สวัสดีครับ สืบเนื่องจากกระทู้ที่แล้วที่ผมเคยรีวิวการไปเที่ยวซินเจียงของผมเอาไว้นิดนึง แล้วก็หายไปเลย เนื่องจากมือถือผมมันหิวน้ำเลยหายไปเลย วันนี้ผมก็จะมารีวิวทีเดียวเลยละกันนะครับ 😊
ผมใช้มือถือในการรีวิวนะครับ หากพิมพ์ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยกันด้วยนะครับ
การเดินทางไปซินเจียงครั้งนี้ของผมเกิดมาจากการที่เพื่อนของผมคนนึง อยากจะไปดินแดนเส้นทางสายไหมตามหาความฝัน พวกเราจึงตัดสินใจว่า เอาน่ะ! ปิดเทอมแล้วไปกัน เรียนแล้วเครียดกันมานาน จนมันสักทริปจะเป็นไรไป!
เริ่มเลยครับ การเดินทางครั้งนี้ของผม เริ่มวันที่ 10-17 มกราคมนะครับ ซึ่งเป็นช่วงหน้าหนาวของมณฑลซินเจียงพอดีเลย อากาศกำลังพอเหมาะ ลบ10-ลบ16ครับ ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าวิวจะต้องไม่สวยขนาดหน้าร้อน อาหารผมคงกินไรไม่ได้เลย เนื้อวัว แพะ แกะ เครื่องเทศผมกินไม่ได้เลย แต่จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของผมกับเพื่อนๆเลย ยังไงก็ต้องจัดกันสักทริป เริ่มได้!!!!!!
วันแรก วันที่10 พวก้ราก็ได้ฤกษ์งามยามดี ออกเดินทางกัน โดยสายการบิน Spring airline 春秋航空 โดยเดินทางออกจาก สนามบิน หงเฉียว ตึก1 虹桥机场 ไฟล์7.05 ถึง ซินเจียง เมือง Urumqi 乌鲁木齐wūlǔmùqí เวลา 14.20 ครับ

ขึ้นมาบนเครื่องละครับ กำลังแฮปปี้กันเลย โดยไม่รู้หรอก ว่าต้องไปเจออะไรบ้าง หึหึ
ตื่น ตื่น ตื่น ถึงแล้วววว คร้าบบผมมม Urumqi หรือ 乌鲁木齐 ซึ่งเป็นเมืองหลวงของซินเจียงนะครับ ลืมบอกไปครับ ซินเจียงเป็นเขตปกครองตัวเองพิเศษของจีนนะครับ ภาษาที่ใช้กันหลักๆที่นี่จะเป็น ภาษาจีนกลาง 普通话 และภาษาคาซัคครับ 哈萨克语
โดยจะไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษกำกับไว้ครับ
พอมาถึงหิมะก็เริ่มตกปรอยๆ ยังไม่หนักขนาดแผละๆมาบนหัวนะครับ แล้วพอมองไปดีๆ จะเห็นหิมะเป็นรูปดอกจันทร์ เหมือนสโนวเฟลกซ์เลยครับ
หลังจากนั้น พวกเราก็รอรถที่พวกเรานัดไว้มารับไปโรงแรมครับ โดยวันแรกของพวกเราจะยังไม่มีแพลนอะไรนะครับ ก็จะเดินเล่นในเมืองนู่นนี่หาอะไรกินไปตามภาษาเด็กน้อยครับ

ตอนที่ไปถึง -7ครับ ผมใส่เสื้อมาสี่ชั้น รวมฮีทเทคข้างในละครับ สบายๆเลย อุ่นมาก ไม่ได้รู้สึกหนาวขนาดนั้น
หลังจากเอาของไปเก็บที่โรงแรม พวกผมก็ออกมาเดินในเมืองกันครับ อ้อออ ลืมบอกไป ในจีนจะใช้เวลาปักกิ่งเท่ากันทุกที่นะครับ แต่ที่ซินเจียงถึงแม้จะใช้เวลาปักกิ่ง แต่การใช้ชีวิตของคนซินเจียงจะช้ากว่าสองชั่วโมงนะครับ อย่างเช่น ที่นี่ประมาณ 9.30ถึงจะสว่าง ประมาณ10โมง ถึงจะเริ่มทำงานกันครับ ก็เท่ากับว่า ก็เริ่มทำงาน8โมงนะแหละครับ

จากนันก็ออกมาหาอะไรกินกัน โชคดีไปเจอร้านอาหารอยู่ร้านนึงพอกินได้ เป็นอาหารทั่วไปก็สั่งกันมากินครับ

จากนั้นก็ออกมาเดินเล่นตอนกลางคืน หิมะตกปรอยๆมีความสุขดีครับ เดินไปจะลื่นหัวแตกตาย อารมณ์มีคนจีนถ่มน้ำลายไปที่พื้นก็เกิดการแข็งตัวครับ เห็นเป็นสเลด แข็งตัว เป็นประกาย ขาวๆมันๆเชียวครับ ก็ต้องเดินกันอย่างระมัดระวัง

หนาวจนหน้าซีดครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็เข้านอนกันแต่หัวค่ำเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเที่ยวจริงๆ ในวันที่ 11 ครับคร้าบบบ
จบวันแรกไปแบบไร้สาระ เดินโง่ๆในเมืองกันสามคน ฮ่าๆๆ
มาต่อวันที่11 กันเลยครับ วันนี้แพลนของเรา คือไปเที่ยวทะเลสาบ heaven lake 天池 ครับ ก็ตื่นตั้งแต่ 8โมง รถมารับไปเที่ยวประมาณ10 โมงครับ เริ่มได้!!!!

ตื่นเช้ามาพบกับอากาศ -9 ครับ ก็สู้ต่อไปครับ
จากนั้น นั่งรถไปยัง heaven lake ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายครับ

นี่คือริมถนนระหว่างทางไปครับ สวยมากกกก แค่เก็บวิวข้างถนนก็เริ่มคุ้มละครับ
ฝีมือถ่ายแย่ๆอย่างผม แต่วิวมันสวย ถ่ายมามันก็โอเครครับ

ก็ขึ้นมาถึงด้านบนแล้วครับ แต่เดี๋ยวยังต้องเดินไปที่ทะเลสาบกันอีก
ระหว่างนั้นไกด์ก็เรียกเราไปกินข้างฟรีครับ ที่ทางบริษัทบอกว่าออกค่าข้างให้แล้ว แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า ใครมาก็ได้กินฟรีครับ ยกเว้นบางอย่างเช่นเนื้อย่าง ไรงี้ ที่จะต้องเสียเงินจ่ายเองครับ ข้าวก็เป็นข้าวง่ายๆครับ ข้าวคลุกผลไม้ ผมเป็นคนกินยากครับกินไม่ได้เลย เลยเอาหมูฝอยที่เก็บไว้ออกมากิน

งง อร่อยเลยครับ

กินเสร็จก็เดินออกมา เตรียมเดินเท้าขึ้นไปยัง ทะเลสาบ ซึ่งไม่ไกลครับ ไม่ถึงกิโล บรรยากาศ ประดุจหนังฝรั่งเลยครับ ต้นไม้สองริมทาง หิมะที่พื้น ถ้ามากับแฟนคงดีน่าดู ฮู้วววว แต่มากับเพื่อน ก็มันส์มันกับเพื่อนนี่แหละครับ ได้กับเพื่อนสนุกดี

ก็เซลฟี่ ใช้กล้องเลนส์กว้างกันโหน่ยยยน

ระหว่างทางเดินขึ้นข้างบนครับ
ก็เดินกันไป โดดกันไป ลื่นดีครับ ผลเป็นไงหรอครับ

ซนไงครับ โดดกันมาก ก็ลื่นล้ม หน้าโง่กันเชียวแต่ละคน ก้นพังหมดครับ
ต่อครับ นี่ก็จะเป็นรูปตอนช่วงเดินขึ้นไปบนทะเลสาบครับ ก็ล้าหลังกันอยู่สามคน อ้อยอิ่ง คนอื่นเค้าก็เดินขึ้นกันไปหมดละ แต่เราม่ายแคร์ ทำไรตามใจคือเราสามคนครับ
ลงรูปรัวๆครับ

ทางเดินขึ้นครับ

ก็เดินขึ้นกันไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเราก็มาถึงครับ
ทะเลสาบสวรรค์ครับ สวยมากจริงๆครับ จนต้องบอกว่า สวยจนไม่พอจะเก็บไว้ดูเลยครับ 美不胜收!

ทะเลสาบก็แข็งเป็นน่ำแข็งหมดละครับ ถ้าเป็นหน้าร้อนก็อาจสวยกว่านี้ แต่หน้าหนาวก็ได้อารมไปอีกแบบนึงครับ

แดดดแรงดีครับ คนก็น้อยเพราะไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว ดำไม่รู้ตัวเลยครับ

แดดดร้อนดีครับ เลยนอน

งงเลย แล้วเอาเท้ากับมือวาดๆๆไปบนพื้นเผื่อจะเหมือนโทมินจุนครับ ฮ่าๆๆๆๆ

เดี๋ยวจะหาว่ามาคนเดียวครับ เลยรบกวน คุณลุงแถวนั้นมาถ่ายให้

ลูกมู๋สามตัวครับ อิอิ

ความซุกซนครับ เพื่อความสวยงามของรูป ก็หยิบหิมะมาปาใส่กล้องครับ รูปเลยเป็นอย่างที่เห็น

อาศัยถ่ายกันเองครับ หึหึ
วิ่งเล่นกันไปกันมา ก็ถึงเวลาลงครับ ตอนจะลงก็ เอ้ะๆ เหลือบไปเห็นซอกในป่า ต้นไม้สูงใหญ่หิมะเต็มไปหมด ด้วยความฝันอันสูงส่งของเพื่อนหน้าตายของผมคนนึง ก็เรียกผมไปปั้นสโนวแมนครับ ฮ่าๆ

เพื่อนหน้าตายครับ ก็เลยเอาหิมะปาใส่หน้ามันเลยครับ

เอะอะเห็นหิมะหน่อยไม่ได้ แผ่มันตรงนั้นเลยครับ

หยอกล้อกันครับ

อารมณ์เหมือนเป็นแวมไพร์เดินกันในป่าครับ

จากนั้นก็ค่อยๆเดินลงกันมาครับ เพื่อกลับไปUrumqi ครับ

หลังจากกลับเข้าเมืองแล้วพวกเราก็ต้องตาลีตาเหลือกไปขึ้นรถไฟตอน สองทุ่ม เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยัง kanas 喀纳斯 ครับ โดยจะถึงประมานแปดโมงเช้าของอีกวัน โดยการนอนบนรถไฟครับ
ต่อครับบบ

เวลาโดยประมาณ หนึ่งทุ่ม พวกเราเดินทางมาถึงสถานีรถไฟครับ 乌鲁木齐南站

การเดินทางจะออกจากUrumqi เพือไปยัง เป่ยถุน 北屯 หลังจากนั้นนั่งรถต่อไปยัง kanas ครับ
เมื่อถึงเวลาขึ้นรถไฟ เราก็ทำตามคนจีนครับ เบียดกันตามขึ้นไป พยายามขึ้นให้ได้เป็นคนแรก รู้สึกเป็นผู้ชนะดีครับ 入乡随俗 เข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตามครับ

โดยในหนึ่งห้องจะมี หกเตียง ฝั่งละสาม แบ่งเป็น บน กลาง ล่าง
บนก็จะคับแคบลุกขึ้นมานั่งยาก กลางก็ดีหน่อยไม่มีคนเหยีบ ส่วนด้านล่าง ก็จะกว้าง ลุกขึ้นมานั่งได้ นั่งๆอยู่ก็จะมีคนมาคุยเล่นกับเรา พวกผมเป็นคนขี้เล่น ก็หาอาม่าอากงแถวนั่นละครับ คุยเล่นกัน ชี้นกชี้ไม้ ตลกดีครับ
หลับกันไป1 คืนตื่นเช้ามาก็ถึงเป่ยถุนละครับ

หนาวดีครับ พื้นนี่เป็นน้ำแข็ง

ด้วยอากาศติดลบ17ครับ
พอมาถึงตอนแปดโมง ฟ้ากำลังมืดเลยครับ ก็โทรหาคนขับรถที่นัดกันไว้ เพื่อออกเดินทางไปยัง คานาส

ประมาณ10โมงฟ้าก็เริ่มสว่างครับ
ระหว่างทางปวดฉี่ ก็เลยบอกคนขับรถครับ จอดให้โหน่ยยย คนขับก็จอดครับ วิ่งลงไปยิงกระต่ายกลงหิมะ เห็นหิมะละลายไปตามน้ำที่เราฉีดลงไป เป็นศิลปะที่สวยงามเชียวครับ

หลังจากผ่านไปได้สักพัก คนขับก็แวะให้ที่เมืองปู้เอ่อจินทานอาหารเช้า
หน้าหนาวแบกเป้เที่ยวซินเจียง 新疆的冬天!หน้าหนาวก็เที่ยวได้นะเอ้อออ
ผมใช้มือถือในการรีวิวนะครับ หากพิมพ์ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยกันด้วยนะครับ
การเดินทางไปซินเจียงครั้งนี้ของผมเกิดมาจากการที่เพื่อนของผมคนนึง อยากจะไปดินแดนเส้นทางสายไหมตามหาความฝัน พวกเราจึงตัดสินใจว่า เอาน่ะ! ปิดเทอมแล้วไปกัน เรียนแล้วเครียดกันมานาน จนมันสักทริปจะเป็นไรไป!
เริ่มเลยครับ การเดินทางครั้งนี้ของผม เริ่มวันที่ 10-17 มกราคมนะครับ ซึ่งเป็นช่วงหน้าหนาวของมณฑลซินเจียงพอดีเลย อากาศกำลังพอเหมาะ ลบ10-ลบ16ครับ ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าวิวจะต้องไม่สวยขนาดหน้าร้อน อาหารผมคงกินไรไม่ได้เลย เนื้อวัว แพะ แกะ เครื่องเทศผมกินไม่ได้เลย แต่จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของผมกับเพื่อนๆเลย ยังไงก็ต้องจัดกันสักทริป เริ่มได้!!!!!!
วันแรก วันที่10 พวก้ราก็ได้ฤกษ์งามยามดี ออกเดินทางกัน โดยสายการบิน Spring airline 春秋航空 โดยเดินทางออกจาก สนามบิน หงเฉียว ตึก1 虹桥机场 ไฟล์7.05 ถึง ซินเจียง เมือง Urumqi 乌鲁木齐wūlǔmùqí เวลา 14.20 ครับ
ขึ้นมาบนเครื่องละครับ กำลังแฮปปี้กันเลย โดยไม่รู้หรอก ว่าต้องไปเจออะไรบ้าง หึหึ
ตื่น ตื่น ตื่น ถึงแล้วววว คร้าบบผมมม Urumqi หรือ 乌鲁木齐 ซึ่งเป็นเมืองหลวงของซินเจียงนะครับ ลืมบอกไปครับ ซินเจียงเป็นเขตปกครองตัวเองพิเศษของจีนนะครับ ภาษาที่ใช้กันหลักๆที่นี่จะเป็น ภาษาจีนกลาง 普通话 และภาษาคาซัคครับ 哈萨克语
โดยจะไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษกำกับไว้ครับ
พอมาถึงหิมะก็เริ่มตกปรอยๆ ยังไม่หนักขนาดแผละๆมาบนหัวนะครับ แล้วพอมองไปดีๆ จะเห็นหิมะเป็นรูปดอกจันทร์ เหมือนสโนวเฟลกซ์เลยครับ
หลังจากนั้น พวกเราก็รอรถที่พวกเรานัดไว้มารับไปโรงแรมครับ โดยวันแรกของพวกเราจะยังไม่มีแพลนอะไรนะครับ ก็จะเดินเล่นในเมืองนู่นนี่หาอะไรกินไปตามภาษาเด็กน้อยครับ
ตอนที่ไปถึง -7ครับ ผมใส่เสื้อมาสี่ชั้น รวมฮีทเทคข้างในละครับ สบายๆเลย อุ่นมาก ไม่ได้รู้สึกหนาวขนาดนั้น
หลังจากเอาของไปเก็บที่โรงแรม พวกผมก็ออกมาเดินในเมืองกันครับ อ้อออ ลืมบอกไป ในจีนจะใช้เวลาปักกิ่งเท่ากันทุกที่นะครับ แต่ที่ซินเจียงถึงแม้จะใช้เวลาปักกิ่ง แต่การใช้ชีวิตของคนซินเจียงจะช้ากว่าสองชั่วโมงนะครับ อย่างเช่น ที่นี่ประมาณ 9.30ถึงจะสว่าง ประมาณ10โมง ถึงจะเริ่มทำงานกันครับ ก็เท่ากับว่า ก็เริ่มทำงาน8โมงนะแหละครับ
จากนันก็ออกมาหาอะไรกินกัน โชคดีไปเจอร้านอาหารอยู่ร้านนึงพอกินได้ เป็นอาหารทั่วไปก็สั่งกันมากินครับ
จากนั้นก็ออกมาเดินเล่นตอนกลางคืน หิมะตกปรอยๆมีความสุขดีครับ เดินไปจะลื่นหัวแตกตาย อารมณ์มีคนจีนถ่มน้ำลายไปที่พื้นก็เกิดการแข็งตัวครับ เห็นเป็นสเลด แข็งตัว เป็นประกาย ขาวๆมันๆเชียวครับ ก็ต้องเดินกันอย่างระมัดระวัง
หนาวจนหน้าซีดครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็เข้านอนกันแต่หัวค่ำเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเที่ยวจริงๆ ในวันที่ 11 ครับคร้าบบบ
จบวันแรกไปแบบไร้สาระ เดินโง่ๆในเมืองกันสามคน ฮ่าๆๆ
มาต่อวันที่11 กันเลยครับ วันนี้แพลนของเรา คือไปเที่ยวทะเลสาบ heaven lake 天池 ครับ ก็ตื่นตั้งแต่ 8โมง รถมารับไปเที่ยวประมาณ10 โมงครับ เริ่มได้!!!!
ตื่นเช้ามาพบกับอากาศ -9 ครับ ก็สู้ต่อไปครับ
จากนั้น นั่งรถไปยัง heaven lake ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายครับ
นี่คือริมถนนระหว่างทางไปครับ สวยมากกกก แค่เก็บวิวข้างถนนก็เริ่มคุ้มละครับ
ฝีมือถ่ายแย่ๆอย่างผม แต่วิวมันสวย ถ่ายมามันก็โอเครครับ
ก็ขึ้นมาถึงด้านบนแล้วครับ แต่เดี๋ยวยังต้องเดินไปที่ทะเลสาบกันอีก
ระหว่างนั้นไกด์ก็เรียกเราไปกินข้างฟรีครับ ที่ทางบริษัทบอกว่าออกค่าข้างให้แล้ว แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า ใครมาก็ได้กินฟรีครับ ยกเว้นบางอย่างเช่นเนื้อย่าง ไรงี้ ที่จะต้องเสียเงินจ่ายเองครับ ข้าวก็เป็นข้าวง่ายๆครับ ข้าวคลุกผลไม้ ผมเป็นคนกินยากครับกินไม่ได้เลย เลยเอาหมูฝอยที่เก็บไว้ออกมากิน
กินเสร็จก็เดินออกมา เตรียมเดินเท้าขึ้นไปยัง ทะเลสาบ ซึ่งไม่ไกลครับ ไม่ถึงกิโล บรรยากาศ ประดุจหนังฝรั่งเลยครับ ต้นไม้สองริมทาง หิมะที่พื้น ถ้ามากับแฟนคงดีน่าดู ฮู้วววว แต่มากับเพื่อน ก็มันส์มันกับเพื่อนนี่แหละครับ ได้กับเพื่อนสนุกดี
ก็เซลฟี่ ใช้กล้องเลนส์กว้างกันโหน่ยยยน
ระหว่างทางเดินขึ้นข้างบนครับ
ก็เดินกันไป โดดกันไป ลื่นดีครับ ผลเป็นไงหรอครับ
ซนไงครับ โดดกันมาก ก็ลื่นล้ม หน้าโง่กันเชียวแต่ละคน ก้นพังหมดครับ
ต่อครับ นี่ก็จะเป็นรูปตอนช่วงเดินขึ้นไปบนทะเลสาบครับ ก็ล้าหลังกันอยู่สามคน อ้อยอิ่ง คนอื่นเค้าก็เดินขึ้นกันไปหมดละ แต่เราม่ายแคร์ ทำไรตามใจคือเราสามคนครับ
ลงรูปรัวๆครับ
ทางเดินขึ้นครับ
ก็เดินขึ้นกันไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเราก็มาถึงครับ
ทะเลสาบสวรรค์ครับ สวยมากจริงๆครับ จนต้องบอกว่า สวยจนไม่พอจะเก็บไว้ดูเลยครับ 美不胜收!
ทะเลสาบก็แข็งเป็นน่ำแข็งหมดละครับ ถ้าเป็นหน้าร้อนก็อาจสวยกว่านี้ แต่หน้าหนาวก็ได้อารมไปอีกแบบนึงครับ
แดดดแรงดีครับ คนก็น้อยเพราะไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว ดำไม่รู้ตัวเลยครับ
แดดดร้อนดีครับ เลยนอน
เดี๋ยวจะหาว่ามาคนเดียวครับ เลยรบกวน คุณลุงแถวนั้นมาถ่ายให้
ลูกมู๋สามตัวครับ อิอิ
ความซุกซนครับ เพื่อความสวยงามของรูป ก็หยิบหิมะมาปาใส่กล้องครับ รูปเลยเป็นอย่างที่เห็น
อาศัยถ่ายกันเองครับ หึหึ
วิ่งเล่นกันไปกันมา ก็ถึงเวลาลงครับ ตอนจะลงก็ เอ้ะๆ เหลือบไปเห็นซอกในป่า ต้นไม้สูงใหญ่หิมะเต็มไปหมด ด้วยความฝันอันสูงส่งของเพื่อนหน้าตายของผมคนนึง ก็เรียกผมไปปั้นสโนวแมนครับ ฮ่าๆ
เพื่อนหน้าตายครับ ก็เลยเอาหิมะปาใส่หน้ามันเลยครับ
เอะอะเห็นหิมะหน่อยไม่ได้ แผ่มันตรงนั้นเลยครับ
หยอกล้อกันครับ
อารมณ์เหมือนเป็นแวมไพร์เดินกันในป่าครับ
จากนั้นก็ค่อยๆเดินลงกันมาครับ เพื่อกลับไปUrumqi ครับ
หลังจากกลับเข้าเมืองแล้วพวกเราก็ต้องตาลีตาเหลือกไปขึ้นรถไฟตอน สองทุ่ม เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยัง kanas 喀纳斯 ครับ โดยจะถึงประมานแปดโมงเช้าของอีกวัน โดยการนอนบนรถไฟครับ
ต่อครับบบ
เวลาโดยประมาณ หนึ่งทุ่ม พวกเราเดินทางมาถึงสถานีรถไฟครับ 乌鲁木齐南站
การเดินทางจะออกจากUrumqi เพือไปยัง เป่ยถุน 北屯 หลังจากนั้นนั่งรถต่อไปยัง kanas ครับ
เมื่อถึงเวลาขึ้นรถไฟ เราก็ทำตามคนจีนครับ เบียดกันตามขึ้นไป พยายามขึ้นให้ได้เป็นคนแรก รู้สึกเป็นผู้ชนะดีครับ 入乡随俗 เข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตามครับ
โดยในหนึ่งห้องจะมี หกเตียง ฝั่งละสาม แบ่งเป็น บน กลาง ล่าง
บนก็จะคับแคบลุกขึ้นมานั่งยาก กลางก็ดีหน่อยไม่มีคนเหยีบ ส่วนด้านล่าง ก็จะกว้าง ลุกขึ้นมานั่งได้ นั่งๆอยู่ก็จะมีคนมาคุยเล่นกับเรา พวกผมเป็นคนขี้เล่น ก็หาอาม่าอากงแถวนั่นละครับ คุยเล่นกัน ชี้นกชี้ไม้ ตลกดีครับ
หลับกันไป1 คืนตื่นเช้ามาก็ถึงเป่ยถุนละครับ
หนาวดีครับ พื้นนี่เป็นน้ำแข็ง
ด้วยอากาศติดลบ17ครับ
พอมาถึงตอนแปดโมง ฟ้ากำลังมืดเลยครับ ก็โทรหาคนขับรถที่นัดกันไว้ เพื่อออกเดินทางไปยัง คานาส
ประมาณ10โมงฟ้าก็เริ่มสว่างครับ
ระหว่างทางปวดฉี่ ก็เลยบอกคนขับรถครับ จอดให้โหน่ยยย คนขับก็จอดครับ วิ่งลงไปยิงกระต่ายกลงหิมะ เห็นหิมะละลายไปตามน้ำที่เราฉีดลงไป เป็นศิลปะที่สวยงามเชียวครับ
หลังจากผ่านไปได้สักพัก คนขับก็แวะให้ที่เมืองปู้เอ่อจินทานอาหารเช้า