที่ว่าจบมายังไงก็ไม่ได้ทำงานกินเงินเดือน
ตอนนี้พิมสามารถกู้ธุรกิจที่เกือบจะล้มเพราะความเด็ก ทำงานไม่เป็นระบบ หวังแต่จะเติบโต แต่ฐานไม่แข็งแรง ให้กลับมามียอดขายที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆได้อีกครั้ง ในก้าวต่อๆไป จึงเดินไปด้วยความไม่ประมาท เรื่องงานลงตัวแล้วค่ะ และพิมรักในงานที่ทำค่ะ
หลังจากไปงานรับปริญญาเพื่อนมาหลายคน ทำให้ตัวพิมเองตระหนักได้ว่าเรื่องเรียนสำคัญไม่แพ้กัน
จึงกลับไปล๊อกอินเข้าเชคเกรดทั้งหมดที่เรียนมา ปรากฎว่าตอนนี้พิมพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาของ ม.รามแล้ว เก็บหน่วยกิจได้ 72 หน่วยกิจ
พิมได้ค้นข้อมูลพบว่าถึงแม้จะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา แต่เกรดยังสามารถใช้เทียบโอนได้ แต่อาจจะไม่ทั้งหมด ตอนนี้พิมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรู้อะไรติดตัวเลย นอกจากประสบการณ์ในงานที่ทำ
พิมกลับมานั่งมองตัวในอนาคตอีก 10 ปี ว่าตอนนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่ ก็คงจะเป็นสายงานเดิมที่ทำมาตั้งแต่ต้น และต่อยอดไปอีกเรื่อยๆ
ตอนนี้พิมย้ายมาแถบปริมณฑลแล้วนะคะ ไม่ได้อยู่แถวรามแล้วค่ะ และโดยส่วนตัวพิมเองไม่ได้อยากศึกษาต่อใน ม.ราม คณะเดิม เพราะไม่ถนัดเรื่องตัวเลข ทำให้ไม่มีความกระตือรือร้นในการเรียน ถ้าจะให้สมัครคณะไหม่ ก็ไม่มีในสายที่อยากเรียน
พิมอยากเรียนนะคะ แต่สิ่งที่พิมลังเลคือสองทางเลือกที่พิมกำลังคิดอยู่ว่าไปทางไหนจะดีกว่า
1. เรียนต่อในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน (ม.เอกชน) มีคณะที่อยากเรียน และสามารถใช้ต่อยอดในสายงานที่ทำอยู่ได้ค่ะ แต่คงจะเทียบโอนได้แค่ไม่กี่หน่วยกิจ เพราะคนละสายกัน แต่ก็ลังเลเพราะว่ากว่าจะจบต้องใช้เวลาถึง 4 ปี และต้องเข้าเรียนตามเวลา หากระหว่างนั้นงานมีปัญหา หรือ ต้องเริ่มทำอะไรไหม่ๆ เพราะมีธุรกิจอีกหลายอย่างในสายงานที่อยากทำ ตัวพิมจะไหวหรือเปล่า แต่อยากเรียนจบนะคะ อยากใส่ชุดครุย อยากให้พ่อแม่ภูมิใจ
2. เรียนแบบเน้นหนักทางสายอาชีพที่ทำอยู่ไปเลย เช่น เรียนตัดเสื้อ เรียนออกแบบแฟชั่น ควบคู่ไปกับการเรียนภาษาจีนและอังกฤษ พิมคิดว่าจะได้ความรู้ที่ใช้งานได้จริง และจะสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็แลกมาด้วยการไม่ได้ใส่ชุดครุยแบบเพื่อนๆ เวลาใครถามพ่อแม่ว่าเรียนจบหรือยัง ท่านก็คงจะตอบใครได้ไม่เต็มปาก
พิมเอียงไปทางข้อสองนะคะ แต่ใจลึกๆ พิมอยากจบปริญญาตรี ส่วนพ่อกับแม่ท่านจะเชื่อในตัวพิมในทุกอย่างที่พิมตัดสินใจแล้วค่ะ
แต่ก็อยากฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆ พี่ๆ ใครพอมีคำแนะนำรบกวนชี้แนะด้วยนะคะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
ปล.พิมทำงานเกี่ยวกับของตกแต่ง แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิค และคาร์โก้ ต้องใช้ภาษาจีนและอังกฤษด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ





อยากรบกวนปรึกษาเรื่องเรียนค่ะ ตอนนี้มีสองทางเลือกแต่ไม่รู้จะไปทางไหนดี
ซึ่งช่วงอายุนี้เพื่อนๆหลายคนจะเริ่มเรียนจบและรับปริญญากันแล้ว จะมีส่วนน้อยที่ยังเรียนไม่จบ แต่ก็จะจบภายในปีหน้า
ตัวพิมเข้ามาหางานทำในกรุงเทพตั้งแต่จบ ม.6 และได้เข้าเรียนที่ ม.รามคำแหง คณะบริหารธุรกิจ
เรียนและทำงานไปด้วยมาเรื่อยๆ(เป็น Sale) และได้เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวตอนปี 2 เทอม 1
ธุรกิจส่วนตัวรุ่งมากในปีแรก มียอดขายเข้ามาเยอะมาก จึงเริ่มขยับขยายจ้างพนักงานมาช่วยงาน
ปีต่อมายังขายดีต่อเนื่อง แต่แล้วธุรกิจก็เกิดสะดุด มีปัญหาหลายๆอย่าง จนพิมไม่สามารถไปเข้าสอบ ไม่ได้สนใจอ่านหนังสือเลย
แต่พิมไม่ได้โทษที่งานนะคะ เพราะรู้ตัวอยู่ว่าไม่ได้เอาใจใส่เรื่องเรียนเท่าไรนัก มุ่งแต่ทำงาน หาเงินจริงๆ ด้วยความคิดที่ว่าจบมายังไงก็ไม่ได้ทำงานกินเงินเดือน
ตอนนี้พิมสามารถกู้ธุรกิจที่เกือบจะล้มเพราะความเด็ก ทำงานไม่เป็นระบบ หวังแต่จะเติบโต แต่ฐานไม่แข็งแรง ให้กลับมามียอดขายที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆได้อีกครั้ง ในก้าวต่อๆไป จึงเดินไปด้วยความไม่ประมาท เรื่องงานลงตัวแล้วค่ะ และพิมรักในงานที่ทำค่ะ
หลังจากไปงานรับปริญญาเพื่อนมาหลายคน ทำให้ตัวพิมเองตระหนักได้ว่าเรื่องเรียนสำคัญไม่แพ้กัน
จึงกลับไปล๊อกอินเข้าเชคเกรดทั้งหมดที่เรียนมา ปรากฎว่าตอนนี้พิมพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาของ ม.รามแล้ว เก็บหน่วยกิจได้ 72 หน่วยกิจ
พิมได้ค้นข้อมูลพบว่าถึงแม้จะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา แต่เกรดยังสามารถใช้เทียบโอนได้ แต่อาจจะไม่ทั้งหมด ตอนนี้พิมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรู้อะไรติดตัวเลย นอกจากประสบการณ์ในงานที่ทำ
พิมกลับมานั่งมองตัวในอนาคตอีก 10 ปี ว่าตอนนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่ ก็คงจะเป็นสายงานเดิมที่ทำมาตั้งแต่ต้น และต่อยอดไปอีกเรื่อยๆ
ตอนนี้พิมย้ายมาแถบปริมณฑลแล้วนะคะ ไม่ได้อยู่แถวรามแล้วค่ะ และโดยส่วนตัวพิมเองไม่ได้อยากศึกษาต่อใน ม.ราม คณะเดิม เพราะไม่ถนัดเรื่องตัวเลข ทำให้ไม่มีความกระตือรือร้นในการเรียน ถ้าจะให้สมัครคณะไหม่ ก็ไม่มีในสายที่อยากเรียน
พิมอยากเรียนนะคะ แต่สิ่งที่พิมลังเลคือสองทางเลือกที่พิมกำลังคิดอยู่ว่าไปทางไหนจะดีกว่า
1. เรียนต่อในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน (ม.เอกชน) มีคณะที่อยากเรียน และสามารถใช้ต่อยอดในสายงานที่ทำอยู่ได้ค่ะ แต่คงจะเทียบโอนได้แค่ไม่กี่หน่วยกิจ เพราะคนละสายกัน แต่ก็ลังเลเพราะว่ากว่าจะจบต้องใช้เวลาถึง 4 ปี และต้องเข้าเรียนตามเวลา หากระหว่างนั้นงานมีปัญหา หรือ ต้องเริ่มทำอะไรไหม่ๆ เพราะมีธุรกิจอีกหลายอย่างในสายงานที่อยากทำ ตัวพิมจะไหวหรือเปล่า แต่อยากเรียนจบนะคะ อยากใส่ชุดครุย อยากให้พ่อแม่ภูมิใจ
2. เรียนแบบเน้นหนักทางสายอาชีพที่ทำอยู่ไปเลย เช่น เรียนตัดเสื้อ เรียนออกแบบแฟชั่น ควบคู่ไปกับการเรียนภาษาจีนและอังกฤษ พิมคิดว่าจะได้ความรู้ที่ใช้งานได้จริง และจะสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็แลกมาด้วยการไม่ได้ใส่ชุดครุยแบบเพื่อนๆ เวลาใครถามพ่อแม่ว่าเรียนจบหรือยัง ท่านก็คงจะตอบใครได้ไม่เต็มปาก
พิมเอียงไปทางข้อสองนะคะ แต่ใจลึกๆ พิมอยากจบปริญญาตรี ส่วนพ่อกับแม่ท่านจะเชื่อในตัวพิมในทุกอย่างที่พิมตัดสินใจแล้วค่ะ
แต่ก็อยากฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆ พี่ๆ ใครพอมีคำแนะนำรบกวนชี้แนะด้วยนะคะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
ปล.พิมทำงานเกี่ยวกับของตกแต่ง แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิค และคาร์โก้ ต้องใช้ภาษาจีนและอังกฤษด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ