เป็นคนต่างจังหวัด จังหวัดที่สุดชายแดนภาคตะวันออก ปัจจุบันเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจากกทม. ผมมีความคิดตั้งแต่ก่อนเรียนแล้วว่า ถ้าเรียนจบจะกลับมาหางานทำที่บ้าน เนื่องจากที่บ้านมีสวน อีกทั้งเป็นลูกคนโต ถ้าเราไม่ทำ ใครจะทำ ตอนนี้จบแล้ว ก็เลยทำตามความคิดดังเดิม คือ ไม่หางานทำใน กทม. ตัดสินใจหอบข้าวของกลับบ้านนอก ตั้งใจที่จะหางานทำในบ้านเกิด
แผนแรก อาจจะไปสมัครเป็นพนักงานราชการส่วนราชการที่ไหนซักที่ถ้ามีตำแหน่งว่าง เงินเดือน หมื่นต้นโอเค อยู่บ้าน ไม่เสียค่าหออยู่ได้สบายมาก ช่วยแม่จ่ายค่าไฟ ค่ากินค่าอยู่ น่าจะมีเหลือเก็บ
แผนสอง สมัครสอบ กพ. ถ้าสอบติด รอเรียกเป็นข้าราชการตำแหน่งนักวิชาการคอม บลาๆๆ รับเงินเดือนตามแท่งเงินเดือนราชการ ระหว่างที่รอ ก็เป็นพนักงานราชการไปก่อน ระหว่างนั้นเสาอาทิต เข้าสวน ช่วยพ่อทำงาน ดูและธุรกิจของบ้านสบายๆ ส่วนแบ่งจากผลผลิต นานๆค่อยรับที ถือว่า ตอบแทนพ่อแม่ที่ส่งเสียเรียน เหลือเก็บช่วยพ่อแม่จ่ายค่าขนมให้น้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ใน กทม ตามแต่โอกาส
แผนสาม ถ้าไม่มีงานจริงๆ แผ่นดินพ่อแม่มีไว้ให้ ไม่ต้องทำเอง มีลูกจ้าง มีคนงาน คอยบริหาร อาจะไม่เท่ เป็นแค่ชาวสวนเล็กๆ แต่อยู่ได้แบบยั่งยืน ชีวิตไม่ต้องขวนขวายเร่งรีบ มีชีวิตอิสระ รายได้ตามแต่เศรษฐกิจ ขอแค่อย่าเป็นหนี้ อย่าทำอะไรเกินตัว
แผนสี่ มองหาลู่ทางทำธุรกิจ บ้านเกิดเป็นจังหวัดเล็กๆ มองหาไอเดียในการเริ่มต้น ยืมทุนจากพ่อ เปิดธุรกิจบางอย่างเล็กๆ แต่ต้องไม่ใช่ร้านกาแฟ
นี่คือทั้งหมดที่พอจะมองเห็นลู่ทาง
คิดไว้แบบนี้ แต่ตอนนี้แค่ยังว่างอยู่ แต่ก็จะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ได้ยินแว่วๆมาจากคนละแวกแถวบ้าน ประมาณ "โอ๊ย ไอ้xxxอะเหรอ เรียนจบแล้วไม่เห็นจะทำอะไร กลับบ้านมาตายรัง ถ้าจะอยู่บ้านแบบนี้ ไม่เห็นจะต้องเรียนทำไม จบ เทคนิคจบช่างยังดีกว่า เรียนทำไมตั้งป.ตรี คงกลับมาเกาะพ่อแม่กิน"
หรือ "บทสนทนากับคนแถวบ้าน ถามประมาณว่า จบแล้วเหรอ เราก็ตอบว่าใช่ แล้วทำงานที่ไหน เราก็ตอบว่าเดี๋ยวหาแถวบ้านนี่แหละ ไม่อยากอยู่กทม. เค้าพูดกลับมาว่า ไหนบอกทีบ้านเราจะมีงานอะไร แล้วจบอะไรนะ วิทยาการคอม ทำไรได้ นั่งพิมคอมเหรอ " ทั้งหมดทั้งมวล ท่านผู้อ่านคงเดากันได้ บางคนอาจจะมีประสบการณ์คล้ายกันคือ พอเรียนจบมาแล้ว ช่วงที่ยังว่าง อาจจะกลับบ้านก็จะมีคำนินทาจากคนรอบข้าง ทั้งต่อหน้าและรับหลัง ประมาณกลับมาตายรัง วันๆไม่เห็นทำไรเกาะพ่อแม่กิน ทำไมไม่หางานทำ เรียนตั้งกรุงเทพ กรุงเทพมีงานทำเยอะแยะ แม้กระทั่งบางคนสงสัยด้วยซ้ำ ถามมากับพ่อโดยตรงว่า สรุปเรียนไม่จบเหรอ ทำไมกลับบมาอยู่บ้าน ไม่หางานทำเหรอ
คือสงสัย ทำไมเรียนจบแล้วต้องทำงานในกทม หรือ ทำงานที่ไหนก็ตาม ทำไมผมจะคิดต่างกลับบ้านนอก หางานทำ มันดูไม่ประสบความสำเร็จหรือไง การประสบความสำเร็จมันใช้ชีวิตนอกบ้านไม่ได้หรือไง ธุรกิจที่บ้านมี แต่พ่อแม่ยังดูแลไหว ระหว่างที่ยังไหว เราก็หางานทำของเราไป ไม่ต้องแบมือขอ แค่ที่อยากอยู่บ้าน เพราะอยากช่วยงานสวน อยากเรียนรู้งานสวนไปด้วย เพราะโตมาก็มีแต่เรียนจันทร์-ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ก้เรียนพิเศษอีก ไม่เคยได้เรียนรู้งานสวนอย่างจริงจัง แต่ถ้าทำงาน ก็จะว่างเสาร์อาทิต เท่านี้ ทำไมมีคนไม่เข้าใจเยอะ มีคำนินทาเยอะ มีคำค่อนแคะจากคนรอบข้างเยอะ เหมือนเราไม่ประสบความสำเร็จ เข้าใจว่าบ้านนอก ตำแหน่งงานน้อย หางานทำยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานทำ หรือ ไม่มีลูทางทำอะไรได้เลย ผมคิดเสมอว่า ถ้ามันมีการซื้อการขายจังหวัดยังมีสถานที่ราชการ มีคนแก่เกษียรทุกๆปี มีบริษัทใหม่ผุดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากเป็นทางผ่านออกสู่กัมพูชา มันย่อมมีงานทำ ถ้าเราไม่เลือกงาน แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนเราผิดมากที่กลับมาหางานทำที่บ้านนอก ทำไมต้องใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ทำไมเรียนจบแล้วต้องหางานทำในเมืองใหญ่ ทำไมจะต้องทำตามแพทเทิร์นเหมือนๆคนอื่นเค้า ตอนแรกก็เฉยๆ ส่วนตัวไม่ใช่คนใส่ใจคำนินทาซักเท่าไร แต่มันเริ่มมีมามาก มากซะจนเริ่มท้อ มากซะจนพ่อลำคาญ บอกลูกกูกูเลี้ยงไหว
สุดท้ายขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับฟังคำระบายจากหนุ่มบ้านนอกนะครับ ผมแค่อยากเล่าให้ฟัง คำพูด เนื้อหา อาจจะเรียบเรียงไม่ถูกใจบางท่าน ขออภัย ด้วยครับ
ขออนุญาต แท็กซิลิคอลวัลเลย์นะครับ เนื่องจากจบสายคอมมา
เรียนจบแล้ว กลับมาหางานที่ต่างจังหวัดมันผิดมากหรือ ทำไมต้องโดนดูถูก แซะ จิก กัด กันด้วย
แผนแรก อาจจะไปสมัครเป็นพนักงานราชการส่วนราชการที่ไหนซักที่ถ้ามีตำแหน่งว่าง เงินเดือน หมื่นต้นโอเค อยู่บ้าน ไม่เสียค่าหออยู่ได้สบายมาก ช่วยแม่จ่ายค่าไฟ ค่ากินค่าอยู่ น่าจะมีเหลือเก็บ
แผนสอง สมัครสอบ กพ. ถ้าสอบติด รอเรียกเป็นข้าราชการตำแหน่งนักวิชาการคอม บลาๆๆ รับเงินเดือนตามแท่งเงินเดือนราชการ ระหว่างที่รอ ก็เป็นพนักงานราชการไปก่อน ระหว่างนั้นเสาอาทิต เข้าสวน ช่วยพ่อทำงาน ดูและธุรกิจของบ้านสบายๆ ส่วนแบ่งจากผลผลิต นานๆค่อยรับที ถือว่า ตอบแทนพ่อแม่ที่ส่งเสียเรียน เหลือเก็บช่วยพ่อแม่จ่ายค่าขนมให้น้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ใน กทม ตามแต่โอกาส
แผนสาม ถ้าไม่มีงานจริงๆ แผ่นดินพ่อแม่มีไว้ให้ ไม่ต้องทำเอง มีลูกจ้าง มีคนงาน คอยบริหาร อาจะไม่เท่ เป็นแค่ชาวสวนเล็กๆ แต่อยู่ได้แบบยั่งยืน ชีวิตไม่ต้องขวนขวายเร่งรีบ มีชีวิตอิสระ รายได้ตามแต่เศรษฐกิจ ขอแค่อย่าเป็นหนี้ อย่าทำอะไรเกินตัว
แผนสี่ มองหาลู่ทางทำธุรกิจ บ้านเกิดเป็นจังหวัดเล็กๆ มองหาไอเดียในการเริ่มต้น ยืมทุนจากพ่อ เปิดธุรกิจบางอย่างเล็กๆ แต่ต้องไม่ใช่ร้านกาแฟ
นี่คือทั้งหมดที่พอจะมองเห็นลู่ทาง
คิดไว้แบบนี้ แต่ตอนนี้แค่ยังว่างอยู่ แต่ก็จะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ได้ยินแว่วๆมาจากคนละแวกแถวบ้าน ประมาณ "โอ๊ย ไอ้xxxอะเหรอ เรียนจบแล้วไม่เห็นจะทำอะไร กลับบ้านมาตายรัง ถ้าจะอยู่บ้านแบบนี้ ไม่เห็นจะต้องเรียนทำไม จบ เทคนิคจบช่างยังดีกว่า เรียนทำไมตั้งป.ตรี คงกลับมาเกาะพ่อแม่กิน"
หรือ "บทสนทนากับคนแถวบ้าน ถามประมาณว่า จบแล้วเหรอ เราก็ตอบว่าใช่ แล้วทำงานที่ไหน เราก็ตอบว่าเดี๋ยวหาแถวบ้านนี่แหละ ไม่อยากอยู่กทม. เค้าพูดกลับมาว่า ไหนบอกทีบ้านเราจะมีงานอะไร แล้วจบอะไรนะ วิทยาการคอม ทำไรได้ นั่งพิมคอมเหรอ " ทั้งหมดทั้งมวล ท่านผู้อ่านคงเดากันได้ บางคนอาจจะมีประสบการณ์คล้ายกันคือ พอเรียนจบมาแล้ว ช่วงที่ยังว่าง อาจจะกลับบ้านก็จะมีคำนินทาจากคนรอบข้าง ทั้งต่อหน้าและรับหลัง ประมาณกลับมาตายรัง วันๆไม่เห็นทำไรเกาะพ่อแม่กิน ทำไมไม่หางานทำ เรียนตั้งกรุงเทพ กรุงเทพมีงานทำเยอะแยะ แม้กระทั่งบางคนสงสัยด้วยซ้ำ ถามมากับพ่อโดยตรงว่า สรุปเรียนไม่จบเหรอ ทำไมกลับบมาอยู่บ้าน ไม่หางานทำเหรอ
คือสงสัย ทำไมเรียนจบแล้วต้องทำงานในกทม หรือ ทำงานที่ไหนก็ตาม ทำไมผมจะคิดต่างกลับบ้านนอก หางานทำ มันดูไม่ประสบความสำเร็จหรือไง การประสบความสำเร็จมันใช้ชีวิตนอกบ้านไม่ได้หรือไง ธุรกิจที่บ้านมี แต่พ่อแม่ยังดูแลไหว ระหว่างที่ยังไหว เราก็หางานทำของเราไป ไม่ต้องแบมือขอ แค่ที่อยากอยู่บ้าน เพราะอยากช่วยงานสวน อยากเรียนรู้งานสวนไปด้วย เพราะโตมาก็มีแต่เรียนจันทร์-ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ก้เรียนพิเศษอีก ไม่เคยได้เรียนรู้งานสวนอย่างจริงจัง แต่ถ้าทำงาน ก็จะว่างเสาร์อาทิต เท่านี้ ทำไมมีคนไม่เข้าใจเยอะ มีคำนินทาเยอะ มีคำค่อนแคะจากคนรอบข้างเยอะ เหมือนเราไม่ประสบความสำเร็จ เข้าใจว่าบ้านนอก ตำแหน่งงานน้อย หางานทำยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานทำ หรือ ไม่มีลูทางทำอะไรได้เลย ผมคิดเสมอว่า ถ้ามันมีการซื้อการขายจังหวัดยังมีสถานที่ราชการ มีคนแก่เกษียรทุกๆปี มีบริษัทใหม่ผุดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากเป็นทางผ่านออกสู่กัมพูชา มันย่อมมีงานทำ ถ้าเราไม่เลือกงาน แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนเราผิดมากที่กลับมาหางานทำที่บ้านนอก ทำไมต้องใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ทำไมเรียนจบแล้วต้องหางานทำในเมืองใหญ่ ทำไมจะต้องทำตามแพทเทิร์นเหมือนๆคนอื่นเค้า ตอนแรกก็เฉยๆ ส่วนตัวไม่ใช่คนใส่ใจคำนินทาซักเท่าไร แต่มันเริ่มมีมามาก มากซะจนเริ่มท้อ มากซะจนพ่อลำคาญ บอกลูกกูกูเลี้ยงไหว
สุดท้ายขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับฟังคำระบายจากหนุ่มบ้านนอกนะครับ ผมแค่อยากเล่าให้ฟัง คำพูด เนื้อหา อาจจะเรียบเรียงไม่ถูกใจบางท่าน ขออภัย ด้วยครับ
ขออนุญาต แท็กซิลิคอลวัลเลย์นะครับ เนื่องจากจบสายคอมมา