ขอโพสต์ใหม่นะครับ
ในญี่ปุ่นแทบไม่เกิดม็อบใหญ่ๆขึ้นมาตั้งแต่ปี 1960 แล้ว นับตั้งแต่การประท้วงใหญ่ในปี 1960 ที่มีคนออกมามากมาย เราจะดูวิธีการที่พรรครัฐบาล อย่าง LDP จัดการม็อบพวกนี้อย่างไร
บรรยาย : การประท้วงใหญ่ในเดือน มิถุนายน 1960 ล้อมรอบสภาไดเอท
การชุมนุมประท้วงไม่ใช่ว่าคนมีมวลชนมากจะชนะเสมอไป อย่างเช่นที่ ญี่ปุ่นในปี 1960 ที่พรรคสังคมนิยม พรรคคอมมิวนิสต์ องค์การนักศึกษา และประชาชนกว่า 8 แสนคนประท้วงหน้าสภาไดเอทเพื่อประท้วงเกี่ยวกับ ที่ญี่ปุ่นทำสนธิสัญญา Mutual Security Treaty กับ สหรัฐ เนื่องจากเกิด Cold war โดยหากญี่ปุ่นถูกโจมตี สหรัฐอเมริกาจะส่งกองทัพมาช่วย โดยปี 1960 จะมาทบทวนอีกครั้ง และนายกรัฐมนตรี คิชิ ของพรรค LDP ได้เตรียมการณ์ทำข้อตกลงกับ ประธานาธิบดีไอเซนฮาวนด์ ในเดือนมิถุนายน โดยผู้ชุมนุมล้อมสภาไดเอทอยู่นานเกือบเดือน โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นไม่สนใจ และทางสภาไดเอทก็อนุมัติให้ต่อสนธิสัญญา Mutual Security Treaty ได้ รวมไปถึงทางรัฐบาลญี่ปุ่นใช้การกดดันม็อบเช่น การจับครอบครัวของแกนนำไปขัง โดยกลุ่ม Koenkai (พวกการเมืองท้องถิ่น) การยัดข้อหาโดยตำรวจเป็นต้น และในที่สุดนายกรัฐมนตรีคิชิประกาศว่า ญี่ปุ่นได้ทำข้อตกลงไปแล้ว การชุมนุมจึงสลายตัวไปเอง เพราะรัฐบาล LDP ไม่สนใจผู้ชุมนุม และขาดการจัดการที่ดี รวมไปถึงขวัญกำลังในการชุมนุมก็ลดลงไป
ผลที่ตามมา
1. ทำให้พรรค socialist หมดอำนาจไปในที่สุด
2. นายกรัฐมนตรี คิชิ ลาออก เพราะถูกกล่าวหาในสภาว่า ปฎิบัติการต่อม็อบอย่างสกปรก แต่การเลือกตั้งปี 1961 พรรค LDP ก็ชนะอยู่ดี
3. สหภาพแรงงานจะไม่ออกมาประท้วงเรียกร้องอีกเลย และพนักงานลาออกจากสหภาพแรงงานกันมากขึ้น จนถึงปี 2011 มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่สังกัดสหภาพแรงงาน
4. สหภาพนักศึกษาถูกยุบไปชั่วนิรันดร์ และทางมหาวิทยาลัยไม่รับรู้ว่า ผู้ที่ชุมนุมในปี 1960 มาจากมหาวิทยาลัยของตัวเอง รวมไปถึงมีการประกาศคัดชื่อออกจากมหาวิทยาลัยถึง 3400 คน และมีกว่า 350 คนที่จบด้วยการฆ่าตัวตาย
5. ประชาชนและรัฐบาลจะไม่เล่นประเด็น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในทางการเมืองอีก
6. พรรค LDP จะได้ครองอำนาจต่อไปอีก 33 ปี จนถึงปี 1993
ในญี่ปุ่นนั้นการจัดการม็อบกระทำเป็น 3 ประการคือ
1. ไม่มีการเจรจา ไม่มีการรับหนังสือจากม็อบ กฎข้อหนึ่งที่ LDP กำหนดไว้คือ ข้าราชการ หรือ นักการเมืองผู้ใดรับหนังสือ ให้ถูกขับออกจากราชการ หรือ พรรคทันทีเพราะพรรค LDP มองว่า ม็อบเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องไปฟัง โดยเฉพาะที่นำโดยพรรคฝ่ายค้าน
2. ใช้การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ และสังคม โดยอาศัยอำนาจแก๊งท้องถิ่น เช่น ยากูซ่าเป็นต้น รวมไปถึงผู้มีอิทธิพลตามท้องถิ่นต่างๆ
3. ใช้ระบบการแถลงข่าวตอบโต้อย่างจริงจัง ในญี่ปุ่นเวลาแถลงข่าว เขาจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวและให้หนังสือพิมพ์ ออกข่าวตามที่รัฐบาลกำหนด ทั้งเนื้อข่าว และวันที่-เวลาที่ออก ใครไม่เขียนตามนั้น คราวหน้าจะไม่มีวันได้ข่าวอีก พวก Keiretsu ก็เช่นเดียวกัน
ดังนั้น การชุมนุมประท้วงในญี่ปุ่นมันเป็นสิ่งมันไม่ได้อะไร เพราะประท้วงไป รัฐบาลโดยเฉพาะ พรรค LDP ไม่เคยฟังเลย โดยปกติหากต้องการเรียกร้องอะไรในญี่ปุ่น วิธีง่ายๆ คือการติดสินบนคนใหญ่คนโตใน LDP หรือ พยายามเข้าหาพวก Keiretsu ให้ได้ เพราะนโยบาย สามเหลี่ยมเหล็ก ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงตัวรัฐบาลเลย ซึ่งวิธีเหล่านี้ ทำให้ LDP รักษาอำนาจไว้ได้เกือบตลอด

บรรยาย : ระบบสามเหลี่ยมเหล็กแบบญี่ปุ่น
การเมืองแบบญี่ปุ่น : วิธีการจัดการม็อบแบบญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่นแทบไม่เกิดม็อบใหญ่ๆขึ้นมาตั้งแต่ปี 1960 แล้ว นับตั้งแต่การประท้วงใหญ่ในปี 1960 ที่มีคนออกมามากมาย เราจะดูวิธีการที่พรรครัฐบาล อย่าง LDP จัดการม็อบพวกนี้อย่างไร
บรรยาย : การประท้วงใหญ่ในเดือน มิถุนายน 1960 ล้อมรอบสภาไดเอท
การชุมนุมประท้วงไม่ใช่ว่าคนมีมวลชนมากจะชนะเสมอไป อย่างเช่นที่ ญี่ปุ่นในปี 1960 ที่พรรคสังคมนิยม พรรคคอมมิวนิสต์ องค์การนักศึกษา และประชาชนกว่า 8 แสนคนประท้วงหน้าสภาไดเอทเพื่อประท้วงเกี่ยวกับ ที่ญี่ปุ่นทำสนธิสัญญา Mutual Security Treaty กับ สหรัฐ เนื่องจากเกิด Cold war โดยหากญี่ปุ่นถูกโจมตี สหรัฐอเมริกาจะส่งกองทัพมาช่วย โดยปี 1960 จะมาทบทวนอีกครั้ง และนายกรัฐมนตรี คิชิ ของพรรค LDP ได้เตรียมการณ์ทำข้อตกลงกับ ประธานาธิบดีไอเซนฮาวนด์ ในเดือนมิถุนายน โดยผู้ชุมนุมล้อมสภาไดเอทอยู่นานเกือบเดือน โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นไม่สนใจ และทางสภาไดเอทก็อนุมัติให้ต่อสนธิสัญญา Mutual Security Treaty ได้ รวมไปถึงทางรัฐบาลญี่ปุ่นใช้การกดดันม็อบเช่น การจับครอบครัวของแกนนำไปขัง โดยกลุ่ม Koenkai (พวกการเมืองท้องถิ่น) การยัดข้อหาโดยตำรวจเป็นต้น และในที่สุดนายกรัฐมนตรีคิชิประกาศว่า ญี่ปุ่นได้ทำข้อตกลงไปแล้ว การชุมนุมจึงสลายตัวไปเอง เพราะรัฐบาล LDP ไม่สนใจผู้ชุมนุม และขาดการจัดการที่ดี รวมไปถึงขวัญกำลังในการชุมนุมก็ลดลงไป
ผลที่ตามมา
1. ทำให้พรรค socialist หมดอำนาจไปในที่สุด
2. นายกรัฐมนตรี คิชิ ลาออก เพราะถูกกล่าวหาในสภาว่า ปฎิบัติการต่อม็อบอย่างสกปรก แต่การเลือกตั้งปี 1961 พรรค LDP ก็ชนะอยู่ดี
3. สหภาพแรงงานจะไม่ออกมาประท้วงเรียกร้องอีกเลย และพนักงานลาออกจากสหภาพแรงงานกันมากขึ้น จนถึงปี 2011 มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่สังกัดสหภาพแรงงาน
4. สหภาพนักศึกษาถูกยุบไปชั่วนิรันดร์ และทางมหาวิทยาลัยไม่รับรู้ว่า ผู้ที่ชุมนุมในปี 1960 มาจากมหาวิทยาลัยของตัวเอง รวมไปถึงมีการประกาศคัดชื่อออกจากมหาวิทยาลัยถึง 3400 คน และมีกว่า 350 คนที่จบด้วยการฆ่าตัวตาย
5. ประชาชนและรัฐบาลจะไม่เล่นประเด็น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในทางการเมืองอีก
6. พรรค LDP จะได้ครองอำนาจต่อไปอีก 33 ปี จนถึงปี 1993
ในญี่ปุ่นนั้นการจัดการม็อบกระทำเป็น 3 ประการคือ
1. ไม่มีการเจรจา ไม่มีการรับหนังสือจากม็อบ กฎข้อหนึ่งที่ LDP กำหนดไว้คือ ข้าราชการ หรือ นักการเมืองผู้ใดรับหนังสือ ให้ถูกขับออกจากราชการ หรือ พรรคทันทีเพราะพรรค LDP มองว่า ม็อบเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องไปฟัง โดยเฉพาะที่นำโดยพรรคฝ่ายค้าน
2. ใช้การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ และสังคม โดยอาศัยอำนาจแก๊งท้องถิ่น เช่น ยากูซ่าเป็นต้น รวมไปถึงผู้มีอิทธิพลตามท้องถิ่นต่างๆ
3. ใช้ระบบการแถลงข่าวตอบโต้อย่างจริงจัง ในญี่ปุ่นเวลาแถลงข่าว เขาจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวและให้หนังสือพิมพ์ ออกข่าวตามที่รัฐบาลกำหนด ทั้งเนื้อข่าว และวันที่-เวลาที่ออก ใครไม่เขียนตามนั้น คราวหน้าจะไม่มีวันได้ข่าวอีก พวก Keiretsu ก็เช่นเดียวกัน
ดังนั้น การชุมนุมประท้วงในญี่ปุ่นมันเป็นสิ่งมันไม่ได้อะไร เพราะประท้วงไป รัฐบาลโดยเฉพาะ พรรค LDP ไม่เคยฟังเลย โดยปกติหากต้องการเรียกร้องอะไรในญี่ปุ่น วิธีง่ายๆ คือการติดสินบนคนใหญ่คนโตใน LDP หรือ พยายามเข้าหาพวก Keiretsu ให้ได้ เพราะนโยบาย สามเหลี่ยมเหล็ก ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงตัวรัฐบาลเลย ซึ่งวิธีเหล่านี้ ทำให้ LDP รักษาอำนาจไว้ได้เกือบตลอด
บรรยาย : ระบบสามเหลี่ยมเหล็กแบบญี่ปุ่น