คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
จากประสบการณ์ของเรานะคะ
เรากำลังจะออกแล้วต้องหาคนมาแทน
เราสัมภาษณ์คนมาหลายคน ได้มาเจอกับคนคนนึง เค้าเก่งมากๆ เก่งแบบ perfect
พูดจาฉะฉาน ภาษาที่สามดีมากๆ เหมือนเป็นเจ้าของภาษา เคยทำงานอยู่เมืองนอกมา 5 ปี มีประสบการณ์รวมเกือบ 10 ปีทั้งๆที่เพิ่งอายุ 30 ต้นๆ แถมยังตรงสายงานที่ทำอีก
ตอนอ่านเรซูเม่เค้าครั้งแรก ดูจากประวัติ คิดว่าคนนี้น่าจะได้ตำแหน่งนี้ แถมเงินเดือนที่เค้าเรียกก็ต่ำกว่าหลายๆคนที่ประสบการณ์และความสามารถไม่เท่าเค้า
แต่พอเอาเข้าจริง เค้าเก่งเกินไป มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก พูดจาฉะฉาน
จนทำให้เราและหัวหน้าและทีมที่สัมภาษณ์รู้สึกว่า เค้าอาจจะไม่เหมาะกับการทำงานเป็นทีม
หลังจากนั้นเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์คนที่จะมาแทนเราเกือบ 10 คน ณตอนนี้ก็ยังคงหาอยู่
จากประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า ความสามารถก็ส่วนนึง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือความอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องทำให้เค้าเห็นว่าเราเป็นน้ำที่ยังไม่เต็มแก้ว ถึงแม้ว่าเราจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องให้เค้ารู้สึกได้ว่าเราพร้อมจะเรียนรู้และพร้อมจะให้เค้าสอนในสิ่งที่ที่องค์กรเค้าทำกันมา ถึงแม้ว่าเราจะเก่งแล้วก็ตาม
คนคนนั้นที่เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์เค้า เค้าทำให้เราเห็นอิเมจว่า เค้าสตรองมาก เค้าอาจจะเป็นน้ำที่เต็มแก้วแล้ว ไม่รับอะไรใหม่แล้ว ไม่ใช่แค่เราคนเดียว ทุกๆคนที่ร่วมสัมภาษณ์และตัดสินก็คิดเช่นเดียวกับเรา
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลจากประสบการณ์นะคะ ในกรณีของคุณอาจจะไม่ใช่เคสเดียวกันก็ได้
แต่แค่อยากแชร์ในมุมมองของคนที่เคยได้พบกันคนเก่งๆ และรู้สึกยังไงค่ะ
เรากำลังจะออกแล้วต้องหาคนมาแทน
เราสัมภาษณ์คนมาหลายคน ได้มาเจอกับคนคนนึง เค้าเก่งมากๆ เก่งแบบ perfect
พูดจาฉะฉาน ภาษาที่สามดีมากๆ เหมือนเป็นเจ้าของภาษา เคยทำงานอยู่เมืองนอกมา 5 ปี มีประสบการณ์รวมเกือบ 10 ปีทั้งๆที่เพิ่งอายุ 30 ต้นๆ แถมยังตรงสายงานที่ทำอีก
ตอนอ่านเรซูเม่เค้าครั้งแรก ดูจากประวัติ คิดว่าคนนี้น่าจะได้ตำแหน่งนี้ แถมเงินเดือนที่เค้าเรียกก็ต่ำกว่าหลายๆคนที่ประสบการณ์และความสามารถไม่เท่าเค้า
แต่พอเอาเข้าจริง เค้าเก่งเกินไป มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก พูดจาฉะฉาน
จนทำให้เราและหัวหน้าและทีมที่สัมภาษณ์รู้สึกว่า เค้าอาจจะไม่เหมาะกับการทำงานเป็นทีม
หลังจากนั้นเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์คนที่จะมาแทนเราเกือบ 10 คน ณตอนนี้ก็ยังคงหาอยู่
จากประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า ความสามารถก็ส่วนนึง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือความอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องทำให้เค้าเห็นว่าเราเป็นน้ำที่ยังไม่เต็มแก้ว ถึงแม้ว่าเราจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องให้เค้ารู้สึกได้ว่าเราพร้อมจะเรียนรู้และพร้อมจะให้เค้าสอนในสิ่งที่ที่องค์กรเค้าทำกันมา ถึงแม้ว่าเราจะเก่งแล้วก็ตาม
คนคนนั้นที่เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์เค้า เค้าทำให้เราเห็นอิเมจว่า เค้าสตรองมาก เค้าอาจจะเป็นน้ำที่เต็มแก้วแล้ว ไม่รับอะไรใหม่แล้ว ไม่ใช่แค่เราคนเดียว ทุกๆคนที่ร่วมสัมภาษณ์และตัดสินก็คิดเช่นเดียวกับเรา
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลจากประสบการณ์นะคะ ในกรณีของคุณอาจจะไม่ใช่เคสเดียวกันก็ได้
แต่แค่อยากแชร์ในมุมมองของคนที่เคยได้พบกันคนเก่งๆ และรู้สึกยังไงค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ย้ายมาอยู่ไทย เครียดเรื่องหางาน
อยู่ที่เมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ จบด้วยเกรียตินิยม ทำงานในออฟฟิตมาตั้งเเต่ 18 (part-time/internship/full-time)
พูดได้สามภาษาอย่างคล่องเเคล่ว
ประสบการณ์ทำงานสายออกแบบ ก่อสร้าง มาเกือบๆสามปีที่ประเทศหนึ่งใแถบเอเชีย
ตัดสินใจลาออกจากงานมาที่ไทย เพราะอยากอยู่เมืองไทยบ้างครับ
กลับมาเมืองไทยได้ จะ สี่ เดือน เริ่มๆหางานได้ สอง สามเดือนเเล้วครับ
ได้ไปสัมภาษณ์งาน รวมถึงคุยกับ Head hunter ในไทย ได้ สี่ ที่
เเต่ทุกที่จะเป็นอารมณ์ เดียวเหมือนกันหมด คือ กลับมาเมืองไทยทำไม? น้องไม่เหมาะกับเมืองไทย ไม่เหมาะทำงานกับคนไทย บลา บลา
บางทีก็บอกเลยว่า ผม over qualified บางที่ผู้สัมภาษณ์ก็กลัวผมไปซะงั้น หลังจากคุยกัน เพราะไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้ (เค้าพูดเองเลยนะครับ) เเต่สุดท้ายก็ไม่ได้งาน เงียบไปเลย
พอมันหลายๆที ก็เริ่มที่จะท้อ เพราะใจลึกๆอยากลองเอาความรู้มาทำงานที่ไทยบ้าง
เงินเดือนยอมลดจากเงินเดือนเก่าที่ ตปท เกินครึ่ง
ผมก็พยายามที่จะปรับจุดอ่อนของตัวเองอยู่ คือ ความมั่นใจ ในตัวเอง
คนไทยที่รู้จักผิวเผินแทบทุกคนบอก ผมเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก หน้าดุ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
เเต่ผมไม่ได้เป็นคนโอ้อวดอะไรเลยนะครับ
แค่เป็นคนพูดเร็ว ฉะฉาน ถ้ารู้จักจริงๆจะเป็นคนตลกด้วยซ้ำ
ตอนนี้รู้สึก จิตตก เราทำอะไรผิดไปหรอ ความสามารถ ประสบการณ์ทำงานก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามี
ถ้าถามว่าจะให้กลับไปเมืองนอกไหม? คงไป เเต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะยังอยากอยู่ไทยครับ
เลยอยากลองถามวิธีพูดอะไร เวลาสัมภาษณ์งาน ไหมครับ
ไม่ให้ดูมั่นใจเกินไป ดูอ่อนน้อม ให้มัดใจผู้ใหญ่
หรือใครมีอะไรแนะนำก็บอกได้เลยครับ พร้อมรับฟัง
ขอบคุณครับ
แก้คำผิดครับ