ครูบาศรีวิชัย เหยื่อกฎหมายรวมศูนย์รุ่นแรก

กระทู้สนทนา
เหยื่อรายสำคัญที่ถูกสั่งให้จับผิดทุกเม็ดทุกฝีก้าว ชนิดอย่าให้มีโอกาสได้เชิดหน้าชูคอ หวนกลับมาทำหน้าที่ "แกนนำ" ปลุกผู้คนในสังคมให้ตาสว่างได้ ก็คือ "ครูบาเจ้าศรีวิชัย"


ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างกบฏกับต๋นบุญ

แม้ภาพลักษณ์ของครูบาเจ้าศรีวิชัยในสายตาของชาวล้านนานั้นท่านเปรียบเสมือน "นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเหนือ"

แต่ทว่าในมุมมองของชนชั้นนำ  กลับเห็นว่าท่านเป็น "กบฏผีบุญ " หรือหัวโจกอันตราย ที่บังอาจเหิมเกริมสร้างอำนาจต่อรอง ปลุกระดม เรียกร้อง ให้พระสงฆ์ทั่วล้านนาเกิดอาการกระด้างกระเดื่องต่อคณะสงฆ์ที่สังกัดมหาเถรสมาคม
อำนาจของราชสำนักได้แผ่ครอบคลุมไปถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษาแผนใหม่ มีการสั่งให้เผาทำลายคัมภีร์อักษรธรรมล้านนาตามวัดต่างๆ ยกเลิกการเขียนตั๋วเมือง บังคับให้ครูและเด็กนักเรียนพูดภาษาไทยกลาง
วัด" คือศูนย์กลางในการถ่ายทอดความรู้ รัฐบาลจึงขอพ่วงเข้ามาจัดระเบียบวงการสงฆ์ด้วย เพราะเห็นว่าเป็นสถาบันที่เข้าถึงราษฎรง่ายที่สุด

เกิดการตราพระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ.121 ขึ้นให้เป็นแบบแผนเดียวกันทั่วประเทศ ส่งผลต่อจารีตสงฆ์ดั้งเดิมของท้องถิ่นที่เคยปกครองกันเองโดยอิสระ ต้องถูกบังคับให้มารวมศูนย์อำนาจขึ้นตรงต่อมหาเถรสมาคม ทั้งคำสั่งของกรรมการเถรสมาคมนั้นถือเป็นสิทธิ์ขาดผู้ใดจะอุทธรณ์หรือโต้แย้งไม่ได้
พระสงฆ์ล้านนาบางกลุ่มถูกดึงเข้าไปรับการศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพฯ ปูนบำเหน็จสมณศักดิ์สูงให้มีหน้ามีตา แล้วส่งกลับมาในฐานะผู้ปกครองสงฆ์ท้องถิ่นที่ต่อสายตรงถึงอำมาตย์ พระสงฆ์กลุ่มนี้มีหน้าที่คอยควบคุมรายงานความเคลื่อนไหวของ "พระบ้านนอก" ให้ซ้ายหันขวาหันเคารพเชื่อฟังองค์กรสงฆ์ส่วนกลาง
มารบ่มีบารมีบ่เกิด ขังได้ก็ขังไป

ข้อหาแรกที่ครูบาโดนยัดเยียดให้ยอมรับผิดคือ เป็นพระเถื่อนที่ไร้อุปัชฌาย์ แท้จริงแล้วพระอุปัชฌาย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัยมีชื่อว่าครูบาแข้งแคระ เป็นพระป่าธุดงค์ที่ไม่มีใบสุทธิจากวัดใดๆ ส่งผลให้ตัวครูบาศรีวิชัยเองก็ไม่มีใบสุทธิโดยปริยาย
คนแรกคือพระมหาอินทร์ เจ้าคณะแขวงลี้ วัดลี้หลวง อีกคนคือหนานบุญเติง นายอำเภอลี้ ทั้งคู่สั่งให้ตำรวจกุมตัวครูบาศรีวิชัยจากวัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ไปกักขังไว้ที่วัดเจ้าคณะแขวงลี้เป็นเวลา 4 คืน ข้อหาส้องสุมพระเณรเถื่อน ถือเป็นกบฏต่อบ้านเมือง
ครูบาเจ้าศรีวิชัยยังไม่ยอมหยุดยั้งพฤติกรรมการเดินสายบวชให้แก่กุลบุตรทั่วล้านนา นำไปสู่การต้องอธิกรณ์ครั้ง 2 ด้วยข้อกล่าวหาใหม่ที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมว่าเป็น "กบฏในพุทธจักร "
ครูบาต้องอธิกรณ์4 ครั้ง  ครั้งสุดท้าย ในข้อหากบฏผีบุญวางแผน "ล้มเจ้า " เนื่องจาก วัดบ้านปางไม่ยอมจัดทำซุ้มถวายพระพรที่ประตูรั้ว   ครูบาศรีวิชัยอ้างว่า วัดคือสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่มีหน้าที่รับใช้คำบัญชาจากส่วนราชการ
จึงถูกกักขังพร้อมกับศิษยานุศิษย์ที่เป็นบรรพชิตอีกราว 300 รูป เป็นเวลา 2 เดือน
ครูบาศรีวิชัยติดคุกตั้ง 4-5 ครั้ง รวมแล้ว 3 ปี ความเครียดส่งผลให้มรณภาพเร็วก่อนอายุขัยอันควรด้วยวัยเพียง 60
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่