สวัสดีกับผู้อ่านทุกท่านนะคะ
.........คนเก่งเกิดจากแรงบันดาลใจ 1% และอีก 99% ที่สำเร็จมาจากหยาดเหงื่อและแรงกาย..........
Amazing By : Thomas Alva Edison
เม่าแพนด้าเม่าหาบเร่
มันเป็นบทความนึงที่ดิฉันเองเขียนลงกระดาษA4เก่าๆ แถมรีไซเคิลอีก แปะมันไว้บนหน้าจอทีวีของตัวเองที่มันตั้งอยู่ในห้องนอน คุณเชื่อไหมบทความเหล่านี้มันมีอิทธิพลกับความรู้สึกมากๆนะ ชีวิตคนหนึงคนจะทำอะไรได้?? ว่าไหม
เห้ยยยยย!!! ไม่จริงนะ อมยิ้ม11 ต้องทำความเข้าใจใหม่ !
ชีวิตคนหนึ่งคนมันทำอะไรได้ตั้งเยอะ คุณเคยเห็นขอทานไหม ขอทานมีหลายรูปแบบนะ ขอทานพิการบ้าง ขอทานแบบอุ้มเด็กทารกบ้าง ขอทานแบบไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไรเลยก็มี แต่ก็ยังมาขอทาน เอะ!!! (ถึงจะเป็นขอทานที่ดูด้อยค่า..แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่สังคมนะ)
ถ้าคุณเคยมองดูผู้คนรอบกายคุณ คุณเองจะมองเห็นอะไรได้เยอะแยะมากมายทั้งคนที่เหนือกว่า ทางรูปลักษณ์หน้าตา คนที่เหนือกว่าทางทรัพย์สินเงินทอง คนที่ด้อยกว่ากับสถานะทางสังคม คนที่ด้อยกว่าในเรื่องครอบครัว แต่ทุกอย่างที่คุณมองเห็นมันเป็นเพียงสิ่งรอบกายเท่านั้นแหละ แต่อย่าลืมนึกนะ !!
สิ่งรอบกายหล่านี้มีประโยชน์กับชีวิตของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ
::
(หลับตาลงอย่างช้าๆ นึกถึงคนที่ด้อยกว่าคุณ แย่กว่าคุณ แล้วดูดกำลังใจมาจากสิ่งนั้นๆสะ)
::
คนเรามีเวลาเท่ากันคือ 1 วันเท่ากับ 24 ชั่วโมง ไม่มีใครแม้จะวิเศษมาจากไหนมีทรัพย์สินเงินทองมากมายก็ไม่สามารถทำ 1 วันให้มันมีเพิ่มเป็น 25 ชัวโมงได้หลอก จริงไหม!!? ดังนั้นแล้วไม่ว่าคุณจะมีปมด้อยมากแค่ไหน มีความรู้สึกกำลังแย่มากแค่ไหน คุณนึกไว้สะ
ถ้าคุณอยากเป็นผู้ชนะกับชีวิตของคุณเองคุณต้องเลิกเปรียบเทียบคนที่เหนือกว่าคุณ ขอให้คุณจงก้มลงมองคนที่ด้อยกว่าคุณและเอาสิ่งที่คุณรู้สึกมา
สร้างพลังให้กับชีวิตตัวคุณเอง ยิ่งรู้สึกแย่มากเท่าไหร่กับชีวิต ให้คุณก้มลงมองคนที่แย่กว่าคุณให้มากๆ เอาสิ่งที่คุณรู้สึกว่าคุณมีข้อดีมากกว่าเขาเอามาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองสะ คนหนึ่งคนมันจะมีค่าได้มันก็ต้องมองเห็นคุณค่าในตัวเองก่อน ใครจะพูดว่าเรายังไงช่างเขา ใครจะดูถูกเรายังไงช่างเขา...จงนึกเอาไว้ คนเหล่านั้นด้อยกว่าเราตรงความคิดแล้วหล่ะ 1 สิ่ง กำลังใจบนโลกนี้หาได้ไม่ยากถ้าคุณยังรู้สึกแย่อยู่มากฉันแนะนำ จากประสบการณ์ของฉันเอง
: หาที่พึงทางใจสะ : ตัวดิฉันเองถ้าแบกความทุกข์ไว้มากๆคิดว่าวันนี้หมดพลังในตัวเอง มองเห็นแต่ปัญหามากกว่าโอกาสสถานที่แรกที่ฉันนึกถึงคือ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามันเป็นสถานที่ที่วิเศษ คุณไม่ต้องทำอะไรเลยแค่เดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อเตรียมที่จะเอาไปมอบให้กับเด็กๆเหล่านั้น และเด็กๆเหล่านั้นจะทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตคุณมีค่ามากแค่ไหน
ดิฉันขอเล่าจากประสบการของตัวเองสักนิด ตัวฉันเองเข้าไปสถานที่แบบนั้นไม่ได้ถือว่าบ่อยมาก นานๆทีจะเข้าไปสัก 1 ครั้ง เพื่อเอาของเข้าไปบริจาคให้กับพวกเด็กๆเหล่านั้น วันนั้นดิฉันไปกับคนรู้จักระหว่างที่รอคนรู้จักเช้าห้องน้ำอยู่นั้น มีเด็กคนนึงเดินเข้ามาหาดิฉันและพูดขึ้นว่า
"พี่คะ สวัสดีค่ะ พี่เอาของมาให้พวกหนูเหรอค่ะ" พร้อมกับยกมือไหว้ดิฉันด้วยท่าทางที่ยากลำบาก
ดิฉันขออนุญาติอธิบายลักษณะของน้องให้คนอ่านนึกภาพตามนะคะ น้องเป็นโปลิโอทั้งแขนและขา ข้อเท้าไม่เท่ากันทำให้ยืนลำบาก มือน้องหงิกไม่แบเหมือนคนปกติ
ดิฉัน : ใช่คะ พี่เอาของมาให้พวกหนูนะ จะได้เอาไว้ใช้กัน
เด็กคนนั้น : พวกหนูขอบคุณพี่มากนะคะ ที่ไม่ลืมพวกหนู
ดิฉัน : น้องคะหนูเก่งมากนะที่จิตใจหนูเข้มแข็ง พี่ขอให้น้องเข้มแข็งแบบนี้ เพื่อที่จะมาเป็นกำลังใจให้พี่อีกในครั้งหน้าที่พี่มานะคะ
เด็กคนนั้น : (ฉีกยิ้มกว้าง) และได้บอกลาด้วยคำสั้นๆว่า พี่ค่ะ สู้ๆนะ
คุณเชื่อไหมเพียงคำพูดสั้นๆแค่นี้ มันทำให้ดิฉันมีกำลังใจขึ้นมาได้มากมาย ดิฉันยิ้มพร้อมน้ำตาคลอ (น้ำตาคลอไม่ใช่สงสารน้องนะ แต่นึกย้อนมามองตัวเองว่าทำไมเราถึงเข้มแข็งได้ไม่เท่าน้องเขา) นี่เป็นบทสนทนาสั้นๆที่ทำให้ฉันมองโลกใบนี้ด้วยความสวยงามได้มากกว่าความโหดร้าย คุณเองก็เช่นกันนะท้อมาก รู้สึกแย่มาก ติดลบกับตัวเองมาก ให้หันมองหาคนที่แย่กว่าคุณ กล้าที่จะเผชิญตัวเองเข้าไปในจุดที่ทุกคนเริ่มจาก 0 จงมองหากำลังใจจากเขาพวกเขาเหล่านั้นสะและเอากำลังใจเหล่านั้นมาสร้างแรงบันดาลใจใหม่กับสิ่งที่คุณวาดไว้ในชีวิต เชื่อมั่นกับตัวเองให้มากๆ ท่องความฝันของตัวเองไว้ทุกๆวันว่ามันจะเกิดเป็นความจริงในสักวันกับสิ่งที่คุณฝัน
เหนื่อยมากก็พัก : โลกใบนี้มีอยู่ไม่กี่อย่างที่จะทำให้คุณต้องนั่งคิดมากหรือสิ่งที่มันทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยกับถนนของตัวเอง
หมดวันก็หลับตาลงสะ ถ้าโลกยังต้องการคุณอยู่เช้าอีกวันคุณจะได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง อีกครั้ง และ อีกครั้ง
(นี่คือบทความแรกที่ดิฉันตั้งใจอยากที่จะพิมพ์บรรยายให้คนอ่านได้มีกำลังใจให้ตัวเอง หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ)
: หน่อไม้ :
มาเริ่มต้นชีวิตกันไหม ?
.........คนเก่งเกิดจากแรงบันดาลใจ 1% และอีก 99% ที่สำเร็จมาจากหยาดเหงื่อและแรงกาย..........
Amazing By : Thomas Alva Edison
เม่าแพนด้าเม่าหาบเร่
มันเป็นบทความนึงที่ดิฉันเองเขียนลงกระดาษA4เก่าๆ แถมรีไซเคิลอีก แปะมันไว้บนหน้าจอทีวีของตัวเองที่มันตั้งอยู่ในห้องนอน คุณเชื่อไหมบทความเหล่านี้มันมีอิทธิพลกับความรู้สึกมากๆนะ ชีวิตคนหนึงคนจะทำอะไรได้?? ว่าไหม
เห้ยยยยย!!! ไม่จริงนะ อมยิ้ม11 ต้องทำความเข้าใจใหม่ !
ชีวิตคนหนึ่งคนมันทำอะไรได้ตั้งเยอะ คุณเคยเห็นขอทานไหม ขอทานมีหลายรูปแบบนะ ขอทานพิการบ้าง ขอทานแบบอุ้มเด็กทารกบ้าง ขอทานแบบไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไรเลยก็มี แต่ก็ยังมาขอทาน เอะ!!! (ถึงจะเป็นขอทานที่ดูด้อยค่า..แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่สังคมนะ)
ถ้าคุณเคยมองดูผู้คนรอบกายคุณ คุณเองจะมองเห็นอะไรได้เยอะแยะมากมายทั้งคนที่เหนือกว่า ทางรูปลักษณ์หน้าตา คนที่เหนือกว่าทางทรัพย์สินเงินทอง คนที่ด้อยกว่ากับสถานะทางสังคม คนที่ด้อยกว่าในเรื่องครอบครัว แต่ทุกอย่างที่คุณมองเห็นมันเป็นเพียงสิ่งรอบกายเท่านั้นแหละ แต่อย่าลืมนึกนะ !!
สิ่งรอบกายหล่านี้มีประโยชน์กับชีวิตของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ
::
(หลับตาลงอย่างช้าๆ นึกถึงคนที่ด้อยกว่าคุณ แย่กว่าคุณ แล้วดูดกำลังใจมาจากสิ่งนั้นๆสะ)
::
คนเรามีเวลาเท่ากันคือ 1 วันเท่ากับ 24 ชั่วโมง ไม่มีใครแม้จะวิเศษมาจากไหนมีทรัพย์สินเงินทองมากมายก็ไม่สามารถทำ 1 วันให้มันมีเพิ่มเป็น 25 ชัวโมงได้หลอก จริงไหม!!? ดังนั้นแล้วไม่ว่าคุณจะมีปมด้อยมากแค่ไหน มีความรู้สึกกำลังแย่มากแค่ไหน คุณนึกไว้สะ
ถ้าคุณอยากเป็นผู้ชนะกับชีวิตของคุณเองคุณต้องเลิกเปรียบเทียบคนที่เหนือกว่าคุณ ขอให้คุณจงก้มลงมองคนที่ด้อยกว่าคุณและเอาสิ่งที่คุณรู้สึกมา
สร้างพลังให้กับชีวิตตัวคุณเอง ยิ่งรู้สึกแย่มากเท่าไหร่กับชีวิต ให้คุณก้มลงมองคนที่แย่กว่าคุณให้มากๆ เอาสิ่งที่คุณรู้สึกว่าคุณมีข้อดีมากกว่าเขาเอามาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองสะ คนหนึ่งคนมันจะมีค่าได้มันก็ต้องมองเห็นคุณค่าในตัวเองก่อน ใครจะพูดว่าเรายังไงช่างเขา ใครจะดูถูกเรายังไงช่างเขา...จงนึกเอาไว้ คนเหล่านั้นด้อยกว่าเราตรงความคิดแล้วหล่ะ 1 สิ่ง กำลังใจบนโลกนี้หาได้ไม่ยากถ้าคุณยังรู้สึกแย่อยู่มากฉันแนะนำ จากประสบการณ์ของฉันเอง
: หาที่พึงทางใจสะ : ตัวดิฉันเองถ้าแบกความทุกข์ไว้มากๆคิดว่าวันนี้หมดพลังในตัวเอง มองเห็นแต่ปัญหามากกว่าโอกาสสถานที่แรกที่ฉันนึกถึงคือ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามันเป็นสถานที่ที่วิเศษ คุณไม่ต้องทำอะไรเลยแค่เดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อเตรียมที่จะเอาไปมอบให้กับเด็กๆเหล่านั้น และเด็กๆเหล่านั้นจะทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตคุณมีค่ามากแค่ไหน
ดิฉันขอเล่าจากประสบการของตัวเองสักนิด ตัวฉันเองเข้าไปสถานที่แบบนั้นไม่ได้ถือว่าบ่อยมาก นานๆทีจะเข้าไปสัก 1 ครั้ง เพื่อเอาของเข้าไปบริจาคให้กับพวกเด็กๆเหล่านั้น วันนั้นดิฉันไปกับคนรู้จักระหว่างที่รอคนรู้จักเช้าห้องน้ำอยู่นั้น มีเด็กคนนึงเดินเข้ามาหาดิฉันและพูดขึ้นว่า
"พี่คะ สวัสดีค่ะ พี่เอาของมาให้พวกหนูเหรอค่ะ" พร้อมกับยกมือไหว้ดิฉันด้วยท่าทางที่ยากลำบาก
ดิฉันขออนุญาติอธิบายลักษณะของน้องให้คนอ่านนึกภาพตามนะคะ น้องเป็นโปลิโอทั้งแขนและขา ข้อเท้าไม่เท่ากันทำให้ยืนลำบาก มือน้องหงิกไม่แบเหมือนคนปกติ
ดิฉัน : ใช่คะ พี่เอาของมาให้พวกหนูนะ จะได้เอาไว้ใช้กัน
เด็กคนนั้น : พวกหนูขอบคุณพี่มากนะคะ ที่ไม่ลืมพวกหนู
ดิฉัน : น้องคะหนูเก่งมากนะที่จิตใจหนูเข้มแข็ง พี่ขอให้น้องเข้มแข็งแบบนี้ เพื่อที่จะมาเป็นกำลังใจให้พี่อีกในครั้งหน้าที่พี่มานะคะ
เด็กคนนั้น : (ฉีกยิ้มกว้าง) และได้บอกลาด้วยคำสั้นๆว่า พี่ค่ะ สู้ๆนะ
คุณเชื่อไหมเพียงคำพูดสั้นๆแค่นี้ มันทำให้ดิฉันมีกำลังใจขึ้นมาได้มากมาย ดิฉันยิ้มพร้อมน้ำตาคลอ (น้ำตาคลอไม่ใช่สงสารน้องนะ แต่นึกย้อนมามองตัวเองว่าทำไมเราถึงเข้มแข็งได้ไม่เท่าน้องเขา) นี่เป็นบทสนทนาสั้นๆที่ทำให้ฉันมองโลกใบนี้ด้วยความสวยงามได้มากกว่าความโหดร้าย คุณเองก็เช่นกันนะท้อมาก รู้สึกแย่มาก ติดลบกับตัวเองมาก ให้หันมองหาคนที่แย่กว่าคุณ กล้าที่จะเผชิญตัวเองเข้าไปในจุดที่ทุกคนเริ่มจาก 0 จงมองหากำลังใจจากเขาพวกเขาเหล่านั้นสะและเอากำลังใจเหล่านั้นมาสร้างแรงบันดาลใจใหม่กับสิ่งที่คุณวาดไว้ในชีวิต เชื่อมั่นกับตัวเองให้มากๆ ท่องความฝันของตัวเองไว้ทุกๆวันว่ามันจะเกิดเป็นความจริงในสักวันกับสิ่งที่คุณฝัน
เหนื่อยมากก็พัก : โลกใบนี้มีอยู่ไม่กี่อย่างที่จะทำให้คุณต้องนั่งคิดมากหรือสิ่งที่มันทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยกับถนนของตัวเอง
หมดวันก็หลับตาลงสะ ถ้าโลกยังต้องการคุณอยู่เช้าอีกวันคุณจะได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง อีกครั้ง และ อีกครั้ง
(นี่คือบทความแรกที่ดิฉันตั้งใจอยากที่จะพิมพ์บรรยายให้คนอ่านได้มีกำลังใจให้ตัวเอง หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ)
: หน่อไม้ :