สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าถึงประสบการณ์ ราคาแพง ที่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอในชีวิตนี้มาก่อน
***เกริ่นไว้ก่อนว่าราคาที่ตั้งงบไว้ไม่รวมกับค่าน้ำมันของรถที่เอาไปเองต่างหากนะคะ
เราเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ วางแผนจะไปเที่ยววันเสาร์กับเพื่อนอีกสองคนโดนรถยนต์ส่วนตัวของเพื่อนเเบบไปเช้าเย็นกลับก่อนสี่ทุ่ม (เพราะ จขกท.อยู่หอใน)
จุดมุ่งหมายแรกของทริป เราจะไปทำบุญเเละกินเฉาก๊วยที่พระธาตุหริภุญชัยลำพูนก่อน หลังจากนั้นเราก็จะแวะไปพระธาตุลำปางหลวงที่ลำปางต่อ โดยวางแผนไว้ว่าจะกินมากสุดก็แค่น้ำเปล่าหรือแค่เข้าเที่ยงเเละเฉาก๊วยซึ่งโดยรวมแล้วก็ไม่เกิน 50 บาทแน่นอน จากนั้นก็จะกลับเชียงใหม่
เช้าวันเสาร์ประมาณ 7 โมงครึ่งเราก็เดินทางออกจากเชียงใหม่ ไปพระธาตุหริภุญชัยที่ลำพูน ถึงที่ลำพูนก็ประมาณ 8 โมง ทำบุญเสร็จแล้วกินเฉาก๊วย จากนั้นเราก็เดินทางไปลำปางต่อเลย ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามแผนจนกระทั่งขากลับจากลำปางไปเชียงใหม่ ตอนเวลาประมาณ 4 โมงครึ่ง บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ลำปาง รถข้างหน้าได้เบรกกะทันหันเพราะถูกรถข้างซ้ายเบียดมา รถของเราจึงชนกับคันข้างหน้าอย่างจังเพราะเบรคไม่ทัน( ขอบคุณตัวเองที่คาดเข็มขัดนิรภัย และเพื่อนคนขับที่บอกเราว่าเบรคไม่ทันเลยยังพอมีเวลาการ์ดตัวเองเบาๆ) เราเเละเพื่อนคนขับ เเทบกระเด็นเพราะเเรงกระเเทกเเต่ดีที่คาดเข็มขัดไว้จึงไม่เป็นไรมากเเค่เจ็บหน้าอกจากเเรงกระชาก ส่วนเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างหลังกระเเทกกับเบาะเรา เจ็บที่หน้า จมูก ที่ขาบ้าง เเต่เราทั้งสามคนก็ปลอดภัยดี
เมื่อรู้ว่าไม่ตายเราก็ลงจากรถเพราะกลัวว่ามันจะระเบิด ตั้งสติได้โทรหาตำรวจเเละประกันก่อน เนื่องจากน้ำมันอะไรต่างๆ มันไหลออกมา รถที่ชนกันมีสี่คันไม่มีใครบาดเจ็บ เเต่มีคันเราที่หนักสุดเพราะอยุ่หลังสุด ชนเเรงสุด
ออกมาดูสภาพรถ...หน้ารถคือเละมากกันชนเเละกระจังหน้ายุบมาครึ่งหนึ่ง ประตูด้านเรา(ข้างคนขับ)เปิดไม่ออกเพราะส่วนกระจังมาอัดไว้ ไฟเเตกไม่เหลือเค้าเดิม เเต่ส่วนด้านหลังปกติดี รออยู่ได้ครึ่งชม. ประกันก็มาจากนั้นอีกยี่สิบนาทีตำรวจถึงมา(ความรู้สึกคือนานมากกับการนั่งรอเเบบเจ็บๆงงๆบนถนน)
ประกันมาเราก็คุยกันงงๆ ยังสรุปไม่ได้ มาตั้งสติได้อีกทีตอน ตำรวจบอกว่าพรุ่งนี้ตอนประมาณ 8 โมงให้มาเจอกันที่สถานีตำรวจลำปาง เราก็มองหน้ากัน เพราะพวกเราไม่ได้วางแผนจะนอนค้างคืนกันที่ลำปางเงินติดตัวก็มีบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะพอที่จะเช่าโรงแรมนอนเพียงหนึ่งคืน ติดต่อเพื่อนที่ลำปาง ก็เกรงใจ แต่คิดไปคิดมาก็โทรไปเขาก็ไม่รับสาย และอีกคนหนึ่งก็ไม่อยู่ พวกเรานึกถึงสัมผัสได้ถึงความลำบาก รถก็ไม่มีที่อยู่ก็ไม่มีจะทำยังไงในเมืองที่ไม่คุ้น จู่ๆพี่คนที่เราไปขับรถ ชนท้ายเขา( พี่เขาคือคันที่ 3) ก็บอกว่าจะให้เราสามคนไปนอนที่บ้าน แวบแรกพวกเราก็ไม่ไว้ใจ แต่ก็ต้องยอมเพราะไม่งั้นแล้วเราก็ไม่มีที่จะซุกหัวนอนเหมือนกัน จึงงขอเบอร์ไว้ติดต่อ เเล้วพวกเราก็นั่งรถมูลนิธิไปรพ.

กว่าจะตรวจเอ็กซเรย์ร่างกายเสร็จ ก็เป็นเวลา เกือบสามทุ่ม เราจึงโทรไปหาพี่เขา ขออนุญาตบอกชื่อนะคะพี่เขาชื่อพี่เอก พี่เอกมารับเราถึงที่โรงพยาบาล ทันทีที่เราขึ้นรถพี่เข้าไปแล้วไปถึงบ้านพี่เค้าแวบแรกนึกว่าจะพาเราไปขายเพราะแถวนั้นเปลี่ยวมาก 555
แต่พอได้เข้าไปในบ้านเท่านั้นแหละอยากจะตบหน้าตัวเองที่คิดอย่างนั้นมากมาย แม่ของพี่เอกได้เข้ามาต้อนรับ พร้อมกับบอกว่าห้องที่จะให้พวกเราสามคนพักนั้นอยู่ในตัวบ้าน เปิดประตูห้องเข้าไปเป็นเตียงใหญ่ประมาณ 6 ฟุตมีหมอนสามใบ ผ้าห่มสามผืนเปิดพัดลมไว้ให้พร้อม คุณแม่พี่เอกบอกว่าให้พวกเราไปอาบน้ำให้สะอาดเเล้วออกไปกินหมูกระทะด้วยกันพร้อมกับเอาผ้าเช็ดตัวที่ซักใหม่ๆของพวกเราอีกคนละผืน ตอนนั้นบอกเลยว่าร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึก ซาบซึ้งใจและไม่คิดว่าจะมีคนที่ดีๆอย่างนี้อยู่ในสังคมไทยอีก เขาให้เราโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนและเขาให้เราทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ไปรับเราถึงที่โรงพยาบาล แล้วยังมีห้องนอนดีๆผ้าห่มสะอาดสะอาดผ้าเช็ดตัวที่ผมหอมอาหารเย็นและอาหารเช้าที่อร่อยและสะอาด มีน้องๆที่น่ารักให้เล่นด้วยเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของพวกเรามาก มันเป็นวันที่เราเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตแล้วมาเจอกับคนที่ดีที่สุดในชีวิต
เเม้สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราวางแผนไว้ว่าจะเสียเงินที่ 50 บาท มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะเราต้องเสียเงินค่าทำคดีค่ารถที่พังไป และถ้าเดินทางกลับเชียงใหม่เอง แต่สิ่งที่เราได้มาก็คือ การได้รับประสบการณ์ใหม่ๆเมื่อเราเจอสิ่งที่ลำบาก แต่เราได้เจอคนดีดีช่วยเหลือ ได้เจอเพื่อนดีๆอยู่ข้างๆเรา เป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้จริงๆ
พวกเราได้รับรู้ว่าคนดีๆยังมีอยู่ในสังคมไทยแต่ครอบครัวที่อยู่ที่เราเจอนี้ ดีกว่าที่เราคิดไว้มากมาย ดีจนเราไม่รู้จะขอบคุณยังไง เเค่ให้เรานอนพักก็ว่าดีมากมายเเล้วเเต่ทำเหมือนเราเป็นคนในครอบครัวทั้งทั้งที่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง สุดท้ายนี้ถ้าพี่เอกได้มาอ่านพวกเราสามคนขอขอบคุณจากใจจริง ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆนี้ที่ครอบครัวพี่ได้มอบให้พวกเรา ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล. ในวันสุดท้ายของการเดินทางได้สโลว์ไลฟ์สมใจนั่งรถไฟฟรีกลับจากลำปางไปเชียงใหม่ เเล้วได้เจอลุงคนขายใจดี ขอขอบคุณ คุณป้าอิสลามที่เรารถถูกชนด้วยกันวันนั้นก็อาสาไปส่งเราเเต่เราเกรงใจ(สุดท้ายพี่เอกก็ไปส่ง555)ด้วยนะคะ
***ในวันเเย่ๆมีสิ่งดี จริงๆ ทริปคาดว่าจะห้าสิบบาทถูกพับเก็บไว้ก่อน กลายเป็นทริปสองวันที่ไม่มีวันลืม ที่จะสามารถเล่าต่อได้อีกเป็นปีๆเลย
***พิมพ์ในมือถืออาจจะอ่านยาก ขอโทษนะคะ
ประสบการณ์ราคาแพง ของทริปเชียงใหม่สู่ลำปางจากงบที่ตั้งไว้เเค่ห้าสิบบาท
***เกริ่นไว้ก่อนว่าราคาที่ตั้งงบไว้ไม่รวมกับค่าน้ำมันของรถที่เอาไปเองต่างหากนะคะ
เราเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ วางแผนจะไปเที่ยววันเสาร์กับเพื่อนอีกสองคนโดนรถยนต์ส่วนตัวของเพื่อนเเบบไปเช้าเย็นกลับก่อนสี่ทุ่ม (เพราะ จขกท.อยู่หอใน)
จุดมุ่งหมายแรกของทริป เราจะไปทำบุญเเละกินเฉาก๊วยที่พระธาตุหริภุญชัยลำพูนก่อน หลังจากนั้นเราก็จะแวะไปพระธาตุลำปางหลวงที่ลำปางต่อ โดยวางแผนไว้ว่าจะกินมากสุดก็แค่น้ำเปล่าหรือแค่เข้าเที่ยงเเละเฉาก๊วยซึ่งโดยรวมแล้วก็ไม่เกิน 50 บาทแน่นอน จากนั้นก็จะกลับเชียงใหม่
เช้าวันเสาร์ประมาณ 7 โมงครึ่งเราก็เดินทางออกจากเชียงใหม่ ไปพระธาตุหริภุญชัยที่ลำพูน ถึงที่ลำพูนก็ประมาณ 8 โมง ทำบุญเสร็จแล้วกินเฉาก๊วย จากนั้นเราก็เดินทางไปลำปางต่อเลย ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามแผนจนกระทั่งขากลับจากลำปางไปเชียงใหม่ ตอนเวลาประมาณ 4 โมงครึ่ง บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ลำปาง รถข้างหน้าได้เบรกกะทันหันเพราะถูกรถข้างซ้ายเบียดมา รถของเราจึงชนกับคันข้างหน้าอย่างจังเพราะเบรคไม่ทัน( ขอบคุณตัวเองที่คาดเข็มขัดนิรภัย และเพื่อนคนขับที่บอกเราว่าเบรคไม่ทันเลยยังพอมีเวลาการ์ดตัวเองเบาๆ) เราเเละเพื่อนคนขับ เเทบกระเด็นเพราะเเรงกระเเทกเเต่ดีที่คาดเข็มขัดไว้จึงไม่เป็นไรมากเเค่เจ็บหน้าอกจากเเรงกระชาก ส่วนเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างหลังกระเเทกกับเบาะเรา เจ็บที่หน้า จมูก ที่ขาบ้าง เเต่เราทั้งสามคนก็ปลอดภัยดี
เมื่อรู้ว่าไม่ตายเราก็ลงจากรถเพราะกลัวว่ามันจะระเบิด ตั้งสติได้โทรหาตำรวจเเละประกันก่อน เนื่องจากน้ำมันอะไรต่างๆ มันไหลออกมา รถที่ชนกันมีสี่คันไม่มีใครบาดเจ็บ เเต่มีคันเราที่หนักสุดเพราะอยุ่หลังสุด ชนเเรงสุด
ออกมาดูสภาพรถ...หน้ารถคือเละมากกันชนเเละกระจังหน้ายุบมาครึ่งหนึ่ง ประตูด้านเรา(ข้างคนขับ)เปิดไม่ออกเพราะส่วนกระจังมาอัดไว้ ไฟเเตกไม่เหลือเค้าเดิม เเต่ส่วนด้านหลังปกติดี รออยู่ได้ครึ่งชม. ประกันก็มาจากนั้นอีกยี่สิบนาทีตำรวจถึงมา(ความรู้สึกคือนานมากกับการนั่งรอเเบบเจ็บๆงงๆบนถนน)
ประกันมาเราก็คุยกันงงๆ ยังสรุปไม่ได้ มาตั้งสติได้อีกทีตอน ตำรวจบอกว่าพรุ่งนี้ตอนประมาณ 8 โมงให้มาเจอกันที่สถานีตำรวจลำปาง เราก็มองหน้ากัน เพราะพวกเราไม่ได้วางแผนจะนอนค้างคืนกันที่ลำปางเงินติดตัวก็มีบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะพอที่จะเช่าโรงแรมนอนเพียงหนึ่งคืน ติดต่อเพื่อนที่ลำปาง ก็เกรงใจ แต่คิดไปคิดมาก็โทรไปเขาก็ไม่รับสาย และอีกคนหนึ่งก็ไม่อยู่ พวกเรานึกถึงสัมผัสได้ถึงความลำบาก รถก็ไม่มีที่อยู่ก็ไม่มีจะทำยังไงในเมืองที่ไม่คุ้น จู่ๆพี่คนที่เราไปขับรถ ชนท้ายเขา( พี่เขาคือคันที่ 3) ก็บอกว่าจะให้เราสามคนไปนอนที่บ้าน แวบแรกพวกเราก็ไม่ไว้ใจ แต่ก็ต้องยอมเพราะไม่งั้นแล้วเราก็ไม่มีที่จะซุกหัวนอนเหมือนกัน จึงงขอเบอร์ไว้ติดต่อ เเล้วพวกเราก็นั่งรถมูลนิธิไปรพ.
กว่าจะตรวจเอ็กซเรย์ร่างกายเสร็จ ก็เป็นเวลา เกือบสามทุ่ม เราจึงโทรไปหาพี่เขา ขออนุญาตบอกชื่อนะคะพี่เขาชื่อพี่เอก พี่เอกมารับเราถึงที่โรงพยาบาล ทันทีที่เราขึ้นรถพี่เข้าไปแล้วไปถึงบ้านพี่เค้าแวบแรกนึกว่าจะพาเราไปขายเพราะแถวนั้นเปลี่ยวมาก 555
แต่พอได้เข้าไปในบ้านเท่านั้นแหละอยากจะตบหน้าตัวเองที่คิดอย่างนั้นมากมาย แม่ของพี่เอกได้เข้ามาต้อนรับ พร้อมกับบอกว่าห้องที่จะให้พวกเราสามคนพักนั้นอยู่ในตัวบ้าน เปิดประตูห้องเข้าไปเป็นเตียงใหญ่ประมาณ 6 ฟุตมีหมอนสามใบ ผ้าห่มสามผืนเปิดพัดลมไว้ให้พร้อม คุณแม่พี่เอกบอกว่าให้พวกเราไปอาบน้ำให้สะอาดเเล้วออกไปกินหมูกระทะด้วยกันพร้อมกับเอาผ้าเช็ดตัวที่ซักใหม่ๆของพวกเราอีกคนละผืน ตอนนั้นบอกเลยว่าร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึก ซาบซึ้งใจและไม่คิดว่าจะมีคนที่ดีๆอย่างนี้อยู่ในสังคมไทยอีก เขาให้เราโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนและเขาให้เราทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ไปรับเราถึงที่โรงพยาบาล แล้วยังมีห้องนอนดีๆผ้าห่มสะอาดสะอาดผ้าเช็ดตัวที่ผมหอมอาหารเย็นและอาหารเช้าที่อร่อยและสะอาด มีน้องๆที่น่ารักให้เล่นด้วยเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของพวกเรามาก มันเป็นวันที่เราเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตแล้วมาเจอกับคนที่ดีที่สุดในชีวิต
เเม้สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราวางแผนไว้ว่าจะเสียเงินที่ 50 บาท มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะเราต้องเสียเงินค่าทำคดีค่ารถที่พังไป และถ้าเดินทางกลับเชียงใหม่เอง แต่สิ่งที่เราได้มาก็คือ การได้รับประสบการณ์ใหม่ๆเมื่อเราเจอสิ่งที่ลำบาก แต่เราได้เจอคนดีดีช่วยเหลือ ได้เจอเพื่อนดีๆอยู่ข้างๆเรา เป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้จริงๆ
พวกเราได้รับรู้ว่าคนดีๆยังมีอยู่ในสังคมไทยแต่ครอบครัวที่อยู่ที่เราเจอนี้ ดีกว่าที่เราคิดไว้มากมาย ดีจนเราไม่รู้จะขอบคุณยังไง เเค่ให้เรานอนพักก็ว่าดีมากมายเเล้วเเต่ทำเหมือนเราเป็นคนในครอบครัวทั้งทั้งที่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง สุดท้ายนี้ถ้าพี่เอกได้มาอ่านพวกเราสามคนขอขอบคุณจากใจจริง ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆนี้ที่ครอบครัวพี่ได้มอบให้พวกเรา ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล. ในวันสุดท้ายของการเดินทางได้สโลว์ไลฟ์สมใจนั่งรถไฟฟรีกลับจากลำปางไปเชียงใหม่ เเล้วได้เจอลุงคนขายใจดี ขอขอบคุณ คุณป้าอิสลามที่เรารถถูกชนด้วยกันวันนั้นก็อาสาไปส่งเราเเต่เราเกรงใจ(สุดท้ายพี่เอกก็ไปส่ง555)ด้วยนะคะ
***ในวันเเย่ๆมีสิ่งดี จริงๆ ทริปคาดว่าจะห้าสิบบาทถูกพับเก็บไว้ก่อน กลายเป็นทริปสองวันที่ไม่มีวันลืม ที่จะสามารถเล่าต่อได้อีกเป็นปีๆเลย
***พิมพ์ในมือถืออาจจะอ่านยาก ขอโทษนะคะ