เมื่อวันที่ 18-22 มกราคม 2559 ผมมีทริปขับรถเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางปาย-แม่ฮ่องสอน-ปางอุ๋ง โดยจุดหมายแรกของเราคือ ปาย
หลังจากพักค้างที่เชียงใหม่ 1 คืน เช้าวันที่ 19 เราก็ออกเดินทางจากเชียงใหม่ไปปายโดยใช้เส้นทางแม่ริม ระหว่างทางที่เราขับรถขึ้นเขามาได้สักระยะหนึ่ง เราก็เจอนักโบกรถกลุ่มแรกทันที ผมกับน้องก็ตัดสินใจจอดรถรับนักโบกทันทีเหมือนกัน
เป็นพระหนุ่ม 2 รูป โบกรถจะขออาศัยติดรถไปลงป่าแป้หรือป่าเป้อะไรสักอย่างที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พระโบกรถมากนักเนื่องจากรอรถประจำทางนานมาก เราจึงรีบตอบตกลงโดยที่พระไม่ทันพูดจบพร้อมกับจะนิมนต์ท่านขึ้นนั่ง(รถเราเป็นอีซูซุ 2 ตอน) ท่านบอกว่าไม่เป็นไรจะนั่งกระบะหลัง เราก็ออกเดินทางกันต่อ
วิ่งมาได้ประมาณ 2-3 กม เราก็เจอกับนักโบกรถรายที่สอง เป็นฝรั่งผู้ชายกับเด็กหญิงชาติเดียวกันอายุประมาณ 12 ปี โดยนายฝรั่งซึ่งพูดภาษาไทยได้นั้นถามว่าเราจะไปไหน พอรู้ว่าเราจะไปปาย ฝรั่งจึงขออาศัยติดรถไปลงที่ปายด้วยเนื่องจากได้ทำกระเป๋าสตางค์หาย เขากับลูกเลี้ยงซึ่งเป็นเด็กสาวคนนั้นพลัดหลงกับเมียที่ปาย เราจึงรีบตกลงให้เขาขึ้นรถจะได้เดินทางต่อ สรุปคือเรามีเพื่อนร่วมทางที่นั่งมากระบะหลัง 4 คน เราพูดกับน้องว่าถ้าเจอข้างหน้าอีก 2-3 คนจะรับอีกไหม แล้วก็หัวเราะกัน
เมื่อรถเราเดินทางมาถึงบริเวณที่เรียกว่าป่าแป้หรือป่าเป้(จำไม่ได้ครับ) เราก็ชลอความเร็วลงเพื่อที่ว่าพระสองรูปนั้นอาจจะขอลงตรงบริเวณนี้ตามที่เราได้ยินแต่แรก แต่ปรากฏว่ารถผ่านป่าแป้ไปจนไกลพระสองรูปก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงตรงจุดไหน เราก็เลยคิดว่าสงสัยพระจะไปปายล่ะ แต่พอวิ่งมาถึงจุดที่เปลี่ยวและทางโค้งหักศอกมากก็ได้ยินเสียงพระเคาะรถให้จอดและจะขอลงตรงนั้น เมื่อพระลงจากรถพระรูปนึงก็เดินมาที่ด้านคนขับ น้องผมเปิดหน้าต่างลงจนสุด ส่วนพระก็ยืนชิดประตูรถพร้อมกับมือล้วงเขาไปในย่าม วินาทีนั้นผมเสียววูบแต่..ไม่ทันแล้ว และคิดว่าคงไม่เป็นอย่างที่คิดเนื่องจากยังมีนักโบกรถนั่งอยู่บนกระบะอีกสองคน พระล้วงมือลงไปในย่ามและก็หยิบพระออกมา 2 องค์พร้อมกับบอกว่าโยมรับศิลรับพรนะ เราก็ยกมือไหว้รับศีลรับพร แต่เมื่อเรารับพระ 2 องค์จากมือพระแล้ว พระรูปนั้นก็บอกว่า โยมพอจะบริจาคปัจจัยเป็นค่ารถได้ไหม อาตมาจะเดินทางไปแม่ฮ่องสอน ผมก็หยิบเงินให้ไป 100 บาท พระก็ให้ศีลพรอีกครั้งนึงแล้วก็เดินจีวรปลิวตามไปสมทบพระอีกรูปนึงเพื่อรอรถหรือเหยื่อรายต่อไป อันนี้ไม่ทราบได้
เมื่อรถเราเข้าสู่ปาย เราก็ขับรถช้าๆเพื่อให้ฝรั่งสองคนได้บอกกับเราว่าจะลงตรงจุดไหน ก็เงียบ ผ่านจุดถนนคนเดินก็แล้ว ฝรั่งสองคนก็เงียบ คือเราจองที่พักไว้ที่ปายในฝัน ซึ่งเราเองก็ยังไม่รู้ว่ามันไปตรงไหน GPS ในไอโฟนก็พาเราหลงทางอยู่นั่นแหล่ะ เราจึงให้น้องจอดรถถามคนในพื้นที่และก็ถามฝรั่งสองคนว่า คุณจะลงตรงไหน ฝรั่งชายบอกว่า กระเป๋าตังค์ผมหายแต่ไม่รู้ตรงไหนและก็บลาๆๆๆๆๆ ผมก็ถามว่าแล้วตกลงยูจะลงตรงไหน มันก็บอกจะไปวัดแม่เย็น ผมบอกไม่รู้จัก ผมเป็นนักท่องเที่ยวมาที่นี่ครั้งแรก ไหนยูบอกว่าพลัดหลงกับเมียที่นี่แล้วยูจะลงตรงไหนไอจะต้องไปหาที่พักต่อ มันก็บอกว่า ขอลงตรงสถานีรถโดยสารก็ได้มันจะไปแม่ฮ่องสอนต่อ !!
ผมบอกกับน้องว่า สงสัยเราจะโดนนักโบกไถอีกรายล่ะ เราขับรถพาเขามาส่งตรงที่น่าจะเป็นตลาด เขาก็บอกว่าผมจะไปแม่ฮ่องสอนต่อ ผมเริ่มโมโหล่ะบอกกับเขาว่า ยูต้องลงตรงนี้ล่ะ ไอยังหาที่พักไม่เจอเลย Please มันจึงยอมลงจากรถ นาทีนั้นผมจึงรู้ว่าเด็กสาวฝรั่งนั้นก็พูดไทยได้เหมือนกันเพราะมันพูดว่า "คุณมีเงินค่ารถให้เราไปแม่ฮ่องสอนไหม" ผมบอกโน น้องบอกให้มันเหอะพี่สงสารมัน ผมบอกเมิงรีบออกรถเลย สงสารตัวเราเหอะรอดพระมาได้ก็บุญแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปหาที่พักจนเจอ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางกับเราครั้งนี้ หลายๆท่านที่เดินทางเส้นทางนี้อาจจะไม่เคยเจอ แต่เรามานั่งวิเคราหะกันว่าหากวันนั้นนักโบกรถล้วงมือลงไปในย่ามแล้วหยิบอะไรออกมาที่ไม่ใช่พระ และไม่มีนักโบกรถคนอื่นนั่งกระบะหลังอยู่ หรือเขาทั้งหมดเป็นพวกเดียวกัน มันจะจบยังไง คือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ระวังกับเหตุการณ์แบบนี้ไว้ชีวิตจะได้ปลอดภัยในระหว่างการเดินทางครับ
การมีเมตตาจิตบางครั้งมันอาจจะกลายเป็นพิษร้ายสำหรับเราโดยไม่คาดคิดก็ได้ครับ เพราะวันต่อมาเส้นทางลงจากปายเราก็ไม่กล้ารับนักโบกรถไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะครองสถานะใดๆอยู่ก็ตาม
ขอบคุณครับ
เมตตาจิตที่พึงระวังจากนักโบกรถไปปาย
หลังจากพักค้างที่เชียงใหม่ 1 คืน เช้าวันที่ 19 เราก็ออกเดินทางจากเชียงใหม่ไปปายโดยใช้เส้นทางแม่ริม ระหว่างทางที่เราขับรถขึ้นเขามาได้สักระยะหนึ่ง เราก็เจอนักโบกรถกลุ่มแรกทันที ผมกับน้องก็ตัดสินใจจอดรถรับนักโบกทันทีเหมือนกัน
เป็นพระหนุ่ม 2 รูป โบกรถจะขออาศัยติดรถไปลงป่าแป้หรือป่าเป้อะไรสักอย่างที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พระโบกรถมากนักเนื่องจากรอรถประจำทางนานมาก เราจึงรีบตอบตกลงโดยที่พระไม่ทันพูดจบพร้อมกับจะนิมนต์ท่านขึ้นนั่ง(รถเราเป็นอีซูซุ 2 ตอน) ท่านบอกว่าไม่เป็นไรจะนั่งกระบะหลัง เราก็ออกเดินทางกันต่อ
วิ่งมาได้ประมาณ 2-3 กม เราก็เจอกับนักโบกรถรายที่สอง เป็นฝรั่งผู้ชายกับเด็กหญิงชาติเดียวกันอายุประมาณ 12 ปี โดยนายฝรั่งซึ่งพูดภาษาไทยได้นั้นถามว่าเราจะไปไหน พอรู้ว่าเราจะไปปาย ฝรั่งจึงขออาศัยติดรถไปลงที่ปายด้วยเนื่องจากได้ทำกระเป๋าสตางค์หาย เขากับลูกเลี้ยงซึ่งเป็นเด็กสาวคนนั้นพลัดหลงกับเมียที่ปาย เราจึงรีบตกลงให้เขาขึ้นรถจะได้เดินทางต่อ สรุปคือเรามีเพื่อนร่วมทางที่นั่งมากระบะหลัง 4 คน เราพูดกับน้องว่าถ้าเจอข้างหน้าอีก 2-3 คนจะรับอีกไหม แล้วก็หัวเราะกัน
เมื่อรถเราเดินทางมาถึงบริเวณที่เรียกว่าป่าแป้หรือป่าเป้(จำไม่ได้ครับ) เราก็ชลอความเร็วลงเพื่อที่ว่าพระสองรูปนั้นอาจจะขอลงตรงบริเวณนี้ตามที่เราได้ยินแต่แรก แต่ปรากฏว่ารถผ่านป่าแป้ไปจนไกลพระสองรูปก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงตรงจุดไหน เราก็เลยคิดว่าสงสัยพระจะไปปายล่ะ แต่พอวิ่งมาถึงจุดที่เปลี่ยวและทางโค้งหักศอกมากก็ได้ยินเสียงพระเคาะรถให้จอดและจะขอลงตรงนั้น เมื่อพระลงจากรถพระรูปนึงก็เดินมาที่ด้านคนขับ น้องผมเปิดหน้าต่างลงจนสุด ส่วนพระก็ยืนชิดประตูรถพร้อมกับมือล้วงเขาไปในย่าม วินาทีนั้นผมเสียววูบแต่..ไม่ทันแล้ว และคิดว่าคงไม่เป็นอย่างที่คิดเนื่องจากยังมีนักโบกรถนั่งอยู่บนกระบะอีกสองคน พระล้วงมือลงไปในย่ามและก็หยิบพระออกมา 2 องค์พร้อมกับบอกว่าโยมรับศิลรับพรนะ เราก็ยกมือไหว้รับศีลรับพร แต่เมื่อเรารับพระ 2 องค์จากมือพระแล้ว พระรูปนั้นก็บอกว่า โยมพอจะบริจาคปัจจัยเป็นค่ารถได้ไหม อาตมาจะเดินทางไปแม่ฮ่องสอน ผมก็หยิบเงินให้ไป 100 บาท พระก็ให้ศีลพรอีกครั้งนึงแล้วก็เดินจีวรปลิวตามไปสมทบพระอีกรูปนึงเพื่อรอรถหรือเหยื่อรายต่อไป อันนี้ไม่ทราบได้
เมื่อรถเราเข้าสู่ปาย เราก็ขับรถช้าๆเพื่อให้ฝรั่งสองคนได้บอกกับเราว่าจะลงตรงจุดไหน ก็เงียบ ผ่านจุดถนนคนเดินก็แล้ว ฝรั่งสองคนก็เงียบ คือเราจองที่พักไว้ที่ปายในฝัน ซึ่งเราเองก็ยังไม่รู้ว่ามันไปตรงไหน GPS ในไอโฟนก็พาเราหลงทางอยู่นั่นแหล่ะ เราจึงให้น้องจอดรถถามคนในพื้นที่และก็ถามฝรั่งสองคนว่า คุณจะลงตรงไหน ฝรั่งชายบอกว่า กระเป๋าตังค์ผมหายแต่ไม่รู้ตรงไหนและก็บลาๆๆๆๆๆ ผมก็ถามว่าแล้วตกลงยูจะลงตรงไหน มันก็บอกจะไปวัดแม่เย็น ผมบอกไม่รู้จัก ผมเป็นนักท่องเที่ยวมาที่นี่ครั้งแรก ไหนยูบอกว่าพลัดหลงกับเมียที่นี่แล้วยูจะลงตรงไหนไอจะต้องไปหาที่พักต่อ มันก็บอกว่า ขอลงตรงสถานีรถโดยสารก็ได้มันจะไปแม่ฮ่องสอนต่อ !!
ผมบอกกับน้องว่า สงสัยเราจะโดนนักโบกไถอีกรายล่ะ เราขับรถพาเขามาส่งตรงที่น่าจะเป็นตลาด เขาก็บอกว่าผมจะไปแม่ฮ่องสอนต่อ ผมเริ่มโมโหล่ะบอกกับเขาว่า ยูต้องลงตรงนี้ล่ะ ไอยังหาที่พักไม่เจอเลย Please มันจึงยอมลงจากรถ นาทีนั้นผมจึงรู้ว่าเด็กสาวฝรั่งนั้นก็พูดไทยได้เหมือนกันเพราะมันพูดว่า "คุณมีเงินค่ารถให้เราไปแม่ฮ่องสอนไหม" ผมบอกโน น้องบอกให้มันเหอะพี่สงสารมัน ผมบอกเมิงรีบออกรถเลย สงสารตัวเราเหอะรอดพระมาได้ก็บุญแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปหาที่พักจนเจอ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางกับเราครั้งนี้ หลายๆท่านที่เดินทางเส้นทางนี้อาจจะไม่เคยเจอ แต่เรามานั่งวิเคราหะกันว่าหากวันนั้นนักโบกรถล้วงมือลงไปในย่ามแล้วหยิบอะไรออกมาที่ไม่ใช่พระ และไม่มีนักโบกรถคนอื่นนั่งกระบะหลังอยู่ หรือเขาทั้งหมดเป็นพวกเดียวกัน มันจะจบยังไง คือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ระวังกับเหตุการณ์แบบนี้ไว้ชีวิตจะได้ปลอดภัยในระหว่างการเดินทางครับ
การมีเมตตาจิตบางครั้งมันอาจจะกลายเป็นพิษร้ายสำหรับเราโดยไม่คาดคิดก็ได้ครับ เพราะวันต่อมาเส้นทางลงจากปายเราก็ไม่กล้ารับนักโบกรถไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะครองสถานะใดๆอยู่ก็ตาม
ขอบคุณครับ