ภารกิจในเดือนมกราคมติดกันเป็นปีที่ 2 ของครอบครัว"เที่ยวแบบกรู" ของเราแล้ว
คือการตามล่าพญาเสือโคร่ง ปีที่แล้วไปขุนช่างเคี่ยนได้ภาพสวยสมใจ
ปีนี้ตั้งใจไปที่ "ขุนวาง" และกระแสละครก็มา ทำให้ใครๆ ก็อยากจะไปเป็นหนูนา
ยืนถ่ายรูปสวยท่ามกลางดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูสักครั้งเราก็ได้แต่นั่งส่องเพจ ขุนวาง เมื่อไรจะบาน
จ้องลาพักร้อนแต่ต้นปีเลยทีเดียว สุดท้ายล้อหมุนเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2559
อ้าว..แล้วเกี่ยวอะไรกับ "บ้านวัดจันทร์" เกาะล้อตามมาเลยค่ะ
สมัยโสดเราก็เที่ยวคนเดียว ตะลอนๆ ไปเรื่อยเปื่อย พอมีครอบครัวก็เที่ยวกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก
แต่ทริปนี้เพื่อนสาว 3 นาง ขอตามไปด้วย บอกนางไปก่อนแล้วว่า "เที่ยวแบบกรู" นอนไม่แพง
เน้นเที่ยวประหยัดนะ ถ้ารับได้ก็ตามมาโลด รถของเราเป็นอีโคคาร์คันเล็กจะไปกัน 5 คน เด็ก 1 คงไม่ไหว
เลยต้องเอารถแฟนเพื่อนไป ซึ่งแฟนเพื่อนไม่ได้ไป ไม่งงเนอะ (จะเล่าตรงนี้ทำไม )
มันมีดราม่าทำเอาน้ำตาไหล T_T ก็ตรงนี้
วันแรก ดอยอินทนน์ - กิ่วแม่ปาน - ไร่สตรอว์เบอร์รี พักที่ ไร่วงค์วาน
คืนที่สอง พักที่โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.กัลยานิวัฒนา เชียงใหม่
เราใช้เส้นทางสะเมิง - กัลยานิวัฒนา ระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร
ฟังดูก็ไม่ไกลใช่มั้ยคะ เราเป็นคนขับเอง สามีนั่งข้างๆ อุ้มลูก
เพื่อนสาวนั่งข้างหลัง ก็ร้องเพลงลั้ลลาๆ กันไปเรื่อยๆ ออกจากสะเมิงประมาณ 5 โมงเย็น
คิดว่าระยะทางประมาณนี้น่าจะ 2 ชั่วโมงไม่เกินๆ (เขาทั้งนั้น)
ขับไปทางก็ไม่ได้ดีมากมาย แต่พีคสุดก็กิโลเมตรที่ 26 (ก่อนจะถึงบ้านวัดจันทร์)
ตอนนั้นมืดแล้วด้วย เหมือนเราขับรถดีๆ แล้วอยู่ๆ รถดังกึก! ข้างหน้ามีแต่หลุม คุณพระ!
มันไม่ใช่แค่ตรงนี้ แต่มันมองไปไกลๆ มันไม่เห็นมีทางดีเลย จะถอยกลับก็ไม่ได้
จะไปต่อยังไง? มีมอเตอร์ไซค์ผ่านมา
เรา : พี่คะ ถนนแบบนี้ไปอีกไกลมั้ยคะ
พี่มอไซค์ : ยาวๆ ถึงบ้านวัดจันทร์เลย
หันไปมองหน้ากัน ใจคอไม่ค่อยดี เพื่อนสาวทั้ง 3 ลงจากรถ
เราค่อยๆ เอารถขึ้นจากหลุมแรก เสร็จแล้วตั้งสติ เอาไงดีๆ
เหมือนฟ้ามาโปรด มีกระบะของชาวบ้านผ่านมาพอดี เพื่อนทั้ง 3 นาง ขึ้นกระบะไป
ส่วนเรามีหน้าที่ทำยังไงจะไปให้ถึงที่หมาย...เพื่อนเดินมากอดคอ
"เราไว้ใจเธอ เอาตัวเองกับรถไปให้ถึงที่นะ" #โหดแอนนิมอลมาก #น้ำตาจะไหล
นี่คือสภาพที่เราเจอค่ะ คงคิดกันใช่มั้ย หล่อนมีอารมณ์ถ่ายรูปด้วยเหรอ
ก็คุณๆ คะ ขาขวาดิฉันเนี่ยเกร็งจนแทบจะเป็นตาคริว ดีนะลูกหลับอยู่ (1ขวบ11เดือน)
สามีก็ให้กำลังใจ "แม่เก่งมาก แม่สู้ๆ " จ๊ะ แม่กำลังคิดว่าถ้าแม่ทำได้แม่จะเป็นฮีโร่ หราาา
กดดูใน GPS ระยะทาง 25 กิโลเมตร ใช้เวลา 4 ชั่วโมง! (เวลาขนาดนี้ฉันขับกลับกรุงเทพฯ เกือบถึงแล้วมั้ง)
คันเร่งได้หยิบทีละนิด ทีละหน่อย 10-15 ก็ดีใจจะแย่ เรียกว่าสติเท่านั้น
เจอทางแบบนี้จอดนิ่งแป๊บนึง อยากจะลงไปถ่ายรูปคู่กับถนนเสียจริง!
ติดต่อเพื่อนก็ไม่ได้ สัญญาณโทรศัพท์มีเป็นช่วงๆ ก็ไปเรื่อยๆ ละกันถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้น
มีบางช่วงที่เราแอบมีน้ำตา รู้สึกผิดที่พาทุกคนมาลำบาก
ลูกก็ยังเล็ก เพื่อนๆอีก เราได้แต่โทษตัวเอง แล้วมันไหลมาเองไม่รู้ตัว
คือรถก็ไม่ใช่ของเรา ถ้ารถเค้าเป็นรอยจะทำยังไง บลาๆ ทุกอย่างเงียบ
มีเพียงผู้ชายข้างๆ ลูบแขนเบาๆ กำลังใจสำคัญของฉัน
กิโลเมตรที่ 14-15 นี่แหละไม่เป๊ะ เจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (อยากจะให้เพลงนี้ขึ้นเวลานี้เสียงจริง)
อยากจะกรี๊ดๆ นะแต่กลัวลูกตื่น มันอุ่นใจเหมือนถ้าเป็นอะไรไปเราจะได้รับความช่วยเหลือ
รู้สึกแบบนั้น กำลังขับรถผ่านบ้านหลังนึงไป
เห็นไฟฉายส่องทางข้างหลังพร้อมกับได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
"พี่มุกกกกกกกกกกกกกกกก" ก ไก่สิบล้านตัวได้ เราว่าเป็นเสียงเรียกที่ก้องในหัวตอนนี้เลย
มันคือเสียงเพื่อนที่นั่งกระบะชาวบ้านไปก่อนหน้า เราเข้าใจว่าเค้าคงไปส่งถึงที่บ้านวัดจันทร์
นางเล่าว่า ก็ยืนผิงไฟรออยู่ ไม่มีรถผ่านมาสักคันอยู่แล้ว กะว่าถ้าเห็นแสงไฟจากรถจะวิ่งเข้าใส่ทันที
(โทรศัพท์ติดต่อกันไม่ได้) เราลงจากรถไปกอดเพื่อน ประหนึ่งพลัดพรากกันมายาวนาน
แล้วเราทั้งหมดก็กลับมาอยู่ในรถคันเดียวกันอีกครั้ง
10 กิโลเมตรสุดท้าย ทางพอไปได้ไม่มีหลุมแล้ว แต่ก็ยังขรุขระ
ยังคุยกันเลยว่า ฝ่าความลำบากมาขนาดนี้ถ้าเช้าแล้วไม่มีความสวยงามใดๆ เลย
#ฉันจะนั่งร้องไห้หนักที่สุด หรือถ้าสวยมากแม่จะกดชัดเตอร์รัวๆ ถ่ายมาเยอะๆ 555
กริ๊งๆๆ (เสียงโทรศัพท์เชยมาก)
ปลายสาย : จะถึงกี่โมงครับพอดีเจ้าหน้าที่ใกล้เลิกงานแล้ว
เพื่อนสาว : กำลังจะถึงค่ะ พอดีทางมันแย่มากๆ
ปลายสาย : มาทางสะเมิงเหรอครับ ทางแย่ ส่วนใหญ่เค้าไม่ใช้เส้นนั้นกัน
แป่ว!! เค้าไม่ใช้เส้นนั้นกัน หล่อนไม่ทำการบ้านเอง! (เราด่าตัวเองนะ)
[CR] >>เมื่อใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสี ที่บ้านวัดจันทร์<<
คือการตามล่าพญาเสือโคร่ง ปีที่แล้วไปขุนช่างเคี่ยนได้ภาพสวยสมใจ
ปีนี้ตั้งใจไปที่ "ขุนวาง" และกระแสละครก็มา ทำให้ใครๆ ก็อยากจะไปเป็นหนูนา
ยืนถ่ายรูปสวยท่ามกลางดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูสักครั้งเราก็ได้แต่นั่งส่องเพจ ขุนวาง เมื่อไรจะบาน
จ้องลาพักร้อนแต่ต้นปีเลยทีเดียว สุดท้ายล้อหมุนเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2559
อ้าว..แล้วเกี่ยวอะไรกับ "บ้านวัดจันทร์" เกาะล้อตามมาเลยค่ะ
แต่ทริปนี้เพื่อนสาว 3 นาง ขอตามไปด้วย บอกนางไปก่อนแล้วว่า "เที่ยวแบบกรู" นอนไม่แพง
เน้นเที่ยวประหยัดนะ ถ้ารับได้ก็ตามมาโลด รถของเราเป็นอีโคคาร์คันเล็กจะไปกัน 5 คน เด็ก 1 คงไม่ไหว
เลยต้องเอารถแฟนเพื่อนไป ซึ่งแฟนเพื่อนไม่ได้ไป ไม่งงเนอะ (จะเล่าตรงนี้ทำไม )
มันมีดราม่าทำเอาน้ำตาไหล T_T ก็ตรงนี้
คืนที่สอง พักที่โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.กัลยานิวัฒนา เชียงใหม่
ฟังดูก็ไม่ไกลใช่มั้ยคะ เราเป็นคนขับเอง สามีนั่งข้างๆ อุ้มลูก
เพื่อนสาวนั่งข้างหลัง ก็ร้องเพลงลั้ลลาๆ กันไปเรื่อยๆ ออกจากสะเมิงประมาณ 5 โมงเย็น
คิดว่าระยะทางประมาณนี้น่าจะ 2 ชั่วโมงไม่เกินๆ (เขาทั้งนั้น)
ตอนนั้นมืดแล้วด้วย เหมือนเราขับรถดีๆ แล้วอยู่ๆ รถดังกึก! ข้างหน้ามีแต่หลุม คุณพระ!
มันไม่ใช่แค่ตรงนี้ แต่มันมองไปไกลๆ มันไม่เห็นมีทางดีเลย จะถอยกลับก็ไม่ได้
จะไปต่อยังไง? มีมอเตอร์ไซค์ผ่านมา
เรา : พี่คะ ถนนแบบนี้ไปอีกไกลมั้ยคะ
พี่มอไซค์ : ยาวๆ ถึงบ้านวัดจันทร์เลย
หันไปมองหน้ากัน ใจคอไม่ค่อยดี เพื่อนสาวทั้ง 3 ลงจากรถ
เราค่อยๆ เอารถขึ้นจากหลุมแรก เสร็จแล้วตั้งสติ เอาไงดีๆ
เหมือนฟ้ามาโปรด มีกระบะของชาวบ้านผ่านมาพอดี เพื่อนทั้ง 3 นาง ขึ้นกระบะไป
ส่วนเรามีหน้าที่ทำยังไงจะไปให้ถึงที่หมาย...เพื่อนเดินมากอดคอ
"เราไว้ใจเธอ เอาตัวเองกับรถไปให้ถึงที่นะ" #โหดแอนนิมอลมาก #น้ำตาจะไหล
ก็คุณๆ คะ ขาขวาดิฉันเนี่ยเกร็งจนแทบจะเป็นตาคริว ดีนะลูกหลับอยู่ (1ขวบ11เดือน)
สามีก็ให้กำลังใจ "แม่เก่งมาก แม่สู้ๆ " จ๊ะ แม่กำลังคิดว่าถ้าแม่ทำได้แม่จะเป็นฮีโร่ หราาา
คันเร่งได้หยิบทีละนิด ทีละหน่อย 10-15 ก็ดีใจจะแย่ เรียกว่าสติเท่านั้น
เจอทางแบบนี้จอดนิ่งแป๊บนึง อยากจะลงไปถ่ายรูปคู่กับถนนเสียจริง!
ติดต่อเพื่อนก็ไม่ได้ สัญญาณโทรศัพท์มีเป็นช่วงๆ ก็ไปเรื่อยๆ ละกันถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้น
ลูกก็ยังเล็ก เพื่อนๆอีก เราได้แต่โทษตัวเอง แล้วมันไหลมาเองไม่รู้ตัว
คือรถก็ไม่ใช่ของเรา ถ้ารถเค้าเป็นรอยจะทำยังไง บลาๆ ทุกอย่างเงียบ
มีเพียงผู้ชายข้างๆ ลูบแขนเบาๆ กำลังใจสำคัญของฉัน
อยากจะกรี๊ดๆ นะแต่กลัวลูกตื่น มันอุ่นใจเหมือนถ้าเป็นอะไรไปเราจะได้รับความช่วยเหลือ
รู้สึกแบบนั้น กำลังขับรถผ่านบ้านหลังนึงไป
เห็นไฟฉายส่องทางข้างหลังพร้อมกับได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
"พี่มุกกกกกกกกกกกกกกกก" ก ไก่สิบล้านตัวได้ เราว่าเป็นเสียงเรียกที่ก้องในหัวตอนนี้เลย
มันคือเสียงเพื่อนที่นั่งกระบะชาวบ้านไปก่อนหน้า เราเข้าใจว่าเค้าคงไปส่งถึงที่บ้านวัดจันทร์
นางเล่าว่า ก็ยืนผิงไฟรออยู่ ไม่มีรถผ่านมาสักคันอยู่แล้ว กะว่าถ้าเห็นแสงไฟจากรถจะวิ่งเข้าใส่ทันที
(โทรศัพท์ติดต่อกันไม่ได้) เราลงจากรถไปกอดเพื่อน ประหนึ่งพลัดพรากกันมายาวนาน
แล้วเราทั้งหมดก็กลับมาอยู่ในรถคันเดียวกันอีกครั้ง
ยังคุยกันเลยว่า ฝ่าความลำบากมาขนาดนี้ถ้าเช้าแล้วไม่มีความสวยงามใดๆ เลย
#ฉันจะนั่งร้องไห้หนักที่สุด หรือถ้าสวยมากแม่จะกดชัดเตอร์รัวๆ ถ่ายมาเยอะๆ 555
ปลายสาย : จะถึงกี่โมงครับพอดีเจ้าหน้าที่ใกล้เลิกงานแล้ว
เพื่อนสาว : กำลังจะถึงค่ะ พอดีทางมันแย่มากๆ
ปลายสาย : มาทางสะเมิงเหรอครับ ทางแย่ ส่วนใหญ่เค้าไม่ใช้เส้นนั้นกัน
แป่ว!! เค้าไม่ใช้เส้นนั้นกัน หล่อนไม่ทำการบ้านเอง! (เราด่าตัวเองนะ)