น่าสนใจดีครับ แปะไว้อ่าน...
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000006110
โดย เอเชียไทมส์/เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์/รอยเตอร์
18 มกราคม 2559 22:28 น.
(รวบรวมเก็บความจาก AsiaTimes/National Interest/Reuters)
Japan’s master plan to destroy the Chinese Navy in battle
02/01/2016
ญี่ปุ่นกำลังตอบโต้การแผ่ขยายแสนยานุภาพทางนาวีของจีน ด้วยการนำระบบขีปนาวุธต่อสู้เรือและต่อสู้อากาศยานไปติดตั้งประจำการตามหมู่เกาะต่างๆ ของตนในทะเลจีนตะวันออกที่มีอยู่ประมาณ 200 เกาะ จนกระทั่งกลายเป็นเส้นเป็นแนวสายโซ่เพื่อการป้องกัน อันต่อเนื่องยาวเหยียด 1,400 กิโลเมตร ทั้งนี้เรือรบของจีนเมื่อออกจากชายฝั่งด้านตะวันออกของแดนมังกร จะมุ่งหน้าเข้าไปให้ถึงอาณาบริเวณแปซิฟิกตะวันตกได้นั้น ก็จะต้องฝ่าผ่านแนวป้องกันอันไร้รอยตะเข็บนี้เสียก่อน
ดูเหมือนว่าญี่ปุ่นกำลังขะมักเขม้นในการจัดวางแผนการและลงมือปฏิบัติให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์เพื่อต่อสู้เอาชนะกำลังนาวีของกองทัพเรือจีน แผนการดังกล่าวนี้หากจะเรียกขานกันให้เป็นที่คุ้นหูของบรรดาผู้สนใจด้านการทหารของอเมริกาแล้ว ก็ต้องใช้ชื่อว่า ยุทธศาสตร์ “ต่อต้านการเข้าถึง/ปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่” ("anti-access/area denial" strategy หรือเรียกกันย่อๆ ว่า A2/AD) ในเวอร์ชั่นของญี่ปุ่นเอง แต่ถ้าหากเรียกขานตามอดีตเจ้าหน้าที่ผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่ง ของญี่ปุ่น ก็ต้องหันไปใช้วลีว่า “การครองอำนาจเหนือล้ำในทางทะเลและการครองความเหนือกว่าทางอากาศ” (maritime supremacy and air superiority)
*รูปภาพไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว ยกมาประกอบเฉยๆครับ
แผนการดังกล่าวนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ได้จัดทำเป็นรายงานข่าวเรื่อง Exclusive: Japan's far-flung island defense plan seeks to turn tables on China (ข่าวเอ็กซ์คลูสีฟ: ญี่ปุ่นวางแผนป้องกันโดยอาศัยเกาะที่อยู่ไกลโพ้น เพื่อมุ่งชิงความได้เปรียบคืนมาจากจีน) พูดถึงเอาไว้อย่างละเอียด (ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่
http://www.reuters.com/article/us-japan-military-china-exclusive-idUSKBN0U107220151218 หรือดูที่เก็บความเป็นภาษาไทยแล้วใน “หมายเหตุผู้แปล” ตอนท้ายของเรื่องนี้ -ผู้แปล) [1] และ ในบทความของ แฮร์รี เจ. คาเซียนิส (Harry J. Kazianis) ตีพิมพ์เผยแพร่ใน “เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์ (
http://nationalinterest.org/blog/the-buzz/japans-master-plan-destroy-the-chinese-navy-battle-14779) ได้ประเมินค่าเอาไว้ว่า เป็นยุทธศาสตร์ซึ่งมีความสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง
หากจะตัดต่อรายงานข่าวของรอยเตอร์มาเรียงร้อยใหม่เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของแผนการนี้ ก็จะเป็นดังนี้:
“โตเกียวกำลังตอบสนอง ด้วยการนำระบบขีปนาวุธต่อสู้เรือและต่อสู้อากาศยานไปติดตั้งประจำการตามหมู่เกาะต่างๆ ของตนในทะเลจีนตะวันออกที่มีอยู่ประมาณ 200 เกาะ จนกระทั่งกลายเป็นเส้นเป็นแนวสายโซ่เพื่อการป้องกัน อันต่อเนื่องยาวเหยียด 1,400 กิโลเมตร จากอาณาบริเวณส่วนที่เป็นแผ่นดินหลักของประเทศญี่ปุ่น ไปจนจรดเขตแดนของไต้หวัน ...
“การที่ญี่ปุ่นติดตั้งประจำการระบบขีปนาวุธตามเกาะต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่ความลับอะไร แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้พูดออกมาให้ฟังว่า การติดตั้งประจำการเช่นนี้จะช่วยทำให้จีนตกอยู่ในฐานะอับจนไปไหนไม่รอดในย่านแปซิฟิกตะวันตก รวมทั้งควรต้องถือเป็น การปฏิบัติตามหลักการ “ต่อต้านการเข้าถึง/ปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่” ("anti-access/area denial" doctrine หรือที่นิยมเรียกกันเป็นศัพท์วงในของพวกสนใจด้านการทหารว่า "A2/AD") ในเวอร์ชั่นแบบฉบับญี่ปุ่น ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าจีนนั่นเองคือผู้ที่กำลังปฏิบัติตามหลักการ "A2/AD" เพื่อพยายามผลักไสสหรัฐฯและพันธมิตรของอเมริกัน ออกไปให้พ้นจากภูมิภาคแถบนี้
“การที่เรือต่างๆ ของฝ่ายจีนจะสามารถแล่นออกจากชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของตน และเข้าไปถึงอาณาบริเวณแปซิฟิกตะวันตกได้นั้น ต้องผ่านทะลุแนวกำแพงไร้รอยตะเข็บแห่งระบบขีปนาวุธของญี่ปุ่นนี้เสียก่อน โดยที่การเข้าถึงแปซิฟิกตะวันตกถือเป็นเรื่องทรงความสำคัญยิ่งยวดสำหรับปักกิ่ง ทั้งในฐานะที่แปซิฟิกตะวันตกคือช่องทางสำหรับการติดต่อรับส่งสัมภาระกับน่านน้ำมหาสมุทรอื่นๆ ของโลก และทั้งเพื่อเป็นการสำแดงให้เห็นว่าแดนมังกรคือมหาอำนาจทางนาวีตัวจริง”
*รูปภาพไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว ยกมาประกอบเฉยๆครับ
รายงานชิ้นนี้ของรอยเตอร์ยังพูดถึงภาพใหญ่โดยรวม เกี่ยวกับการปรากฏตัวทางทหารเพิ่มมากขึ้นของญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งจะต้องไม่เป็นที่ชอบใจของจีนอย่างแน่นอน ดังนี้:
“ในช่วงเวลาประมาณ 5 ปีข้างหน้า ญี่ปุ่นวางแผนการไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนทหาร หรือที่เรียกกันในญี่ปุ่นว่า “สมาชิกของกองกำลังป้องกันตนเอง” ซึ่งประจำอยู่ตามเกาะต่างๆ ในทะเลจีนตะวันออก ขึ้นไปอีกราวหนึ่งในห้า ทำให้ยอดรวมอยู่ที่เกือบๆ 10,000 คน
“กองทหารเหล่านี้ ซึ่งประจำอยู่ตามหน่วยระบบขีปนาวุธและสถานีเรดาร์ต่างๆ ยังจะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยนาวิกโยธินที่ประจำอยู่ในบริเวณแผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่น, กองเรือดำน้ำเทคโนโลยีสเตลธ์ที่สามารถหลีกหลีกการตรวจจับของเรดาร์, เครื่องบินรบ เอฟ-35, กองยานสู้รบสะเทินน้ำสะเทินบก, กองเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งแต่ละลำจะมีขนาดใหญ่พอๆ กับเรือบรรทุกเครื่องบินยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 , และสุดท้ายก็คือกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งกองบัญชาการอยู่ที่เมืองโยโกสุกะ (Yokosuka) ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียว”
แผนการที่ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน
แฮร์รี เจ. คาเซียนิส อดีตบรรณาธิการบริหารของ “เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์” [2] ระบุเอาไว้ในบทความของเขาว่า สำหรับผู้คนในอเมริกาซึ่งสนใจเฝ้าติดตามหัวข้อนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมจะต้องรู้สึกว่าแผนการนี้ของญี่ปุ่นช่างฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เพราะแนวความคิดเช่นนี้ได้ถูกเสนอได้ถูกนำเอามาถกเถียงกันในประชาคมด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯเป็นเวลาสองสามปีแล้ว
โทชิ โยชิฮาระ (Toshi Yoshihara) ศาสตราจารย์ของวิทยาลัยสงครามนาวีของสหรัฐฯ (U.S. Naval War College) ผู้ซึ่งในอดีตเคยเขียนเรื่องให้ “เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์” (ดูที่
http://nationalinterest.org/article/the-best-defense-is-a-good-offense-for-chinas-navy-2755) และรายงานข่าวชิ้นนี้ของสำนักข่าวรอยเตอร์ก็ได้อ้างอิงคำพูดของเขาด้วยนั้น ก็ได้เคยเสนอไอเดียทำนองนี้เอาไว้ โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ A2/AD ที่มีขนาดขอบเขตกว้างกว้างยิ่งขึ้นไปอีกของญี่ปุ่น ไอเดียของ โยชิฮาระ นี้ ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับหนึ่งที่เขาจัดทำให้แก่ “ศูนย์เพื่อความมั่นคงใหม่ของอเมริกัน” (Center for New American Security ใช้อักษรย่อว่า CNAS) ตั้งแต่เมื่อปี 2014 (ดูที่
http://www.cnas.org/sites/default/files/publications-pdf/CNAS%20Maritime2_Yoshihara.pdf)
แผนแม่บทของ ‘ญี่ปุ่น’ ที่มุ่งทำลาย ‘กองทัพเรือจีน’ ในสมรภูมิสู้รบ
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000006110
โดย เอเชียไทมส์/เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์/รอยเตอร์
18 มกราคม 2559 22:28 น.
(รวบรวมเก็บความจาก AsiaTimes/National Interest/Reuters)
Japan’s master plan to destroy the Chinese Navy in battle
02/01/2016
ญี่ปุ่นกำลังตอบโต้การแผ่ขยายแสนยานุภาพทางนาวีของจีน ด้วยการนำระบบขีปนาวุธต่อสู้เรือและต่อสู้อากาศยานไปติดตั้งประจำการตามหมู่เกาะต่างๆ ของตนในทะเลจีนตะวันออกที่มีอยู่ประมาณ 200 เกาะ จนกระทั่งกลายเป็นเส้นเป็นแนวสายโซ่เพื่อการป้องกัน อันต่อเนื่องยาวเหยียด 1,400 กิโลเมตร ทั้งนี้เรือรบของจีนเมื่อออกจากชายฝั่งด้านตะวันออกของแดนมังกร จะมุ่งหน้าเข้าไปให้ถึงอาณาบริเวณแปซิฟิกตะวันตกได้นั้น ก็จะต้องฝ่าผ่านแนวป้องกันอันไร้รอยตะเข็บนี้เสียก่อน
ดูเหมือนว่าญี่ปุ่นกำลังขะมักเขม้นในการจัดวางแผนการและลงมือปฏิบัติให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์เพื่อต่อสู้เอาชนะกำลังนาวีของกองทัพเรือจีน แผนการดังกล่าวนี้หากจะเรียกขานกันให้เป็นที่คุ้นหูของบรรดาผู้สนใจด้านการทหารของอเมริกาแล้ว ก็ต้องใช้ชื่อว่า ยุทธศาสตร์ “ต่อต้านการเข้าถึง/ปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่” ("anti-access/area denial" strategy หรือเรียกกันย่อๆ ว่า A2/AD) ในเวอร์ชั่นของญี่ปุ่นเอง แต่ถ้าหากเรียกขานตามอดีตเจ้าหน้าที่ผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่ง ของญี่ปุ่น ก็ต้องหันไปใช้วลีว่า “การครองอำนาจเหนือล้ำในทางทะเลและการครองความเหนือกว่าทางอากาศ” (maritime supremacy and air superiority)
*รูปภาพไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว ยกมาประกอบเฉยๆครับ
แผนการดังกล่าวนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ได้จัดทำเป็นรายงานข่าวเรื่อง Exclusive: Japan's far-flung island defense plan seeks to turn tables on China (ข่าวเอ็กซ์คลูสีฟ: ญี่ปุ่นวางแผนป้องกันโดยอาศัยเกาะที่อยู่ไกลโพ้น เพื่อมุ่งชิงความได้เปรียบคืนมาจากจีน) พูดถึงเอาไว้อย่างละเอียด (ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ http://www.reuters.com/article/us-japan-military-china-exclusive-idUSKBN0U107220151218 หรือดูที่เก็บความเป็นภาษาไทยแล้วใน “หมายเหตุผู้แปล” ตอนท้ายของเรื่องนี้ -ผู้แปล) [1] และ ในบทความของ แฮร์รี เจ. คาเซียนิส (Harry J. Kazianis) ตีพิมพ์เผยแพร่ใน “เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์ (http://nationalinterest.org/blog/the-buzz/japans-master-plan-destroy-the-chinese-navy-battle-14779) ได้ประเมินค่าเอาไว้ว่า เป็นยุทธศาสตร์ซึ่งมีความสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง
หากจะตัดต่อรายงานข่าวของรอยเตอร์มาเรียงร้อยใหม่เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของแผนการนี้ ก็จะเป็นดังนี้:
“โตเกียวกำลังตอบสนอง ด้วยการนำระบบขีปนาวุธต่อสู้เรือและต่อสู้อากาศยานไปติดตั้งประจำการตามหมู่เกาะต่างๆ ของตนในทะเลจีนตะวันออกที่มีอยู่ประมาณ 200 เกาะ จนกระทั่งกลายเป็นเส้นเป็นแนวสายโซ่เพื่อการป้องกัน อันต่อเนื่องยาวเหยียด 1,400 กิโลเมตร จากอาณาบริเวณส่วนที่เป็นแผ่นดินหลักของประเทศญี่ปุ่น ไปจนจรดเขตแดนของไต้หวัน ...
“การที่ญี่ปุ่นติดตั้งประจำการระบบขีปนาวุธตามเกาะต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่ความลับอะไร แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้พูดออกมาให้ฟังว่า การติดตั้งประจำการเช่นนี้จะช่วยทำให้จีนตกอยู่ในฐานะอับจนไปไหนไม่รอดในย่านแปซิฟิกตะวันตก รวมทั้งควรต้องถือเป็น การปฏิบัติตามหลักการ “ต่อต้านการเข้าถึง/ปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่” ("anti-access/area denial" doctrine หรือที่นิยมเรียกกันเป็นศัพท์วงในของพวกสนใจด้านการทหารว่า "A2/AD") ในเวอร์ชั่นแบบฉบับญี่ปุ่น ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าจีนนั่นเองคือผู้ที่กำลังปฏิบัติตามหลักการ "A2/AD" เพื่อพยายามผลักไสสหรัฐฯและพันธมิตรของอเมริกัน ออกไปให้พ้นจากภูมิภาคแถบนี้
“การที่เรือต่างๆ ของฝ่ายจีนจะสามารถแล่นออกจากชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของตน และเข้าไปถึงอาณาบริเวณแปซิฟิกตะวันตกได้นั้น ต้องผ่านทะลุแนวกำแพงไร้รอยตะเข็บแห่งระบบขีปนาวุธของญี่ปุ่นนี้เสียก่อน โดยที่การเข้าถึงแปซิฟิกตะวันตกถือเป็นเรื่องทรงความสำคัญยิ่งยวดสำหรับปักกิ่ง ทั้งในฐานะที่แปซิฟิกตะวันตกคือช่องทางสำหรับการติดต่อรับส่งสัมภาระกับน่านน้ำมหาสมุทรอื่นๆ ของโลก และทั้งเพื่อเป็นการสำแดงให้เห็นว่าแดนมังกรคือมหาอำนาจทางนาวีตัวจริง”
*รูปภาพไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว ยกมาประกอบเฉยๆครับ
รายงานชิ้นนี้ของรอยเตอร์ยังพูดถึงภาพใหญ่โดยรวม เกี่ยวกับการปรากฏตัวทางทหารเพิ่มมากขึ้นของญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งจะต้องไม่เป็นที่ชอบใจของจีนอย่างแน่นอน ดังนี้:
“ในช่วงเวลาประมาณ 5 ปีข้างหน้า ญี่ปุ่นวางแผนการไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนทหาร หรือที่เรียกกันในญี่ปุ่นว่า “สมาชิกของกองกำลังป้องกันตนเอง” ซึ่งประจำอยู่ตามเกาะต่างๆ ในทะเลจีนตะวันออก ขึ้นไปอีกราวหนึ่งในห้า ทำให้ยอดรวมอยู่ที่เกือบๆ 10,000 คน
“กองทหารเหล่านี้ ซึ่งประจำอยู่ตามหน่วยระบบขีปนาวุธและสถานีเรดาร์ต่างๆ ยังจะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยนาวิกโยธินที่ประจำอยู่ในบริเวณแผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่น, กองเรือดำน้ำเทคโนโลยีสเตลธ์ที่สามารถหลีกหลีกการตรวจจับของเรดาร์, เครื่องบินรบ เอฟ-35, กองยานสู้รบสะเทินน้ำสะเทินบก, กองเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งแต่ละลำจะมีขนาดใหญ่พอๆ กับเรือบรรทุกเครื่องบินยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 , และสุดท้ายก็คือกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งกองบัญชาการอยู่ที่เมืองโยโกสุกะ (Yokosuka) ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียว”
แผนการที่ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน
แฮร์รี เจ. คาเซียนิส อดีตบรรณาธิการบริหารของ “เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์” [2] ระบุเอาไว้ในบทความของเขาว่า สำหรับผู้คนในอเมริกาซึ่งสนใจเฝ้าติดตามหัวข้อนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมจะต้องรู้สึกว่าแผนการนี้ของญี่ปุ่นช่างฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เพราะแนวความคิดเช่นนี้ได้ถูกเสนอได้ถูกนำเอามาถกเถียงกันในประชาคมด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯเป็นเวลาสองสามปีแล้ว
โทชิ โยชิฮาระ (Toshi Yoshihara) ศาสตราจารย์ของวิทยาลัยสงครามนาวีของสหรัฐฯ (U.S. Naval War College) ผู้ซึ่งในอดีตเคยเขียนเรื่องให้ “เดอะ เนชั่นแนล อินเทอเรสต์” (ดูที่ http://nationalinterest.org/article/the-best-defense-is-a-good-offense-for-chinas-navy-2755) และรายงานข่าวชิ้นนี้ของสำนักข่าวรอยเตอร์ก็ได้อ้างอิงคำพูดของเขาด้วยนั้น ก็ได้เคยเสนอไอเดียทำนองนี้เอาไว้ โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ A2/AD ที่มีขนาดขอบเขตกว้างกว้างยิ่งขึ้นไปอีกของญี่ปุ่น ไอเดียของ โยชิฮาระ นี้ ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับหนึ่งที่เขาจัดทำให้แก่ “ศูนย์เพื่อความมั่นคงใหม่ของอเมริกัน” (Center for New American Security ใช้อักษรย่อว่า CNAS) ตั้งแต่เมื่อปี 2014 (ดูที่ http://www.cnas.org/sites/default/files/publications-pdf/CNAS%20Maritime2_Yoshihara.pdf)