“ประชาธิปัตย์” แถลงตัดขาด - ยุติความสัมพันธ์ ”ชายหมู” เรื่องจริง หรือแค่ละคร ซ่อนแผนแยกกันเดิน ร่วมกันตี ?

จากข่าว "ประชาธิปัตย์’แถลงตัดขาด-ยุติความสัมพันธ์’ชายหมู" http://www.matichon.co.th/news/8273

หากเป็นเรื่องจริงตามข่าวก็ไม่เป็นผลดีกับตัวพรรคประชาธิปัตย์เองแน่นอน แต่ผมอยากจะสื่อให้เห็นในอีกมุมมองหนึ่งซึ่งจะตัดทิ้งและมองข้ามไปไม่ได้ว่านี่คือแผนรองรับ และเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่พรรคประชาธิปัตย์จะมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลภายใต้กติกาการเลือกตั้งที่จะออกมาใหม่ มันเป็นอย่างไรเรามาลองวิเคราะห์กันดูนะครับ

จากกระทู้ทดลองเอาผลเลือกตั้งเมื่อปี 54 นำตัวเลขมาคำนวนในกติกาการเลือกตั้งแบบใหม่ของ กรธ.(ฉบับคุณมีชัย) โดยยึดหลักการคำนวนคร่าวๆว่าทุกคนยังคงที่เลือกพรรคเดิมตามที่ตัวเองชอบเหมือนกับปี 2554 เพื่อนำมาคำนวนหาบทสรุป ส.ส. หลังจากการเลือกตั้งตามกติกาใหม่ของคุณมีชัย
http://pantip.com/topic/34406525



พรรคเพื่อไทย 3,159,386 คะแนน
พรรคประชาธิปัตย์ 2,425,427 คะแนน
พรรคชาติไทยพัฒนา 636,296 คะแนน
พรรคภูมิใจไทย 1,685,940 คะแนน
พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 604,182 คะแนน
พรรคมาตุภูมิ 127,444 คะแนน
พรรคกิจสังคม 11,716 คะแนน


คะแนนรวมในระบบปาร์ตี้ลิสต์ทุกพรรค = 8,650,391 คะแนน

เพื่อไทย 125*3,159,386/8,650,391 = 46 คน
ประชาธิปัตย์  125*2,425,427/8,650,391 = 35 คน
ชาติไทยพัฒนา 125* 636,296/8,650,391 = 9 คน
ภูมิใจไทย 125*1,685,940/8,650,391 = 24 คน
ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 125*604,182/8,650,391 = 9 คน
มาตุภูมิ 125*127,444/8,650,391 = 2 คน
กิจสังคม ไม่ได้ที่นั่ง


เครดิตภาพ : ชุนเทียน


ส่วนจำนวน ส.ส. ทั้ง สองระบบ ผมขอสรุปภาพรวมดังนี้ครับ

- พรรคเพื่อไทย (พท.) เดิมได้ส.ส.265 ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 250 คน ลดลง 15 คน
- พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดิมได้ส.ส. 159  ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 150 คน ลดลง 9 คน
- พรรคภูมิใจไทย (ภท.)เดิมได้ส.ส.34 ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 53 คน เพิ่มขึ้น 19 คน
- พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เดิมได้ส.ส.19 คน ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 24 คน เพิ่มขึ้น 5 คน
- พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) เดิมได้ส.ส. 7 คน ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 14 คน เพิ่มขึ้น 7 คน
- พรรคพลังชล (พช.) เดิมได้ส.ส.7คน  ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 6 คน ลดลง 1 คน
- พรรครักประเทศไทย (ร.ป.ท.) เดิมได้ส.ส. 4 คน ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 0 คน ลดลง 4 คน
- พรรคมาตุภูมิ (มภ) เดิมได้ส.ส.2  ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 2 คน ไม่เปลี่ยนแปลง
- พรรคมหาชน (พมช.) เดิมได้ส.ส. 1 คน ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 0 คน ลดลง 1 คน
- พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) เดิมได้ส.ส.1คน ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 0 คน ลดลง 1 คน
- พรรครักษ์สันติ (รส.) เดิมได้ส.ส.1คน  ตามกติกาคุณมีชัยได้ ส.ส. 0 คน ลดลง 1 คน

- ตามกติกาที่ว่านี้ หากเรายึดหลักมารยาทตามกติกาประชาธิปไตยสากล พรรคเพื่อไทยก็ยังจะคงมีสิทธิ์ที่เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล เพราะได้จำนวน ส.ส. เข้าสภามากที่สุดเหมือนเดิม แม้จำนวนจะลดลงบ้างเล็กน้อย  ในทางกลับกันหากใช้หลักกลไกรัฐสภาแบบ(แบบไทยๆ) ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยพูดไว้ โดยการร่วมมือกับพรรคเล็กเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเหมือนกัน โดยโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทยให้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงม็อบชัตดาวน์ประเทศซ้ำซาก ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยคะแนนจะไปจบอยู่ที่  250 : 250

- แต่ถ้ามันออกมาในรูป ประชาธิปัตย์ สาขามาร์ค + ประชาธิปัตย์ สาขาสุเทพ+ชายหมู + พรรคทางเลือกอันดับรองลงไป + กติกาการเลือกตั้งฉบับปู่มีชัย = รัฐบาลผสมโดยโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียว ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดและไม่ควรมองข้าม

- บางท่านอาจมีข้อสงสัยว่าแล้ว ปชป. ทั้ง 2 สาขา จะมาแย่งชิงคะแนนกันเองทำไม ก็อยากให้มองถึงว่าการบริหารจัดการเรื่องตัวเลขคะแนนที่จะได้ในแต่ละเขต เขาสามารถจัดการเลือกได้ว่าเขตไหนที่จะไม่ไปลงตัดคะแนนกันเอง และเขตไหนที่จะต้องส่งลงทั้ง 2 สาขา เพื่อที่จะดึงคะแนนในส่วนของปาร์ตี้ลิสต์ออกมาช่วยให้ได้จำนวน ส.ส. ในภาพรวมมากที่สุด  การลงสมัคร ส.ส. ของพรรค ปชป. มีจำนวนหลายเขตโดยเฉพาะในเขตภาคใต้ที่ชนะแบบถล่มทลาย  ซึ่งตามกติกาของคุณมีชัยทำให้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในส่วนนี้ของพรรคต้องหายไป  การมี ปชป. สาขา 2 ลงแข่งในเขตเดียวกัน จะสามารถทำให้ดึงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในส่วนที่หายกลับมาได้  ซึ่งจากการคำนวนตามตัวอย่างข้างต้นนั้น ผมยึดถือสัดส่วนของจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบปาร์ตี้ลิสต์ ตามกติกาเลือกตั้งปี 54 ทุกอย่าง แต่ในส่วนกติกาของคุณมีชัยที่จะออกมานั้นก็ยังไม่ทราบว่าสัดส่วนของ ส.ส. ทั้ง 2 แบบจะออกมาในรูปใด แต่ถ้าให้เอื้อประโยชน์ต่อการเป็นรัฐบาลของ ปชป. ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จะต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าเดิม เพื่อลดจำนวน ส.ส.รวมของฝั่งเพื่อไทยให้น้อยลงที่สุดเท่าที่จะทำได้

- ไม่ใช่เพียงข่าวการแยกทางกันตามข่าวข้างต้นเท่านั้น แม้แต่ตัวคุณตั๊น จิตภัสร์ พร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง แต่ก็ยังอุบว่าจะลงในนาม ปชป. หรือไม่ http://www.thairath.co.th/content/554457  ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตว่า ปชป. จะมีอีกทีมหนึ่งที่ไม่ใช้ชื่อ ปชป. หรือไม่

- ในแง่ของสิทธิตามกฏหมาย พรรค ปชป. มีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ที่จะทำได้ แต่ในเรื่องความเหมาะสมที่จะทำเช่นนี้หากจู่ๆมีการตั้งขึ้นมาเป็น 2 ทีม เพื่อดักเก็บตกเอาคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ตามกติกาของคุณมีชัย ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะถูกข้อครหาทางสังคมว่าไม่เหมาะสม ทุกอย่างจึงมีการเตรียมการแต่เนิ่นๆเพื่อแตกเป็น 2 พรรคเพื่อลดข้อครหาดังกล่าว

- ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ถึงแม้ว่าคุณจะบริหารงานได้เก่งกว่า ปชป. ซื้อใจประชาชนได้มากกว่า แต่ในเรื่องความเขี้ยวลากดินทางการเมือง กลยุทธทั้งด้านการเมือง ด้านการข่าว  ยังห่างชั้นกับ ปชป. อยู่มาก จึงอยากให้มองถึงจุดๆนี้ว่าอย่าประมาทในสิ่งที่ข่าวออกมาว่าพรรคประชาธิปัตย์แตกคอกันเอง ทั้งๆที่ร่วมหัวจมท้ายกันมานาน

- ผมยังไม่มองไปถึงว่าหากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆจะทำบ้างในเขตที่ตัวเองชนะขาดลอย มันจะยุ่งอีรุงตุงนังขนาดไหน ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งปัญหาที่จะเกิดภายใต้กติกาเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้  แต่นี่คือหนทางเดียวที่ทางพรรคประชาธิปัตย์จะสามาถถจัดตั้งรัฐบาลได้ตามสูตร ประชาธิปัตย์ สาขามาร์ค + ประชาธิปัตย์ สาขาสุเทพ+ชายหมู + พรรคทางเลือกอันดับรองลงไป + กติกาการเลือกตั้งฉบับปู่มีชัย = รัฐบาลผสมโดยโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียว

- นี่คือบทวิเคราะห์ในความเป็นไปได้ทั้งเชิงบริบทและเชิงตัวเลข ซึ่งเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ทุกคนไม่อาจมองข้าม  ไม่ได้มีเจตนาชี้นำแต่อย่างใดว่าตกลงเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์แถลงตัดขาด - ยุติความสัมพันธ์ ”ชายหมู” เป็นเรื่องจริง หรือแค่ละคร ซ่อนแผนแยกกันเดิน กันแน่?

The Mario : 21 มกราคม 2559
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่