อันนี้ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เรื่องการจัดการ บริหารข่าวสาร ซึ่งที่จริงนั้นเป็นจุดแข็งและสกิลพิเศษอย่างหนึ่งของคนไทยมานานโดยเฉพาะในหลายวงการเช่น การเมือง การเจรจา การทูต การธุรกิจ แต่ในด้านการกีฬา โดยเฉพาะในรายละเอียดลึกๆ เรายังเอาตรงนี้มาใช้น้อยเกินไป
อันที่จริง เราเล่นปรีโอลิมปิครอบนี้สามนัดที่ผ่านมา ราวกับว่ารู้ข้อมูลของคู่แข่งน้อยมาก ไม่เหมือนกับตอนคัดบอลโลกที่เราดูจะรู้ข้อมูลอีกฝ่ายมากกว่านี้ ตรงนี้ยังพอเข้าใจว่า ทีมงานเรามีเวลาเตรียมตัวด้านนี้น้อย และที่สำคัญคือ "ทรัพยากรด้านนี้ของเราในทีมฟุตบอลไทยยังมีไม่พอ" ซึ่งไม่ใช่ว่าเราไม่เก่งด้านนี้ จริงๆแล้วเราเป็นตัวแสบของโลกในด้านนี้เลย สำหรับหลายๆวงการ แต่เรากลับเอามาใช้ด้านกีฬาน้อยเกินไป
ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามในเชิงสถิติและลักษณะการเล่น ตัวอย่างเช่น ลักษณะการออกบอล การเข้าหาบอล ลูกเล่นต่างๆ รวมถึงเซตพีซ แต่เชื่อว่าตรงนี้ของเราจะดีขึ้น ถ้าทีมงานของไทยในส่วน "ประธานเทคนิค" เข้าที่เสียที ซึ่งเราควรจะมีตรงนี้เข้มข้นมานานแล้ว เอาเป้นว่าเริ่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย หวังว่าถ้าสมยศชนะการเลือกตั้ง แล้วทีมงานได้เข้ามาทำ ซึ่งใครๆก็เอาใจเชียร์ให้เฮงซัง วิทยาเลาหกุล มารับหน้าที่ตรงนี้ ในส่วนที่จะช่วยประสานกับทีมงานของซิโกในทีมชาติแต่ละชุด เชื่อว่าจะดีขึ้นแน่นอน
การเล่นของเกาหลีเหนือในนัดนี้ ทำเอาผมนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งในมังงะเรื่อง J-Dream นัดที่ทากะ พระเอกของเรื่องต้องนำทีมญี่ปุ่นชุดไปบอลโลก เตะนัดตัดสินกับทีมอิหร่าน แล้วพบว่าฝ่ายตรงข้ามเล่นแบบ "เปิดตำรายุทธวิธีการรบ" คือมีแพทเทิร์นที่ชัดเจนและตรงไปตรงมามาก เน้นการตัดบอลแดนกลาง หลังและกลางพร้อมออกบอลยาวขนานเส้นข้าง หรือหาจังหวะทิ้งที่ว่างด้านหลังฟูลแบ็ค ให้ตัวรุกสปีดสูงวิ่งไล่กวด หรือเก็บบอล แล้วผ่านบอลเข้ากลางให้กองหน้าหรือกลางที่สอดมาเข้าทำ หรือใช้ โพสต์เพลย์ เปิดบอลยาวให้กองหน้าร่างสูงหนา ชงบอลจังหวะเดียวกลับมาให้เพื่อนเข้าทำได้ทันที สังเกตว่าเป็นบอลไดเร็คที่เร็ว แรง และแม่นมาก ต้องผ่านการซักซ้อนและฝึกในรูปแบบซ้ำๆซากๆมา อย่างน้อยวันหนึ่งคงเป็นร้อยเป็นพันครั้งเห็นจะได้ แล้วคิดดูว่านักเตะเกาหลีทำได้แบบนี้ "ปีหนึ่งๆจะซ้อมลูกลักษณะนี้มากี่แสนครั้ง" ตรงนี้ต้องยกให้เป็นความดุดันและน่ากลัวของเกาหลีเหนือ
ดูเกาหลีเหนือเล่นแล้ว ชวนให้นึกถึงมังงะเรื่องนี้จริงๆ เพราะในเรื่องนี้ ตอนญี่ปุ่นเจออิหร่านเอง ก็มีข้อมูลของอิหร่านน้อยมาก รู้จักแค่เพลยเมคเกอร์ตัวหลักที่มีทีเด็ดตรงการเปิดบอลยาวได้แรงเท่านั้น แต่ทากะและพรรคพวกมีจุดยืนชัดเจนในวิธีการเล่น บวกกับว่าทีมญี่ปุ่นในเรื่องก็มีคนเล่นบอลสไตล์แบบอิหร่านได้ถึงสองคนด้วยคือ ทากามูระและดาเตะ ทำให้ฟัดจนชนะได้
กลับมาบอลไทย ตอนครึ่งแรกนี่รู้สึกเลยว่า เรายังเหมือนทำการบ้านมาไม่ดีพอนัก แต่พอครึ่งหลังเหมือนกับนักเตะเริ่มชินและคุ้นจังหวะบอลยาวออกข้างแล้ว เลยเริ่มสกัดได้แม่นขึ้น
ต้องขอชมหัวใจนักสู้ของนักฟุตบอลทุกคน และทีมสตาฟโค้ชเอง ที่แก้เกมไม่หยุดนิ่งด้วย
สุดท้ายแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ยังแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ขนาดญี่ปุ่นซึ่งมุ่งมั่นตั้งใจเกินร้อย ยังต้องใช้เวลาบ่มเพาะยาวนานหลายสิบปี กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ไทยเราเองเพิ่งจะเริ่มเพาะสร้างนิสัยและ Habit ของนักกีฬาอาชีพที่มุ่งม่นตั้งใจจริง ตอนนี้เรามาถูกทางแล้ว แม้จะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังเข้าเส้นทางได้ "ซะที" ดังนั้น เรามาเชียร์กันต่อไปครับ
พิชัยยุทธซุนวูขั้นพื้นฐานที่สุดคือ รู้เขารู้เรา แต่ที่ผ่านมา ทีมไทยเรายังรู้เขาน้อยเกินไป
อันที่จริง เราเล่นปรีโอลิมปิครอบนี้สามนัดที่ผ่านมา ราวกับว่ารู้ข้อมูลของคู่แข่งน้อยมาก ไม่เหมือนกับตอนคัดบอลโลกที่เราดูจะรู้ข้อมูลอีกฝ่ายมากกว่านี้ ตรงนี้ยังพอเข้าใจว่า ทีมงานเรามีเวลาเตรียมตัวด้านนี้น้อย และที่สำคัญคือ "ทรัพยากรด้านนี้ของเราในทีมฟุตบอลไทยยังมีไม่พอ" ซึ่งไม่ใช่ว่าเราไม่เก่งด้านนี้ จริงๆแล้วเราเป็นตัวแสบของโลกในด้านนี้เลย สำหรับหลายๆวงการ แต่เรากลับเอามาใช้ด้านกีฬาน้อยเกินไป
ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามในเชิงสถิติและลักษณะการเล่น ตัวอย่างเช่น ลักษณะการออกบอล การเข้าหาบอล ลูกเล่นต่างๆ รวมถึงเซตพีซ แต่เชื่อว่าตรงนี้ของเราจะดีขึ้น ถ้าทีมงานของไทยในส่วน "ประธานเทคนิค" เข้าที่เสียที ซึ่งเราควรจะมีตรงนี้เข้มข้นมานานแล้ว เอาเป้นว่าเริ่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย หวังว่าถ้าสมยศชนะการเลือกตั้ง แล้วทีมงานได้เข้ามาทำ ซึ่งใครๆก็เอาใจเชียร์ให้เฮงซัง วิทยาเลาหกุล มารับหน้าที่ตรงนี้ ในส่วนที่จะช่วยประสานกับทีมงานของซิโกในทีมชาติแต่ละชุด เชื่อว่าจะดีขึ้นแน่นอน
การเล่นของเกาหลีเหนือในนัดนี้ ทำเอาผมนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งในมังงะเรื่อง J-Dream นัดที่ทากะ พระเอกของเรื่องต้องนำทีมญี่ปุ่นชุดไปบอลโลก เตะนัดตัดสินกับทีมอิหร่าน แล้วพบว่าฝ่ายตรงข้ามเล่นแบบ "เปิดตำรายุทธวิธีการรบ" คือมีแพทเทิร์นที่ชัดเจนและตรงไปตรงมามาก เน้นการตัดบอลแดนกลาง หลังและกลางพร้อมออกบอลยาวขนานเส้นข้าง หรือหาจังหวะทิ้งที่ว่างด้านหลังฟูลแบ็ค ให้ตัวรุกสปีดสูงวิ่งไล่กวด หรือเก็บบอล แล้วผ่านบอลเข้ากลางให้กองหน้าหรือกลางที่สอดมาเข้าทำ หรือใช้ โพสต์เพลย์ เปิดบอลยาวให้กองหน้าร่างสูงหนา ชงบอลจังหวะเดียวกลับมาให้เพื่อนเข้าทำได้ทันที สังเกตว่าเป็นบอลไดเร็คที่เร็ว แรง และแม่นมาก ต้องผ่านการซักซ้อนและฝึกในรูปแบบซ้ำๆซากๆมา อย่างน้อยวันหนึ่งคงเป็นร้อยเป็นพันครั้งเห็นจะได้ แล้วคิดดูว่านักเตะเกาหลีทำได้แบบนี้ "ปีหนึ่งๆจะซ้อมลูกลักษณะนี้มากี่แสนครั้ง" ตรงนี้ต้องยกให้เป็นความดุดันและน่ากลัวของเกาหลีเหนือ
ดูเกาหลีเหนือเล่นแล้ว ชวนให้นึกถึงมังงะเรื่องนี้จริงๆ เพราะในเรื่องนี้ ตอนญี่ปุ่นเจออิหร่านเอง ก็มีข้อมูลของอิหร่านน้อยมาก รู้จักแค่เพลยเมคเกอร์ตัวหลักที่มีทีเด็ดตรงการเปิดบอลยาวได้แรงเท่านั้น แต่ทากะและพรรคพวกมีจุดยืนชัดเจนในวิธีการเล่น บวกกับว่าทีมญี่ปุ่นในเรื่องก็มีคนเล่นบอลสไตล์แบบอิหร่านได้ถึงสองคนด้วยคือ ทากามูระและดาเตะ ทำให้ฟัดจนชนะได้
กลับมาบอลไทย ตอนครึ่งแรกนี่รู้สึกเลยว่า เรายังเหมือนทำการบ้านมาไม่ดีพอนัก แต่พอครึ่งหลังเหมือนกับนักเตะเริ่มชินและคุ้นจังหวะบอลยาวออกข้างแล้ว เลยเริ่มสกัดได้แม่นขึ้น
ต้องขอชมหัวใจนักสู้ของนักฟุตบอลทุกคน และทีมสตาฟโค้ชเอง ที่แก้เกมไม่หยุดนิ่งด้วย
สุดท้ายแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ยังแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ขนาดญี่ปุ่นซึ่งมุ่งมั่นตั้งใจเกินร้อย ยังต้องใช้เวลาบ่มเพาะยาวนานหลายสิบปี กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ไทยเราเองเพิ่งจะเริ่มเพาะสร้างนิสัยและ Habit ของนักกีฬาอาชีพที่มุ่งม่นตั้งใจจริง ตอนนี้เรามาถูกทางแล้ว แม้จะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังเข้าเส้นทางได้ "ซะที" ดังนั้น เรามาเชียร์กันต่อไปครับ