บทความนี้ผมจะเล่าความรู้สึกตั้งแต่ก่อนและหลังใช้ให้ได้อ่านเป็นข้อมูลในการตัดสินใจนะครับ
ตั้งแต่ช่วงที่มีเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นประเภทนี้เข้ามาขาย พูดตรงๆ แค่ผมดูด้วยตาเปล่า
โดยไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลก็ตัดสินได้เลยว่า "หนวดหมุนๆ มันจะไปสะอาดได้ไง"
ถ้าขายได้แสดงว่าน่าจะเป็นเพราะความแปลกของรูปร่างของมันเท่านั้น
และแล้วผมก็ได้เห็นกิจกรรมนี้และผมถูกเลือกให้เป็นรายชื่อสำรองคนที่ 1
และคงเป็นโชคของผม ปรากฏว่าผมได้เป็น 1/10 ของผู้โชคดีที่ได้ทดสอบเจ้า R2D2 ตัวนี้
เปรียบเทียบการใช้งานกับเครื่องดูดฝุ่นพิมพ์นิยมแบบบ้านๆ
ลักษณะบ้านผมตอนที่ได้รับเครื่องจากทางซัมซุง คือฝุ่นเยอะมาก
เพราะผมตั้งใจจะเอามาทดสอบเต็มที่ ปกติเป็นคนขยัน บ้านสะอ๊าดสะอาด
แต่ของรกพื้นเต็มไปหมด เอาละ...มันคงได้ถูกทดสอบอย่างสมศักดิ์ศรีแน่ๆ
ดองเครื่องไว้ 3 วันถึงได้แกะกล่อง เพราะต้องคิดสิ่งที่อยากนำเสนอก่อน

กล่องมีขนาดใหญ่และหนักกว่าที่คิด แต่อุปกรณ์ดูจัดเก็บง่ายกว่าแบบเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป
เพราะไม่มีท่ออ่อนพะรุงพะรัง ไม่มีท่อแข็งยาวๆ หัวสำหรับเปลี่ยนเพื่อดูดตามพื้นที่ต่างๆ
และที่น่าประทับใจที่สุดคือมันสวย มันเงาวาว ดูอวกาศมาก ทำให้ผมนึกถึง R2D2 ทันที
ดูสมบุกสมบัน ล้อใหญ่อย่างกับรถบิ้กฟุต ถ้ามีเครื่องยนต์ 16 สูบคงแรงน่าดู (เว่อร์ไปปะ)
ล้อขนาดใหญ่ผมก็เพิ่งจะรู้ว่ามันดีตรงที่ว่า มันเดินบนพื้นต่างระดับที่ความสูงได้ไม่เกิน 1.5 ซม.
แต่ Hitachi ของผมก็เดินได้นะ ไปได้ทุกที่ที่อยากจะพามันไป ไม่เชื่อก็ดูคลิปด้านล่างนี้เลยครับ

PowerBOT VR9000 มีทั้งหมด 5 โหมด
1. Auto ดูดทั่วห้องแล้วกลับที่ชาร์จ
2. Spot ดูดเฉพาะจุดจากรอบๆ เข้าสู่จุดศูนย์กลาง
3. Max ดูดทั่วห้อง ดูดซ้ำไปเรื่อยๆ จนแบตใกล้หมดค่อยกลับที่ชาร์จ
4. Manual ควบคุมด้วยตัวเองด้วยรีโมท เหมือนเล่นรถบังคับ (แต่ไม่มีเกียร์ R นะ)
5. Point ชี้เป้าด้วยรีโมท
พื้นที่ที่ผมทดลองนั้นค่อนข้างรก มีทั้งเสื้อยืดเก่าๆ เอามาวางเป็นที่เช็ดเท้า เชือกหูรูดจากหมอนข้าง
พรมเช็ดเท้าที่มีขนหนาๆ ของที่ผมกล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่มีปัญหากับ PowerBOT ซึ่งมีโอกาสดูดแล้วติดได้
แต่ความจริงเครื่องดูดฝุ่นธรรมดาก็ดูดแล้วติดเช่นกัน เอาเป็นว่าพื้นที่ที่จะใช้งานเราต้องทำการเคลียร์ก่อน
พอกดปุ่มเริ่มใช้งาน ผมดูมันทำงานอย่างใกล้ชิดเปรียบเสมือนกำลังจับผิดการทำงานมันอย่างชัดเจน
เสียงลมดูดนั้นค่อนข้างดัง ซึ่งเป็นเพราะกระบอกที่ชื่อว่า CycloneForce เปรียบเสมือน Turbo ของรถยนต์
แต่สำหรับคนที่ไม่อยากให้เสียงดังก็จะมีโหมด Silence มันก็จะดูดเบาลงครับ
แต่ถ้าเป็นเครื่องดูดฝุ่น Hitachi ของผมไม่มีโหมดอะไรให้เลือกครับ สุดแรงตลอดชีวิต ดังสนั่นหวั่นไหว
จะใช้งานทีก็เกรงใจข้างบ้าน เปิดนานๆ ก็ไม่ดีทั้งเปลืองไฟตามระยะเวลาที่ใช้ อีกทั้งมอเตอร์จะพังอีก
เพราะเปิดดูดแค่แปปเดียวเครื่องก็ร้อนมาก กลายเป็นว่า PowerBOT ได้ข้อดีเรื่องประหยัดไฟไปในตัว
ถ้าใช้งานจนแบตฯ หมด จะใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ (160 นาที) แต่ถ้าเป็น Hitachi เปิดเมื่อไรก็ต้องรีบดูด
ปิดๆ ดูดๆ ยิ่งใช้นานก็ยิ่งเปลืองไฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าเครื่องมันวิ่งไปติดแล้วเดินไม่ได้ และมันต้องกลับที่ชาร์จ มันจะส่งเสียงร้องเรียกหาพ่อมันทันที
เราจะรำคาญจนต้องมาดู และอุ้มมันออกจากจุดเกิดเหตุครับ
พอมันเริ่มทำงาน ผมงงกับการเดินของมันจริงๆ มันจะไม่ได้เดินซิกแซกทีละแถวตลอดทั้งห้อง
สมมุติผมเปิดมันกลางห้อง มันจะเริ่มดูดจากตรงกลางห้องไล่ลงมาทีละแถว บางทียังไม่ทันสุดห้อง
มันวิ่งไปดูดอีกห้องนึง ผมก็งง ทำไมมันไม่ทำตรงนี้ให้เสร็จก่อน ก็เลยเดินตามไปดู มันดูอีกห้องเสร็จ
มันย้อนกลับมาดูดส่วนที่เหลือจากห้องแรก แสดงว่ามันบันทึกและจำลองพื้นที่ตลอดเวลา จากกล้องด้านบน
และเซ็นเซอร์รอบตัว ทีแรกผมนึกว่ามันจะไม่กลับไปดูดห้องแรก ในใจคิดไปทางลบเลยครับ
ก็เหมือนเด็กน้อย ถ้าเราไม่ไปฝืนบังคับเค้ามาก ปล่อยไปเดี๋ยวเค้าก็มาทำตามหน้าที่ของเค้าเอง
ทดลองนำไปใช้งานชั้น 2 จุดสำคัญเลยคือขอบบันได ผมกลัวมันจะหล่น แต่มันมีเซ็นเซอร์กันตก
ผมเลยต้องทดลอง ชี้เป้าให้มันตก มันก็วิ่งมาจากเร็วแล้วทำเหมือนสะดุดที่ขอบบันไดเหมือนรถเบรคหนึบล้อล๊อค
หลังจากนั้นผมเลยปล่อยให้มันทำความสะอาดชั้น 2 ไปเลยโดยไม่ต้องเฝ้าดูมันทำงาน
แต่ทางผู้ผลิตก็ไม่แนะนำให้วางใจ ควรใช้ Virtual Guard หน้าบันไดจะปลอดภัยกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ครั้งแรกที่นำไปทดลองให้ดูดที่ขอบบันได ผมยังไม่ได้ถ่ายคลิป ก็เลยนำไปดูดอีกครั้งเพื่อถ่ายมารีวิว มันกลับไม่เดินไปดูที่ขอบบันได
เพราะมันจำได้ว่าพื้นที่ตรงนี้มันอาจตก ผมบังคับให้มันเดินวนตรงนั้นอยู่นานมาก มันก็ไม่เดินมาที่ขอบให้ผมได้ถ่าย แสดงว่ามันจำได้
เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ต้องใส่ถ่านไซส์ D เมื่อกดเปิดมันปล่อยแสงอินฟราเลดด้านหน้าไกล 2.5 เมตร ไม่ให้ PowerBOT มันวิ่งผ่าน
ยกตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์หรูหราที่ไม่อยากให้เป็นรอย หรือแตกเพราะการสะกิดหล่น เป็นต้น
ในส่วนนี้เมื่อเทียบกับ Hitachi ของผมแล้วคนดูดต้องระวังเองครับ
การหลบหลีกสิ่งกีดขวางส่วนตัวผมเองถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าตามมุมห้อง เครื่องมันไม่สามารถเข้าถึงได้
แต่การลัดเลาะของมันผมว่ามันได้มาตรฐาน ใช้งานได้จริง ผมนำไปให้บ้านพ่อได้ลองใช้ พ่อผมก็ชมว่ามันดูดสะอาดดี
ทำได้ดีกว่าการกวาดถูกด้วยซ้ำ เพราะฝุ่นไม่ฟุ้งหนีไม้กวาด การทำงานของแปรงเป็นส่วนช่วยมากๆ
ทั้งขนาดใหญ่ และดูดแรง 2 สิ่งนี้รวมกันมันก็ตะกุยฝุ่นเข้าเครื่องได้หมดจด จากห้องที่ผมปล่อยให้ฝุ่นลง 1 เดือน
แล้วปล่อยมันทำงาน เมื่อเท้าผมเหยียบพื้น มันเหมือนถูพื้นมาแล้วจริงๆ

จากคลิป ลองสังเกตุที่พื้นจะเห็นฝุ่นและรอยการดูดเรียบเป็นแถวๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับ Hitachi มันไม่มีหัวแปรงหน้ากว้างเลย ถ้าจะดูดพื้นมีอันเดียวแบบหน้ากว้าง
แต่มันเป็นขอบยาง ไม่ใช่แบบขนแปรง มันก็จะไม่คุ้ยฝุ่นให้ลอยจากพื้นแล้วดูด ตรงนี้แพ้ราบคาบครับ
ใส้กรองจุ 0.7 ลิตร ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะขนาดไหน เห็นแค่กระบอกใสขนาดค่อนข้างใหญ่
ผมเลยไม่ล้างรอให้มันเต็ม ผมจำได้ว่าใช้งานมันราวๆ 20 วัน มันถึงเต็ม และการล้างของมันก็ไม่ยาก(ดูจากคลิปเปรียบเทียบข้างบน)
เทียบกับ Hitachi การล้างก็ไม่ได้ยากเช่นกัน แต่สิ่งที่น่ารำคาญก็คือ มันไม่ใช่แค่ถุงกรองฝุ่นอย่างเดียว
แต่จะมีท่อแข็ง ท่ออ่อน หัวต่างๆ ที่ฝุ่นมันผ่าน ก็ต้องล้างเช่นกัน เท่ากับว่า PowerBOT ง่ายกว่าครับ

ข้อจำกัดของ PowerBOT ที่ผมนึกเสียดายที่มันไม่สามารถทำได้ก็คือ
- ให้ใช้ภายในอาคารเท่านั้น ทีแรกผมจะเอาไปดูดฝุ่นลานจอดรถที่ปูกระเบื้องไว้ แต่ฝุ่นค่อนข้างหนักกว่าในบ้าน ก็เลยไม่ได้นำไปทดสอบ
- ห้ามใช้ในที่เปียก ถ้าไม่ห้ามผมจะเอาไปทดลองดูดน้ำที่ทำหกจริงๆ
- พรมที่หนากว่า 1 cm ไม่สามารถดูดได้ เพราะมันจะติดช่องดูด อันนี้ผมได้ทดลอง ปรากฎว่าพรมมันเลื่อนไม่ติดพื้นเพราะหุ่นมันดัน ก็เลยไม่ได้ขึ้นไปบนพรมดูด ก็ถือว่าดูดไม่ได้
- ห้ามยกเครื่องในขณะที่มันทำงาน ตรงนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าเพราะอะไร เป็นการขัดจังหวะการสร้างแผนที่หรือว่าอะไร
ที่กล่าวมา Hitachi ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน แต่ทำได้อย่างนึงคือยกเครื่องในขณะทำงาน ก็ถ้าไม่ยก จะดูดที่สูงไม่ได้นะครับ
คุณจ๋า
"55555 อิหยังเนี่ย นี่มันตลับแป้งแล่นได้คั่กๆ คือมันสิเอี่ยมบ่ เบิ่งท่าแล้วคือสิบ่เอี่ยม
แต่คันพอได้เหยียบพื้นที่มันดูดเสร็จแล้ว ข้อยสตั้นไป 3 วิ แทบวาร์ปกลับจุดเกิด
มันเริ่ดอะ คือแบบว่ามันเริ่ดอิหลี บักตลับแป้งแล่นได้ ซ่อยให้ข่อยสำบายขึ้นหล้ายหลาย
ได้นอนขึ้นอืดเล่นเฟสบุคหาผู้บ่าวได้โดนเติบ แถมตั้งเวลาได้อันนี้ข้อยก็มักหลาย
พอมันแล่นวนๆ เสร็จมันก็แล่นกลับไปชาร์จของมันเอง เออดีอิหลี
เป็นว่าเฮาบ่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันให้หลาย มันสะอาดจนเฮาบ่ต้องถูบ้านให้หัวเข่าด้านเลย
แหมถูกใจข้อยคั่ก"
คุณวอลเตอร์ อเล็กแซนเดอร์สสัน มีมาเป็นคลิปครับ

ข้อดี
- สามารถวางใจปล่อยให้มันทำความสะอาดในขณะที่เราไปทำอย่างอื่นได้
- ดูดได้แรง หวังผลได้จริง
- ใส้กรองไม่อุดตัน และล้างทำความสะอาดง่าย
- จัดเก็บ รักษา ได้ง่าย อุปกรณ์ไม่เยอะ
- หรูหรา ดูล้ำสมัย
- โหมดการทำงานที่ครอบคลุมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ
- ประหยัดไฟ
- ตั้งเวลาทำงานได้
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- ดูดบนพรมหนา และผ้าเช็ดเท้าไม่ได้ มันจะติดช่องดูด
- ดูดมุมที่เป็นเหลี่ยมไม่ได้ เพราะลักษณะของตัวเครื่อง
ข้อดี
- ราคาย่อมเยา
- ดูดได้แรง
- ดูดผนัง เพดาน เพราะใช้แรงคนในการยกไปดูด
ข้อเสีย
- เสียงดังมาก
- เปลืองไฟ
- ถือนานๆ แล้วหนัก
- สายไฟเกะกะ เวลาต้องยกก็จะรำคาญท่ออ่อน
- หัวดูดที่ต้องปรับองศาทุกครั้งที่นำไปใช้
- ล้างอุปกรณ์หลายชิ้น
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าข้อมูลที่นำมาเขียนรีวิวจากการทดลองใช้งานจริง
จะสามารถเบิกมุมมองให้กับคนที่มีความคิดที่ว่า "หุ่นทำความสะอาด มันจะทำความสะอาดได้จริงหรอ / ยังไงก็สู้กวาดถูเองไม่ได้"
ผมพูดได้เต็มปากว่ามันทำได้จริง และมันจะเข้าไปอยู่ในบ้านท่านในไม่ช้าแน่นอน ฟันกบาลครับ
บ่องตงๆ ผมติดใจและรักมันมากๆ เลยครับ อยากได้ชิงชิงนะ
[SR] รีวิวเปรียบเทียบ Samsung PowerBOT VR9000 vs Hitachi CV-BL 16
ตั้งแต่ช่วงที่มีเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นประเภทนี้เข้ามาขาย พูดตรงๆ แค่ผมดูด้วยตาเปล่า
โดยไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลก็ตัดสินได้เลยว่า "หนวดหมุนๆ มันจะไปสะอาดได้ไง"
ถ้าขายได้แสดงว่าน่าจะเป็นเพราะความแปลกของรูปร่างของมันเท่านั้น
และแล้วผมก็ได้เห็นกิจกรรมนี้และผมถูกเลือกให้เป็นรายชื่อสำรองคนที่ 1
และคงเป็นโชคของผม ปรากฏว่าผมได้เป็น 1/10 ของผู้โชคดีที่ได้ทดสอบเจ้า R2D2 ตัวนี้
เปรียบเทียบการใช้งานกับเครื่องดูดฝุ่นพิมพ์นิยมแบบบ้านๆ
ลักษณะบ้านผมตอนที่ได้รับเครื่องจากทางซัมซุง คือฝุ่นเยอะมาก
เพราะผมตั้งใจจะเอามาทดสอบเต็มที่ ปกติเป็นคนขยัน บ้านสะอ๊าดสะอาด
แต่ของรกพื้นเต็มไปหมด เอาละ...มันคงได้ถูกทดสอบอย่างสมศักดิ์ศรีแน่ๆ
ดองเครื่องไว้ 3 วันถึงได้แกะกล่อง เพราะต้องคิดสิ่งที่อยากนำเสนอก่อน
กล่องมีขนาดใหญ่และหนักกว่าที่คิด แต่อุปกรณ์ดูจัดเก็บง่ายกว่าแบบเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป
เพราะไม่มีท่ออ่อนพะรุงพะรัง ไม่มีท่อแข็งยาวๆ หัวสำหรับเปลี่ยนเพื่อดูดตามพื้นที่ต่างๆ
และที่น่าประทับใจที่สุดคือมันสวย มันเงาวาว ดูอวกาศมาก ทำให้ผมนึกถึง R2D2 ทันที
ดูสมบุกสมบัน ล้อใหญ่อย่างกับรถบิ้กฟุต ถ้ามีเครื่องยนต์ 16 สูบคงแรงน่าดู (เว่อร์ไปปะ)
ล้อขนาดใหญ่ผมก็เพิ่งจะรู้ว่ามันดีตรงที่ว่า มันเดินบนพื้นต่างระดับที่ความสูงได้ไม่เกิน 1.5 ซม.
แต่ Hitachi ของผมก็เดินได้นะ ไปได้ทุกที่ที่อยากจะพามันไป ไม่เชื่อก็ดูคลิปด้านล่างนี้เลยครับ
PowerBOT VR9000 มีทั้งหมด 5 โหมด
1. Auto ดูดทั่วห้องแล้วกลับที่ชาร์จ
2. Spot ดูดเฉพาะจุดจากรอบๆ เข้าสู่จุดศูนย์กลาง
3. Max ดูดทั่วห้อง ดูดซ้ำไปเรื่อยๆ จนแบตใกล้หมดค่อยกลับที่ชาร์จ
4. Manual ควบคุมด้วยตัวเองด้วยรีโมท เหมือนเล่นรถบังคับ (แต่ไม่มีเกียร์ R นะ)
5. Point ชี้เป้าด้วยรีโมท
พื้นที่ที่ผมทดลองนั้นค่อนข้างรก มีทั้งเสื้อยืดเก่าๆ เอามาวางเป็นที่เช็ดเท้า เชือกหูรูดจากหมอนข้าง
พรมเช็ดเท้าที่มีขนหนาๆ ของที่ผมกล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่มีปัญหากับ PowerBOT ซึ่งมีโอกาสดูดแล้วติดได้
แต่ความจริงเครื่องดูดฝุ่นธรรมดาก็ดูดแล้วติดเช่นกัน เอาเป็นว่าพื้นที่ที่จะใช้งานเราต้องทำการเคลียร์ก่อน
พอกดปุ่มเริ่มใช้งาน ผมดูมันทำงานอย่างใกล้ชิดเปรียบเสมือนกำลังจับผิดการทำงานมันอย่างชัดเจน
เสียงลมดูดนั้นค่อนข้างดัง ซึ่งเป็นเพราะกระบอกที่ชื่อว่า CycloneForce เปรียบเสมือน Turbo ของรถยนต์
แต่สำหรับคนที่ไม่อยากให้เสียงดังก็จะมีโหมด Silence มันก็จะดูดเบาลงครับ
แต่ถ้าเป็นเครื่องดูดฝุ่น Hitachi ของผมไม่มีโหมดอะไรให้เลือกครับ สุดแรงตลอดชีวิต ดังสนั่นหวั่นไหว
จะใช้งานทีก็เกรงใจข้างบ้าน เปิดนานๆ ก็ไม่ดีทั้งเปลืองไฟตามระยะเวลาที่ใช้ อีกทั้งมอเตอร์จะพังอีก
เพราะเปิดดูดแค่แปปเดียวเครื่องก็ร้อนมาก กลายเป็นว่า PowerBOT ได้ข้อดีเรื่องประหยัดไฟไปในตัว
ถ้าใช้งานจนแบตฯ หมด จะใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ (160 นาที) แต่ถ้าเป็น Hitachi เปิดเมื่อไรก็ต้องรีบดูด
ปิดๆ ดูดๆ ยิ่งใช้นานก็ยิ่งเปลืองไฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอมันเริ่มทำงาน ผมงงกับการเดินของมันจริงๆ มันจะไม่ได้เดินซิกแซกทีละแถวตลอดทั้งห้อง
สมมุติผมเปิดมันกลางห้อง มันจะเริ่มดูดจากตรงกลางห้องไล่ลงมาทีละแถว บางทียังไม่ทันสุดห้อง
มันวิ่งไปดูดอีกห้องนึง ผมก็งง ทำไมมันไม่ทำตรงนี้ให้เสร็จก่อน ก็เลยเดินตามไปดู มันดูอีกห้องเสร็จ
มันย้อนกลับมาดูดส่วนที่เหลือจากห้องแรก แสดงว่ามันบันทึกและจำลองพื้นที่ตลอดเวลา จากกล้องด้านบน
และเซ็นเซอร์รอบตัว ทีแรกผมนึกว่ามันจะไม่กลับไปดูดห้องแรก ในใจคิดไปทางลบเลยครับ
ก็เหมือนเด็กน้อย ถ้าเราไม่ไปฝืนบังคับเค้ามาก ปล่อยไปเดี๋ยวเค้าก็มาทำตามหน้าที่ของเค้าเอง
ทดลองนำไปใช้งานชั้น 2 จุดสำคัญเลยคือขอบบันได ผมกลัวมันจะหล่น แต่มันมีเซ็นเซอร์กันตก
ผมเลยต้องทดลอง ชี้เป้าให้มันตก มันก็วิ่งมาจากเร็วแล้วทำเหมือนสะดุดที่ขอบบันไดเหมือนรถเบรคหนึบล้อล๊อค
หลังจากนั้นผมเลยปล่อยให้มันทำความสะอาดชั้น 2 ไปเลยโดยไม่ต้องเฝ้าดูมันทำงาน
แต่ทางผู้ผลิตก็ไม่แนะนำให้วางใจ ควรใช้ Virtual Guard หน้าบันไดจะปลอดภัยกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ต้องใส่ถ่านไซส์ D เมื่อกดเปิดมันปล่อยแสงอินฟราเลดด้านหน้าไกล 2.5 เมตร ไม่ให้ PowerBOT มันวิ่งผ่าน
ยกตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์หรูหราที่ไม่อยากให้เป็นรอย หรือแตกเพราะการสะกิดหล่น เป็นต้น
ในส่วนนี้เมื่อเทียบกับ Hitachi ของผมแล้วคนดูดต้องระวังเองครับ
การหลบหลีกสิ่งกีดขวางส่วนตัวผมเองถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าตามมุมห้อง เครื่องมันไม่สามารถเข้าถึงได้
แต่การลัดเลาะของมันผมว่ามันได้มาตรฐาน ใช้งานได้จริง ผมนำไปให้บ้านพ่อได้ลองใช้ พ่อผมก็ชมว่ามันดูดสะอาดดี
ทำได้ดีกว่าการกวาดถูกด้วยซ้ำ เพราะฝุ่นไม่ฟุ้งหนีไม้กวาด การทำงานของแปรงเป็นส่วนช่วยมากๆ
ทั้งขนาดใหญ่ และดูดแรง 2 สิ่งนี้รวมกันมันก็ตะกุยฝุ่นเข้าเครื่องได้หมดจด จากห้องที่ผมปล่อยให้ฝุ่นลง 1 เดือน
แล้วปล่อยมันทำงาน เมื่อเท้าผมเหยียบพื้น มันเหมือนถูพื้นมาแล้วจริงๆ
จากคลิป ลองสังเกตุที่พื้นจะเห็นฝุ่นและรอยการดูดเรียบเป็นแถวๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับ Hitachi มันไม่มีหัวแปรงหน้ากว้างเลย ถ้าจะดูดพื้นมีอันเดียวแบบหน้ากว้าง
แต่มันเป็นขอบยาง ไม่ใช่แบบขนแปรง มันก็จะไม่คุ้ยฝุ่นให้ลอยจากพื้นแล้วดูด ตรงนี้แพ้ราบคาบครับ
ใส้กรองจุ 0.7 ลิตร ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะขนาดไหน เห็นแค่กระบอกใสขนาดค่อนข้างใหญ่
ผมเลยไม่ล้างรอให้มันเต็ม ผมจำได้ว่าใช้งานมันราวๆ 20 วัน มันถึงเต็ม และการล้างของมันก็ไม่ยาก(ดูจากคลิปเปรียบเทียบข้างบน)
เทียบกับ Hitachi การล้างก็ไม่ได้ยากเช่นกัน แต่สิ่งที่น่ารำคาญก็คือ มันไม่ใช่แค่ถุงกรองฝุ่นอย่างเดียว
แต่จะมีท่อแข็ง ท่ออ่อน หัวต่างๆ ที่ฝุ่นมันผ่าน ก็ต้องล้างเช่นกัน เท่ากับว่า PowerBOT ง่ายกว่าครับ
ข้อจำกัดของ PowerBOT ที่ผมนึกเสียดายที่มันไม่สามารถทำได้ก็คือ
- ให้ใช้ภายในอาคารเท่านั้น ทีแรกผมจะเอาไปดูดฝุ่นลานจอดรถที่ปูกระเบื้องไว้ แต่ฝุ่นค่อนข้างหนักกว่าในบ้าน ก็เลยไม่ได้นำไปทดสอบ
- ห้ามใช้ในที่เปียก ถ้าไม่ห้ามผมจะเอาไปทดลองดูดน้ำที่ทำหกจริงๆ
- พรมที่หนากว่า 1 cm ไม่สามารถดูดได้ เพราะมันจะติดช่องดูด อันนี้ผมได้ทดลอง ปรากฎว่าพรมมันเลื่อนไม่ติดพื้นเพราะหุ่นมันดัน ก็เลยไม่ได้ขึ้นไปบนพรมดูด ก็ถือว่าดูดไม่ได้
- ห้ามยกเครื่องในขณะที่มันทำงาน ตรงนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าเพราะอะไร เป็นการขัดจังหวะการสร้างแผนที่หรือว่าอะไร
ที่กล่าวมา Hitachi ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน แต่ทำได้อย่างนึงคือยกเครื่องในขณะทำงาน ก็ถ้าไม่ยก จะดูดที่สูงไม่ได้นะครับ
"55555 อิหยังเนี่ย นี่มันตลับแป้งแล่นได้คั่กๆ คือมันสิเอี่ยมบ่ เบิ่งท่าแล้วคือสิบ่เอี่ยม
แต่คันพอได้เหยียบพื้นที่มันดูดเสร็จแล้ว ข้อยสตั้นไป 3 วิ แทบวาร์ปกลับจุดเกิด
มันเริ่ดอะ คือแบบว่ามันเริ่ดอิหลี บักตลับแป้งแล่นได้ ซ่อยให้ข่อยสำบายขึ้นหล้ายหลาย
ได้นอนขึ้นอืดเล่นเฟสบุคหาผู้บ่าวได้โดนเติบ แถมตั้งเวลาได้อันนี้ข้อยก็มักหลาย
พอมันแล่นวนๆ เสร็จมันก็แล่นกลับไปชาร์จของมันเอง เออดีอิหลี
เป็นว่าเฮาบ่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันให้หลาย มันสะอาดจนเฮาบ่ต้องถูบ้านให้หัวเข่าด้านเลย
แหมถูกใจข้อยคั่ก"
ข้อดี
- สามารถวางใจปล่อยให้มันทำความสะอาดในขณะที่เราไปทำอย่างอื่นได้
- ดูดได้แรง หวังผลได้จริง
- ใส้กรองไม่อุดตัน และล้างทำความสะอาดง่าย
- จัดเก็บ รักษา ได้ง่าย อุปกรณ์ไม่เยอะ
- หรูหรา ดูล้ำสมัย
- โหมดการทำงานที่ครอบคลุมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ
- ประหยัดไฟ
- ตั้งเวลาทำงานได้
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- ดูดบนพรมหนา และผ้าเช็ดเท้าไม่ได้ มันจะติดช่องดูด
- ดูดมุมที่เป็นเหลี่ยมไม่ได้ เพราะลักษณะของตัวเครื่อง
ข้อดี
- ราคาย่อมเยา
- ดูดได้แรง
- ดูดผนัง เพดาน เพราะใช้แรงคนในการยกไปดูด
ข้อเสีย
- เสียงดังมาก
- เปลืองไฟ
- ถือนานๆ แล้วหนัก
- สายไฟเกะกะ เวลาต้องยกก็จะรำคาญท่ออ่อน
- หัวดูดที่ต้องปรับองศาทุกครั้งที่นำไปใช้
- ล้างอุปกรณ์หลายชิ้น
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าข้อมูลที่นำมาเขียนรีวิวจากการทดลองใช้งานจริง
จะสามารถเบิกมุมมองให้กับคนที่มีความคิดที่ว่า "หุ่นทำความสะอาด มันจะทำความสะอาดได้จริงหรอ / ยังไงก็สู้กวาดถูเองไม่ได้"
ผมพูดได้เต็มปากว่ามันทำได้จริง และมันจะเข้าไปอยู่ในบ้านท่านในไม่ช้าแน่นอน ฟันกบาลครับ
บ่องตงๆ ผมติดใจและรักมันมากๆ เลยครับ อยากได้ชิงชิงนะ