เพราะความคิดถึงและเป็นห่วงเลยไปหาพี่ชายที่ค่ายลพบุรีราเมศว์ ต.สะบ้าย้อย อ.นาที จ.สงขลา

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เพิ่งเขียนกระทู้นี้ครั้งแรกค่ะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ด้วยนะค่ะ ...
เรื่องมีอยู่ว่า..............
พี่ชายเรารับราชการทหารที่ค่ายแห่งหนึ่งใน อ.นาทวี ซึ่งเป็นเขตสีแดง ประมาณ 2 ปีได้มั้ง ที่เราไม่ได้ติดต่อพี่ชายเราเลย เบอร์ติดต่อก็ไม่มี
บอกไว้ก่อนเลยนะค่ะว่าเรามีพี่ชาย 2 คน เราค่อนข้างรักพี่ชายคนนี้มาก ^^
เราไม่เคยไปค่าบพี่หรอก ไม่เคยรู้ว่าพี่อย่างไร ห้องพักเป็นยังไง แต่แม่ของเรารู้นะ บอกเราว่าจะไปพาไปหา แต่ก็ไม่พาไปสักที
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เรามีสอบเข้ามหาลัย เราต้องไป อ.หาดใหญ่ เพื่อไปสอบ ซึ่งเราต้องไปก่อนวันสอบ 1 วัน
เราเลยตัดสินใจแยกทางกับเพื่อน เพื่อไปหาพี่ แล้วค่อยไปเจอกันที่ อ.หาดใหญ่
เราจำชื่อค่ายที่พี่อยู่ได้ เพราะแม่มักจะพูดเวลาคิดถึงพี่ สิ่งหนึ่งที่พึ่งได้ คือ "โทรศัพท์"
เราจัดแจงหา google map ค้นหาว่า "ค่ายลพบุรีราเมศว์" แล้วก็ได้ความว่า ค่ายลพบุรีราเมศว์ ตั้งอยู่ที่ ต.สะบ้าย้อย อ.นาทวี จ.สงขลา
เมื่อรู้ข้อมูลแล้ว ก็จัดการซื้อตั๋วไปสงขลาทันที ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน คิดไว้ว่า ถึงตัวเมืองสงลาแล้วค่อยว่ากันอีกที.......
แล้วเราก็นั่งรถตู้มาเรื่อยๆ จนเลยมหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา เราก็ลงตามผู้โดยสารคนหนึ่ง แล้วเราก็ลงไปหาวินมอเตอร์ไซต์ เราบอกว่าไปค่ายลพบุรีราเมศว์ น้าวินมอเตอร์ไซต์ทำหน้าตกใจแบบงงกับคำพูดเรา (เราไม่รู้ว่ามันไกลมาก เราคิดว่าน่าจะให้วินไปส่งได้)
แล้วก็มีลุงใจดีที่นั่งตรงนั้นบอกว่า ให้ไปส่งเราที่ขนส่ง เพื่อจะได้ต่อรถไปค่ายลพบุรีราเมศว์
มาถึง บขส. น้าวินมอเตอร์ไซต์ บอกให้เราไปสอบถามก่อน ว่ามีรถตู้ที่ผ่านค่ายไหม ถ้าไม่มี ลุงจะได้ไปส่งที่อื่น เดี๋ยวเราจะหลงอยู่อีก
จากนั้นเราก็ไปถามพี่พนักงาน แล้วเราก็ยิ้มออก เมื่อพี่เขาบอกว่า ให้นั่งรถตู้ไปสะบ้าย้อย เพราะมันผ่านค่าย เราเลยซื้อตั๋วมา แล้ววิ่งเอาเงินไปให้ลุงวิน พร้อมกับคำขอบคุณและรอยยิ้ม จากนั้นเรารออีกประมาณ 15 นาที เราตู้ก็ออก ด้วยความเหนื่อย ที่อยู่บนรถตู้ เราเลยหลับไป ตื่นมาอีกที ก็เลย อ.เทพา มาแล้ว ในใจก็ได้แต่นึกว่า ช่างมัน เดี๋ยวก็ต่อรถกลับ
รถตู้ไปสูดสายประมาณบ่าย 3 โมง เราเลยไปถามคนขายตั๋ว
เรา : น้าค่ะ จะไปค่ายลพบุรีราเมศว์ค่ะ
คนขายตั๋ว : ที่หาดสร้อยสวรรค์ใช่ไหม
เรา(ไม่รู้หรอกแต่ก็พยักหน้าไป) : ใช่ค่ะ
คนขายตั๋ว : จริงๆมันเลยมาแล้วนะลูก นี่เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหรอ
เรา : ใช่ค่ะ
คนขายตั๋ว : งั้นลูกซื้อตั๋วนะ ราคา 55 บาท เดี๋ยวลุงให้นั่งหน้ากับคนขับรถ และกำชับให้เขาแวะส่งลูก เดี๋ยวจะลืมอีก
เรา(ยิ้ม) : ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ
หลังจากนั้นรอประมาณ 10 นาที รถตู้ก็มา สาย หาดใหญ่ - สะบ้าย้อย - ยะลา เราก็นั่งหน้า และครั้งนี้ เราไม่หลับ เพราะถ้าหลับ เราคงอยู่ยะลาแน่ และครั้งนี้ ก็ไม่รู้จะกลับยังไง เพราะตอนนั้น ก็บ่าย 3 โมงกว่าแล้ว
เรานั่งรถตู้ไปประมาณ 30 - 45 นาที ได้มั้ง แล้วก็มาถึงทางเข้าค่ายลพบุรีราเมศว์
เราลงแล้วเราจะเดินไป แต่มองระยะทางแล้ว มีแต่ทางที่เป็นถนนดินแดง ไม่มีวี่แววอะไรเลย และก็รถเข้าออกไปกี่คัน เราเดินไปสักพัก เริ่มไม่ไหว ตัดสินใจยืนกวักมือเรียกรถที่เข้าไปในค่าย ก็มีแต่ทหารนั่นแหละ แล้วก็มีพี่ทหารสองคนขับกระบะคันเล็กๆผ่านมา แวะถาม
พี่ทหาร : น้องไปไหนครับ
เรา : ไปหาพี่ค่ะ
พี่ทหาร : พี่ชื่ออะไรครับ
เรา : (บอกชื่อพี่ไป)
พี่ทหาร : เป็นพลทหารหรือนายสิบครับ
เรา : นายสิบค่ะ
พี่ทหาร : งั้นขึ้นมาบนรถก่อน เดี๋ยวพี่ส่งที่ป้อมนะ
เรา : ค่ะ
แล้วเราก็ขึ้นไปนั่งบนกระบะ อารมณ์เหมือนพระเอกขับรถพานางเอก ชมสวนผลไม้ เพราะรอบข้างมีแต่ป่าๆๆๆๆๆๆ
คิดในใจ "นี่เราต้องมาเจออะไรแบบนี้เหรอว่ะ มันใช่ป่ะเนี่ย"
เมื่อไปถึงป้อม เราก็กระโดดลง อย่างเท่ห์ 55555 แล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณ
จากนั้นทหารที่ป้อมก็ถามว่าไปไหน เราก็บอกว่ามาหาพี่ แล้วก็บอกชื่อ ทหารที่ป้อมก็นึกอยู่นาน กว่าจะนึกออกว่าใคร แล้วก็ให้ทหารอีกคนไปส่งที่บ้านพัก
เราสังเกตเห็นว่า บ้านพัก มีแต่ "สิบเอก" ซึ่งไม่ใช่แน่นอน เพราะพี่เราแค่ "สิบโท" เราเลยบอกพี่ทหาร
เรา : พี่ค่ะ พี่หนูสิบโทนะค่ะ ไม่ใช่สิบเอก
พี่ทหาร : สิบเอกครับ
เรา : สิบโทค่ะ ไม่ใช่สิบเอก
พี่ทหาร : สิบเอกครับ
เรา : สิบโทค่ะ
แล้วพี่ทหารก็พาเราถึงบ้านพี่ชาย ซึ่งหน้าบ้านติดชื่อพี่ชายเรา และยศ "สิบเอก" (ตอนนั้นโครตเสียหน้า)
แต่ !!! โครตพีคกว่านั้น คือ บ้านพี่เราล็อกกุญแจ เรานี่หัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ตอนนั้นบ่าย 4 โมงกว่าแล้ว หน้าเสียมาก อยากจะร้องไห้ แต่อดกลั้นไว้ ห้ามร้องเด็ดขาด ยังไงก็ห้ามร้อง บอกตัวเอกไว้อย่างั้น
คิดในใจ "จะกลับไงว่ะ ไม่ทันแล้ว แถมพรุ่งนี้มีสอบ ทำไงดีว่ะ โทรหาใครก็ไม่ได้แบตเหลือ 4 % นี่เราต้องขาดสอบจริงๆเหรอว่ะ ซวยแล้วไง ทำไงดีๆ"
พี่ทหาร : เดี๋ยวพี่โทรหาหน่วยฝึกให้นะน้อง
เรา : ค่ะๆ
แต่แล้ว !!!! เหมือนสวรรค์มาโปรด พี่เราเปิดหน้าต่างมา เรารอดแล้ววววว พี่เราส่งกุญแจบ้านมาให้ เรารับมา แล้วหันไปขอบคุณพี่ทหารที่มาส่ง แล้วไขกุญแจเข้าไปในบ้าน พร้อมกับเข้ากอดพี่ชายเราแล้วร้องไห้แบบอดกลั้นมานาน
และก็โดนพี่ชายบ่นว่าทำอะไรไม่คิด นาทีนั้นโดนบ่นก็ไม่ได้อะไรแล้วแหละ เกือบ 2 ปีที่ไม่ได้เจอ ความคิดถึง ความเป็นห่วง มันมากเกินกว่าความรู้สึกอื่นแล้วล่ะ แค่อยากบอกว่า น้ำตาที่ไหล เป็นน้ำตาแห่งความดีใจที่ได้เจอพี่ ^^
พี่ : รู้ไหมที่มา ก่อนหน้านี้ ระเบิดกันตายที่หน้าค่าย ตาย 1 ศพ ขาขาด 2 คน
เรา : เปิดเจอข่าวตอนอยู่สะบ้าย้อยแล้ว
พี่เอามือมาขยี้หัวเรา เราก็ได้แต่ยิ้ม เกือบ 2 ปีแล้ว ที่เราไม่โดนพี่ขยี้หัวเหมือนตอนเด็กๆ ก่อนหน้านี้ก็เป็นห่วง ว่าพี่มาอยู่พื้นที่สีแดงจะเป็นอันตราย แต่พี่บอกกับเราเสมอว่า "อย่ากลัวเลย คนเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อถึงเวลามันก็ต้องตาย"
นั่นคือคำสอนของพี่ชายเรา รักนะค่ะพี่ชาย

ปล. ขอบคุณคุณลุงที่แนะนำการไปค่าย ขอบคุณน้าวินที่ใจดีเป็นห่วงว่าจะหลง ขอบคุณคนขายตั๋วที่สะบ้าย้อยที่กำชับคนขับรถตู้ให้ไปส่งหน้าค่าย ขอบคุณพี่ทหารทั้งสองคนที่รับมาจากหน้าค่ายไปส่งที่ป้อม ขอบคุณพี่ทหารที่ไปส่งที่บ้านพักพี่ ขอบคุณจริงๆนะค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่