แชร์ประสบการณ์ สอบต่อโทสายดนตรีที่เยอรมัน

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของผมเลย จริงๆสมัครไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้ใช้เลย และเพิ่งยืนยันตัวตนไปครับ
วันนี้จึงมีโอกาสมาแชร์ประสบการณ์ การไปสอบต่อโทที่ประเทศเยอรมันครับ
ซึ่งเรื่องราวของผมอาจจะไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งเท่าไหรตรงที่ ผมสอบ"ไม่ติด"ครับ  
แต่การไปครั้งนี้ของผมทำให้ผมได้ประสบการณ์อะไรหลายๆอย่าง ถ้าหากมีโอกาส ผมก็จะกลับไปอีกครั้งครับ
กระทู้นี้อาจจะยาวสักหน่อยนะครับ ยังไงก็ขอขอบคุณที่ติดตามล่วงหน้าครับผม!



จุดเริ่มต้นของความฝัน

ผมก็เหมือนหลายๆคนที่มีความฝันและอยากทำตามฝัน ตั้งแต่ผมเรียนป.ตรีสายดนตรีมา ผมตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะเรียนต่อเมืองนอก
เพราะอยากรู้จักดนตรีคลาสสิกจากของแท้
ความฝันในวัยเรียนมันสวยงามมากครับ มองทุกอย่างไว้ดีและง่ายไปหมด แต่ความจริงมันไม่เหมือนฝันเลยครับ

เมื่อผมเรียนจบ ผมรีบที่จะไปให้ได้ อยากไปเรียนต่อให้ไวที่สุด ผมจึงทำอะไรไม่รอบคอบ วางแผนผิดพลาดไปหลายจุดเลยครับ
โดยเฉพาะเรื่อง“การซ้อม” (ตอนนี้รู้สึกแย่มากครับที่ทำอย่างนั้น)
สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือ ไปเรียนภาษาเยอรมันครับ เพราะต้องใช้อย่างน้อยระดับ B1 ขึ้นไป
ผมเป็นคนที่ไม่เก่งภาษา แต่ด้วยความมุ่งมั่นและเอาจริง ผมจึงดึงพลังแฝงและพยายามตั้งใจเรียน
ช่วงแรกๆ ทุลักทุเลมากๆครับ งงไปหมด แต่อาศัยทำซ้ำๆบ่อยๆ คุณครูก็ใจดี คอยช่วยเหลือผมตลอด
เขาให้นักเรียนทุกคนฝึกเขียนจดหมายมาให้ตรวจ ผมทำทุกวันเลยครับ วันละ 2-4 ฉบับ ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มเรียนได้ดีขึ้นและคล่องขึ้น
และในที่สุดผมก็สอบผ่านระดับ B1 ช่วงนั้นฟิตมากๆครับ ชนิดที่ว่า กีตาร์ไม่แตะ เอาภาษาอย่างเดียว!

ตลอดเวลาที่ผมเรียนภาษาอยู่ ผมจะปรึกษาทั้งรุ่นพี่และอาจารย์ว่าควรจะไปเรียนต่อที่ไหนดี
หลายๆคนแนะนำผมว่า "อยากเรียนกับใครให้ไปสมัครที่นั่นเลย”
ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ผมพลาด ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมอยากเรียนหรือควรเรียนกับใคร ผมจึงมีข้อมูลเรื่องที่เรียนน้อยมาก และอีกข้อจำกัดของผมคือ เรื่อง"เงิน"ครับ ผมจึงเลือกเมืองที่ค่าครองชีพไม่สูง ซึ่งก็ได้แค่เมืองเล็กๆ และผมดันขี้เกียจเรียนภาษาเพิ่ม ผมจึงมีข้อจำกัดที่ระดับ B1 ทำให้สถาบันที่จะไปเรียนต่อลดลง (หลายๆที่ขอระดับ B2 ขึ้นไปครับ) แต่ก็ยังพอมีหวังครับ
ผมรู้จักนักกีตาร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เขาเคยมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เขาสอนอยู่ที่เมือง Detmold ผมจึงเลือกไปที่นั่นครับ
และเพื่อความคุ้มค่า ตามที่แนะนำกันมา ควรไปสมัครไว้สัก 2-3 ที่ ผมจึงหาเมืองใกล้ๆกันสมัครไปอีก นั่นคือเมือง Essen ครับ
ใจจริงอยากเพิ่มอีกสักที่ แต่ลึกๆผมก็กังวลเรื่องเงิน จึงเลือก 2 ที่นี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครแนะนำให้ไปก็ตาม

เผชิญหน้ากับสถานทูต

ต่อมาสิ่งที่หลายๆคนเล่าขานกันก็คือ สถานทูตเยอรมัน ที่ที่หลายคนหวาดกลัว รวมถึงผม T T ผมไปมาแล้ว สมคำล่ำลือครับ !
แต่ผมไม่ได้ขอวีซ่าที่นี่นะครับ ผมไปรับรองเอกสารการสมัครสอบของผม
ซึ่งผมเตรียมตัวไปไม่ดี บวกกับความไม่รู้อะไรเลยของผม (แย่มากๆครับ)
ผมเตรียมเอกสารทุกอย่างไป ทั้งต้นฉบับและสำเนา เตรียมไว้ครบหมด แต่ผมดันคิดไปเองว่า
ผมจะส่งเอกสารตัวจริงไปสมัครและให้เขารับรองเพียงใบเดียว
ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมกับเจ้าหน้าที่คุยกันไม่รู้เรื่องครับ ผมก็ถามไปแบบเอ๋อๆว่า
"จะให้รับรองเอกสารครับ แค่ใบแปล, ผมจะไปสมัครเรียนต่อครับ"
เจ้าหน้าที่ : ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างคะ
ผม: รับรองแค่ใบแปลครับ ผมมีตัวจริง ขอแค่ใบแปลครับ
เจ้าหน้าที่ : ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างไปเรียงมา
ผม : แค่นี้ครับ (ยื่นใบแปลไปให้) เขาบอกให้ผมมารับรองที่นี่
เจ้าหน้าที่ : แล้วคุณจะส่งเอกสารอะไรบ้าง ก็เรียงมา
ผม : ผมมีตัวจริงครับ ต้องรับรองไหมครับ
เจ้าหน้าที่ : (เริ่มมองผมด้วยสายตาเคืองๆ) ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ไปเรียงมา คุณเข้าใจไหมเนี่ย(เริ่มขึ้นเสียง)
ผม : ครับๆงั้นผมไปเรียงใหม่
(ผมจำบทสนทนาได้ไม่แม่นนะครับ แต่ตอนนั้นผมลนและเอ๋อมาก พังมากๆ)
ผมจึงต้องออกมาเรียงเอกสารใหม่ และด้วยความที่ว่าเข้าใจไปเอง(อีกแล้ว)ว่าจะให้รับรองแค่ใบเดียวจะเอาใบอื่นไปด้วยทำไม
ผมจึงไม่เรียงเอกสารและเข้าไปใหม่.....แน่นอนครับเจ้าหน้าที่คนนั้นให้ผมไปเข้าเคาท์เตอร์อื่นและให้เจ้าหน้าที่อีกคนรับหน้าที่แทน
ผมมองหน้าเจ้าหน้าที่คนเดิมด้วยสายตาเว้าวอน ผมผิดอะไรเนี่ยยย T T
ถึงแม้จะเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ ผมก็ยังเข้าใจผิดเรื่องการรับรองเอกสาร จนเจ้าหน้าที่คนใหม่ต้องอธิบายให้ผมจนเข้าใจ
และผมก็ต้องกลับไปเรียงเอกสารเหมือนเดิม คราวนี้ผมพร้อมแล้ว!
ในที่สุดก็รับรองผ่านครับ แทบร้องไห้เลยล่ะครับ(คือผมตกใจที่เขาโมโหและขึ้นเสียงใส่ผม โลกสวยๆพังทลายทันที T T)
ใครจะไปขอเอกสารหรือวิซ่า เตรียมตัวไปให้ดีนะครับ ไม่งั้นจะเจอแบบผม

ส่งใบสมัคร

เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อม ผมต้องไปโอนเงินค่าสมัครก่อนครับ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดผมใช้บริการของธนาคาร UOB ซึ่งค่าสมัครประมาณพันกว่าบาท
แต่โดนค่าโอนไปอีกพันนิดๆ กลายเป็นสองพันกว่าเลยทีเดียว สองที่ก็เกือบห้าพันครับ T T ด้วยความทุ่มเท ผมต้องรบกวนที่บ้านอย่างมหาศาลเลยครับ
มีอีกเรื่องที่ทำให้ผมวุ่นมากๆ คือที่ Detmold เขาเขียนไว้ว่าให้ส่งซองจดหมายพร้อมแสตมป์ให้เขาด้วย ซึ่งเขาจะส่งจดหมายตอบกลับมาให้ แต่ไม่รับการจ่ายเงินค่าส่งแบบอื่น(ผมจำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไรนะครับ) เรื่องนี้ทำให้ผมต้องออกตามหาแสตมป์ค่าเงินยูโรครับ ไปรษณีย์ไทยไม่มีขาย ผมต้องไปติดต่อร้านที่เขาขายแสตมป์สะสม ผมเลือกแบบถูกที่สุดและติดบนซองแนบไปด้วยครับ

การส่งใบสมัครต้องส่งจดหมายเท่านั้นครับ ผมต้องการความรวดเร็วและมั่นใจ จึงเลือกใช้บริการของ UPs ครับผม แพงหน่อยแต่ถึงไวมาก 2 วันถึงเลย
เร็วจริงๆครับ และสามารถเช็คสถานะการจัดส่งได้ด้วยครับ
และสิ่งที่ผมตั้งหน้าตั้งตารอก็คือ......จดหมายตอบกลับจากมหาวิทยาลัยครับ!
เมือง Essen ส่งมาให้ผมก่อน ผมดีใจมาก วางแผนเตรียมตัวเตรียมเงินไปเลยทีเดียว
แต่ที่ Detmold ยังไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา ผมจึงต้องรอไปก่อนครับ
(จดหมายดันมาถึงหลังจากผมกลับมาจากสอบแล้ว แถมยังไม่ใช่แสตมป์ของผมอีก น่าจะเพราะว่าผมติดแสตมป์ไม่พอ โอ้ ม่ายยยย)

การจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน

ผมหาตั๋วเครื่องบินจาก Flight Scanner ซึ่งตอนนั้นราคาไป-กลับถูกสุดอยู่ที่ 3 หมื่นบาทครับ ผมเลือกสายการบิน Swiss
ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่ Switzerland ถือว่าได้ไปแวะสักแป๊ปละกัน
ขาไปโชคดีมาก ได้นั่งเครื่องของการบินไทยครับ(เพราะสองสายการบินนี้เป็น Code shareกันครับ)
ซึ่งทำให้ผมรู้เลยว่า สายการบินของเรานั้น บริการดีไม่แพ้สายการบินต่างชาติเลยครับ
ส่วนที่พักผมก็หาจาก Booking.com เลยครับ เลือกที่ถูกๆ เป็นโรงแรมขนาดเล็กมีห้องน้ำในตัวและใกล้รถไฟฟ้าครับ
ผมไม่กล้าอยู่ Hostel เท่าไหร่ แม้ว่าจะถูกกว่าเยอะ แต่ผมคงซ้อมดนตรีไม่ได้ครับ

การขอวีซ่า

ผมออกตัวเลยว่าผมไม่กล้าไปขอที่สถานทูตครับ! ผมจึงเลือกไปอีกที่ ที่ง่ายกว่าและสะดวกกว่า
นั่นคือ กงสุลเยอรมัน ที่ จ.เชียงใหม่ครับ (บ้านผมเอง) ที่นี่เขารับเรื่องขอวีซ่าระยะสั้นครับ ไม่เกิน 3 เดือน(ถ้าผมจำไม่ผิด)
เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ คุยดี แนะนำดี ผมชื่นใจเลยครับ แต่ค่าบริการจะแพงกว่าที่กรุงเทพฯนะครับ
ผมขอ Visa schengen แบบ Multiple  ข้อดีคือ ถ้าเราต้องไปต่อเครื่องที่ประเทศอื่นแถบยุโรปหรือจะไปเที่ยวประเทศระแวกนั้นก็จะสามารถไปได้ครับ

และแล้วปัญหาของผมก็เกิดขึ้น นั่นคือทั้งสองมหาวิทยาลัยเวลาสอบต่างกันมาก ที่หนึ่งสอบต้นเดือน อีกที่สอบปลายเดือน
ถ้าผมจะขอวีซ่า ผมต้องขอประมาณ 1 เดือน แต่เงินของที่บ้านไม่พอครับ...ที่กงสุลก็ได้แนะนำผมว่าวีซ่าอาจจะไม่ผ่าน เนื่องจากเงินไม่มากพอ (ต้องมีประมาณแสนหรือเฉียดๆแสนครับ) ผมจึงต้องกลับมาคิดและชั่งใจอยู่นานมากว่าจะไปหรือไม่ไป หรือควรทำอย่างไร
พ่อผมติดต่อเพื่อนที่ไปแต่งงานอยู่ที่เยอรมัน ซึ่งเขาพร้อมจะช่วยเหลือเรื่องที่พักครับ แต่ผมก็เกรงใจและกลัวจะสร้างความลำบากให้เขา (เพราะผมต้องซ้อมดนตรีด้วย) ผมจึงตัดสินใจเลือกไปแค่ที่เดียวครับ
Detmold ยังไม่มีจดหมายหรืออีเมลส่งกลับมา ผมจึงไม่อยากรออีกแล้ว ตัดสินใจไปสอบที่ Essen เลยละกัน!
คราวนี้ผมกลับไปขอวีซ่าใหม่ ลดเวลาเหลือเพียง 6 วัน จองตั๋วเครื่องบินและที่พักพร้อมไว้แล้ว ทำประกันการเดินทางเรียบร้อยแล้ว
เอกสารพร้อมทุกอย่างพร้อม ลุยเลยครับ!

ในที่สุดวีซ่าก็ผ่านครับ ^^ ผมนี่เตรียมตัวรอสอบเลย แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมขอสารภาพเลยว่า แทบไม่ได้ซ้อมครับ (ถือว่าแย่มากเลยครับ)
เวลาที่เหลือของผมจึงต้องรีบซ้อม (ซึ่งมาคิดดูตอนนี้ ผมรู้สึกว่าการซ้อมช่วงนั้นไม่ละเอียดพอครับ แม้ว่าจะซ้อมเยอะ แต่เป็นการซ้อมที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรครับ)

จิตใจที่ไหวโอนเอน

มีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนผมเดินทางไปสอบ เป็นช่วงที่ผมลังเลมากๆ แม้ว่าจะจองตั๋วไปแล้วก็ตาม
ขอเล่าก่อนนะครับว่า ที่บ้านของผมรับราชการ เงินทองไม่ได้มากเท่าไหร่ บวกกับช่วงนั้นผมไม่ได้ทำงานด้วย ผมจึงต้องขอเงินจากที่บ้านอย่างเดียว
ซึ่งเอาตรงๆคือ ผมรู้สึกไม่ดีกับตัวเองมากๆที่ช่วยเรื่องเงินไม่ได้เลย และบางครั้งแม่ของผมก็พูดกับผมบ่อยๆเรื่องเงินและโน้มน้าวให้ผมเรียนที่ไทย
บ่อยครั้งผมพยายามเลี่ยงคุยกับแม่ เพราะผมรู้สึกไม่ดีมากๆที่ช่วยอะไรไม่ได้ แม้ว่าผมจะลองไปขอทุนตามที่ต่างๆส่วนใหญ่ต้องสอบติดแล้วถึงจะให้ทุนครับ
ตอนนั้นผมมีทิฐิมาก อยากไปสอบ ไปเรียนเมืองนอกมากๆ ไม่ใช่เพราะความโก้หรู แต่เพราะผมวางแผนอนาคตไว้ว่า อยากไปจริงๆครับ
ในที่สุดผมก็ไม่ไหวครับ มันอึดอัด มันเครียดมาก ผมจึงบอกพ่อไปตรงๆว่า ผมขอไม่ไปสอบแล้วนะ ผมห่วงเรื่องเงินของที่บ้าน ซึ่งพ่อผมก็คงจะเสียดายโอกาส เขาพยายามบอกผมว่าอย่าไปเครียด และช่วงนั้นพ่อผม ก็กำลังจะสอบเลื่อนขั้น ซึ่งถ้าผ่าน จะได้เงินเดือนเพิ่มอีกเยอะ พ่อก็พยามพูดให้กำลังใจผม ผมดีใจที่พ่อพยายามพูดให้ผมสบายใจและให้ลองไปสอบดูก่อน ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะมากเลยครับ แม้ว่าจะยังคงลังเลอยู่ แต่ผมก็จะลองดู ^^

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เรียนต่อต่างประเทศ ประเทศเยอรมนี
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่